ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Psalms of the New World

    ลำดับตอนที่ #45 : All Quiet in the (Northern) Front

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 327
      0
      5 ก.ย. 51

                เช้าวันใหม่ ณ อีกฟากหนึ่งของกำแพงน้ำ  ที่ซึ่งค่ำคืนแสนยาวนานทางฝั่งมูราลดูเป็นเพียงบางสิ่งที่ไกลตัวออกไป  เหมือนกับเวลาประชาชนของประเทศผู้เจริญดูข่าวสภาพความเป็นอยู่ของค่ายผู้อพยพแล้วเพียงแค่เอ่ยปากว่า  ช่างน่าสงสารจริงๆ ทำไมโลกเราถึงได้แย่ขนาดนี้ ก่อนจะเปลี่ยนไปดูช่องกีฬาเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

     

              บนทางเดินหินที่นักเรียนทุกคนต่างเริ่มเร่งฝีเท้าเพื่อจะไปเข้าเรียน  รอสในสภาพอิดโรยเดินไปตามทางอย่างไร้จุดหมายราวกับว่าเขากลับไปอยู่ในมูราลแล้ว  ขอบตาดำช้ำจากการอดหลับอดนอนมาตลอดทั้งคืน  ผมเผ้ากระเซิงผูกรวบไว้อย่างลวกๆ 

     

                    คำถามคืออะไรทำให้รอสอดหลับอดนอนมาตลอดทั้งคืนเช่นนี้?

     

              เมื่อคืนก่อนแจ๊สทำอะไรรอสจนถึงกับอดหลับอดนอนจนถึงเช้าอย่างนั้นหรือ?

     

              คำตอบนั้นอาจจะไม่สาแก่ใจสำหรับแจ๊สเสียเท่าไหร่  เมื่อรอสนั้นสามารถใช้พลังกายที่เหนือกว่ามากโขผลักดันตัวแจ๊สออกไปก่อนที่ตัวตนของเขาจะถูกเปิดโปง  มันช่างสยองเหลือเกิน  ผู้หญิงตัวเป็นๆ  รุกเข้ามาใกล้ขนาดนั้น  ลิ้นที่แลบออกมาเลียรอบปากอันอิ่มเอิบนั่นราวกับสัตว์หิวกระหายที่กำลังเขมือบตัวเขาทั้งเป็นก็ไม่ปาน  ลมหายใจอุ่นๆ นั่นที่เป่ารดต้นคอนั่น  ก้อนเนื้อนุ่มนิ่มสองก้อนที่กองทับมาบนตัวเขานั่น...

     

                    และนิ้วแสนซุกซนที่ลูบไล้ไปมาบนต้นขานั่น  มันช่าง...

     

                    และแน่นอนว่าความคิดสับสนในหัวเป็นอันต้องถูกตัดไป  มันช่างน่ากลัวเหลือเกินเมื่อคิดว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนั้น  แต่ก่อนหน้าที่รอสจะมีเวลาให้กังวลเรื่องเล็กน้อยอย่างนี้ได้  เขาต้องฝ่าฟันกับลมหนาวทั้งคืนพยายามติดต่อกับกองบัญชาการที่เขาติดต่อเท่าไหร่มันก็ไม่ติดสักที  เกิดอะไรขึ้นกันแน่  ยามค่ำคืนอันโหดร้ายปล่อยให้รอสต้องนั่งถ่างตากลางสวนนาฬิกาแดดคนเดียวเฝ้ารอเสียงตอบรับจากศูนย์บัญชาการที่เหมือนกับว่าได้ทอดทิ้งเขาไว้ท่ามกลางแดนเถื่อนเสียแล้ว  กว่าความกังวลใจจะถูกขจัดลงไปได้ก็ปาไปเกือบตีสี่  ซึ่งป่านนั้นก็ใกล้รุ่งเต็มทน

     

                    ความกังวล  ความเหนื่อยล้า  และความเครียดท่ามกลางดงศัตรูร้ายได้บั่นทอนพลังกายจนทรุดโทรมดังที่เห็น  ถ้ารอสไม่เคยผ่านหลักสูตรพลซุ่มยิงที่ต้องนอนกลางดินกินกลางทรายนิ่งๆ ถึงห้าวันเต็มๆ แล้วคงไม่แคล้วสติแตกหรือสลบไสลไปเสียเดี๋ยวนี้ 

     

              เอ่อ  เมเปิ้ล  ไม่เป็นไรใช่มั้ยคะ? 

     

                    คอนเน่  สาวน้อยผมดำขลับที่ยาวปรกหน้าถามด้วยน้ำเสียงที่ดูเบาราวมดกระซิบ  แต่มันก็เป็นน้ำเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเป็นห่วงเป็นไยไร้ซึ่งความเสแสร้ง  สำหรับรอสแล้ว  ถ้าไม่ได้คอนเน่ที่อุตส่าห์มายืนรับหน้าห้องตั้งแต่เช้าเดินนำทางเขาล่ะก็คงไม่แคล้วต้องเดินหล่นเข้าพงหญ้าเป็นแน่ 

     

    รอสเองก็ไม่แน่เหมือนกันว่าทำไมอยู่ดีๆ เธอถึงมารอรับถึงหน้าประตูห้องก่อนจะออกเดินไปพร้อมกันทั้งๆ ที่ตัวคอนเน่กับรอสเองเรียนกันคนล่ะห้อง  ความจริงรอสเองก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจไปซะทีเดียวนักหรอกในตอนแรก  แต่ตอนนี้มันอาจเริ่มดูน่ากลัวเล็กน้อยเวลาที่เธอจะแอบเหลือบมองเขาในบางครั้ง  พอเขาสบตากลับก็รีบหันหน้าควับหนีอย่างไม่น่าไว้ใจเอาเสียเลย  หวังได้แต่เพียงว่า  อย่างน้อยหวังว่าเธอจะเพียงทำได้แค่แอบเหลียวมองเขาอย่างเดียวก็พอ 

     

    แต่ไม่แน่นะ!”  ในใจแสนกังวลนั้นเริ่มยิงคำถามออก  เหตุผลที่เธอแอบมองเขาบ่อยๆ อาจจะมีสิทธิ์เป็นไปได้ว่ายายเด็กคนนี้อาจจะจับพิรุธเขาได้เสียแล้ว  ไม่แน่ว่าเธออาจจะเห็นตัวเขาที่กำลังพยายามติดต่อศูนย์บัญชาการอย่างเอาเป็นเอาตายก็ได้  หรืออาจจะเป็นเมื่อคืนที่เขาไม่ได้ใส่กางเกงในพรางตานั่น  ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดเขาคงต้องจัดการเรื่องของยายนี่เสียแต่เนิ่นๆ  ก่อนมันจะสายเกินแก้ 

     

    ไม่เป็นไรหรอก  เธอเองก็เดินล่วงหน้าไปก่อนเลยก็ได้  ไม่ต้องรอฉันหรอก  รอสกล่าวตอบ  อย่างน้อยในตอนนี้ก็ต้องพยายามออกไปห่างๆ จากยายนี่ก่อน 

     

    ทว่า...

     

    ง... งั้นเหรอคะ  สาวน้อยไปสักครู่  หายใจลึกๆ ก่อนจะเอ่ยปากอีกครั้งด้วยสีหน้าแดงก่ำ  แต่ยังไงฉันก็อยากเดินเป็นเพื่อนกับเมเปิ้ลนะ  ชั้นจะรอเมเปิ้ลเสมอนะ  

     

    รอสได้แต่คำรามในใจอย่างผิดหวังที่สลัดคอนเน่ไม่หลุด  แต่หลังจากนั้นสาวน้อยคอนเน่ก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรกับรอสอีกเลยราวกับว่าเธอใช้พลังใจทั้งหมดกล่าวประโยคที่ว่าออกมา  ใบหน้าแดงก่ำก้มมองแต่พื้นราวกับกังวลว่าจะสะดุดอะไรล้มจนถึงห้องเรียนของรอส  แม้ว่าจะต้องแยกกันไปเรียนตามห้องเรียนของตน  คอนเน่ยังอุตส่าห์เดินมาส่งถึงหน้าห้อง

     

    เอ่อ... คือว่า  ถ้าไม่ว่าอะไรตอนกลางวัน  ไปกินข้าวด้วยกันสามคนเหมือนเมื่อวานอีกนะคะ

     

    หลังพูดจบคอนเน่รีบวิ่งหนีหายไปอย่างไร้ร่องรอย  สองคนที่คอนเน่หมายถึงคงจะเป็นเขาและหล่อนแน่นอน  แล้วอีกคนที่เหลือล่ะ  สงสัยว่าจะเป็นยายแจ๊สนั่นล่ะมั้ง  แต่รอสก็ยังจำได้ว่าเมื่อวานก่อนมีผู้หญิงหัวฟูที่ชื่อเตเต้มานั่งด้วยอีกคนไม่ใช่หรือ  ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม  ดูเหมือนรอสจะหลุดพ้นจากพวกผู้หญิงเพี้ยนๆ พวกนั้นได้ไปสักพักหนึ่ง

     

    เมื่อเขาเปิดประตูไม้บานหนาเข้าไปก็ต้องพบว่านักเรียนในชั้นทุกคนต่างหันมามองเขาเป็นทางเดียวกัน  ทุกอย่างดูเงียบกริบราวกับเวลาของโลกนี้ได้หยุดเดินเสียบัดนั้น

     

    มันเป็นเสี้ยววินาทีแห่งความสงบนิ่งก่อนที่ทุกอย่างจะกลับสู่สภาพเดิม  เสียงเจี๊ยวจ๊าวของเหล่านักเรียนสาววัยแรกแย้มกลบกลืนความเงียบเมื่อสักครู่จนหมดสิ้น  มันไม่นานนักก่อนรอสจะเข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น.... เข็มนาฬิกาบอกว่าได้เลยเวลาเรียนมากว่า 5 นาทีแล้ว  แต่แท่นสำหรับอาจารณ์หน้าห้องยังคงปราศจากอาจารย์หน้าห้อง

     

    สงสัยพวกนักเรียนคงจะนึกว่ารอสเป็นอาจารย์เลยต่างเงียบเป็นเสียงเดียวกัน  ท่าทางอาจารย์คนนี้คงเก่งพอที่จะสยบเหล่าลิงป่าพวกนี้ได้กระมัง  รอสคิด

     

    ภายในห้องดูต่างจากห้องที่เขาเรียนเมื่อวานนิดหน่อย  กล่าวคือห้องเรียนประวัติศาสตร์เบื้องต้นจะจัดโต๊ะเป็นรูปกึ่งครึ่งวงกลมโดยระดับชั้นจะสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ตามความลึก  ทำให้ผู้ทำการสอนตรงหน้าห้องสามารถสอดส่องนักเรียนทุกคนได้ด้วยการเพียงกวาดสายตาเพียงครั้งเดียว  มันเป็นห้องเรียนแบบที่รอสคุ้นเคยเป็นอย่างดีในโรงเรียนนายร้อย  แต่ในห้องเรียนนี้กลับเป็นเพียงพื้นราบ  มีโต๊ะยาวสำหรับ 5 6 คนที่ส่วนใหญ่ถูกจับจองหมดแล้วเรียงรายเป็นตับ  ดูเหมือนจะเป็นห้องเรียนธรรมดาทั่วไปถ้าไม่ติดที่ว่ามันเป็นห้องที่เขาเพิ่งเรียนวิชาประวัติศาสตร์เบื้องต้นเมื่อวานไม่ใช่หรือ

     

    แต่เขาก็ไม่คิดจะแปลกใจให้มากความ  อย่างไรเสียที่นี่ก็คือดินแดนเวทมนตร์นอกรีตอยู่แล้ว  อะไรๆ มันก็เกิดขึ้นได้  แม้แต่วิชาที่กำลังเรียนอยู่นี่ก็ไม่ใช่วิชาอื่นไกล  เวทมนตร์เบื้องต้นสำหรับใช้ในชีวิตประจำวันนั่นเอง  ถ้ารอสจำไม่ผิดครูใหญ่ปันจมีเคยอธิบายว่ามันเป็นวิชาบังคับที่นักเรียนใหม่ทุกคนต้องเรียนก่อนที่จะเลื่อนไปเรียนหลักสูตรขั้นสูงกว่า

     

    ระหว่างรอสเดินหาที่นั่งว่างอยู่นั้น  สายตาหลายคู่เริ่มจับจ้องยังเขาอีกครั้ง  เสียงซุบซิบเบาๆ  เกี่ยวกับตัวรอสดังขึ้นเป็นระยะๆ  จนอดนึกสงสัยไม่ได้ว่าพวกนั้นไม่ทราบหรือว่าเขาได้ยินเต็มสองหูเลย  สงสัยว่าหนังสือพิมพ์ของยายแจ๊สนั่นคงจะทำพิษซะแล้วสิ  ให้ตายเถิด  ทั้งๆ ที่เขาไม่อยากจะเป็นจุดสนใจแล้ว  นี่มันจะยิ่งทำให้งานของเขายากขึ้นไปอีก

     

    โต๊ะส่วนใหญ่ถูกจับจองโดยนักเรียนสี่ถึงห้าคนเรียบร้อยแล้ว  ดูเหมือนว่าวิชาเรียนนี้จะต้องเรียนเป็นกลุ่ม  ซึ่งข่าวดีสำหรับรอสคือ... เท่าที่เดินผ่านมาเขาไม่รู้จักใครสักคน  แต่ไม่เป็นไรหรอก  รู้จักหรือไม่รู้จักมันก็ไม่ต่างกันนัก  อย่างไรเสียเจ้าพวกนั้นก็คือสัตว์ป่าเถื่อนกระหายเลือดเหมือนกันหมดอยู่ดี  โอ้...รอสได้แต่คิดว่ามันช่างเป็นคำปลอบใจที่เยี่ยมจริงๆ

     

    จะมานั่งกับพวกเรามั้ยล่ะ

     

    ท่ามกลางเสียงจอแจของเหล่าลิงไร้จ่าฝูงยังมีกลุ่มหญิงสาวจากโต๊ะถัดไปไม่เท่าไหร่นักเรียกทักรอสที่ดูเหมือนจะไม่มีกลุ่มนั่ง  กลุ่มเด็กสาวเริ่มหัวเราะดังคิกคักเมื่อรอสหันมาจ้องมองพวกหล่อนอย่างงงๆ

     

    ใช่แล้ว  เธอนั่นล่ะจ้ะ  ถ้ายังไม่มีกลุ่มจะมานั่งกับพวกเราก็ได้นะ  หญิงสาวอีกคนกล่าวเสริมกับรอสที่ยังดูงงกับตัวเองอยู่  โดยเด็กสาวคนอื่นต่างดูจะตื่นเต้นเสียเหลือเกิน  นอกเหนือจากนั้นแล้วเด็กสาวกลุ่มอื่นๆ ก็เริ่มวิพากษ์วิจารณ์กับการเคลื่อนไหวของเด็กกลุ่มนี้

     

    จะเอาอย่างไรดีล่ะ  แน่นอนว่าทำความรู้จักสนิทสนมกับพวกไร้อารยธรรมอาจจะเป็นประสบการณ์ที่น่ากลัว  แต่มันก็อาจส่งผลดีต่อภารกิจนี้ก็เป็นได้  อย่างไรเสียเขาก็ต้องมีเพื่อนไว้เป็นทั้งหน้าฉากและแหล่งข้อมูลด้วยอยู่แล้วนี่นา

     

    ทว่า  ก่อนที่เขาจะได้สังเกตหน้าตาของเหล่าเด็กสาวว่าที่เพื่อนใหม่จนครับ  หรือแม้แต่ก่อนที่เขาจะเลื่อนเก้าอี้นั่ง  เงาทะมึนแห่งความยากลำบากที่ราวกับเป็นเทพเจ้าแห่งการจองล้างจองผลาญค่อยๆ คืบคลานมาทางด้านหลังของรอสอย่างเงียบเชียบ  ก่อนจะคว้าตัวรอสเอาไว้อย่างรวดเร็ว

     

    โทษทีนะ  แต่ขอรับตัวเมเปิ้ลของชั้นกลับไปก่อนล่ะ  เสียงจากเบื้องหลังกล่าว

     

    กลุ่มเด็กสาวดูเหมือนจะประท้วงในคราแรก  แต่สักพักกลับมีสีหน้าจ๋อยลงก่อนจะปล่อยให้รอสถูกฉุดกระชากออกไป

     

    ชั้นไม่ปล่อยให้เธอหนีไปเหมือนเมื่อคืนหรอกนะจ๊ะ

     

    เมื่อหันไปมองเบื้องหลังก็ต้องพบกับนัยน์ตาคู่ทองที่จดจ้องมองเขาอย่างบรรยายไม่ถูก  จะบอกว่าเหมือนกับเวลาที่เขายิงถูกเป้าหมายตรงเผงหลังจากนอนรอมา 3 วันก็ไม่ใช่  จะคล้ายกับเวลาที่ครูฝึกสปริงฟิลจอมโหดมองดูนักเรียนโดนทำโทษอย่างสุขใจก็ไม่เชิง  เอาเป็นว่ารอสรู้สึกไม่ไว้ใจกับสายตานั้นเลยแม้แต่น้อย

     

    ก็แน่ล่ะ  มันเป็นสายตาคู่ที่เขายังไม่ลืมไปง่ายๆ หรอก  ก็เมื่อคืนก่อนเขาเห็นมันใกล้ซะจนรู้สึกถึงลมหายใจของอีกฝ่ายเลยนี่นา...

     

    แจ๊สยิ้มร่าพลางฉุดกระชากลากถูกรอสไปตามทาง  ท่ามกลางสายตานับสิบๆ คู่ที่จ้องมองพฤติกรรมแปลกประหลาดกลางห้องเรียนเช่นนี้  บ้างที่เหมือนยังไม่รู้อะไรต่างซุบซิบนินทากันอย่างเผ็ดมัน  บางส่วนก็ได้แต่หายใจปลงกับสิ่งที่เห็น  มีแม้แต่ส่งสายตาสงสารเวทนามาให้เขาด้วยซ้ำ

     

    รอสเองก็พยายามจะผลักตัวออกไปเหมือนกับที่ทำเมื่อวาน  ทว่า  คราวนี้เขากลับถูกพลังที่มองไม่เห็นบางอย่างตรึงเขาไว้กับที่เหมือนกับที่โดนรุ่นพี่เอมิเลียทำเมื่อสองวันก่อน  ในที่สุดเขาก็ถูกลากมายังโต๊ะตัวที่อยู่ตรงมุมปลายสุดของห้องจนดูเหมือนหน้าห้องจะเป็นเพียงความฝันที่ดูห่างไกล  เก้าอี้ไม้จัดแจงเลื่อนออกมาต้อนรับรอสอย่างเริงร่าราวกับมีชีวิต  ก่อนที่แจ๊สจะจัดแจงกดรอสนั่งลง 

     

    นอกจากรอสแล้วรอบๆ โต๊ะยังมีเหล่าสมาชิกที่คุ้นหน้าคุ้นตาอยู่ไม่น้อย  ทางขวามือคือสาวน้อยผิวคล้ำผมฟูยามว่าเตเต้กำลังยิ้มแฉ่งทักรอสอย่างเริงร่า  โดยตรงริมกำแพงมีร่มคันโตวางพาดไว้ไม่ห่างมือ  ทางซ้ายมืออีกด้านคือแจ๊สที่เพิ่งนั่งลงกับเก้าอี้อย่างสุขใจ  ส่วนอีกคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเขานั้น...

     

    ........

     

    นัยน์ตาสีทองแดงที่กำลังลุกโชนด้วยพระเพลิงพิโรธจ้องตรงมาทางเขาอย่างกับรอสเพิ่งสังหารบุพการีไปก็ไม่ปาน  ถ้าเทียบกันแล้วเรื่องที่รอสทำไว้กับเจ้าหล่อนเมื่อคืนอาจจะไม่เลวร้ายขนาดนั้นก็ตาม  แต่การจะทำให้เจ้าหล่อนเชื่ออย่างนั้นคงยากน่าดู  ไม่รวมถึงที่เจ้าตัวเองก็ไม่สามารถพิสูจน์ความผิดของรอสได้ทั้งๆ ที่กายสองร่างแทบจะแนบสนิทเป็นหนึ่งเดียวกันแล้วด้วยซ้ำ

     

    ใช่แล้ว  ผู้เป็นอันดับหนึ่งในหลายๆ ด้านของบัญชีดำประจำตัวรอส ผู้เป็นทั้งโจทก์อันดับหนึ่ง   ตัวซวยอันดับหนึ่ง  ผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่ง  สาวผู้มีนัยน์ตาและสีผมคล้ายคลึงกับโคลัมบัสที่สุด  เมลิซซ่า ล็อปป์ นั่นเอง

     

    ชั้นล่ะปลื้มใจจริงๆ ที่ได้เห็นพวกเรา  เหล่าสมาชิกชมรมกระบือบ๊องกันเกือบครบถ้วนหน้า  แจ๊สหันไปมองเหล่าสมาชิกจำยอมทั้งสามอย่างภาคภูมิ  ช่างน่าเศร้าที่คอนเน่ต้องเรียนชั้นอื่น  ส่วนแพ็ตตี้ก็ดันเรียนจบไม่รอพวกชั้นไปซะแล้ว  แต่ถึงยังไงก็ต้องขอบคุณพวกเธอสองคนจริงๆ  ไม่งั้นชั้นคงต้องอยู่กับยัยเมลิซซ่าไปอีกเทอมแน่ๆ เลย

     

    เมลิซซ่าหันควับมามองแจ๊สตาเขียวปัด  แต่ก็ได้แต่มองอย่างเจ็บใจเท่านั้น  ดูท่าทางแล้วเมลิซซ่าก็ไม่อยากอยู่กลุ่มเดียวกับแจ๊สเสียเท่าไหร่  คล้ายกับว่ามันไม่มีทางเลือกแล้วอย่างนั้นล่ะ  แน่นอนว่ารอสไม่ต้องรอนานก่อนที่สาวน้อยหัวฟูข้างๆ จะเริ่มเอ่ยปากถามแทนเขาราวรู้ใจเขา

     

    เอ... พวกแจ๊สเข้าเรียนมาตั้งแต่เทอมที่แล้วใช่มั้ยนิ

     

    อื้มมม  ทำไมเหรอ  แจ๊สตอบ

     

    เปล่าหรอกจ้า  แค่สับสนนิดหน่อย  จำได้ว่าทั้งแจ๊สกับเมลิซซ่าเข้ามาก่อนเราตั้งเทอมนึงเลยรู้สึกแปลกใจที่ทำไมยังเรียนวิชาของเด็กเทอมหนึ่งอยู่นิ

     

    เมลิซซ่านั้นแทบอยากจะเอาหน้ามุดดินหนีไปเลยเมื่อได้ยินสิ่งที่เตเต้พูด  ส่วนแจ๊สได้แต่ยิ้มเจ้าเล่ห์พลางกล่าวกับเตเต้สั้นๆ ว่า  คำถามบางอย่างก็ไม่ควรที่จะถามออกมาหรอกนะ...

     

    หยา  ต้องขอโทษด้วยจริงๆ นิ

     

    ไม่เป็นไรหรอก  ชั้นเองไม่สนมันนักหรอก  แต่คนที่นั่งข้างๆ สิ  แจ๊สหันไปมองเมลิซซ่าที่ยังซึมอยู่อย่างขบขัน  เอาเถอะ  เธอเองก็อย่าไปขัดใจยัยแครอลก็พอ  ไม่งั้นต้องโดนเรียนซ้ำชั้นเหมือนกับชั้นอย่างนี้ล่ะ

     

    แครอลนิ?  หมายถึงอาจารย์เจอร์ซี่ที่สอนวิชานี้เหรอ

     

    อื้ออ  แม่นแล้ว  เดี๋ยวเธอเจอก็จะรู้เองล่ะ

     

              ระหว่างนั้นเองเสียงเปิดประตูดังเอี้ยดอ้าดลากยาวพร้อมๆ กันนั้นเสียงเจี้ยวจ้าวก็พลันเงียบลง  หญิงชราในชุดเสื้อคลุมสีม่วงตัวโตค่อยๆ ย่างกรายขึ้นมาบนแท่นบรรยาย  ระหว่างนั้นเองทั้งห้องต่างส่งเสียงกระซิบกระซาบกันระงมไปทั่ว  แม้แต่เพื่อนร่วมโต๊ะของรอสเองก็ยังอดที่จะซ่อนสีหน้าความแปลกใจไปเสียไม่ได้

     

                    ไหนว่าอาจารย์แครอล  เจอร์ซี่สอนวิชานี้ไง  แล้วทำไมถึง...  เตเต้ถามกระซิบถามแจ๊สที่ดูแปลกใจไม่แพ้กับคนอื่น

     

                    ไม่รู้เหมือนกัน  เมื่ออาทิตย์ที่แล้วยังเรียนกับยัยแครอลอยู่เลยนี่นา  แจ๊สตอบโดยที่สายตายังคงจับจ้องอยู่บนอาจารย์ร่างเล็กที่กำลังจัดแจงท่าทางของตนหน้าห้อง

     

                    ระหว่างที่ทุกคนกำลังแปลกใจกันอยู่  น้ำเสียงแหบแห้งของหญิงชราที่ดูเหมือนจะเบา  แต่กลับได้ยินอย่างชัดเจนทั่วทั้งห้องแม้แต่โต๊ะหลังสุดก็ตามดังลอยขึ้นมาตามสายลม  เป็นผลให้ทั้งห้องตกอยู่ในสภาพเงียบกริบราวกับอยู่ในใจกลางของพายุ

     

                    อรุณสวัสดิจ้ะนักเรียนทุกคน  นี่เป็นห้องเรียนวิชาเวทมนตร์เบื้องต้นสำหรับใช้ในชีวิตประจำวันใช่ไหมจ้ะ  หวังว่าครูจะไม่ได้เข้าห้องผิดนะ

     

                    นักเรียนกแทบทั้งชั้นผงกศีรษะแทบจะพร้อมเพรียงกัน

     

    ครูจะถือว่านั่นเป็นคำตอบว่าใช่ก็แล้วกัน  แต่ว่าพวกเธอพูดกับครูบ้างก็ได้นะ  ครูไม่กัดหรอก  อาจารย์กล่าวอย่างอารมณ์ดีก่อนที่กองเอกสารหนาปึกจะเริ่มเรียงกันต่อหน้าอาจารย์อย่างเป็นระเบียบ  ในขณะเดียวกันเอกสารอีกแผ่นก็ลอยเข้ามาในมือของอาจารย์ราวกับเป็นนกน้อย  ก่อนจะเช็คชื่อครูเองก็อยากจะขอกล่าวอะไรกับพวกหนูก่อน  ก่อนอื่นต้องขอโทษด้วยที่ครูมาสายไปหน่อย  หวังว่าคงไม่ว่ากันนะจ้ะ  ส่วนอีกเรื่องที่สำคัญคือ... อย่างที่พวกหนูทราบกัน  ความจริงวิชานี้เป็นวิชาของครูแครอลเค้า  แต่ช่วงนี้คุณครูติดภารกิจบางอย่างทำให้ไม่สามารถมาสอนในช่วงนี้ได้  ครูเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าครูแครอลจะกลับมาสอนต่ออีกเมื่อไหร่  ดังนั้นในระหว่างนี้ครูจะเป็นคนสอนแทนไปก่อน  อย่างไรเสียหลังจากที่คุณครูแครอลเสร็จกับธุระแล้วจะกลับมาสอนตามเดิมอย่างแน่นอน  หวังว่าพวกหนูคงจะไม่เบื่อครูก่อนนะจ้ะ...

     

    เอาล่ะ  ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่แล้วพวกหนูอาจจะเพิ่งเข้ามาใหม่ครูเองก็อาจจะยังไม่คุ้นหน้าคุ้นตา  แต่ทุกคนคงจะรู้จักครูบ้างไม่มากก็น้อยอยู่แล้ว  ถ้าใครจำครูไม่ได้ก็ให้นึกยายแก่ๆ ที่ยืนพูดอะไรน่าเบื่อก็ไม่รู้อยู่ได้ตั้งหลายนาทีตอนปฐมนิเทศ  มีเสียงหัวเราะดังขึ้นมาเล็กน้อยจากหมู่นักเรียน  แต่มันก็เงียบลงอย่างรวดเร็ว  ส่วนคนไหนที่พอจะรู้จักครูบ้างแล้วก็ขอให้ทนฟังคำแนะนำตัวของครูอีกหนก็แล้วกันนะ

     

    ด้วยเหตุผลบางประการ  รอสรู้สึกว่าอาจารย์ผู้นั้นจงใจหันมายิ้มให้กับรอส 

     

    ครูชื่อปันจมี  มหาเสนา  จามรีวงศ์  หรือเรียกแค่ว่าครูปันจมีก็พอจ้ะ  ครูหวังว่าสี่ชั่วโมงต่อจากนี้ไปเราจะรู้จักกันมากขึ้นกว่านี้นะ

    @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

    Edit Log: Sept 5th, 2008: ตัดจบตอนซะเลย  ความจริงแล้วชื่อตอนควรจะเอามาจากชื่อหนัง (และหนังสือ) เรื่อง แนวรบตะวันตกสงบเงียบ (All Quiet in the Western Front) แต่แอบเปลี่ยนเล็กน้อยในวงเล็บให้เข้ากับเนื้อเรื่อง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×