ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Psalms of the New World

    ลำดับตอนที่ #38 : The Alibi

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 367
      0
      29 มิ.ย. 51

                    เมลิซซ่าจ๋า  ทำไมไปเอาแชมพูช้าจัง....เอ๋!!!”

     

                    แพทริเชียที่ก้าวเข้ามาในห้องเป็นต้องตกตะลึงกับภาพที่เห็นเมื่อสองนวลนางร่างกึ่งเปลือยเปล่ากำลังนัวเนียดูเร่าร้อนไม่ยี่หร่ะต่อเทวดาฟ้าดิน  นางหนึ่งซึ่งเธอจำได้ว่าเป็นเพื่อนรักหลับตาพริ้มหอบหายใจถี่ใบหน้าแดงระเรื่อราวกับมีไข้  ส่วนอีกนวลนางที่เส้นผมปรกบังจนมองไม่เห็นใบหน้าเบียดชิดน้องนางคนแรกอย่างเอาเป็นเอาตาย  แถมมือข้างหนึ่งยังอุดปากน้องนางไว้ราวกับอยากจะเก็บเธอไว้เชยชมเพียงผู้เดียว  ไม่มีทางเลยที่แพทริเชียจะไม่เผลอร้อง เอ๋ ออกมาอย่างประหลาดใจกับภาพที่ไม่คิดจะได้พบเจอ

     

                    ฉิบแล้วสิ!”

     

                    รอสเองก็ไหวตัวแทบจะในทันทีที่แพทริเชียวย่างเข้ามาในห้อง  ปฏิกิริยาตอบสนองของรอสไวพอที่จะผลักเมลิซซ่าที่เกือบไร้เรี่ยวแรงใส่แพตตี้บังคับให้สาวน้อยร่างเล็กต้องรับกับร่างที่สูงใหญ่กว่าหล่อนเกือบเท่าตัว  รอสรีบสวมกำไลข้อมืออย่างรวดเร็วพร้อมกับเปิดระบบอาวุธยิงกระสุดเม็ดเล็กๆ ออกมา

     

                    ก่อนที่แพทริเชียจะได้มีโอกาสมองเห็นใบหน้าผู้ที่ดูเหมือนจะทำร้ายเพื่อนสนิทของเธอ  ควันสีดำสนิทก็พวยพุ่งคลุ้งไปทั่วห้อง  สร้างฉากกำบังสมบูรณ์แบบสำหรับการหลบหนี  รอสไม่รีรอที่จะคว้าตะกร้าเสื้อผ้ารีบวิ่งหนีออกไปทั้งๆ ที่ท่อนล่างยังเปลือยเปล่าอยู่ 

     

    ส่วนกางเกงในพรางตาคงต้องมาเอาคืนในภายหลัง........ซึ่งหวังว่าคงจะหาเจอนะ

     

                    ....................................

                    .........................

                    ...................

              ........

     

                    เสียงทุบประตูดังสนั่นอย่างต่อเนื่องเหมือนกับมีกระทิงเปลี่ยวพยายามจะพังประตูเข้ามาให้ได้ไม่ว่าอย่างไรก็ตามพร้อมเสียงตะโกนโหวกเหวกฟังไม่ได้ศัพท์จากอีกฟากของประตู 

     

              เพียงแค่ประตูถูกปลดกลอนแง้มเปิดออก  แรงถีบจากด้านนอกก็ผลักบานประตูเปิดออกราวกับห้องถูกหน่วยสวาทบุกก็ไม่ผิดนัก

     

                    และมันไม่แปลกเลยที่คอนเน่ผู้โชคร้ายที่มาเปิดประตูตามคำสั่งของแจ๊สจะลงไปนั่งกองกับพื้นตัวสั่นงันงกกับภาพของหญิงสาวผู้กราดเกรี้ยวไม่ต่างจากหมาบ้าตรงหน้า

     

                    อีนังเมเปิ้ลมันอยู่ไหน!” 

     

              แม้เมลิซซ่าจะไม่มีความแค้นส่วนตัวกับคอนเน่  แต่รังสีอำมหิตที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวเมลิซซ่าก็มากพอที่จะทำให้คอนเน่กลัวจนหัวหดตอบอะไรไม่ถูกเลย  ยิ่งเห็นคมดาบแวววาวในมือของนักดาบสาวแล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าคอนเน่จะสยองขวัญแค่ไหน

     

              ว้าว  หายากนะเนี่ยที่เมลิซซ่าจะเข้าหาชั้นเนี่ย  คิดเปลี่ยนใจจะช่วยงานที่ชมรมอย่างจริงจังแล้วเหรอ

     

              แจ๊สในเสื้อกล้ามกางเกงขาสั้นนั่งดื่มโยเกิร์ตข้างๆ กองกระดาษกองโตอยู่ด้านในห้องกล่าวขึ้นมาอย่างไม่หวาดหวั่นแม้ว่าคู่สนทนานั้นจะดูไม่ต่างจากหมาบ้าสักเท่าไหร่นัก  ท่าทางยียวนไม่เกรงกลัวคมดาบแวววาวในมือคนคลั่งนั้นดูราวกับเป็นผ้าสีแดงล่อเป้ากระทิงเปลี่ยวชั้นเลิศ

     

    เมลิสซ่าเองคงไม่แคล้วที่จะไล่ขวิดแจ๊สเป็นแน่ถ้าไม่ติดว่าข้างๆ แจ๊สนั้นจะมีผ้าสีแดงแจ๋กว่านั่งสลอนลอยชายอย่างใจเย็น

     

    ใช่แล้ว... ผ้าสีแดงผืนนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากรอสนั่นเอง

     

    รอสในชุดนอนฟูฟ่องราวกับตุ๊กตาสีขาวบริสุทธิเพิ่งจัดกองกระดาษกองสุดท้ายเสร็จพอดี  ทันทีที่สายตาเมลิซซ่าค้นสบกับรอส  ใบหน้าของหล่อนก็เริ่มแดงระเรื่อขึ้นมาอย่างฉับพลัน  ภาพและความรู้สึกของเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล่นย้อนกลับในหัวของสาวน้อยอย่างแม่นยำ  ความโกรธแค้น  ความสับสน  ความอับอาย  ความรู้สึกแย่ๆ ทุกอย่างพรั่งพรูจนรู้สึกหูอื้อเหมือนจะส่งเสียงวี้ๆ เหมือนกาน้ำเดือดได้ที่  ตาร้อนราวกับเพิ่งแปะกอเอี๊ยะมา  ตัวสั่นฟันกัดกรอดๆ  จนน่าสงสัยว่าอาจจะหนาวสั่นจากลมหนาวที่พัดมาจากเขตทุ่งหญ้าคอสแซ็กทางใต้ 

     

    ถึงแม้ว่าการบรรยายความรู้สึกของเมลิซซ่าจะไร้สาระหรือไม่เข้าท่าแค่ไหน  ดาบมันวาวที่กำลังยกขึ้นฟาดฟันผู้ที่บังอาจย่ำยีร่างกายของหล่อนบรรยายแทนข้อความนับล้านได้เป็นอย่างดี

     

    ขาของสาวน้อยที่เคยสั่นระริกอ่อนระทวยบัดนี้คืบคลานเข้ามาราวกับมัจจุราชผู้นำสาสน์แห่งความตาย  ดาบที่ชูตรงมานั้นเป็นดั่งคมเคียวเกี่ยววิญญาณ  ก....ก....แก! อย่าอยู่เลย

     

              แต่แล้วอัศวินขี่ม้าขาวที่ดูตัวเล็กไปหน่อยวิ่งปราดเข้ามาในห้องกอดรั้งเมลิซซ่าไว้ก่อนที่จะก่อคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญในหอพักราวกับจุดจบของเรื่องรักสามเส้าบางเรื่อง  เมลิซซ่า อย่านะ! ขอร้องล่ะ  ก็เมลิซซ่าบอกเองไม่ใช่หรือไงว่ามองเห็นหน้าคนๆ นั้นไม่ชัดนะ  แพทริเชียกล่าว

     

                    แต่ชั้นจำได้ดีเลยละว่าเป็นเสียงของยัยนั่นนะ!”  เมลิซซ่าไม่ได้พยายามที่จะขัดขืนสหายน้อยๆ เลยแต่ความน้อยใจกลับเข้ามาแทนที่ในจิตใจ  หรือว่าแพตตี้จะว่าชั้นประสาทหลอนคิดเป็นตุเป็นตะเอาเองเหมือนกับที่คนอื่นๆ เคยว่างั้นล่ะ  แพตตี้ไม่เชื่อชั้นแล้วเหรอ

     

              แพตตี้ได้ยินเช่นนั้นถึงกับผงะหมดเรี่ยวแรงปล่อยเมลิซซ่าไป  ไม่ใช่นะ  แพตตี้ไม่ได้คิดอย่างนั้นกับเมลิซซ่านะ  น้ำเสียงสั่นๆ พร้อมกับน้ำตาใสๆ เริ่มไหลรินอาบแก้มขาวนวลทั้งสอง  เมลิซซ่าที่เห็นดังนั้นก็เพิ่งรู้สึกตัวขึ้นว่าได้ทำอะไรที่เลวร้ายที่สุดลงไปเสียแล้ว  เธอได้แต่ยืนตะลึงอย่างนั้นจนดูเหมือนว่าลืมจุดมุ่งหมายเดิมไปจนหมดสิ้น

     

                    เมลิซซ่าจะยื่นมือไปปลอบสาวน้อยผมบลอนด์ตรงหน้าแต่แพทริเชียกลับเถิบตัวหนีปฏิเสธความเป็นห่วงเป็นไย  สิ่งนี้มันทำให้จิตใจของเมลิซซ่าแตกสลายเสียยิ่งกว่าสิ่งที่รอสได้ทำลงไปเสียไม่รู้กี่ร้อยเท่า

     

              แพตตี้...

     

                    ทันใดนั้นเสียงนกหวีดดังปรี๊ดแทรกหยุดยั้งสถานการณ์ทุกอย่าง  ทุกความสนใจหันมาทางต้นเสียงซึ่งก็คือแจ๊สนั่นเอง    

     

                    ให้ตายสิ  จะบุกเข้าห้องชั้น  หรือจะงอนง้ออะไรฉันไม่สนหรอก  แต่เห็นแก่จุลินทรีย์ในโยเกิร์ตก็ช่วยบอกได้มั้ยว่ามันเกิดอะไรขึ้น!”  แจ๊สโยนนกหวีดทิ้งไปก่อนจะกล่าวออกมาอย่างหงุดหงิด  ดูจากคำพูดแล้วเธอคงหงุดหงิดที่ไม่มีใครสนเธอมากกว่าการที่เมลิซซ่าควงดาบบุกเข้ามาในห้องด้วยซ้ำ

     

                    ยัยนั่น!”  เมลิซซ่าชี้ตรงมายังรอส  นิ้วชี้ของหล่อนสั่นระริกด้วยความเกรี้ยวโกรธ  เมื่อกี๊มันบังอาจทำแสบกับชั้นไว้มาก

     

                    เห... ทำอะไรงั้นเหรอ 

     

                    ในห้องน้ำ มัน...มัน....  เมลิซซ่ากลับหน้าแดงเถือกเมื่อถึงจุดสำคัญนั่น  ประโยคแต่ละประโยคที่หลุดออกมาจากปากนั่นดูตะกุกตะกักจนอดนึกโทษแก๊สโซฮอลไม่ได้ว่าเป็นตัวการทำเครื่องกระตุก  อ....เอามือล...ลูบขาชั้น ล....แล้วก็เอา.....  จนถึงตรงนี้ระบบประมวลผลในสมองเมลิซซ่าก็ถึงจุดโอเวอร์ฮีต

     

                    แล้วก็? 

     

                    ย...ยัยนั่นเอาแท่งอะไรเล็กๆ มาดันก้นชั้นด้วย  ทันทีที่พูดจบประโยคระบบตรรกะทุกอย่างพลันพังล้มทั้งระบบ  เธอเริ่มสติแตกอีกครั้งก่อนจะเหวี่ยงดาบอาละวาดไปมารอบๆ ตัวเองราวกับว่าต้องหาทางระบายความร้อนที่สะสมอยู่ในหัวนั่น  แต่คราวนี้เป็นแจ๊สที่จัดการปลดอาวุธเมลิซซ่าอย่างง่ายดาย  เพียงแค่หล่อนดีดนิ้ว  ดาบในมือของเมลิซซ่าก็ลอยกระเด็นติดบนเพดานราวกับมีแม่เหล็กดูดดาบไว้แน่น

     

              ให้ตายซี่  อย่าให้ชั้นใช้เวทมนตร์พร่ำเพรื่อได้มั้ยเนี่ย  แจ๊สบ่นอย่างเบื่อหน่ายท่ามกลางสายตาที่ดูทึ่งไปกับสิ่งที่แจ๊สทำไป  ซึ่งมันคล้ายกับวิธีที่เอมิเลียใช้สยบเมลิซซ่าเมื่อคราวก่อนอย่างไม่ผิดเพี้ยน

     

                    เอ๋?  เมื่อกี๊มัน  คอนเน่ที่ดูแปลกใจกว่าเขาเพื่อนกล่าวขึ้นมาราวกับว่ายังไม่อยากให้คนอื่นลืมไปว่ายังมีเธอยู่ด้วย

     

                    ช่างมันเถอะน่า  อย่าไปสนใจเลย แจ๊สกลบเกลื่อนพลางเหล่ไปทางรอส  แล้วจำเลยเมเปิ้ลจะแก้ต่างว่าไงล่ะ...

     

                    รอสนั้นกลับนิ่งเงียบมาได้สักพักแล้วตั้งแต่ได้ยินสิ่งที่เมลิซซ่ากล่าวมาเมื่อสักครู่  ถึงแม้ แท่งอะไรเล็กๆ นั่นที่หลุดจากปากเมลิซซ่าสามารถทำให้ท่านชายหลายๆ ท่านหมดความมั่นใจในตัวเองอย่างรุนแรง   แต่เรื่องเกียรติความเป็นชายโง่ๆ นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญในตอนนี้  เรื่องที่รอสตระหนกที่สุดคือเรื่องที่ตัวตนของเขาอาจถูกเปิดเผยเอาง่ายๆ  ถ้าดันมีคนที่ช่างสังเกตพอในจุดนี้ 

     

                    ถึงแม้รอสพยายามข่มความตื่นเต้นแค่ไหนก็มิอาจหลุดพ้นสายตาอันเฉียบแหลมของแจ๊สไปได้ 

     

                    พลาดแล้วเรา!”  ความเผลอเรอปล่อยให้ความกลัวเข้าครอบงำเพียงแค่ชั่วขณะเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้เรื่องมันเลวร้ายได้อีก  เพียงได้เห็นสายตาคู่นั้นใจของรอสก็แทบจะหยุดเต้นไปในทันที  หรือว่ายายนั่นจะจับสังเกตได้แล้ว!”  รอสบีบมือแน่นเตรียมกำไลอาวุธพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์  ใบหน้าของรอสยังนิ่งไม่เปลี่ยนแปลงแต่เขาแทบจะห้ามมือของเขาปลดปล่อยระบบอาวุธให้อาละวาดไม่ไหวแล้ว

     

                    นัยน์ตาสีทองคู่สวยนั่นหรี่ลงพร้อมรอยยิ้มเล็กๆ ที่ผุดขึ้นมาอย่างไม่น่าไว้ใจ  รอสเริ่มวิตกกับรอยยิ้มนั่นแต่เขาต้องคุมสถานการณ์ให้ได้ไม่ว่าอย่างไรก็ตามนั่นคือสิ่งที่เขาได้รับการฝึกมา

     

                    แต่ตอนนี้มันยากเหลือเกินที่ข่มใจตนให้สงบได้  รอยยิ้มนั่นมันหมายความว่าอะไร  หรือว่าสิ่งที่เขากลัวที่สุดจะเป็นจริงเสียแล้ว 

     

                    หึ  ความจริงเรื่องที่เธอพูดขึ้นมามันก็น่าสนใจอยู่หรอกนะ  แต่เสียใจด้วยที่ไม่ใช่เมเปิ้ลหรอก

     

              หมายความว่าไง?  เมลิซซ่ากล่าวตัวสั่น  แม้แต่ตัวรอสเองยังอดที่จะแปลกใจกับคำพูดของแจ๊สไม่ได้  ก็ตัวเขาเป็นคนทำจริงๆ นี่นา

     

                     ก็ทั้งชั้น กับคอนเน่ก็อยู่ด้วยกันตลอดเลยนี่นา  จะมีเวลาไปปู้ยี่ปู้ยำเธอได้ไงกัน  แจ๊สเพียงแค่ยักไหล่หน้าตาย  แต่ที่เธอพูดมานี่มันก็อันตรายน่าดูเลยนะ  แล้วทางโรงเรียนปล่อยให้มีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นได้ยังไงล่ะ  ขนาดอาสาสมัครอย่างเธอยังโดนเล่นงาน  แล้วนักเรียนตาดำๆ อย่างชั้นไม่แย่เหรอ 

     

                    คอนเน่เองก็เกือบจะโผลงร้องเอ๋ด้วยความฉงนกับสิ่งที่แจ๊สกล่าวตั้งแต่การที่รอสอยู่กับพวกเขาแล้ว  แต่แจ๊สก็แอบขยิบตาส่งสัญญาณให้ทันท่วงทีทำให้คอนเน่ปิดปากตัวเองทัน

     

                    อีกด้านหนึ่ง  เมลิซซ่าที่ข้อกล่าวหาทุกอย่างถูกลบล้างจนสิ้นหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธา  ท่าทางเธอจะปักใจเชื่ออย่างเต็มที่ว่ารอสเป็นคนทำ (ซึ่งเธอก็ไม่ได้เข้าใจผิดไปหรอก)  แต่ด้วยคำยืนยันจากพยานอย่างแจ๊สแล้วเมลิซซ่าก็ไม่ทำอะไรรอสได้อีก  เรื่องของเมื่อคราวก่อนยังคงฝังแน่นในหัวแสนดื้อรั้นของเมลิซซ่า  เนื่องจากทำอะไรทั้งสองตรงหน้าไม่ได้จึงเปลี่ยนเป้าหมายไปยังสาวน้อยผมดำด้านหลังผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ใดๆ ทั้งสิ้น

     

                    นัยน์ตาลุกพองสยองเกล้าจ้องทะลุทะลวงเข้าไปในดวงตาสีดำน้อยๆ  พยายามเค้นหาความจริงออกมาให้ได้  คอนเน่น้อยผู้น่าสงสารได้แต่กุมมือปิดปากส่ายหัวไปมา  เนื้อตัวสั่นเทาราวกับเจ้าลูกหมาบ้านตัวน้อยเมื่อยามอยู่ต่อหน้าพยัคฆ์ร้าย 

     

                    เฮ้ย!  ไปแกล้งเด็กทำไมกัน  แจ๊สตะโกนขัดเมลิซซ่า

     

                    แม้แต่แพทริเชียเองยังดึงเสื้อเมลิซซ่าเบาๆ  พลางส่ายหน้าอย่างเศร้าๆ เมลิซซ่า  เรากลับกันก่อนเถอะ  ตอนนี้ดึกแล้ว  คืนนี้ไปนอนที่ห้องแพตตี้ก่อนก็ได้นะ  เห็นซาร่าบอกว่าจะอยู่ทำงานข้ามคืนที่เตาหลอมวันนี้แพตตี้เลยอยู่ห้องคนเดียวนะ

     

              เมลิซซ่ายืนนิ่งอย่างน่ากลัวจนท้ายสุดจึงตัดสินใจหันหลังก้าวเดินอาดๆ ออกไปจากห้อง  แต่แจ๊สก็ไม่วายที่จะตะโกนบอกว่า  นี่  เธอลืมดาบไว้นะ  ก่อนจะปล่อยให้ดาบที่เคยติดอยู่บนผนังหล่นกระแทกพื้นดังเคร้ง  เมลิซซ่าก็ได้แต่เก็บดาบอย่างหัวเสียก่อนเดินออกไป  แพทริเชียโบกมือยิ้มหงอยๆ อำลาทุกคนในห้องก่อนจะรีบตามเพื่อนเธอออกไปเป็นอันจบเรื่องราวอันน่าปวดหัวของรอสในวันนี้....

     

                    ซะเมื่อไหร่กันเล่า!

     

              แหม่  เธอนี่ก็ร้ายเหมือนกันนะเนี่ย  อย่างนี้ชั้นก็ต้องระวังตัวเหมือนกันแล้วละสิท่า  แจ๊สกล่าวขึ้นมาทันทีหลังจากที่ประตูปิดลง

     

                    รอสนั้นไม่ทันตั้งตัวกับท่าทีที่เปลี่ยนไปกระทันหันของแจ๊ส  หมายความว่าไง?

     

                    ไม่ต้องมาทำไขสือหรอกน่า  ชั้นอุตส่าห์ช่วยเธอไว้ก็บุญแค่ไหนแล้ว  แจ๊สเขยิบตัวไปกอดคอรอสไว้  เพราะงั้นเพื่อตอบแทนความหวังดีของชั้นก็จงเล่ามาซะว่าเกิดอะไรขึ้นตอนที่พวกชั้นไม่อยู่

     

                    เอ่อ...คือว่า

     

                    แต่ชั้นล่ะไม่เข้าใจรสนิยมของเธอจริงๆ  ไปจับยัยเมลิซซ่ากดเนี่ยนะ  เธอนี่เป็นพวกชอบของแปลกๆ เหมือนกับยัยเอมี่นั่นเลย  ยัยนั่นเป็นพวกชอบกระดานๆ  แล้วเธอล่ะติดใจอะไรยัยนั่น  บอกชั้นมาเถอะ นะๆ 

     

                    มันไม่ใช่อย่างที่คิดนะ  รอสพยายามคัดค้าน  แต่เหมือนว่าแจ๊สคงไม่หยุดง่ายๆ หรอก

     

                    ชั้นละน้อยใจนะ  ทีตอนเห็นชั้นเปลือยกายไม่เห็นจะทำอะไรเลย  แต่พอเป็นยัยนั่นแล้วเธอกลับทำอย่างโน้นอย่างนี้ไป  แจ๊สกล่าวด้วยใบหน้ามารยาจริตทีเล่นทีจริงราวกับว่าอยู่ในเหตุการณ์เมื่อตอนนั้น  หน้าอกอวบอั๋นของหล่อนเบียดชิดรอสเข้ามาเรื่อยๆ  ลมหายใจเบาๆ หยอกเย้าใบหูทำเอารอสรีบผละตัวหนีออกไปทันที

     

                    แต่การกระทำของรอสกลับเป็นเครื่องกระตุ้นให้แจ๊สคึกหนัก  เธอกระโดดคร่อมจับรอสกดไว้กับพื้น  พลางเลียริมฝีปากราวกับเห็นเหยื่ออันโอชะเบื้องหน้า  เนื่องจากแจ๊สสวมเพียงเสื้อกล้ามบางๆ  จึงไม่อาจพอที่จะปิดบังหน้าอกหน้าใจอวบโตสมส่วนของแจ๊สได้  ร่างกายหญิงสาวในวัยกำลังเปล่งปลั่งอวดโฉมความเป็นสตรีเพศเบียดทับรอสอย่างไม่ปราณี

     

              หม่ำแล้วนะค๊า

     

                    แน่นอน  สำหรับรอสที่เป็นชาวมูราลแล้ว  คงไม่ต้องบรรยายต่อให้เสียเวลา....

     

    @@@@@@@@@@@@@@@@@

    Edit Log: June 29th, 2008: ตัดจบตอนเสียเลย
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×