คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #34 : The League of their own
เจ้าของร่าง สะโอดสะองในชุดเสื้อเชิ้ตสีเหลืองอ่านค่อยๆ ย่างเท้าเข้าใกล้รอสเรื่อยๆ นัยน์ตาสีทองฉายแววไปด้วยความกระตือรือร้นคู่นั้นจ้องตรงมาที่รอสยากยิ่งแก่การเดาพฤติกรรมว่าเธอจะทำอะไรต่อ
“นึกว่าจะมีแต่ยัยบ้าเมลิซซ่าเท่านั้นที่ห้าวฉะกับจอมหื่นเอมี่ตรงๆ อย่างนั้น ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีคนที่ทั้งโง่ทั้งบ้าบิ่นพอๆ กับยัยนั่นจะเป็นเธอด้วย” แจ๊สกล่าวกับรอสอย่างสนอกสนใจ
“แต่ก็นะ ถ้าเธอเป็นคนธรรมดาๆ ชั้นคงเซ็งแย่เลย” แจ๊สหยุดยืนอยู่ตรงหน้ารอส นัยน์ตาสีทองที่เที่ยวเสาะแสวงหาความแปลกใหม่บัดนี้จับจ้องมายังรอสอย่างไม่กระพริบตา
แต่ทว่า นอกเหนือจากนัยน์ตาซุกซนที่ดูราวกับไร้ซึ่งความเกรงใจนั่น รอสยังสัมผัสได้กับบางอย่างที่ผิดแปลกออกไป ยิ่งแจ๊สเดินเข้ามาใกล้ มันก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ
ใช่แล้ว มันเป็นกลิ่นที่รอสคุ้นเคยเป็นอย่างดี
กลิ่นดินปืนนั่นเอง!
แสดงว่าคนที่จุดพลุบ้าๆ นั้นคงไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก...
“นี่เมเปิ้ล ที่ชั้นมาในตอนนี้เพราะมีเรื่องสำคัญอยากจะมาประกาศนะ” แจ๊สพูดแทรกขึ้นมาดึงรอสออกมาจากห้วงคิดของตน รอยยิ้มบนหน้าของแจ๊สแทบหุบไว้ไม่อยู่ราวกับว่าอยากจะประกาศสิ่งนั้นออกมาเต็มแก่
แจ๊สเดินถอยหลังออกไปก้าวหนึ่งก่อนจะก้มโค้งราวกับทำความเคารพผู้ชมก่อนการแสดง อยู่ดีๆ ในมือก็ปรากฏหมวกทรงสูงสีแดงขาวใบโตขึ้นมา แจ๊สหงายหมวกนั่นขึ้นก่อนจะมีประกายแสงหลากสีระยิบระยับพุ่งออกมา หลังจากนั้นก็มีเงาแสงรูปควายตัวใหญ่สี่ถึงห้าตัวกระโดดออกมาเต้นระบำรัสเซียเป็นวงกลางอากาศ หลังจากที่พวกมันส่งเสียง “เฮ้!” ลั่นพวกมันก็ค่อยๆ จางหายไปในอากาศ พร้อมๆ กับมีม้วนกระดาษหนึ่งลอยละลิ่วกลางอากาศก่อนจะคลี่ตัวออกตรงหน้ารอส เผยให้เห็นตัวอักษรหลายมือหวัดๆ และตราครั่งสีแดงเข้มประทับข้างล่าง
รอสจ้องดูมันอย่างงงๆ ก่อนจะหันไปมองยังแจ๊สด้วยความงงยิ่งกว่า แน่นอน คนอื่นๆ คงจะงงไปพร้อมๆ กับรอสด้วยเช่นกัน
“โธ่เอ้ย พวกเธอนี่ไม่รับมุกเอาซะเลย จะแกล้งทำเป็นตื่นเต้นหน่อยก็ไม่ได้ ชิ!” แจ๊สคว้ากระดาษกลับมาโยนเก็บไว้ในหมวกอย่างผิดหวังเล็กน้อยก่อนจะสวมหมวกสีแดงขาวเด่นนั่น ไอกระอ่อมกระแอ่มสองสามทีก่อนที่รอยยิ้มบนหน้าจะกลับมาอีกครั้ง
“ฟังให้ดีเลยทุกคน นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป ชมรมข่าวอิสระกระบือบ๊อง ขอเปิดตัวอย่างเป็นทางการมนฐานะชมรมถูกต้องตามกฎของโรงเรียน ไม่ต้องถูกตราหน้าว่าเป็นกลุ่มตัวป่วนหรือต้องคอยหลบซ่อนตีแผ่เรื่องราวเพื่อเปิดเผยความจริงแก่มวลชนในเงามืดอีกต่อไป บัดนี้ชมรมเราจักเดินอย่างสง่าผ่าเผยบนเส้นทางสู่วงการ...” ต่อจากนั้นเป็นการพล่ามที่ไม่ได้เกี่ยวกับเนื้อหาตอนต้นแม้แต่น้อย แต่ถึงกระนั้นเนื้อความก็สรุปใจความได้ว่า
ชมรมข่าวอิสระกระบือบ๊องเปิดกิจการแล้ว!!
หลังจากนั้นแจ๊สก็พลันตบไหล่รอสที่สูงขึ้นไปอย่างสบายอารมณ์พร้อมรอยยิ้มที่แก้มแทบจะปริ
“ต้องขอบคุณเธอจริงๆ ที่ยอมเซ็นชื่อลงในใบสมัครนั่น ไม่งั้นป่านนี้ก็ไม่มีคนพอที่จะตั้งชมรมซะที ชั้นล่ะเซ็งพวกปัญญาอ่อนที่นี่เหลือเกิน ให้ตายสิ ไม่มีใครเข้าใจเสน่ห์ของการแสวงหาความจริงบ้างเลยหรือไงกัน แม้แต่รุ่นน้องเทอมนี้ที่เข้ามาใหม่ก็พลอยเป็นไปกับเขาด้วย”
ระหว่างที่แจ๊สบ่นกับตัวเองนั่น เตเต้ก็หันไปกระซิบถามรุ่นพี่หลินที่อยู่ข้างๆ ด้วยความสงสัย “พี่หลินนิ เกิดอะไรขึ้นเมื่อสมัยก่อนล่ะนิ”
รุ่นพี่หลินใช้ความคิดอยู่สักครู่ก่อนจะตอบออกไป
“เมื่อเทอมที่แล้วเธอคนนี้ก็เที่ยวลากคนโน้นคนนี้มาเข้าชมรมเหมือนกัน แต่แทนที่จะเอารายชื่อที่ล่ามาได้ไปตั้งชมรม เธอกลับเอาไปเป็นเข้ารายชื่อถอดถอนประธานนักเรียนในตอนนั้นเสีย ตอนนี้เลยไม่มีใครกล้าพอจะเซ็นชื่ออะไรให้กับเธออีกแล้วล่ะ แม้แต่รุ่นที่เข้าใหม่ปีนี้คงได้รับการแจ้งข่าวมาพอสมควรเหมือนกัน” รุ่นพี่หลินตอบเสียงราบเรียบราวกับบรรยายวิชาประวัติศาสตร์
แต่ถึงกระนั้นแจ๊สที่กำลังบ่นกับตัวเองอยู่กลับหันควับมาทางรุ่นพี่หลินกับเตเต้พร้อมกับชี้นิ้วอย่างไม่สู้จะสบอารมณ์เล็กน้อย
“อย่านินทากันลับหลังเซ่!” แจ๊สดูเหมือนจะไม่แยแสเลยว่าเธอกำลังพูดกับรุ่นน้องที่เพิ่งเข้าใหม่หรือรุ่นพี่ผู้นับหน้าถือตาในโรงเรียน เธอถอนหายใจไปฟอดหนึ่งก่อนจะกล่าวต่ออย่างหนักแน่น “ตอนนั้นชั้นต้องทำเพื่อส่วนรวมก่อนสิยะ รู้มั้ยว่าชั้นต้องเสียสละแค่ไหนเพื่อขับไล่เจ้าทรราชนั่นออกไปนะ ถึงแม้มันจะไม่สำเร็จก็เหอะ...”
แม้แต่รุ่นพี่หัวหน้าชมรมอาสาสมัครรักษาความเรียบร้อยผู้ที่แม้แต่อาจารย์ยังรับฟังก็ได้แต่นิ่งเงียบมิได้โต้ตอบประการใด ส่วนเตเต้เองก็ยังคงรอยยิ้มบนหน้าไว้ได้อย่างปรกติสุข
แจ๊สควักนาฬิกาพกสีทองที่ดูสูงค่าไม่เข้ากับตัวเธอออกมา ก่อนจะสะบัดปิดฝาเก็บเข้ากระเป๋าอย่างไม่ไยดี
จากนั้นแจ๊สไม่กล่าวให้มากความคว้าข้อมือรอสก่อนจะลากตัวเขาไปอย่างรวดเร็ว
“ด...เดี๋ยวก่อนสิ จะทำอะไรของหล่อนน่ะ”
“ก็ไปเข้าชมรมนะซี่ เรามีนัดกันไว้ตอนบ่ายสามไม่ใช่เรอะ” แจ๊สยังคงลากรอสต่อไปท่ามกลางการคัดค้านของรอส “เธอเป็นสมาชิกชมรมเต็มตัวแล้วนะ อย่าหนีกิจกรรมชมรมเซ่”
“ก็ได้ๆ แต่เอากระเป๋าฉันไปด้วย” รอสกล่าวด้วยสำเนียงกระท่อนกระแท่นอย่างลำบากใจ ทั้งๆ ที่จริงอยากอยู่รายงานผลกับทางลิซบ่อนต่อสักครู่ ก่อนที่รอสจะได้เดินไปหยิบกระเป๋า มันก็ลอยมาตรงหน้าเขาเสียแล้ว
“หมดธุระแล้วใช่มั้ยเนี่ย” แจ๊สกล่าวอย่างร้อนรน
ทว่า รุ่นพี่หลินที่สงบปากสงบคำในตอนแรกกลับยกแขนขึ้นขวางทางแจ๊สเสีย
“เดี๋ยวก่อน เธอยังไม่ได้อธิบายเกี่ยวกับกลิ่นบนตัวเลย” แววตาของรุ่นพี่ในกลับเป็นจริงเป็นจังขึ้นมา มันเป็นแววตาของหัวหน้าชมรมรักษาความเรียบร้อยอันเป็นที่หวั่นเกรงของเหล่าผู้ที่คิดจะทำลายความสงบสุขของสถาบัน “รบกวนสาธารณะยังพอจะมองข้ามไปได้ แต่การหมิ่นประมาทหรือกล่าวหาผู้อื่นโดยไม่มีหลักฐานนี่ฉันคงปล่อยไว้ไม่ได้หรอกนะ”
แจ๊สเพียงแค่สบตากับรุ่นพี่พร้อมกับเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาอย่างไม่หวั่นเกรง
“หมิ่นประมาทอะไรกัน หนูไม่รู้เรื่อง!” แจ๊สโบกมือปฏิเสธ “เมื่อกี๊หนูก็แค่จุดพลุฉลองเรื่องชมรมเท่านั้น แล้วพี่เองก็บอกว่าพอจะมองข้ามไปได้ไม่ใช่เหรอ”
รุ่นพี่หลินยังคงจ้องมองพยายามคาดคั้นความจริงที่ดิ้นได้ของแจ๊สอยู่อย่างเยือกเย็น
“เอาน่ารุ่นพี่ที่รักคะ พี่เป็นคนบอกเองไม่ใช่เหรอว่าหมิ่นประมาทหรือกล่าวหาผู้อื่นโดยไม่มีหลักฐานเป็นเรื่องยอมรับไม่ได้เองนา อย่าบอกนะว่าพี่จะกลืนคำพูดตัวเองนะ”
เมื่อได้ยินดังนั้นรุ่นพี่หลินจึงลดมือลงปล่อยให้แจ๊สผ่านต่อไป แต่ก็ยังทิ้งท้ายคำตักเตือนไว้ “ทีหลังอย่าทำอีกก็แล้วกัน”
รอสได้แต่มองการสนทนาของทั้งสองอย่างเซ็งๆ พลางคิดในใจว่าถ้าเป็นที่มูราลไม่ต้องมานั่งหาหลักฐานอย่างนี้หรอก จับเอามาทรมานก่อนแล้วค่อยเค้นหาหลักฐานมันยังไม่สายเกินไป เฮเปียส คอปัส (habeas corpus)* อะไรนั่นไม่เคยอยู่ในหัวพวกตำรวจลับมูราลหรอก
“โอ้ ขอบคุณมากนะค่ะที่เข้าใจ” แจ๊สทำเสียงนอบน้อมไม่เข้ากับหน้าเลยแม้แต่น้อย “ถ้าเรื่องจุดพลุวันหลังหนูจะลดความดังให้มันรบกวนคนอื่นน้อยกว่านี้ค่ะ แล้วก็...” แจ๊สเดินเข้าไปกล่าวลอยๆ ข้างๆ รุ่นพี่ “ที่ต้องคุมให้ดีๆ นะคือลูกน้องพี่ต่างหาก โดยเฉพาะยัยหัวสีชมพูบางคนเดี๋ยวนี้ชักเล่นแรงไปแล้ว ยัยหัวเงินหวงก้างนั่นยิ่งใช้เวทมนตร์ไม่ได้อยู่แล้วยังอุตส่าห์ชนกับเค้าตรงๆ ถ้าเมื่อกี๊ไม่มีใครมาหยุดไว้ก่อนใครจะรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ถือว่าเจ๊าๆ กันไปก็แล้วกันนะ”
รุ่นพี่หลินมองแจ๊สอย่างใจเย็นผิดคาด แจ๊สจึงได้แต่ยักไหล่อย่างเบื่อๆ “แต่ก็นะ หนูแค่พูดลอยๆ ไม่ได้ตั้งใจกระทบใครหรอกนะ” แจ๊สกระชับมือรอสก่อนจะเริ่มลากเขาต่อ “เอาล่ะเมเปิ้ล เราไปยังห้องชมรมสุดแสนอบอุ่นของเราเถอะ...”
“เอ่อ...แจ๊สนิ”
“โอ้ย! มีอะไรอีกเนี่ย”
แจ๊สหันควับมาทางเตเต้อย่างหงุดหงิด แต่เตเต้พลางชี้กองหนังสือและเสื้อผ้าที่กองอยู่บนพื้นไม่ห่างไปนัก
“แล้วกองหนังสือนั่นของใครล่ะนิ”
สรุปแล้วเมลิซซ่าเป็นห่วงแพตตี้มากจนลืมไปเลยว่าตัวเองเพิ่งไปเบิกหนังสือกับเสื้อผ้าที่ถูกไฟไหม้ไป สุดท้ายแล้วพวกรอสจึงต้องกองหนังสือเพิ่มไปอีกอย่างช่วยไม่ได้
...........................
....................
..........
....
ขบวนคาราวานของคนสี่คนที่ดูไม่ธรรมดาพร้อมกับข้าวของพะรุงพะรังที่ลอยตามเป็นพรวนราวลูกเป็ดเดินตามแม่ คนหนึ่งสวมหมวกสีแดงใบโตมีเงารูปควายเต้นไปเต้นมาบนหัวเดินยิ้มแฉ่งนำหน้าขบวน ส่วนอีกคนเป็นสาวน้อยผิวแทนผมหยิกหย็อยที่แบกร่มคันโตไม่เข้ากับรูปร่างเดินเคียงคู่กับรุ่นพี่สุดเท่ผู้ที่เรียกความสนใจจากบรรดาสาวน้อยที่เดินผ่านไปมาได้เป็นอย่างดี
ส่วนอีกคนคือสาวน้อยผมสีน้ำตาลหน้าตาเบื่อโลกที่ดูแสนจะธรรมดาๆ กลับเดินอยู่ท่ามกลางบรรดาเหล่าผู้ที่ไม่ธรรมดาจนทำให้บางคนอดคิดไม่ได้ว่าสาวน้อยหน้าตาเซ็งจิตที่สุดแสนธรรมดานั้นต้องมีอะไรที่ไม่ธรรมดาแน่ๆ ถึงได้ไปอยู่ท่ามกลางผู้ที่ไม่ธรรมดาเหล่านั้น
แต่รอสหาได้กังวลในเรื่องที่ตัวเองกำลังเป็นจุดสนใจไม่ นอกเหนือจากข้อมูลของโปรแกรมที่รอสเพิ่งถ่ายโอนมาเสร็จนั้น รอสยังติดใจประโยคหนึ่งหนึ่งที่เขาได้ยินระหว่างที่แจ๊สพูดกับรุ่นพี่หลิน ถ้าจำไม่ผิดรอสเองก็เคยได้ยินอะไรคล้ายๆ กันนี้จากปากยายนักดาบบ้าเลือดนั่นตอนที่ห้องไฟไหม้เหมือนกัน
ก่อนที่รอสจะได้เอ่ยปากถาม แจ๊สกลับชิงหันไปพูดกับรุ่นพี่หลินที่อยู่ด้านหลังก่อน “แล้วพวกพี่จะเดินตามอีกนานมั้ยค่ะเนี่ย ดูสิคนอื่นเค้าสนใจพี่กันหมดแทนที่จะสนใจโฆษณาชมรมนะ”
“ก็ไหนๆ ก็มาทางเดียวกันอยู่แล้วนิ จริงไหมนิพี่หลิน” แต่คนที่ตอบแจ๊สกลับเป็นเตเต้ที่อยู่ข้างๆ แทน ซึ่งรุ่นพี่หลินเพียงพยักหน้าหงึกๆ ตอบเตเต้
“เอ่อ...คือว่า”
บ๊อกๆ!
เหมือนเป็นกรรมเวรของรอส ก่อนที่เขาจะได้เอ่ยคำถามก็ต้องมีอะไรแทรกอีกทุกที คราวนี้เป็นเสียงของเจ้าลูกหมาตัวน้อยขนฟูสีดำโผล่ออกมาจากพุ่มไม้ข้างๆ มันกระดิกหางดุกดิกแล่บลิ้นดูเหมือนกับดีใจสุดขีดที่ได้พบกับพวกเขา
“อ้าว นึกว่าจะไม่กลับมาซะแล้ว” แจ๊สกล่าวติดตลก แต่ดูเหมือนเจ้าลูกหมาน้อยจะไม่ตลกตามด้วย มันเห่าแสดงความหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด
“โอ๋ๆ ชั้นผิดเองที่ให้เธอไปทำอะไรอย่างนั้นนะ พวกนั้นคงจะใจร้ายกับเธอมากเลยนะ”
เจ้าหมาน้อยตอบด้วยเสียงงื้ดๆ ก่อนจะกระโจนกลับเข้าไปในพงหญ้า จากนั้นสักครู่จึงกระโจนออกมาพร้อมลากกองเสื้อสีฟ้าอ่อนกับกระโปรงสีดำออกมาอย่างทุลักทุเล แจ๊สจัดแจงคว้ากองเสื้อผ้านั้นกับเจ้าลูกสุนัขตัวน้อยขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน
ระหว่างนั้นนัยน์ตาสีดำขลับจ้องมองรอสตาแป๋ว แจ๊สเห็นดังนั้นจึงเผยยิ้มที่เต็มไปด้วยความคิดพิเรนๆ ออกมาก่อนจะหันไปหารอส
“นี่เมเปิ้ลจำเจ้าลูกหมาตัวนี้ได้ม้า ความจริงแล้ว...”
แต่ก่อนที่แจ๊สจะได้พูดจบเจ้าลูกหมาน้อยก็งับแขนแจ๊สอย่างจัง “ก็ได้ๆ ไม่พูดแล้วๆ เลิกงับซะทีซี่” หลังจากคลายคมเขี้ยวแล้วมันยังแถมเสียงขู่เบาๆ ไว้ส่งท้ายอีกด้วย
“ลูกสุนัขตัวเมื่อวานนี่นา” รอสกล่าว
“เห็นมั้ย เมเปิ้ลจำเธอได้ด้วยล่ะ” แจ๊สหยุดไปสักครู่เหมือนกับนึกอะไรสนุกๆ ออก เธอหันยื่นเจ้าลูกสุนัขให้รอส “เอ้า งั้นเธอก็อุ้มเจ้านี่แทนชั้นซะเลยก็แล้วกัน ฝากด้วยนะ”
เจ้าลูกหมาพลันดิ้นเลิกลั่กทันทีที่ได้ยิน แต่พอรอสรับเจ้าลูกหมาเข้ามาไว้ในอ้อมอกมันกลับสงบนิ่งเรียบร้อยราวกับเป็นตุ๊กตาขนฟู หัวใจของมันเต้นระรัวจนแม้แต่รอสยังรู้สึกได้ รอสยังรู้สึกได้ถึงกลิ่นดินปืนจางๆ จากมันอีกด้วยแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เจ้าลูกหมาส่งเสียง งือ ยาวๆ ในขณะที่แจ๊สได้แต่ยิ้มถูกอกถูกใจกับภาพที่เห็น “เหมือนเจ้าหมาน้อยตัวนี้จะชอบเธอนะเมเปิ้ล”
เจ้าลูกหมาก็ได้แต่เห่าราวกับตัดพ้อคำพูดของแจ๊ส แต่ตัวมันสุดท้ายก็อยู่ในอ้อมอกของรอสอย่างสงบเสงี่ยมจนถึงที่หมายปลายทาง.......หอพักต้นไม้สำหรับเด็กปีหนึ่ง
รอสมองดูตรงชั้นสามยังเห็นรอยไม้ตรงห้องเขาอย่างเห็นได้ชัด เหล่าบรรดานักเรียนอาราเนียมุงผู้อยากรู้อยากก็แวะเวียนมาดูกันอย่างไม่ขาดสาย
“สรุปห้องเมเปิ้ลคือห้องที่ว่าโดนไฟไหม้นิ ถ้ายังไงมาพักห้องเราก่อนก็ได้นิ” เตเต้กล่าวกับรอสหลังจากที่เธอรับรู้เรื่องราวจากปากพล่อยๆ ของแจ๊สที่ดูเหมือนเธอจะพอใจที่จะเล่าทุกอย่างในโลกนี้ให้คนอื่นฟัง
“เอ่อ...อาจารย์ปันจมีท่านห้องพักช่วงคราวไว้ให้แล้วล่ะ” รอสตอบตะกุกตะกักพลางหยิบกุญแจเก่าๆ ดอกหนึ่งขึ้นมา “รู้สึกว่าจะเป็นห้องหมายเลข ๐๐๑ นะ”
“หือ...หอเรามีห้องที่ขึ้นต้นด้วยเลข ๐ ด้วยเหรอ” แจ๊สถามขึ้น เตเต้หันไปถามรุ่นพี่หลินที่เพียงส่ายหัวไม่ทราบเหมือนกัน
“เอ... ไม่รู้สิ เลขตัวหน้าส่วนใหญ่แทนชั้นที่ห้องอยู่ อย่างห้องชั้น ๕๐๓ ก็อยู่ชั้นห้า ถ้าเลขศูนย์ก็หมายความว่า....” แจ๊สเดินไปยังตรงซอกหลือตรงโคนต้นไม้ที่ปกคลุมไปด้วยวัชพืชหนาๆ ดูรกรุงรังพลางกวักมือเรียกรอสมา
“เมเปิ้ล ชั้นว่าชั้นเจอห้องเธอแล้วล่ะ”
รอสวางแหมะเจ้าลูกหมาน้อยลงก่อนจะเดินไปหาแจ๊ส ถ้าเขาไม่สังเกตดีๆ ก็คงไม่เห็นบันไดที่ทำจากไม้อย่างหยาบๆ ที่ซ่อนตัวอย่างมิดชิดอยู่ในหลืบซอกของรากอันมหึมา ข้างในมุมมืดนั้นจะเห็นบานประตูไม้เก่าๆ ที่ดูเล็กกว่าปรกติไปพอสมควร หมายเลข ๐๐๑ บนบานประตูนั้นดูจางซีดจนดูเหมือนจะเป็นเลขศูนย์หมดทุกตัว
รอสหยิบกุญแจมาดู ไม่ผิดแน่ เลขสลักบนกุญแจตรงกับเลขบนประตู
หลังจากนั้นไม่กี่วันต่อมาก็ทราบว่ามันเคยเป็นห้องพักสำหรับแม่บ้านดูแลหอ แต่มันคับแคบและอึดอัดเกินไปจนเหล่าแม่บ้านยื่นคำประท้วงเรียกร้องที่พักที่ดีกว่านี้ หลังจากที่พวกแม่บ้านย้ายไปพักที่อื่นแล้วห้องนี้ก็ถูกปล่อยทิ้งร้างไว้จนถึงวันนี้ที่มันได้ต้อนรับเจ้าของห้องผู้โชคร้ายอีกครา
“โชคดีนะเมเปิ้ล อย่าลืมนะเจอกันห้อง ๕๐๓ ชั้นจะรออยู่” แจ๊สตบไหล่รอสก่อนจะหันหลังรีบวิ่งขึ้นหอไปโดยไม่สนใจว่ารอสจะตอบตกลงหรือไม่ โดยมีเจ้าหมาน้อยรีบวิ่งตามขึ้นไปด้วย
“นี่เมเปิ้ล เมเปิ้ลจะนอนที่ห้องนั้นจริงๆ เหรอนิ” เตเต้กล่าวกับรอส
“ก็คงต้องเป็นอย่างนั้นล่ะ” รอสก้าวเดินลงไปยังหลืบนั้น ผ่านหยากไย่แมงมุมที่เกาะติดใบหน้าทำเอารอสตกใจไปชั่วครู่ทีเดียว
“นี่ ถ้าเกิดไม่สะดวกยังไงก็ไปห้องเราก่อนก็ได้นิ เราอยู่ที่ห้อง ๔๐๔ นะ แล้วของพวกนี้จะให้ช่วยขนไหมนิ”
“ไม่เป็นไรหรอก ข...ขอบคุณมาก” รอสในตอนนี้พยายามจะไขกุญแจที่ดูเหมือนต้องใช้ความพยายามกับเทคนิคเสียหน่อยถึงจะไขออก ทันทีที่เขาเปิดประตูห้องเศษฝุ่นก็ฟุ้งกระจายต้อนรับผู้อยู่อาศัยรายใหม่ที่ไม่มีมานาน ภายในห้องนั้นมืดสลัว คับแคบ และเหม็นอับราวกับว่าเป็นคุกขี้ไก่มากกว่าห้องให้นักเรียนอยู่ รอสเพียงได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าอย่างน้อยมันก็ยังไม่โหดร้ายเท่ากับตอนที่เขาฝึกเอาตัวรอดในสนามรบหรอก
เมื่อรอสเดินกลับขึ้นไปก็พบแต่กองข้าวของกับกระเป๋าวางซ้อนกันอยู่อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เขาได้แต่รู้สึกเสียใจเล็กๆ ที่ปฏิเสธความช่วยเหลือของพวกนั้นไป แต่อย่างว่า อย่าไปติดบุญคุณพวกผู้หญิงให้มากเลยจะดีกว่า
หลังจากขนของทุกอย่างรวมถึงของเมลิซซ่าไว้ในห้องเสร็จเขาก็พบว่ามันมีงานหนักกว่านี้รออยู่อีก นอกจากห้องที่ดูเหมือนจะไม่มีใครมาทำความสะอาดเป็นปีๆ แล้ว ยังมีเรื่องราวต่างๆ ที่เขาต้องจัดการให้เสร็จอีก
“เอาล่ะ เดี๋ยวเราก็ไปลาออกจากชมรมบ้าๆ นั่นให้จบเรื่องซะแล้วค่อยติดต่อกับลิสบ่อนเรื่องโปรแกรมนั่นก็แล้วกัน”
........................................
................................
.......................
............
....
เสียงเคาะประตูก๊อกๆ ดังขึ้นหน้าห้องหมายเลข ๕๐๓ ป้ายสีแดงที่เขียนว่า “พระราชวังของแจ๊สและบริวาร” ยังคงแขวนเด่นเป็นสง่าไม่ต่างจากเมื่อวาน รอสยืนต่อหน้าห้องนี้เป็นครั้งที่สองแล้ว หวังว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ต้องคอยยุ่งกับพวกนี้เสียที
เสียงโวยวายดังมาจากในห้องก่อนประตูจะเปิดออก คนที่มาเปิดประตูให้คือแจ๊สนั่นเอง แต่นอกเหนือจากแจ๊สแล้วกลับมีเสียงสาวน้อยอีกคนกำลังโวยวายอะไรบางอย่าง แต่เสียงมันเบามากจนรอสแทบจะฟังไม่ออกเลยว่าพูดอะไร
“มาซะที เข้ามาเลยๆ” แจ๊สไม่รีรอคำตอบจากปากของรอส เธอรีบคว้าแขนลากรอสเขามาให้ห้องทันที ถ้าเทียบกันแล้วภายในห้องนั้นดูสว่างกว่าและกว้างกว่าห้องของเขามาก แต่ถึงกระนั้นมันก็อัดแน่นไปด้วยข้าวของมากมายเรียงซ้อนกันเต็มไปหมด อีกทั้งยังมีม้วนกระดาษมหึมาตั้งเรียงรายราวกับเป็นร้านขายกระดาษก็ไม่ปาน แม้แต่บนเตียงก็เต็มไปด้วยข้าวของสารพัดที่รอสจินตนาการไม่ออกเลยว่าจะนอนลงไปได้อย่างไร
นอกเหนือจากข้าวของที่อัดแน่นกันราวกับเป็นคลังพัสดุแล้ว ยังมีสาวน้อยผมดำขลับยาวอีกคนนั่งซุกอยู่ตรงมุมห้องราวกับพยายามหลบเจ้าหนี้อยู่ เธอสวมเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวเพียงตัวเดียวโดยท่อนล่างยังคงเปลือยเปล่าเผยให้เห็นท่อนขาขาวเนียน แขนสองข้างพยายามดึงเสื้อปิดก้นน้อยๆ ที่ดูเต่งตึง ใบหน้าของหล่อนยามสบตารอสก็พลันแดงก่ำราวลูกตำลึงขีดก่อนจะหันหน้าหนีด้วยความเขินอายสุดขีด
“อย่ามองนะ” เสียงที่สาวน้อยคนนั้นกรีดร้องด้วยความเขินอายกลับเบาเรากับลูกแมวร้องมี้
แจ๊สที่รู้สึกสาแก่ใจที่ได้แกล้วคอนเน่มากพอแล้วจึงเลิกผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างบางนั่น
“นี่เมเปิ้ลช่วยหันไปทางอื่นสักพักได้มั้ย” แจ๊สกล่าวกับรอสก่อนจะโยนกระโปรงที่อยู่บนพื้นแถมให้คอนเน่อีก “คอนเน่เอ้ย...ก็บอกแล้วไงว่าให้แต่งตัวเร็ว มัวแต่เลือกเสื้อผ้าอยู่ได้”
ระหว่างที่รอสรอคอนเน่แต่งตัวอยู่นั้นเขาก็สังเกตได้ว่าไม่เห็นเจ้าลูกหมาในห้องนี้เลยทั้งๆ ที่เขาก็เห็นมันเดินตามแจ๊สขึ้นมา เมื่อเขาถามแจ๊สเธอกลับตอบเพียงว่า “อยู่แถวๆ นี้ล่ะ” โดยไม่ได้อธิบายอะไรต่อ
หลังจากนั้นไม่นานแจ๊สก็บอกให้รอสหันมาได้อีกครั้ง ตอนนี้เธอสวมเสื้อเชิ้ตขาวกระโปรงยาวสีดำ สาวน้อยคอนเน่ยังคงมีสีหน้าแดงก่ำอยู่ เมื่อสายตาทั้งสองประสานกัน มันเป็นสายตาของคอนเน่คอยก้มหลบอยู่เสมอ
“เธอเจอคอนเน่เมื่อตอนกลางวันแล้ว เป็นไงล่ะ ก้นเธอสวยใช่ม้า” แจ๊สพลันตบก้นหยอกคอนเน่เล่น “แถมยังนุ่มอีกต่างหาก”
คอนเน่ได้แต่ร้องว้ายเบาๆ อย่างเขินอายพลางเอามือปิดป้องบริเวณบั้นท้ายหล่อนพัลวัน แต่ยิ่งทำมันยิ่งเหมือนกระตุ้นต่อมอยากแกล้งของแจ๊สเข้าไปใหญ่
รอสขัดจังหวะความไร้สาระตรงหน้าด้วยการไอกระอ่อมกระแอ่มสองสามทีแล้วจึงตรงดิ่งเข้าประเด็นที่เขาต้องการพูดทันที
“ฉันมาที่นี่แค่ต้องการที่จะบอกว่า ฉันขอลาออกจากชมรม”
@@@@@@@@@@@@@@@@@
มันจะยืดไปถึงไหนฟะ.....เอาก็เอา เหลืออีกตอนก็จะเข้าสู่เนื้อหาที่เกริ่นไว้ตั้งแต่แรกได้เสียที เฮ้อ....
Edit Log: 29 March, 2008: จบตอน
Edit Log: 25 May, 2008: เพิ่มข้อมูลเกี่ยวกับแม่บ้านเข้าไป
Edit Log: 31 July, 2008: เพิ่งข้อมูลเกี่ยวกับกลิ่นดินปืนบนน้องหมา
ความคิดเห็น