ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Psalms of the New World

    ลำดับตอนที่ #34 : The League of their own

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 298
      0
      31 ก.ค. 51

     

               

              เจ้าของร่าง สะโอดสะองในชุดเสื้อเชิ้ตสีเหลืองอ่านค่อยๆ ย่างเท้าเข้าใกล้รอสเรื่อยๆ  นัยน์ตาสีทองฉายแววไปด้วยความกระตือรือร้นคู่นั้นจ้องตรงมาที่รอสยากยิ่งแก่การเดาพฤติกรรมว่าเธอจะทำอะไรต่อ  

     

                    นึกว่าจะมีแต่ยัยบ้าเมลิซซ่าเท่านั้นที่ห้าวฉะกับจอมหื่นเอมี่ตรงๆ อย่างนั้น  ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีคนที่ทั้งโง่ทั้งบ้าบิ่นพอๆ กับยัยนั่นจะเป็นเธอด้วย  แจ๊สกล่าวกับรอสอย่างสนอกสนใจ

     

                    แต่ก็นะ  ถ้าเธอเป็นคนธรรมดาๆ ชั้นคงเซ็งแย่เลย แจ๊สหยุดยืนอยู่ตรงหน้ารอส  นัยน์ตาสีทองที่เที่ยวเสาะแสวงหาความแปลกใหม่บัดนี้จับจ้องมายังรอสอย่างไม่กระพริบตา 

     

                    แต่ทว่า  นอกเหนือจากนัยน์ตาซุกซนที่ดูราวกับไร้ซึ่งความเกรงใจนั่น  รอสยังสัมผัสได้กับบางอย่างที่ผิดแปลกออกไป  ยิ่งแจ๊สเดินเข้ามาใกล้  มันก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ

     

                    ใช่แล้ว  มันเป็นกลิ่นที่รอสคุ้นเคยเป็นอย่างดี 

          

           กลิ่นดินปืนนั่นเอง!

     

                    แสดงว่าคนที่จุดพลุบ้าๆ นั้นคงไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก...

     

                    นี่เมเปิ้ล  ที่ชั้นมาในตอนนี้เพราะมีเรื่องสำคัญอยากจะมาประกาศนะ  แจ๊สพูดแทรกขึ้นมาดึงรอสออกมาจากห้วงคิดของตน  รอยยิ้มบนหน้าของแจ๊สแทบหุบไว้ไม่อยู่ราวกับว่าอยากจะประกาศสิ่งนั้นออกมาเต็มแก่

     

                    แจ๊สเดินถอยหลังออกไปก้าวหนึ่งก่อนจะก้มโค้งราวกับทำความเคารพผู้ชมก่อนการแสดง  อยู่ดีๆ ในมือก็ปรากฏหมวกทรงสูงสีแดงขาวใบโตขึ้นมา  แจ๊สหงายหมวกนั่นขึ้นก่อนจะมีประกายแสงหลากสีระยิบระยับพุ่งออกมา  หลังจากนั้นก็มีเงาแสงรูปควายตัวใหญ่สี่ถึงห้าตัวกระโดดออกมาเต้นระบำรัสเซียเป็นวงกลางอากาศ  หลังจากที่พวกมันส่งเสียง เฮ้! ลั่นพวกมันก็ค่อยๆ จางหายไปในอากาศ  พร้อมๆ กับมีม้วนกระดาษหนึ่งลอยละลิ่วกลางอากาศก่อนจะคลี่ตัวออกตรงหน้ารอส  เผยให้เห็นตัวอักษรหลายมือหวัดๆ และตราครั่งสีแดงเข้มประทับข้างล่าง

     

                    รอสจ้องดูมันอย่างงงๆ ก่อนจะหันไปมองยังแจ๊สด้วยความงงยิ่งกว่า  แน่นอน  คนอื่นๆ คงจะงงไปพร้อมๆ กับรอสด้วยเช่นกัน

     

                    โธ่เอ้ย  พวกเธอนี่ไม่รับมุกเอาซะเลย  จะแกล้งทำเป็นตื่นเต้นหน่อยก็ไม่ได้  ชิ!  แจ๊สคว้ากระดาษกลับมาโยนเก็บไว้ในหมวกอย่างผิดหวังเล็กน้อยก่อนจะสวมหมวกสีแดงขาวเด่นนั่น  ไอกระอ่อมกระแอ่มสองสามทีก่อนที่รอยยิ้มบนหน้าจะกลับมาอีกครั้ง 

     

    ฟังให้ดีเลยทุกคน  นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป  ชมรมข่าวอิสระกระบือบ๊อง  ขอเปิดตัวอย่างเป็นทางการมนฐานะชมรมถูกต้องตามกฎของโรงเรียน  ไม่ต้องถูกตราหน้าว่าเป็นกลุ่มตัวป่วนหรือต้องคอยหลบซ่อนตีแผ่เรื่องราวเพื่อเปิดเผยความจริงแก่มวลชนในเงามืดอีกต่อไป  บัดนี้ชมรมเราจักเดินอย่างสง่าผ่าเผยบนเส้นทางสู่วงการ...  ต่อจากนั้นเป็นการพล่ามที่ไม่ได้เกี่ยวกับเนื้อหาตอนต้นแม้แต่น้อย  แต่ถึงกระนั้นเนื้อความก็สรุปใจความได้ว่า

     

    ชมรมข่าวอิสระกระบือบ๊องเปิดกิจการแล้ว!!

     

    หลังจากนั้นแจ๊สก็พลันตบไหล่รอสที่สูงขึ้นไปอย่างสบายอารมณ์พร้อมรอยยิ้มที่แก้มแทบจะปริ 

     

    ต้องขอบคุณเธอจริงๆ  ที่ยอมเซ็นชื่อลงในใบสมัครนั่น  ไม่งั้นป่านนี้ก็ไม่มีคนพอที่จะตั้งชมรมซะที  ชั้นล่ะเซ็งพวกปัญญาอ่อนที่นี่เหลือเกิน  ให้ตายสิ  ไม่มีใครเข้าใจเสน่ห์ของการแสวงหาความจริงบ้างเลยหรือไงกัน  แม้แต่รุ่นน้องเทอมนี้ที่เข้ามาใหม่ก็พลอยเป็นไปกับเขาด้วย 

     

    ระหว่างที่แจ๊สบ่นกับตัวเองนั่น  เตเต้ก็หันไปกระซิบถามรุ่นพี่หลินที่อยู่ข้างๆ ด้วยความสงสัย  พี่หลินนิ  เกิดอะไรขึ้นเมื่อสมัยก่อนล่ะนิ

     

    รุ่นพี่หลินใช้ความคิดอยู่สักครู่ก่อนจะตอบออกไป

     

    เมื่อเทอมที่แล้วเธอคนนี้ก็เที่ยวลากคนโน้นคนนี้มาเข้าชมรมเหมือนกัน  แต่แทนที่จะเอารายชื่อที่ล่ามาได้ไปตั้งชมรม  เธอกลับเอาไปเป็นเข้ารายชื่อถอดถอนประธานนักเรียนในตอนนั้นเสีย  ตอนนี้เลยไม่มีใครกล้าพอจะเซ็นชื่ออะไรให้กับเธออีกแล้วล่ะ  แม้แต่รุ่นที่เข้าใหม่ปีนี้คงได้รับการแจ้งข่าวมาพอสมควรเหมือนกัน  รุ่นพี่หลินตอบเสียงราบเรียบราวกับบรรยายวิชาประวัติศาสตร์

     

    แต่ถึงกระนั้นแจ๊สที่กำลังบ่นกับตัวเองอยู่กลับหันควับมาทางรุ่นพี่หลินกับเตเต้พร้อมกับชี้นิ้วอย่างไม่สู้จะสบอารมณ์เล็กน้อย

     

    อย่านินทากันลับหลังเซ่!  แจ๊สดูเหมือนจะไม่แยแสเลยว่าเธอกำลังพูดกับรุ่นน้องที่เพิ่งเข้าใหม่หรือรุ่นพี่ผู้นับหน้าถือตาในโรงเรียน  เธอถอนหายใจไปฟอดหนึ่งก่อนจะกล่าวต่ออย่างหนักแน่น ตอนนั้นชั้นต้องทำเพื่อส่วนรวมก่อนสิยะ  รู้มั้ยว่าชั้นต้องเสียสละแค่ไหนเพื่อขับไล่เจ้าทรราชนั่นออกไปนะ  ถึงแม้มันจะไม่สำเร็จก็เหอะ...

     

    แม้แต่รุ่นพี่หัวหน้าชมรมอาสาสมัครรักษาความเรียบร้อยผู้ที่แม้แต่อาจารย์ยังรับฟังก็ได้แต่นิ่งเงียบมิได้โต้ตอบประการใด  ส่วนเตเต้เองก็ยังคงรอยยิ้มบนหน้าไว้ได้อย่างปรกติสุข

     

    แจ๊สควักนาฬิกาพกสีทองที่ดูสูงค่าไม่เข้ากับตัวเธอออกมา  ก่อนจะสะบัดปิดฝาเก็บเข้ากระเป๋าอย่างไม่ไยดี

     

    จากนั้นแจ๊สไม่กล่าวให้มากความคว้าข้อมือรอสก่อนจะลากตัวเขาไปอย่างรวดเร็ว

     

    ด...เดี๋ยวก่อนสิ  จะทำอะไรของหล่อนน่ะ

     

    ก็ไปเข้าชมรมนะซี่  เรามีนัดกันไว้ตอนบ่ายสามไม่ใช่เรอะ  แจ๊สยังคงลากรอสต่อไปท่ามกลางการคัดค้านของรอส  เธอเป็นสมาชิกชมรมเต็มตัวแล้วนะ  อย่าหนีกิจกรรมชมรมเซ่ 

     

    ก็ได้ๆ  แต่เอากระเป๋าฉันไปด้วย  รอสกล่าวด้วยสำเนียงกระท่อนกระแท่นอย่างลำบากใจ   ทั้งๆ ที่จริงอยากอยู่รายงานผลกับทางลิซบ่อนต่อสักครู่  ก่อนที่รอสจะได้เดินไปหยิบกระเป๋า  มันก็ลอยมาตรงหน้าเขาเสียแล้ว

     

    หมดธุระแล้วใช่มั้ยเนี่ย  แจ๊สกล่าวอย่างร้อนรน

     

    ทว่า  รุ่นพี่หลินที่สงบปากสงบคำในตอนแรกกลับยกแขนขึ้นขวางทางแจ๊สเสีย

     

    เดี๋ยวก่อน  เธอยังไม่ได้อธิบายเกี่ยวกับกลิ่นบนตัวเลย  แววตาของรุ่นพี่ในกลับเป็นจริงเป็นจังขึ้นมา  มันเป็นแววตาของหัวหน้าชมรมรักษาความเรียบร้อยอันเป็นที่หวั่นเกรงของเหล่าผู้ที่คิดจะทำลายความสงบสุขของสถาบัน  รบกวนสาธารณะยังพอจะมองข้ามไปได้  แต่การหมิ่นประมาทหรือกล่าวหาผู้อื่นโดยไม่มีหลักฐานนี่ฉันคงปล่อยไว้ไม่ได้หรอกนะ 

     

    แจ๊สเพียงแค่สบตากับรุ่นพี่พร้อมกับเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาอย่างไม่หวั่นเกรง

     

    หมิ่นประมาทอะไรกัน  หนูไม่รู้เรื่อง!  แจ๊สโบกมือปฏิเสธ  เมื่อกี๊หนูก็แค่จุดพลุฉลองเรื่องชมรมเท่านั้น  แล้วพี่เองก็บอกว่าพอจะมองข้ามไปได้ไม่ใช่เหรอ 

     

    รุ่นพี่หลินยังคงจ้องมองพยายามคาดคั้นความจริงที่ดิ้นได้ของแจ๊สอยู่อย่างเยือกเย็น 

     

    เอาน่ารุ่นพี่ที่รักคะ  พี่เป็นคนบอกเองไม่ใช่เหรอว่าหมิ่นประมาทหรือกล่าวหาผู้อื่นโดยไม่มีหลักฐานเป็นเรื่องยอมรับไม่ได้เองนา  อย่าบอกนะว่าพี่จะกลืนคำพูดตัวเองนะ

     

    เมื่อได้ยินดังนั้นรุ่นพี่หลินจึงลดมือลงปล่อยให้แจ๊สผ่านต่อไป  แต่ก็ยังทิ้งท้ายคำตักเตือนไว้ ทีหลังอย่าทำอีกก็แล้วกัน

     

    รอสได้แต่มองการสนทนาของทั้งสองอย่างเซ็งๆ พลางคิดในใจว่าถ้าเป็นที่มูราลไม่ต้องมานั่งหาหลักฐานอย่างนี้หรอก  จับเอามาทรมานก่อนแล้วค่อยเค้นหาหลักฐานมันยังไม่สายเกินไป  เฮเปียส คอปัส (habeas corpus)* อะไรนั่นไม่เคยอยู่ในหัวพวกตำรวจลับมูราลหรอก 

     

    โอ้  ขอบคุณมากนะค่ะที่เข้าใจ  แจ๊สทำเสียงนอบน้อมไม่เข้ากับหน้าเลยแม้แต่น้อย  ถ้าเรื่องจุดพลุวันหลังหนูจะลดความดังให้มันรบกวนคนอื่นน้อยกว่านี้ค่ะ  แล้วก็...  แจ๊สเดินเข้าไปกล่าวลอยๆ ข้างๆ รุ่นพี่   ที่ต้องคุมให้ดีๆ นะคือลูกน้องพี่ต่างหาก  โดยเฉพาะยัยหัวสีชมพูบางคนเดี๋ยวนี้ชักเล่นแรงไปแล้ว  ยัยหัวเงินหวงก้างนั่นยิ่งใช้เวทมนตร์ไม่ได้อยู่แล้วยังอุตส่าห์ชนกับเค้าตรงๆ   ถ้าเมื่อกี๊ไม่มีใครมาหยุดไว้ก่อนใครจะรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป  ถือว่าเจ๊าๆ กันไปก็แล้วกันนะ

     

    รุ่นพี่หลินมองแจ๊สอย่างใจเย็นผิดคาด  แจ๊สจึงได้แต่ยักไหล่อย่างเบื่อๆ  แต่ก็นะ  หนูแค่พูดลอยๆ ไม่ได้ตั้งใจกระทบใครหรอกนะ  แจ๊สกระชับมือรอสก่อนจะเริ่มลากเขาต่อ  เอาล่ะเมเปิ้ล  เราไปยังห้องชมรมสุดแสนอบอุ่นของเราเถอะ...

     

    เอ่อ...แจ๊สนิ 

     

    โอ้ย! มีอะไรอีกเนี่ย 

     

    แจ๊สหันควับมาทางเตเต้อย่างหงุดหงิด  แต่เตเต้พลางชี้กองหนังสือและเสื้อผ้าที่กองอยู่บนพื้นไม่ห่างไปนัก 

     

    แล้วกองหนังสือนั่นของใครล่ะนิ   

     

           สรุปแล้วเมลิซซ่าเป็นห่วงแพตตี้มากจนลืมไปเลยว่าตัวเองเพิ่งไปเบิกหนังสือกับเสื้อผ้าที่ถูกไฟไหม้ไป  สุดท้ายแล้วพวกรอสจึงต้องกองหนังสือเพิ่มไปอีกอย่างช่วยไม่ได้

     

    ...........................

    ....................

    ..........

    .... 

     

    ขบวนคาราวานของคนสี่คนที่ดูไม่ธรรมดาพร้อมกับข้าวของพะรุงพะรังที่ลอยตามเป็นพรวนราวลูกเป็ดเดินตามแม่  คนหนึ่งสวมหมวกสีแดงใบโตมีเงารูปควายเต้นไปเต้นมาบนหัวเดินยิ้มแฉ่งนำหน้าขบวน  ส่วนอีกคนเป็นสาวน้อยผิวแทนผมหยิกหย็อยที่แบกร่มคันโตไม่เข้ากับรูปร่างเดินเคียงคู่กับรุ่นพี่สุดเท่ผู้ที่เรียกความสนใจจากบรรดาสาวน้อยที่เดินผ่านไปมาได้เป็นอย่างดี

     

    ส่วนอีกคนคือสาวน้อยผมสีน้ำตาลหน้าตาเบื่อโลกที่ดูแสนจะธรรมดาๆ กลับเดินอยู่ท่ามกลางบรรดาเหล่าผู้ที่ไม่ธรรมดาจนทำให้บางคนอดคิดไม่ได้ว่าสาวน้อยหน้าตาเซ็งจิตที่สุดแสนธรรมดานั้นต้องมีอะไรที่ไม่ธรรมดาแน่ๆ ถึงได้ไปอยู่ท่ามกลางผู้ที่ไม่ธรรมดาเหล่านั้น

     

    แต่รอสหาได้กังวลในเรื่องที่ตัวเองกำลังเป็นจุดสนใจไม่  นอกเหนือจากข้อมูลของโปรแกรมที่รอสเพิ่งถ่ายโอนมาเสร็จนั้น  รอสยังติดใจประโยคหนึ่งหนึ่งที่เขาได้ยินระหว่างที่แจ๊สพูดกับรุ่นพี่หลิน  ถ้าจำไม่ผิดรอสเองก็เคยได้ยินอะไรคล้ายๆ กันนี้จากปากยายนักดาบบ้าเลือดนั่นตอนที่ห้องไฟไหม้เหมือนกัน

     

    ก่อนที่รอสจะได้เอ่ยปากถาม  แจ๊สกลับชิงหันไปพูดกับรุ่นพี่หลินที่อยู่ด้านหลังก่อน  แล้วพวกพี่จะเดินตามอีกนานมั้ยค่ะเนี่ย  ดูสิคนอื่นเค้าสนใจพี่กันหมดแทนที่จะสนใจโฆษณาชมรมนะ

     

    ก็ไหนๆ ก็มาทางเดียวกันอยู่แล้วนิ  จริงไหมนิพี่หลิน  แต่คนที่ตอบแจ๊สกลับเป็นเตเต้ที่อยู่ข้างๆ แทน  ซึ่งรุ่นพี่หลินเพียงพยักหน้าหงึกๆ ตอบเตเต้

     

    เอ่อ...คือว่า

     

    บ๊อกๆ!

     

    เหมือนเป็นกรรมเวรของรอส  ก่อนที่เขาจะได้เอ่ยคำถามก็ต้องมีอะไรแทรกอีกทุกที  คราวนี้เป็นเสียงของเจ้าลูกหมาตัวน้อยขนฟูสีดำโผล่ออกมาจากพุ่มไม้ข้างๆ  มันกระดิกหางดุกดิกแล่บลิ้นดูเหมือนกับดีใจสุดขีดที่ได้พบกับพวกเขา

     

    อ้าว  นึกว่าจะไม่กลับมาซะแล้ว  แจ๊สกล่าวติดตลก  แต่ดูเหมือนเจ้าลูกหมาน้อยจะไม่ตลกตามด้วย  มันเห่าแสดงความหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด

     

    โอ๋ๆ  ชั้นผิดเองที่ให้เธอไปทำอะไรอย่างนั้นนะ  พวกนั้นคงจะใจร้ายกับเธอมากเลยนะ

     

    เจ้าหมาน้อยตอบด้วยเสียงงื้ดๆ ก่อนจะกระโจนกลับเข้าไปในพงหญ้า  จากนั้นสักครู่จึงกระโจนออกมาพร้อมลากกองเสื้อสีฟ้าอ่อนกับกระโปรงสีดำออกมาอย่างทุลักทุเล  แจ๊สจัดแจงคว้ากองเสื้อผ้านั้นกับเจ้าลูกสุนัขตัวน้อยขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน

     

    ระหว่างนั้นนัยน์ตาสีดำขลับจ้องมองรอสตาแป๋ว  แจ๊สเห็นดังนั้นจึงเผยยิ้มที่เต็มไปด้วยความคิดพิเรนๆ  ออกมาก่อนจะหันไปหารอส 

     

    นี่เมเปิ้ลจำเจ้าลูกหมาตัวนี้ได้ม้า  ความจริงแล้ว... 

     

    แต่ก่อนที่แจ๊สจะได้พูดจบเจ้าลูกหมาน้อยก็งับแขนแจ๊สอย่างจัง  ก็ได้ๆ ไม่พูดแล้วๆ  เลิกงับซะทีซี่  หลังจากคลายคมเขี้ยวแล้วมันยังแถมเสียงขู่เบาๆ ไว้ส่งท้ายอีกด้วย

     

    ลูกสุนัขตัวเมื่อวานนี่นา  รอสกล่าว

     

    เห็นมั้ย  เมเปิ้ลจำเธอได้ด้วยล่ะ  แจ๊สหยุดไปสักครู่เหมือนกับนึกอะไรสนุกๆ ออก  เธอหันยื่นเจ้าลูกสุนัขให้รอส  เอ้า  งั้นเธอก็อุ้มเจ้านี่แทนชั้นซะเลยก็แล้วกัน  ฝากด้วยนะ

     

    เจ้าลูกหมาพลันดิ้นเลิกลั่กทันทีที่ได้ยิน  แต่พอรอสรับเจ้าลูกหมาเข้ามาไว้ในอ้อมอกมันกลับสงบนิ่งเรียบร้อยราวกับเป็นตุ๊กตาขนฟู  หัวใจของมันเต้นระรัวจนแม้แต่รอสยังรู้สึกได้  รอสยังรู้สึกได้ถึงกลิ่นดินปืนจางๆ จากมันอีกด้วยแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก  เจ้าลูกหมาส่งเสียง งือ ยาวๆ ในขณะที่แจ๊สได้แต่ยิ้มถูกอกถูกใจกับภาพที่เห็น  เหมือนเจ้าหมาน้อยตัวนี้จะชอบเธอนะเมเปิ้ล 

     

    เจ้าลูกหมาก็ได้แต่เห่าราวกับตัดพ้อคำพูดของแจ๊ส  แต่ตัวมันสุดท้ายก็อยู่ในอ้อมอกของรอสอย่างสงบเสงี่ยมจนถึงที่หมายปลายทาง.......หอพักต้นไม้สำหรับเด็กปีหนึ่ง

     

                    รอสมองดูตรงชั้นสามยังเห็นรอยไม้ตรงห้องเขาอย่างเห็นได้ชัด  เหล่าบรรดานักเรียนอาราเนียมุงผู้อยากรู้อยากก็แวะเวียนมาดูกันอย่างไม่ขาดสาย

     

    สรุปห้องเมเปิ้ลคือห้องที่ว่าโดนไฟไหม้นิ  ถ้ายังไงมาพักห้องเราก่อนก็ได้นิ  เตเต้กล่าวกับรอสหลังจากที่เธอรับรู้เรื่องราวจากปากพล่อยๆ ของแจ๊สที่ดูเหมือนเธอจะพอใจที่จะเล่าทุกอย่างในโลกนี้ให้คนอื่นฟัง

     

                    เอ่อ...อาจารย์ปันจมีท่านห้องพักช่วงคราวไว้ให้แล้วล่ะ  รอสตอบตะกุกตะกักพลางหยิบกุญแจเก่าๆ ดอกหนึ่งขึ้นมา  รู้สึกว่าจะเป็นห้องหมายเลข ๐๐๑ นะ

     

                    หือ...หอเรามีห้องที่ขึ้นต้นด้วยเลข ๐ ด้วยเหรอ  แจ๊สถามขึ้น  เตเต้หันไปถามรุ่นพี่หลินที่เพียงส่ายหัวไม่ทราบเหมือนกัน

     

                    เอ... ไม่รู้สิ  เลขตัวหน้าส่วนใหญ่แทนชั้นที่ห้องอยู่  อย่างห้องชั้น ๕๐๓ ก็อยู่ชั้นห้า  ถ้าเลขศูนย์ก็หมายความว่า....  แจ๊สเดินไปยังตรงซอกหลือตรงโคนต้นไม้ที่ปกคลุมไปด้วยวัชพืชหนาๆ ดูรกรุงรังพลางกวักมือเรียกรอสมา

     

                    เมเปิ้ล  ชั้นว่าชั้นเจอห้องเธอแล้วล่ะ

     

    รอสวางแหมะเจ้าลูกหมาน้อยลงก่อนจะเดินไปหาแจ๊ส  ถ้าเขาไม่สังเกตดีๆ ก็คงไม่เห็นบันไดที่ทำจากไม้อย่างหยาบๆ  ที่ซ่อนตัวอย่างมิดชิดอยู่ในหลืบซอกของรากอันมหึมา  ข้างในมุมมืดนั้นจะเห็นบานประตูไม้เก่าๆ  ที่ดูเล็กกว่าปรกติไปพอสมควร  หมายเลข ๐๐๑ บนบานประตูนั้นดูจางซีดจนดูเหมือนจะเป็นเลขศูนย์หมดทุกตัว

     

    รอสหยิบกุญแจมาดู  ไม่ผิดแน่  เลขสลักบนกุญแจตรงกับเลขบนประตู 

     

    หลังจากนั้นไม่กี่วันต่อมาก็ทราบว่ามันเคยเป็นห้องพักสำหรับแม่บ้านดูแลหอ  แต่มันคับแคบและอึดอัดเกินไปจนเหล่าแม่บ้านยื่นคำประท้วงเรียกร้องที่พักที่ดีกว่านี้  หลังจากที่พวกแม่บ้านย้ายไปพักที่อื่นแล้วห้องนี้ก็ถูกปล่อยทิ้งร้างไว้จนถึงวันนี้ที่มันได้ต้อนรับเจ้าของห้องผู้โชคร้ายอีกครา

     

    โชคดีนะเมเปิ้ล  อย่าลืมนะเจอกันห้อง ๕๐๓  ชั้นจะรออยู่  แจ๊สตบไหล่รอสก่อนจะหันหลังรีบวิ่งขึ้นหอไปโดยไม่สนใจว่ารอสจะตอบตกลงหรือไม่  โดยมีเจ้าหมาน้อยรีบวิ่งตามขึ้นไปด้วย 

     

    นี่เมเปิ้ล  เมเปิ้ลจะนอนที่ห้องนั้นจริงๆ เหรอนิ  เตเต้กล่าวกับรอส 

     

    ก็คงต้องเป็นอย่างนั้นล่ะ  รอสก้าวเดินลงไปยังหลืบนั้น  ผ่านหยากไย่แมงมุมที่เกาะติดใบหน้าทำเอารอสตกใจไปชั่วครู่ทีเดียว

     

    นี่  ถ้าเกิดไม่สะดวกยังไงก็ไปห้องเราก่อนก็ได้นิ  เราอยู่ที่ห้อง ๔๐๔ นะ  แล้วของพวกนี้จะให้ช่วยขนไหมนิ 

     

    ไม่เป็นไรหรอก  ข...ขอบคุณมาก  รอสในตอนนี้พยายามจะไขกุญแจที่ดูเหมือนต้องใช้ความพยายามกับเทคนิคเสียหน่อยถึงจะไขออก  ทันทีที่เขาเปิดประตูห้องเศษฝุ่นก็ฟุ้งกระจายต้อนรับผู้อยู่อาศัยรายใหม่ที่ไม่มีมานาน  ภายในห้องนั้นมืดสลัว คับแคบ และเหม็นอับราวกับว่าเป็นคุกขี้ไก่มากกว่าห้องให้นักเรียนอยู่  รอสเพียงได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าอย่างน้อยมันก็ยังไม่โหดร้ายเท่ากับตอนที่เขาฝึกเอาตัวรอดในสนามรบหรอก

     

    เมื่อรอสเดินกลับขึ้นไปก็พบแต่กองข้าวของกับกระเป๋าวางซ้อนกันอยู่อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย  เขาได้แต่รู้สึกเสียใจเล็กๆ ที่ปฏิเสธความช่วยเหลือของพวกนั้นไป  แต่อย่างว่า  อย่าไปติดบุญคุณพวกผู้หญิงให้มากเลยจะดีกว่า

     

    หลังจากขนของทุกอย่างรวมถึงของเมลิซซ่าไว้ในห้องเสร็จเขาก็พบว่ามันมีงานหนักกว่านี้รออยู่อีก  นอกจากห้องที่ดูเหมือนจะไม่มีใครมาทำความสะอาดเป็นปีๆ แล้ว  ยังมีเรื่องราวต่างๆ ที่เขาต้องจัดการให้เสร็จอีก

     

    เอาล่ะ  เดี๋ยวเราก็ไปลาออกจากชมรมบ้าๆ นั่นให้จบเรื่องซะแล้วค่อยติดต่อกับลิสบ่อนเรื่องโปรแกรมนั่นก็แล้วกัน  

     

    ........................................

    ................................

    .......................

    ............

    ....

     

                    เสียงเคาะประตูก๊อกๆ ดังขึ้นหน้าห้องหมายเลข ๕๐๓  ป้ายสีแดงที่เขียนว่า พระราชวังของแจ๊สและบริวาร ยังคงแขวนเด่นเป็นสง่าไม่ต่างจากเมื่อวาน  รอสยืนต่อหน้าห้องนี้เป็นครั้งที่สองแล้ว  หวังว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ต้องคอยยุ่งกับพวกนี้เสียที 

     

                    เสียงโวยวายดังมาจากในห้องก่อนประตูจะเปิดออก  คนที่มาเปิดประตูให้คือแจ๊สนั่นเอง  แต่นอกเหนือจากแจ๊สแล้วกลับมีเสียงสาวน้อยอีกคนกำลังโวยวายอะไรบางอย่าง  แต่เสียงมันเบามากจนรอสแทบจะฟังไม่ออกเลยว่าพูดอะไร

     

                    มาซะที  เข้ามาเลยๆ  แจ๊สไม่รีรอคำตอบจากปากของรอส  เธอรีบคว้าแขนลากรอสเขามาให้ห้องทันที  ถ้าเทียบกันแล้วภายในห้องนั้นดูสว่างกว่าและกว้างกว่าห้องของเขามาก  แต่ถึงกระนั้นมันก็อัดแน่นไปด้วยข้าวของมากมายเรียงซ้อนกันเต็มไปหมด  อีกทั้งยังมีม้วนกระดาษมหึมาตั้งเรียงรายราวกับเป็นร้านขายกระดาษก็ไม่ปาน  แม้แต่บนเตียงก็เต็มไปด้วยข้าวของสารพัดที่รอสจินตนาการไม่ออกเลยว่าจะนอนลงไปได้อย่างไร

     

                    นอกเหนือจากข้าวของที่อัดแน่นกันราวกับเป็นคลังพัสดุแล้ว  ยังมีสาวน้อยผมดำขลับยาวอีกคนนั่งซุกอยู่ตรงมุมห้องราวกับพยายามหลบเจ้าหนี้อยู่  เธอสวมเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวเพียงตัวเดียวโดยท่อนล่างยังคงเปลือยเปล่าเผยให้เห็นท่อนขาขาวเนียน  แขนสองข้างพยายามดึงเสื้อปิดก้นน้อยๆ ที่ดูเต่งตึง  ใบหน้าของหล่อนยามสบตารอสก็พลันแดงก่ำราวลูกตำลึงขีดก่อนจะหันหน้าหนีด้วยความเขินอายสุดขีด

     

                    อย่ามองนะ  เสียงที่สาวน้อยคนนั้นกรีดร้องด้วยความเขินอายกลับเบาเรากับลูกแมวร้องมี้

     

                    แจ๊สที่รู้สึกสาแก่ใจที่ได้แกล้วคอนเน่มากพอแล้วจึงเลิกผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างบางนั่น

     

                    นี่เมเปิ้ลช่วยหันไปทางอื่นสักพักได้มั้ย  แจ๊สกล่าวกับรอสก่อนจะโยนกระโปรงที่อยู่บนพื้นแถมให้คอนเน่อีก  คอนเน่เอ้ย...ก็บอกแล้วไงว่าให้แต่งตัวเร็ว  มัวแต่เลือกเสื้อผ้าอยู่ได้

     

                    ระหว่างที่รอสรอคอนเน่แต่งตัวอยู่นั้นเขาก็สังเกตได้ว่าไม่เห็นเจ้าลูกหมาในห้องนี้เลยทั้งๆ ที่เขาก็เห็นมันเดินตามแจ๊สขึ้นมา  เมื่อเขาถามแจ๊สเธอกลับตอบเพียงว่า  อยู่แถวๆ นี้ล่ะ  โดยไม่ได้อธิบายอะไรต่อ

     

                    หลังจากนั้นไม่นานแจ๊สก็บอกให้รอสหันมาได้อีกครั้ง  ตอนนี้เธอสวมเสื้อเชิ้ตขาวกระโปรงยาวสีดำ  สาวน้อยคอนเน่ยังคงมีสีหน้าแดงก่ำอยู่  เมื่อสายตาทั้งสองประสานกัน  มันเป็นสายตาของคอนเน่คอยก้มหลบอยู่เสมอ

     

                    เธอเจอคอนเน่เมื่อตอนกลางวันแล้ว  เป็นไงล่ะ  ก้นเธอสวยใช่ม้า  แจ๊สพลันตบก้นหยอกคอนเน่เล่น  แถมยังนุ่มอีกต่างหาก 

     

    คอนเน่ได้แต่ร้องว้ายเบาๆ อย่างเขินอายพลางเอามือปิดป้องบริเวณบั้นท้ายหล่อนพัลวัน  แต่ยิ่งทำมันยิ่งเหมือนกระตุ้นต่อมอยากแกล้งของแจ๊สเข้าไปใหญ่

     

    รอสขัดจังหวะความไร้สาระตรงหน้าด้วยการไอกระอ่อมกระแอ่มสองสามทีแล้วจึงตรงดิ่งเข้าประเด็นที่เขาต้องการพูดทันที

     

    ฉันมาที่นี่แค่ต้องการที่จะบอกว่า  ฉันขอลาออกจากชมรม


    @@@@@@@@@@@@@@@@@

    มันจะยืดไปถึงไหนฟะ.....เอาก็เอา เหลืออีกตอนก็จะเข้าสู่เนื้อหาที่เกริ่นไว้ตั้งแต่แรกได้เสียที  เฮ้อ....

    Edit Log: 29 March, 2008: จบตอน
    Edit Log: 25 May, 2008: เพิ่มข้อมูลเกี่ยวกับแม่บ้านเข้าไป
    Edit Log: 31 July, 2008: เพิ่งข้อมูลเกี่ยวกับกลิ่นดินปืนบนน้องหมา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×