คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #29 : Invisible Agent
"เธอใช้ส่วนไหนของร่างกายคิดกันแน่ คุณ (เมลิซซ่า) ล็อบบ์! เอาแมลงเพลิงขึ้นไปบนหออย่างนั้นนะ!"
น้ำเสียงหงุดหงิดสุดขีดของอาจารย์ที่นั่งอยู่เบื้องหลังโต๊ะทำงานไม้ตัวใหญ่ทำเอาทั้ง รอส และเมลิซซ่า ตัวเกร็ง โดยเฉพาะเมลิซซ่าที่หน้าซีดไปเลย ทั้งเนื้อทั้งตัวของทั้งสองต่างมอมแมม เหม็นกลิ่นควันคลุ้งอย่างกับเป็นไส้กรอกรมควัน
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้สักครู่ ก่อนที่ไฟจะได้ลุกลามไปทั่วทั้งหอ บังเอิญมีรุ่นพี่คนหนึ่งที่บังเอิญถนัดเวทย์สายน้ำเดินอยู่แถวนั้นพอดิบพอดี ดังนั้นเหตุเพลิงไหม้ที่มีทีท่าจะลุกลามเป็นเรื่องใหญ่โตจึงถูกหยุดยั้งไว้ได้อย่างทันท่วงที แต่มันก็สายเกินไปที่จะรักษาห้องของเมลิซซ่าไว้ได้ ทั้งเนื้อทั้งตัวของเมลิซซ่าเหลือเพียงเสื้อผ้าที่ตัวเองสวมอยู่ ดาบหนึ่งเล่ม กับผ้านวมไหม้ๆ ในมือที่เมลิซซ่าพยายามใช้ดับไฟ ตรงกันข้ามกับรอสที่ยังไม่ได้เปิดกระเป๋า ดังนั้นสมบัติของรอสทุกอย่างจึงอยู่รอดปลอดภัย
เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำเอาทุกคนในหอพักต่างพากันวิ่งหนีเอาตัวรอด บ้างก็สะดุด หกล้ม เจ็บกันระนาว บางคนถึงกับกระโดดลงมาจากชั้นห้า (แต่มีเวทมนตร์ช่วยเลยรับแรงกระแทกไปได้แทบทั้งหมด) ทำเอาคนอื่นเดือดร้อนไปตามๆ กัน
แน่นอน ทั้งรอส และ เมลิซซ่าลงเอยต้องไปพบกับอาจารย์ฝ่ายปกครองเพื่อสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้โดยทันที อาจารย์ท่านที่ รอส กับ เมลิซซ่ากำลังเผชิญหน้าอยู่นี้คืออาจารย์หัวหน้าฝ่ายปกครอง และ หัวหน้าภาควิชาการใช้อาวุธขั้นสูง "เอสเมอรัลด้า ลิงซ์ เฟลิไดอี" ผู้ที่รอสจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าเป็นหนึ่งในคณะผู้ที่สัมภาษณ์เขาเมื่อวานก่อน และเป็นผู้ที่คัดค้านการเข้าเรียนของเขามากที่สุดอีกด้วย อาจารย์เฟลิไดอีเป็นคนตัวสูงเพรียว ผิวออกสีแทนเล็กน้อย ผมสีทองแดงรวบเป็นมวย หน้าตาดูเหมือนจะเพิ่งสามสิบต้นๆ แต่ดูจากตำแหน่งแล้ว รอสเชื่อว่าอายุจริงๆ ต้องมากกว่านั้นแน่นอน นัยน์ตามรกตอันแหลมเรียวเหลือบมองทั้งสองด้วยความเอือมระอา
"เอ่อ...คือหนูเอามันมาทำรายงานที่ค้างไว้นะค่ะ"
เมลิซซ่าตอบอย่างกล้าๆ กลัวๆ เมื่ออยู่ต่อหน้าอาจารย์ท่านนี้ ไม่ว่าใครก็ต้องรู้สึกกดดันอย่างบอกไม่ถูก เนื่องด้วยวิธีการมองคนที่ดูราวกับมองจากที่สูงกว่า หรือด้วยท่าทางอันสูงส่งยากจะเอื้อมถึง ก็มิทราบ ทำให้อาจารย์ท่านนี้เป็นตัวเลือกสุดท้ายที่นักเรียนทุกคนอยากพบในยามที่เกิดปัญหา
"นี่เธอไม่ใช้สมองที่มีรอยหยักอันเล็กน้อยคิดเลยเหรอว่าของติดไฟง่ายเป็นข้อห้ามของหอต้นไม้นะ"
"ต...แต่ว่า หนูก็เก็บมันไว้อย่างดีนะค่ะ ถ้าเกิดว่า..." เมลิซซ่ามองตาเขียวปั๊ดมาทางรอส "(ยัย) เธอคนนี้ไม่ไปเล่นซนกับมันซะก่อนนะค่ะ"
"แต่เธอก็เป็นเจ้าของแมลงเพลิงไม่ใช่รึ" อาจารย์ เฟลิไดอี เหลือบชายตามามองทางรอส ก่อนจะหันมากล่าวกับเมลิซซ่า "แล้วคงจะโทษเด็กนี่ไม่ได้ด้วย อย่าง คุณ ไซรัป ดูจากสำเนียงแล้วก็ทราบได้ทันทีว่ามาจากสถานที่อันห่างไกล (เรียกสั้นๆ ว่าบ้านนอกนั่นแล) คงจะไม่รู้จักหรอกว่าแมลงเพลิงคืออะไร จริงมั้ย คุณ ไซรัป"
รอสทำได้แต่ยืนทำหน้าเอ๋อไม่รู้เรื่องรู้ราว เออออไปตามอาจารย์ทั้งๆ ที่รอสก็รู้ตัวว่ากำลังโดนดูถูกอยู่ แต่เรื่องแค่นี้มันจิ๊บจ้อยถ้าเทียบกับภารกิจที่เขาต้องรับผิดชอบในขณะนี้
"เชื่อเลย ยังไม่ทันจะเข้าเรียนด้วยซ้ำก็เรื่องซะงามหน้าแล้ว อาจารย์ปันจมีคิดยังไงถึงเอาเด็กนี่เข้ามานะ" อาจารย์เฟลิไดอีบ่นกับตัวเอง แต่ถึงกระนั้นรอสก็ได้ยินทุกคำพูดของอาจารย์ "เฮ้อ...อย่างนี้ครูเองก็คงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องพักการเรียนพวกเธอแล้วล่ะ"
"พักการเรียนเหรอค่ะ!" น้ำเสียงของเธอสั่นเทาด้วยความใจหาย หน้าของเธอซีดเซียวลง รอสเองก็ตกใจไม่แพ้เมลิซซ่าเช่นกัน เพราะนั่นจะเป็นการทำให้แผนการของเขาต้องพังทลายในชั่วพริบตา เขาเองก็ไม่มีเวลามากพอที่จะรอได้อีกแล้ว
ในระหว่างนั้นเอง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นก่อนประตูห้องจะถูกเปิดออกพร้อมๆ กับการปรากฏตัวของครูใหญ่ปันจมี
"นี่ฉันมารบกวนเธอรึเปล่า เอสเมอรัลด้า" ครูใหญ่ปันจมีค่อยๆ ก้าวเท้าเข้ามาในห้องอย่างเงียบเชียบ
"อ้อ อาจารย์ปันจมีมาได้เวลาพอดีเลยค่ะ เชิญนั่งก่อนเลยค่ะ"
อาจารย์ เฟลิไดอี ค่อยๆ ยืนขึ้นเพื่อแสดงความเคารพเวลากล่าวกับอาจารย์ที่ตำแหน่งสูงกว่ากว่า แต่ถึงกระนั้น อาจารย์ เฟลิไดอี ยังคงไว้ซึ่งท่าทางของผู้สูงศักดิ์ และสง่างามไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าครูใหญ่ปันจมีเลยแม้แต่น้อย ทันทีที่อาจารย์เฟลิไดอี โบกมือเบาๆ เก้าอี้ไม้ก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวไปตรงหน้าครูใหญ่
"ไม่เป็นไรหรอก เอสเมอรัลด้า ฉันมาแค่สักครู่เท่านั้นล่ะ" ครูใหญ่ปันจมีโบกมือปฏิเสธ ก่อนเก้าอี้ตัวนั้นจะเคลื่อนตัวกลับไปยังที่เก่า "ว่าแต่ อาจารย์มีธุระอะไรกับเด็กสองคนนี้งั้นเหรอ เห็นว่าหนูเมเปิ้ลไม่มาสักทีเลยลองเดินออกตามหา ไม่คิดว่าจะอยู่กับเธอนะ"
"ค่ะ...ดิฉันกำลังสอบสวนเหตุการณ์ไฟไหม้ที่เกิดจากความสะเพร่าของทั้งสองที่ทำให้นักเรียนคนอื่นๆ ต้องตกอยู่ในความเสี่ยงค่ะ ดังนั้น ดิฉันก็อยากจะได้ความคิดเห็นจากอาจารย์เหมือนกัน ในฐานะที่เป็นอาจารย์ปกครองของ คุณไซรัป ด้วย"
"ฉันพอจะได้ยินมาบ้างแล้วล่ะ" ครูใหญ่หันมามองทั้งสองด้วยความอบอุ่น ปราศจากความรู้สึกกดดันตรงข้ามกับอาจารย์เฟลิไดอีอย่างสิ้นเชิง "แต่ครูก็อยากฟังความจากหนูเมลิซซ่าอีกทีล่ะจ้ะ"
เมลิซซ่าเริ่มเล่าเหตุการณ์ให้ครูใหญ่ปันจมีฟังอีกครั้งด้วยท่าทางอันกระอักกระอ่วน
"งั้นหรือ" สีหน้าของครูใหญ่ปันจมีนั้นยังสงบนิ่งเมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด "แล้วที่หนูเมเปิ้ลไม่รู้จักแมลงเพลิงนั้น...."
"ขนาดแมลงเพลิงเด็กคนนี้ยังไม่รู้จัก แล้วตอนเวลาเรียนจะไม่มีปัญหาแน่งั้นหรือค่ะ อาจารย์ปันจมี" อาจารย์เฟลีไดอีกล่าวแย้งขึ้นมาราวกับจะย้ำว่าที่ครูใหญ่ปันจมีรับรอสเข้ามานั้นเป็นเรื่องที่ผิดพลาด
"อืมมมม" ครูใหญ่ปันจมีหลับตาคิดอยู่สักครู่ ก่อนจะหันไปกล่าวกับรอส "หนูเมเปิ้ลอาจจะไม่รู้จักแมลงเพลิง แต่ถ้าครูถามว่า 'แร่ไพไรท์' แล้วละก็ หนูพอจะบอกได้ไหมว่ามันคืออะไร"
รอสยืนนิ่งไปสักครู่ดูราวกับเขาลังเลที่จะพูดออกมา รอสหันไปมองครูใหญ่ปันจมีเชิงขอยืนยันคำสั่งอีกครั้ง ครูใหญ่ปันจมีเพียงพยักหน้าพร้อมกับส่งยิ้มให้
"แร่ไพไรท์ เป็นแร่ที่....." แล้วข้อมูลอันละเอียดยิบบวกกับน้ำเสียงโมโนโทนก็เริ่มพรั่งพรูออกมาจากปากของรอสสร้างความตกตะลึงให้กับเมลิซซ่า แม้กระทั่งอาจารย์เฟลิไดอีที่แสนหยิ่งยังแสดงถึงท่าทีประหลาดใจให้เห็นออกมาทางสีหน้า โดยคิ้วของอาจารย์เลิกขึ้นด้วยความแปลกใจ ".... มักจะพบอยู่ในใต้พื้นพิภพ แร่ไพไรท์ดิบในสภาพที่ยังไม่ได้สกัด เมื่อสัมผัสกับออกซิเจนจะเผาไหม้ให้ความร้อนสูง ติดไฟง่าย เนื่องจาก..."
"พอแค่นี้ละเมเปิ้ล ขอบคุณมากนะจ๊ะ หนูให้ข้อมูลมากกว่าที่ครูรู้ซะอีก จริงมั้ย อาจารย์เอสเมอรัลด้า" ครูใหญ่ปันจมีหันไปยิ้มให้กับอาจารย์เฟลิไดอี ก่อนจะหันกลับมาคุยกับรอสต่อ "แร่ไพไรท์ที่หนูรู้จักนะ ก็คือ แมลงเพลิงนั่นล่ะจ้ะ"
"งั้นถ้าคุณ ไซรัป เชี่ยวชาญเรื่องแมลงเพลิงขนาดนี้แล้วย่อมต้องทราบถึงอันตรายของมันด้วย แต่ทำไมยังไปยุ่งกับมันล่ะ" อาจารย์เฟลิไดอีกล่าวทักขึ้นมา
"ถ้าผ...หนูทาบว่ามันเป็นแร่ไพไรท์ละก็ หนูไม่มีทางที่จะไปยุ่งกับมันหรอกค่ะ" รอสเอ่ยปากแย้งอาจารย์เฟลิไดอีเป็นครั้งแรก
สายตาของอาจารย์เฟลิไดอีเหลือบมองรอสราวกับกำลังมองดูมดตัวเล็กๆ บนพื้นสักครู่ "แต่ถึงยังไงก็ต้องมีบทจัดการลงโทษทั้งสองอยู่ดี โดยเฉพาะ คุณล็อปป์ ที่นำแมลงเพลิงขึ้นไปทั้งๆ ที่ทราบถึงอันตรายของมัน"
"เอสเมอรัลด้า เธอไม่ลองให้โอกาสทั้งสองนี่หน่อยเหรอ เมเปิ้ลเองก็เพิ่งเข้ามาเรียนใหม่ ยังไม่ค่อยประสีประสากับกฎ หรือข้อบังคับของโรงเรียนมากนัก เมลิซซ่าเองก็เป็นเด็กดี คอยทำงานอาสาสมัครช่วยเหลือโรงเรียนมาโดยตลอด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็น่าจะเป็นการลงโทษที่เพียงพอต่อความเลินเล่อของเธอแล้วล่ะ ว่ามั้ย"
รอสในเวลานั้นรู้สึกว่าน้ำเสียงของครูใหญ่ปันจมีราวกับเป็นน้ำเสียงของพระผู้มาโปรดผู้ให้อภัยกับบาปทุกๆ อย่างบนโลกนี้ เมลิซซ่าที่เตรียมใจว่าจะต้องถูกต่อว่าอีกรอบเหมือนเมื่อคราวก่อนพลันรู้สึกซาบซึ้งในความเมตตาของครูใหญ่ปันจมีจนน้ำตาแทบจะไหลเลยทีเดียว
อาจารย์เฟลิไดอียืนนึกพิเคราะห์อยู่สักครู่ก่อนจะตัดสินใจด้วยอาการออกจะไม่ค่อยสบอารมณ์นักที่จะไม่เอาโทษทัณฑ์ตามที่ครูใหญ่ปันจมีเสนอ "ถ้าอาจารย์ปันจมีกล่าวขนาดนี้ละก็ ดิฉันเองก็คงไม่ขัดหรอกค่ะ"
"ถ้างั้นเดี๋ยวฉันขอตัวเด็กสองคนนี้ไปก่อนละนะ ดูเหมือนจะมีเรื่องให้จัดการหลังจากนี้อีกเยอะเลย" ครูใหญ่ปันจมีกล่าวด้วยรอยยิ้มอันสงบราวกับผู้อิ่มบุญ
"ถ้างั้น" อาจารย์เฟลิไดอีเหลือบมองไปยังประตูห้อง "เดี๋ยวดิฉันเองก็มีธุระกับพวกชอบสอดรู้สอดเห็นข้างนอกเหมือนกันค่ะ"
ทันใดนั้น ผนังห้องที่อยู่ด้านเดียวกับประตูก็พลันอันตรธานหายไป เผยให้เห็นแจ๊สที่กำลังเอาหูแนบฟังกำแพงล่องหนไปแล้วอย่างชัดเจน โดยข้างๆ คอนเน่ที่โดนแจ๊สบังคับเอาหูแนบกับกำแพงด้วย ส่วนที่ยืนรอคอยอย่างกระวนกระวายใจอยู่ด้านนอกคือ แพทตี้ ที่ดูเหมือนจะสังเกตเห็นแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับกำแพง จึงพยายามเตือนแจ๊สที่ยังไม่รู้ตัว
แต่มันก็สายไปแล้ว
กว่าที่แจ๊สกับคอนเน่จะรู้ตัว อาจารย์เฟลีไดอีก็มายืนตระหง่านอยู่ตรงหน้าทั้งสองที่ถูกขวางกั้นโดยเพียงกำแพงที่โปร่งใสแล้ว เพียงแค่คอนเน่เผลอไปสบตากับอาจารย์เท่านั้น ตัวเธอก็แข็งทื่อล้มเป็นลมไปทันที ราวกับเจ้าลูกหมาตัวน้อยๆ ที่กำลังเผชิญหน้ากับพยัคฆ์เจ้าป่าแล้วถูกเจ้าป่าเอาตีนเหยียบอย่างนั้นล่ะ
"ซวยแล้วสิ"
เมื่อคอนเน่สลบไป ก็เหลือทิ้งไว้แต่แจ๊สที่ต้องยิ้มใจดีสู้เสือที่เพิ่งพยักหน้าเชิงบอกให้เธอเข้ามาพบ
ส่วนแพทตี้ที่ยืนอยู่ข้างนอกอย่างเรียบร้อยก็ได้รับการละเว้น เพียงแค่ถูกสายตาสีมรกตสุดเหี้ยมเหลือบมอง ซึ่งแพทตี้ก็พงกหัวสวัสดีอาจารย์เฟลิไดอีงกๆ อย่างรู้หน้าที่
"งั้นพวกเธอตามครูมาเลยแล้วกันนะจ๊ะ" ครูใหญ่กล่าวกับรอสและเมลิซซ่าก่อนเดินนำทั้งสองสวนกับแจ๊สและคอนเน่ที่กำลังเดินอย่างเสียวไส้เข้ามาในห้องราวกับกำลังย่างก้าวเข้าสู่ถ้ำเสือที่มีแต่แม่เสือกำลังแยกเขี้ยวรอคอยอยู่
แล้วประตูห้องก็ปิดลง เหลือแต่เพียงแจ๊ส คอนเน่ที่ยังสลบเหมือดอยู่ และอาจารย์เฟลีไดอี ที่ยืนตรงอย่างองอาจอยู่กลางห้อง
"เอาล่ะ มีธุระอะไรกับครูงั้นหรือ คุณนักเรียน"
.................................................
.............................................
....................................
..............................
............
....
หลังจากที่จัดแจงธุระกับนักเรียนเจ้าปัญหาทั้งสองเรียบร้อยแล้ว ครูใหญ่ปันจมีก็เดินกลับมายังห้องทำงานอันสงบเงียบของตน โต๊ะทำงานไม้ที่ดูราวกับจะงอกออกมาจากดินตั้งอยู่ตรงกลางห้องทรงกลมที่สว่างไสวจากแสงแดดยามสายข้างนอก
เมื่อครูใหญ่ก้าวเท้าเข้ามาข้างในแล้ว ประตูไม้ด้านหลังก็ค่อยๆ ปิดลง หน้าต่างทั้งหลายก็ค่อยๆ ปิดกันอย่างพร้อมเพรียง ไฟบนแชนเดอเลียเหนือศีรษะขึ้นไปกลางห้องถูกจุดขึ้นสร้างแสงสีส้มสลัวๆ ส่องสว่างทั่วห้อง
ครูใหญ่ค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่งกับเก้าอี้อย่างช้าๆ เอนหลังลงกับพนักพิงอย่างเหนื่อยอ่อน พลางบ่นพูดกับตัวเอง
"เฮ้อ...เวลาร่างกายมันแก่ตัวลง ทำอะไรๆ มันก็เหนื่อยไปหมดไม่เหมือนสมัยสาวๆ เลย.........
ว่ามั้ยคะ ท่านผู้ตรวจการณ์"
"รู้ตัวตั้งแต่เมื่อไหร่กัน"
ภายในห้องที่ไร้ซึ่งผู้อื่นนอกจากตัวของครูใหญ่ปันจมีเอง กลับมีเสียงคำพูดโต้ตอบกับครูใหญ่ดังก้องกังวานในห้องโดยไม่สามารถจับทิศทางที่มาของเสียงได้ น้ำเสียงของ "ท่านผู้ตรวจการณ์" ตอบออกมานั้นออกแหบแห้งผิดแผกจากผู้คนทั่วๆ ไป แต่เปี่ยมไปด้วยพลังอำนาจอันล้นเหลือ
"ตั้งแต่แรกที่ท่านเริ่มตามดิฉันเมื่อตอนไปรับพวกนักเรียนใหม่นั่นล่ะค่ะ" ครูใหญ่ปันจมีไม่ได้รู้สึกแปลกใจเลยแม้แต่น้อย กลับมีสีหน้าพึงพอใจที่อีกฝ่ายแสดงตัวออกมาเสียทีเสียด้วยซ้ำ
"งั้นหรอกหรือ" ท่านผู้ตรวจการณ์ที่ยังไม่เผยตัวตอบ
"ว่าแต่ท่านคงไม่ได้แค่มาเยี่ยมคนรู้จักเก่าแก่ที่เป็นไม้ไกล้ฝั่งอย่างดิฉันหรอกนะคะ" ครูใหญ่ยังเอ่ยถามด้วยความนอบน้อม
"ถ้ามาด้วยเรื่องแค่นั้นได้ก็ดีสิ" ท่านผู้ตรวจการณ์กล่าวต่อไป "แต่ก็อยากที่กล่าวมานั่นล่ะ ข้ามาคราวนี้ด้วยเรื่องราชการ รายละเอียดคงเปิดเผยไม่ได้หรอก"
"งั้นในนามของตัวแทนของโรงเรียนโซเฟีย ดิฉันยินดีที่จะให้ความร่วมมือท่านทุกอย่างที่...."
"ปันจมี เจ้ากับข้าก็รู้จักกันมานาน ถ้าข้าต้องการความร่วมมือกับเจ้าใยข้าต้องกระทำการลับๆ ล่อๆ แบบนี้ด้วย"
ครูใหญ่ปันจมียังคงยิ้มอยู่อย่างไม่ยี่หระกับคำพูดของท่านผู้ตรวจการณ์
"งั้นหรือค่ะ"
มีเสียงถอนหายใจออกมาเบาๆ จากท่านผู้ตรวจการณ์
"ในฐานะที่เจ้ากับข้าก็คบหากันมานาน ข้าอยากจะเตือนเจ้าไว้หน่อยก็แล้วกัน...ตอนนี้พวกผู้ใหญ่ทางรัฐบาลแห่งชาติกำลังจับตามองทางนี้อยู่นะ"
"แหม ท่านมาบอกดิฉันอย่างนี้ไม่แย่หรอกเหรอค่ะ" ครูใหญ่กล่าว
"อย่างเจ้าเรื่องแค่นี้คงจะรู้ตัวอยู่แล้วล่ะ ว่าแต่เจ้านะไม่แย่กว่ารึ ปกติไม่เคยเห็นรับนักเรียนเข้ามาเลยไม่ใช่รึ ใยครานี้ถึงรับเอาเด็กท่าทางเอ๋อๆ ที่ไม่รู้จักแม้แต่แมลงเพลิงเข้ามาล่ะ"
ครูใหญ่ปันจมีก็เพียงแต่เผยรอยยิ้มจางๆ ออกมา
"นอกจากชื่อ แมลงเพลิง แล้ว มันยังมีอีกชื่อหนึ่งที่ปรกติจะไม่ค่อยมีใครในอาราเนียรู้จักมากนักนอกจากคนแก่ๆ อย่างดิฉันเพียงสองสามคนเท่านั้นล่ะค่ะ"
"งั้นหรอกหรือ" ท่านผู้ตรวจการณ์เงียบหายไปสักครู่ "ถ้างั้นข้าก็ไม่รบกวนเจ้าแล้วล่ะ ไว้คราหลังถ้าไม่ติดงานราชการพวกเราคงจะได้ไปชมดอกไม้กันอีกนะ"
"ดิฉันจะตั้งตารอถึงวันนั้นเลยค่ะ"
ถึงตอนนั้นเสียงท่านผู้ตรวจการณ์ก็เงียบหายไปอย่างไร้ร่องรอย ราวกับไม่ได้มีตัวตนอยู่ในห้องเลยตั้งแต่แรก ใบหน้าของครูใหญ่ปันจมียังคงรอยยิ้มอันอบอุ่นไว้อยู่
"ใช่แล้วล่ะ มีน้อยคนนักในดินแดนฝั่งของอาราเนียที่จะรู้ว่า แร่ไพไรท์ คืออะไร..... นอกจากเพียงไม่กี่คนที่เป็นผู้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เมื่อยี่สิบปีที่แล้วที่จะรู้จักชื่อนี้ ก็มีอีกเพียงพวกเดียวเท่านั้นที่เรียกแมลงเพลิงว่า แร่ไพไรท์....
คือพวกที่มาจากอีกฟากหนึ่งของกำแพงน้ำนั่นเอง!"
จบตอนซะเลยดีกว่า
ความคิดเห็น