คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #27 : Man on Fire (1)
ในที่สุดเช้าของรุ่งอรุณของวันใหม่ก็มาถึง แสงแดดอันสดใสยามเช้าทำเอารอสต้องยกมือป้องหน้าเนื่องจากแสงมันแยงจนแสบตาไปหมด รอสยืนดูตัวเองในชุดเครื่องแบบโรงเรียนโซเฟียในกระจก เสื้อเชิ้ตสีขาวมีตราโล่ของโรงเรียนทางอกด้านซ้าย โบว์ผูกคอสีน้ำเงิน กระโปรงพลีทยาวถึงเข่า ถุงเท้าสีขาวยาวจนถึงแข้ง และรองเท้าหนังสีดำมันวาว เท่านี้รอสก็ดูเป็นนักเรียนโรงเรียนโซเฟียธรรมดาๆ ทั่วไปแล้ว
"เดี๋ยวก่อนจ่า" รอสเพิ่งนึกอะไรออกเมื่อส่องดูตัวเองในกระจกบานใหญ่ภายในห้องนอน
"มีอะไรหรือครับ" ไบรอันในชุดฟูฟ่องเต็มยศกำลังขนกระเป๋าหนังสีน้ำตาลใบใหญ่ที่เขาเพิ่งบรรจุเสื้อผ้าและของจำเป็นต่างๆ ไว้พร้อมเข้ามาในห้อง
"ผมจำได้ว่าจ่าก็เคยให้ผมดูเครื่องแบบโรงเรียนโซเฟียตั้งแต่ตอนที่ผมมาถึงใช่มั้ย" รอสเสยผมสีน้ำตาลเข้มที่ปล่อยยาวถึงกลางหลัง
"ใช่แล้วครับ มีปัญหาอะไรเหรอครับ" ไบรอันค่อยๆ วางกระเป๋าลงกับพื้นอย่างระมัดระวังไม่ให้มันกระแทกกับพื้น
รอสหันหน้ามามองไบรอันด้วยสีหน้าเคืองๆ
"แล้วทำไมจ่าต้องให้ผมใส่ ชุด บ้าๆ นั่นด้วยล่ะ ถ้าเกิดว่าใส่ชุดนักเรียนไปตั้งแต่แรกมันก็คงไม่วุ่นซะขนาดนั้นหรอก"
"อืมมม...ทำไมน้อ..." ไบรอันทำท่าทางคิดอย่างหนักก่อนจะตอบออกไป
"อ้อ..." ไบรอันตบมือ "ก็ผู้หมู่เหมาะกับชุดนั้นออก"
โป๊ก!
สันมือพิฆาตของรอสสับเข้ามากลางศีรษะของไบรอันอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ
"เล่นมากไปแล้วนะจ่า" รอสถูมือข้างที่เพิ่งสับไบรอันไปหมาดๆ "อ้อ...แล้วนั่นของทุกอย่างเก็บเรียบร้อยหมดแล้วนะ"
"อ้อ...ครับผม...อยู่ในกระเป๋านี่หมดแล้ว" ไบรอันเลื่อนกระเป๋าขึ้นมาวางไว้ตรงหน้าโดยอีกมือยังถูศีรษะที่เพิ่งถูกสับไป
รอสเพ่งพิจารณากระเป๋านั้นอยู่สักครู่ก่อนจะเงยขึ้นมามองไบรอันด้วยสีหน้าราวกับเดาอะไรออกบางอย่าง
"เปิดกระเป๋าเดี๋ยวนี้" รอสออกคำสั่ง
"ครับ?" ไบรอันกล่าวด้วยความแปลกใจ
"รื้อของในกระเป๋าออกมาให้หมด ผมอยากทราบว่าจ่าใส่อะไรไปบ้าง" รอสสั่งอีกรอบ
ไบรอันมีทีท่าไม่อยากจะรื้อกระเป๋าที่ตัวเองอุตส่าห์จัดไปแล้วรอบหนึ่ง แต่ในที่สุดเขาก็ต้องทำตามคำสั่งของนายทหารยศสูงกว่า
เพียงแค่ไบรอันปลดล็อกออก ฝากระเป๋าแทบจะระเบิดเปิดออกมาในทันที เสื้อผ้าหลากสีสันพรั่งพรูออกมาจากกระเป๋าราวกับเขื่อนแตก รอสก้มหยิบเสื้อผ้าชิ้นหนึ่งขึ้นมาดู มันเป็นเสื้อวันพีชสีเขียวอ่อนแขนกุดมีเชือกรัดไปมาตรงลำตัวกับกระโปรงบานฟูฟ่องมีลูกไม้มากมายราวกับผ้าม่าน เสื้อผ้าอื่นๆ ที่กองอยู่กับพื้นก็มีลักษณะแบบเดียวกัน ทำเอารอสต้องตกตะลึงพลางหันไปมองไบรอันอย่างไม่เชื่อสายตาว่าไบรอันตั้งใจจะให้เขาใส่ชุดอย่างนี้อีกแล้วเหรอ
"แฮะๆๆ ผู้หมู่ครับ...คือผมอธิบายได้"
"เปลี่ยนเอาชุดที่มันธรรมดากว่านี้..." รอสจ้องตาไบรอันด้วยแววตาอำมหิตปานจะกลืนหัวได้ทั้งหัวเลย "ปฏิบัติ!"
"ครับผม..." ไบรอันรับคำสั่งอย่างหงอยๆ ก่อนจะค่อยๆ ขนกองเสื้อผ้าคอสเพลย์ออกไป
รอสเดินตามออกไปก่อนจะไปหยุดยืนดูนาฬิกาไขลานเรือนใหญ่รูปทรงบ้านที่มีลูกตุ้มแกว่งไปมาในห้องรับแขก ก่อนหน้านี้ไม่เท่าไรมันเพิ่งทำรอสสะดุ้งโหยงเมื่ออยู่ดีๆ มีนกสีเพลิงตัวเล็กๆบินออกมาจากจากนาฬิกาวนรอบๆ ห้อง ทำเสียงโหวกเหวกไปมา ก่อนที่มันจะค่อยๆ เผาตัวเองจนมอดไป เป็นการบอกเวลาว่าตอนนี้แปดโมงเช้าแล้ว ปกติแล้วมันนาฬิกาคุ๊กคูจะมีเพียงแค่กลไกกระจอกทำให้นกออกมาร้องคุ๊กคู แต่นี่เล่นเป็นนกฟินิกส์ออกมาบินว่อนไปมาทั่วห้องซะงั้น ให้ตายยังไงรอสก็ยังไม่คุ้นกับโลกพิลึกๆ ที่อธิบายด้วยกฏฟิสิกส์ไม่ได้ซักที
ตอนนี้เป็นเวลา 8 นาฬิกา 15 นาที การเดินทางไปยังโรงเรียนด้วยเท้าใช้เวลาไม่เกิน 45 นาที ดังนั้นมันยังมีเวลาเหลือเฟือก่อนจะถึงเวลาที่กำหนด รอสมีนัดที่จะไปถึงปากทางเข้าโรงเรียนเวลา 10 โมงตรงพร้อมข้าวของเครื่องใช้ เมื่อถึงเวลาจะมีรถม้ามารับรอสและสัมพาระเข้าสู่บริเวณโรงเรียนเอง
เนื่องจากยังพอมีเวลาเหลืออยู่อีกบ้าง รอสจึงสั่งการให้ไบรอันจัดกระเป๋าใหม่ให้รอส แต่ว่ามันเป็นสิ่งที่ยากลำบากกว่าที่รอสคาดไว้มาก ในการเลือกเฟ้นชุดที่ดูธรรมดาๆ ที่สุดจากบรรดาชุดนับร้อยๆ ในคอเล็คชั่นของไบรอัน มีเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้นที่รอสเห็นว่ามันดูเป็นผู้เป็นคน นอกนั้นเป็นชุดฟูฟ่อง โกธิค หลุดโลกที่ไบรอันชอบนักชอบหนา
"ผู้หมู่คร๊าบบบบ....โอเคแล้วรึยัง" ไบรอันนั่งแหมะกับพื้นหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อน ตรงหน้ามีกระเป๋าเดินทางถูกเปิดทิ้งไว้โดยมีเสื้อผ้าและข้าวของเครื่องใช้ถูกจัดพับวางอย่างเป็นระเบียบ
"อืมมม...โอเค งั้นไปกันเถอะ" ในที่สุดรอสก็กล่าวคำที่ไบรอันรอคอยมานาน
หลังจากที่เสียเวลาอยู่พักใหญ่ในการจัดกระเป๋าก็ได้เวลาออกเดินทางเสียที แต่พอดูนาฬิกาอีกรอบกลับกลายเป็นว่าเหลือเวลาอีกไม่ถึงครึ่งชั่วจะถึง 10 โมงเช้าซึ่งตอนนี้เวลาสำหรับกินข้าวเช้าก็ไม่พอแล้วด้วยซ้ำไป
รอสกับไบรอันจำต้องกลายมาเป็นนักกรีฑาวิ่งมาราธอนไปโดยปริยาย ทั้งสองรีบจ้ำอ้าวออกจากเซฟเฮ้าส์ไปราวกับรถด่วนที่ไม่มีใครสามารถจะไปขวางมันได้ ไบรอันที่ใส่ชุดรุ่มร่ามฟูฟ่องแถมยังต้องคอยแบกกระเป๋าเสื้อผ้าให้รอสอีกตามคำสั่งของรอสต้องวิ่งอย่างกระเสือกกระสนเพื่อตามให้ทันรอสที่วิ่งตัวปลิวอย่างไม่สนใจใยดีกับความทุกข์ยากของไบรอันเลย (เพราะรอสถือว่าเป็นความผิดของไบรอันเองที่ล้อเล่นมากไปจนทำให้ช้า)
"ผู้หมู่ครับ! ขืนวิ่งไป...อย่างนี้...คงไม่ทัน...แน่ๆ ครับ...เราไปกัน...ทางแม่น้ำดีกว่า" ไบรอันกล่าวไล่หลังรอสด้วยความเหนื่อยอ่อนโดยลืมแม้กระทั่งเปลี่ยนเสียงตัวเองให้กลายเป็นผู้หญิง
"ทางแม่น้ำ?" รอสชะลอความเร็วลงเพื่อจะวิ่งขนานไปกับไบรอันที่วิ่งไล่หลังอยู่
"แฮ่กๆๆ... ครับ มีแม่น้ำไหลผ่านเมืองตรงไปโรงเรียนโซเฟียครับผม...ใช้เรือของผมไปจะเร็วกว่า"
ดังนั้นทั้งสองจึงหักเลี้ยวมุ่งฝ่าป่าตรงไปยังริมแม่น้ำที่ว่าไปตามทางลูกรังที่ดูเหมือนไม่ค่อยมีคนใช้สัญจรมากนัก ระหว่างที่วิ่งไปตามทางที่แวดล้อมไปด้วยต้นไม้และพืชพรรณไม้เลื้อยที่ขึ้นอย่างระเกะระกะ รกรุงรังนั้น...
"โอ๊ย!"
มีใครบางคนขว้างก้อนดินใส่รอส
"อย่าไปสนเลยครับ" ไบรอันตะโกนไม่ให้รอสหยุด "วิ่งต่อไปเรื่อยๆ เลยครับอย่าหยุด!"
จากนั้นไม่นาน สภาพของป่าก็ดูโปร่งขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดพวกเขาทั้งสองมาถึงยังริมแม่น้ำ น้ำในแม่น้ำไหลอย่างเฉื่อยชาใจราวกับดูไม่ยี่หระกับความเร่งรีบของทั้งสองโดยสิ้นเชิง ตัวแม่น้ำเองก็ดูเหมือนแม่น้ำสาขาย่อยทั่วๆ ไปที่ไม่ค่อยจะใหญ่มากมายเท่าไรนัก แต่สิ่งที่ทำให้แม่น้ำนี้ดูพิเศษต่างจากแม่น้ำทั่วๆ ไปคือสีสันอันหลากหลาย ทั้งเหลือง ฟ้าใส น้ำเงินเข้ม สีครามขุ่น สีชมพูอ่อน มันดูราวกับมีใครเอาสีมาละลายในแม่น้ำ
"ผมไม่ได้ใช้มันมาตั้งนานแล้ว แฮ่กๆหวังว่ามันคงจะใช้ได้อยู่นะครับ" ไบรอันผู้ที่เหนื่อยหอบวางกระเป๋าเดินทางลง พร้อมกับควักสร้อยคาขึ้นมา
ไบรอันทำอะไรบางอย่างกับสร้อยคอนั้น สักครู่ก็มีกลุ่มฟองสีขาวผุดขึ้นมาจากกลางแม่น้ำ มันค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้ามาหาทั้งสองเรื่อยๆ จนในที่สุดก็ปรากฏเรือบดไม้เก่าๆ ลำหนึ่งผุดขึ้นมาเหนือน้ำเกยริมชายฝั่ง
"โอเค! ผู้หมู่ขึ้นเรือเลยครับ" ไบรอันรีบดันรอสให้ขึ้นเรือก่อนจะส่งกระเป๋าเดินทางอันหนักอึ้งให้ แล้วจึงปีนขึ้นเรือตามไป
เมื่อทุกคนเข้าที่ ไบรอันก็เริ่มทำอะไรกับจี้สร้อยคออีกครั้ง เรือบดลำน้อยน้อยๆ ก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกห่างจากริมฝั่ง กลับลำกลางแม่น้ำ แล้วมันก็ค่อยๆ แล่นไปอย่างเอื่อยๆ บนผืนน้ำอันสงบนิ่ง
แต่ดูท่าไบรอันจะยังไม่จบอยู่แค่นี้ เขารีบยึดตัวเองเข้ากับราวจับข้างๆ เรือก่อนบอกรอสให้ทำตาม
"ผู้หมู่จับให้แน่นๆ นะครับ เราจะซิ่งกันแล้ว!"
แทบจะไม่ทันสิ้นเสียง เรือบดไม้ลำน้อยที่ดูจะพังมิพังแหล่เริ่มเร่งความเร็ว เสียงของเกลียวน้ำที่เรือวิ่งตัดผ่านเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ ละอองน้ำเริ่มสาดกระเซ็นเป็นม่านน้ำกระจายอยู่สองฝั่งเรือ บางส่วนก็กระเด็นมาโดนทั้งรอสและไบรอันทำเอาเปียกปอนกันไปทีเดียว หัวเรือเริ่มลอยขึ้น และตกลงกระแทกน้ำอย่างรุนแรง ก่อนจะกระเด้งขึ้นอีก ตอนนี้รอสรู้สึกราวกับว่าท้องเรือนั้นเพียงแค่แตะอยู่บนผิวน้ำเท่านั้น มันรู้สึกราวกับนั่งบนเครื่องบินเจ็ทมากกว่านั่งบนเรือเสียด้วยซ้ำ ถ้าไม่ติดอยู่ที่เรือมักจะกระแทกกับพื้นน้ำซะจนก้นรอสแทบพัง
"นี่จ่าใช้เวทมนตร์เหรอ" รอสตะโกนแข่งกับเสียงคลื่นและเสียงกระแทกผืนน้ำของเรือ โดยมือยึดติดกับราวข้างเรืออย่างสุดชีวิต
"เปล่าครับ! ใต้เรือมีเครื่องยนต์ขับเคลื่อนด้วยแรงดันน้ำอยู่ ส่วนตัวเรือทำจากวัสดุพรางตาทำให้ดูเหมือนไม้เก่าๆ ครับ เทคโนโลยีล้วนๆ" ไบรอันหันมาชูนิ้วโป้งให้กับรอสด้วยความภาคภูมิใจ "เมดอินมูราล ของแท้เลยครับผม!"
"แล้วพวกผู้หญิงไม่สงสัยกันเหรอ เห็นเรือไม้เก่าแล่นอย่างกับจรวดอย่างนี้"
"ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ช่วงนี้การจราจรบนผิวน้ำไม่ค่อยพลุกพล่านนักหรอกครับ แถมพวกนั้นคงคิดว่าเป็นเวทมนตร์เพี้ยนๆ อีกอันหนึ่งแค่นั้นเองครับ" ไบรอันตอบรอสโดยมือขวาควบคุมเรือโดยจี้สร้อยคออยู่
วิวทิวทัศน์วิ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว จากภาพของป่าทึบเปลี่ยนมาเป็นป่าโปร่งๆ อย่างรวดเร็วซึ่งแสดงว่าพวกเขาได้มาถึงส่วนของแม่น้ำที่ไหลผ่านตัวเมือง ระหว่างทางรอสเห็นเรือลำอื่นบ้างประปราย แต่ก็อยู่ริมฝั่งมากกว่าจึงไม่รบกวนการเดินทางของพวกเขา ถึงแม้ว่ารอสเองก็สงสัยว่าพวกนั้นคงต้องแอบด่าพวกเขาอยู่แน่ๆ (นอกเรื่องซักนิด: มันก็เหมือนเวลาที่มีพวกบ้าๆ สมองกลวงๆ ที่ขับมอเตอไซซิ่งผ่านหน้าบ้านตอนกลางคืนนั่นแล หนวกหูปนหงุดหงิดจนอยากเอาลวดไปขึงตอนพวกนั้นขับผ่านเป็นบ้า อ๊ะ...นี่มัวบ่นอะไรอยู่เนี่ย)
"จ่า...แล้วมันอะไรกันแน่ที่ขว้างขี้ดินใส่ผมระหว่างทางนะ" รอสถามสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่
"อ๋อ...ไอ้นั่นเหรอ ไม่มีอะไรหรอกครับ ก็แค่พวกนางอายนะครับ" ไบรอันตอบโดยหน้ายังจับจ้องอยู่กับเบื้องหน้า
"นางอาย?"
"ครับผม...นางอายอาราเนียนี่ตัวแสบของแท้เลยครับ ผมละเซ็งกับพวกมันจริงๆ เล้ย ผมต้องคอยไล่พวกมันที่ชอบแอบเข้ามาคุ้ยข้าวคุ้ยของในเซฟเฮาส์ประจำเลยละครับ...ที่อื่นก็มีไม่อยู่ ดันมาอยู่แต่แถบนี้แถบเดียว" ไบรอันตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเล็กน้อย รอสคิดว่าไบรอันคงต้องมีประวัติกับเจ้าพวกนางอายพวกนี้พอสมควรแน่ๆ ไม่งั้นเขาคงไม่ทำเสียงหงุดหงิดต่อหน้ารอสหรอก
พูดถึงนางอายแล้วพลันทำให้รอสนึกถึงเรื่องของเมื่อวาน เจ้านางอายตัวนั้นก็ดูแสบทรวงอย่างที่ไบรอันบอกจริงๆ นั่นล่ะ แต่ดูเหมือนรอสจะคลับคล้ายคลับคลาว่าครูใหญ่ปันจมีพูดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเจ้านางอายพวกนี้ด้วย....
บางอย่างที่ค่อนข้างสำคัญ...แต่เขาเองก็ไม่เข้าใจมันสักเท่าไหร่หรอก
ภาพทิวทัศน์ริมฝั่งเริ่มกลายเป็นป่าหนาทึบอีกครั้ง ก่อนจะถึงหน้าผาหินอันสูงใหญ่ที่อยู่เบื้อหน้า เรือลำน้อยก็ค่อยๆ ชะลอความเร็วลง แล้วจึงค่อยๆ เทียบตัวเองกับริมฝั่ง ไบรอันหยิบนาฬิกาพกขึ้นมาดูพลางถอนหายใจด้วยความโล่งอก
"9 โมง 50...ทันเวลาพอดี"
ไบรอันเก็บนาฬิกาพกนั่น แล้วจึงรีบขนกระเป๋าอันหนักอึ้งออกจากเรือ โดยรอสที่กระโจนขึ้นฝั่งตั้งแต่เรือยังไม่ทันแตะฝั่งเป็นคนรับกระเป๋า ทันทีที่ไบรอันเหยียบพื้นปั๊บ ควันสีดำก็ค่อยๆ ลอยโขมงขึ้นมาจากท้ายเรือ
"จ่า...ควันนั่น" รอสเตือนให้ไบรอันหันกลับไปมองเรือที่ราวกับกำลังโดยรมควันอยู่
"แย่แล้ว!" ไบรอันกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอันตื่นตระหนก "เครื่องไหม้จนได้"
"จ่า...ทิ้งเรือนั่นไว้ก่อน เราไม่มีเวลาเหลือแล้ว" รอสดึงไบรอันที่ทำท่าจะเข้าไปซ่อมเรือไว้เนื่องจากเวลาไม่คอยท่าแล้ว
"ถ้ามีใครมาพบเรือตอนนี้ละก็แย่แน่ครับ"
ไบรอันที่ไม่อาจทิ้งเรือไปได้หยิบกระเป๋าส่งมาให้รอสก่อนจะโอบไหล่รอสไว้พลางอีกมือชี้ตรงไปยังทางลูกรังข้างๆ ที่ทอดตัวตัดผ่านผืนป่า
"โอ๊ย!"
ระหว่างที่ไบรอันโอบไหล่อยู่นั้นรอสรู้สึกเจ็บแปล๊บๆ ที่ต้นคอ แต่พอเขาทำท่าจะผละตัวออก ไบรอันกลับรั้งเขาไว้แน่นขึ้นไม่ให้ไปไหน
"ผู้หมู่จำที่ที่เราไปเมื่อวานได้ใช่มั้ยครับ...ผู้หมู่วิ่งตามทางไปเรื่อยๆ เลยก็คงถึงตรงนั้นแบบฉิวเฉียดเลยละครับ"
ไบรอันผละแขนออกจากตัวรอสก่อนจะตบเข้าที่หลังเบาๆ เป็นสัญญาณให้รอสออกตัว
"แล้วจ่าล่ะ" รอสหันหลังถามไบรอันโดยมืออีกข้างกุมต้นคอที่จู่ๆ ก็เจ็บขึ้นมาเมื่อครู่
"ไม่ต้องห่วงครับ ผู้หมู่รีบไปเถอะ!" ไบรอันมีสีหน้าเอาจริงเอาจังขึ้นมาทันที
รอสพยักหน้าตกลง กระชับกระเป๋าอันหนักอึ่งก่อนออกตัววิ่งไปตามทางอย่างรวดเร็ว โดยปล่อยทิ้งให้ไบรอันมองดูแผ่นหลังที่เคลื่อนตัวหายเข้าไปในป่า
เมื่อรอสหายไปจากสายตาแล้ว มือที่โบกอำลาหยอยๆ ของไบรอันก็หยุดลง ก่อนเผยสิ่งที่เขาซ่อนไว้หลังมือ มันเป็นเพียงหลอดแก้วใสๆ อันเล็กที่มีเข็มเล็กๆ ติดอยู่ตรงปลาย ข้างในหลอดมีของเหลวสีแดงข้นอยู่เต็ม
"เอาล่ะ เราไปทำเรื่องของเราต่อดีกว่า"
แล้วจู่ๆ ควันที่ลอยละล่องออกมาจากเรือก็พลันหยุดลงราวกับที่ควันพวยพุ่งขึ้นมาเมื่อสักครู่เป็นเรื่องโกหก
@@@@@@@@@@@@@@@
ความคิดเห็น