คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Train Station ประตูสู่วาฮัลลา (1)
“มารี !”
เสียงทักทายของหญิงสาวดังขึ้นจากเบื้องหลัง ก่อนที่มารีจะได้ทันหันไปหาต้นเสียงเธอก็ถูกร่างหญิงสาวร่างใหญ่โตกระโจนเข้าโผกอดราวกับพายุ ทำเอามารีเกือบกลิ้งตกรางรถไฟไปแล้ว
“มารี แอน มาลเดอร์ โอ้ มารี แอน เพื่อนรักของฉัน”
“ซิลวี ฉันหายใจไม่ออก” มารีกล่าวกับหญิงสาวที่เธอเพิ่งเรียกว่า ซิลวี ด้วยความอึดอัดอย่างหาที่สุดมิได้ ซึ่งมันไม่แปลกเลย ตัวของซิลวีนั้นราวกับผู้ชายที่มีหน้าอกกับสะโพก
“ตายแล้ว โทษที” ว่าแล้วซิลวีก็คลายมารีออก ปล่อยให้มารีตั้งหลักสักพักก่อนจะได้ยลโฉมเพื่อนสาวชัด ๆ เสียที
อย่างที่กล่าวไว้ ซิลวีผู้นี้แม้จะเป็นผู้หญิง แต่กลับมีร่างกายใหญ่โตเฉกเช่นบุรุษเพศ ใบหน้าหน้าตาเองก็มิได้ผิดเพี้ยนไปจากผู้ชายเสียเท่าไหร่ ทำให้ไม่น่าเชื่อเลยว่าเธอคนนี้จะมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับมารี กระนั้นผมสีทองสกปรกถูกมัดเป็นเปียแกละสองข้างยาวไปจนถึงเอว กับใบหน้าที่ตกแต่งด้วยเครื่องสำอางจนดูคล้ายนักแสดงละครจำอวด เสื้อกระโปรงสีชมพูอ่อนที่เจ้าหล่อนสวมก็ดูราวกับจะไปงานปาร์ตี้เสียมากกว่า
“ไงซิลวี” เมื่อตั้งตัวได้แล้ว มารีก็ยิ้มหวานให้แก่สหายก่อนจะเข้าสวมกอดกันอีกครา “ไม่ได้เจอกันตั้งแต่งานเทศกาลแล้ว สวยขึ้นเป็นกองเลย”
“ขอให้สมพรปากเถิด จะได้หาผัวได้เสียที” ซีลวีลูบศีรษะมารีก่อนจะสังเกตเห็นกระเป๋าถือใบใหญ่ที่อยู่ข้างเคียง “แล้วเธอมาทำอะไรที่นี่กันล่ะ อย่าบอกนะว่า...”
มารีเพียงแค่พยักหน้าหงึก ๆ บ่งบอกเรื่องราวทุกอย่าง
“ตายจริง เธอเองก็โดนเรียกตัวด้วยหรือนี่ ตายแล้ว ๆ ไอ้ฉันก็นึกว่าที่เขาเรียกตัวฉันมาเพราะเข้าใจผิดนึกว่าฉันเป็นผู้ชายเสียอีก ดีใจจัง เฮ้ย ไม่สิ แย่แล้วล่ะ”
เมื่อมองไปรอบ ๆ ก็จะเห็นเหล่าชายมากมายหลายรูปแบบ ทั้งทั้งแก่ทั้งหนุ่ม ต่างยืนกันแน่นเต็มชานชลาโทรม ๆ รอยคอยขบวนรถไฟที่จะนำพวกเขาไปสู่ค่ายทหารเลอร์จูน ที่พวกเขาจะได้รับการฝึกอย่างเร่งรัดก่อนจะถูกจับโยนเข้าสู่สนามรบ แน่นอนว่าท่ามกลางว่าที่ทหารหนุ่มแห่งสาธารณรัฐนั้นมีเพียง มารี และ ซิลวี เท่านั้นที่เป็นสตรีเพศ ยิ่งซิลวีที่ดูคลายกับบุรุษแล้วมันยิ่งทำให้มารีเหมือนเป็นกล้วยไม้หนึ่งเดียวท่ามกลางป่าสนอันอึมครึม
“แล้วนี่เธอมาคนเดียวเองหรือนี่ แล้วมาดามแคธี่ กับเจ้าฌองล่ะ”
“ซิลวีก็รู้นี่ว่าคุณแม่ท่านร่างกายอ่อนแอแค่ไหนกัน ส่วนเจ้าฌองนั่นก็...” ว่าแล้วมารีก็เล่าถึงเรื่องที่จนป่านนี้ฌองยังงอนมารีไม่หาย เธอจำได้ดี จนป่านนี้ฌองยังโวยวายด้วยน้ำเสียงน้อยใจว่าทำไมพี่สาวถึงได้ไปรบ ในขณะที่เขาต้องอยู่เฝ้าบ้าน เมื่อไม่กี่วันมานี้มารีต้องวุ่นกับการจับตาฌองอยู่ตลอดเวลาเพื่อไม่ให้แอบหนีไปสมัครทหารได้ ต้องเกลี้ยกล่อมอยู่นานกว่าจะยอมสงบโดยต้องอ้างเหตุผลถึงสุขภาพของมารดาที่ต้องมีคนช่วยดูแล
“มารีเองก็ลำบากเหมือนกันนะ”
“ไม่หรอก แค่ให้เจ้าฌองอยู่ติดบ้านได้ฉันก็ดีใจแล้วล่ะ” มารีส่ายศีรษะอย่างไม่ใช่เรื่องใหญ่นัก “จริงสิ แล้วคนอื่นล่ะอยู่ไหนกัน ถ้าขนาดทางการเรียกตัวฉันกับเธอมาแล้ว...”
ยังไม่ทันขาดคำ เสียงตะโกนร้องเรียกหาซิลวีก็แว่วมากระทบหูทั้งสอง ตามมาด้วยการปรากฏตัวของชายหนุ่มร่างผอมสูงกำลังพยายามเดินฝ่าฝูงคนมาหาเจ้าหล่อน เขามีผมสีน้ำตาลหยักศกรุงรัง และใบหน้าที่ดูเป็นห่วงอะไรบางอย่างอยู่เสมอ
“ซิลวี เธออย่าแยกออกมาคนเดียว สิจะหลงกับ...”
แต่แล้วเมื่อเจ้าหนุ่มได้สังเกตเห็นมารี เขาถึงกับอ้ำอึ้งจมไปกับคำพูดที่ยังไม่ทันจบประโยค ใบหน้าที่อมเลือดฝาดราวกับคนเมาอยู่แล้วยิ่งแดงก่ำเข้าไปอีก นัยน์ตาคู่สีน้ำตาลเข้มของเจ้าหนุ่มเผลอจดจ้องหญิงสาวตรงหน้าได้เพียงครู่เดียว ก่อนจะรีบก้มหลบไปมองรองเท้าหนังคู่สีน้ำตาลที่ได้รับเป็นมรดกตกทอดจากบิดาเสีย...
กระนั้น มันก็ไม่ใช่เจ้าหนุ่มที่แสดงกิริยาแปลก ๆ เยี่ยงนี้เพียงผู้เดียว มารีเองกลับมีท่าทางไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หน้าของหล่อนที่ได้ยลโฉมของหนุ่มผู้นั้นเพียงชั่วพริบตาก็รีบก้มไปสำรวจรองเท้าหนังสีดำจากร้านมองซิเออร์ลองแบลงที่ได้รับเป็นค่าจ้างตอนมารีไปช่วยซ่อมร้าน ไม่ต่างจากผู้มาเยือนตรงหน้าแม้แต่น้อย
“มารี...”
“มิเกล”
มันเป็นห้วงเวลาแห่งหนุ่มสาวที่กำลังเริ่มผลิดอกออกผลท่ามกลางยุคสมัยแห่งความสับสนวุ่นวาย ราวกับว่าเวลาของทั้งโลกได้พร้อมใจกันเดินช้าลง ภาพของผู้คนรอบข้าง แม้แต่ร่างอันใหญ่โตของซิลวีที่ขวางกั้นระหว่างทั้งสองก็ดูจะเจือจางสูญเสียความมีตัวตนไปจนหมดสิ้น เหลือแต่ภาพของบุคคลตรงหน้าที่กลับเด่นชัดขึ้นราวกับโลกนี้มีเพียงเราสอง
ทว่า ทั้งสองก็ต้องถูกกระชากกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงอย่างรวดเร็ว เมื่อซิลวีกระโจนโอบกอดทั้งสองเข้าไปในอ้อมแขนอันแสนแข็งแกร่ง
“แหม ๆ อย่าเพิ่งลืมฉันสิยะ เจ้าพวกนกรักคู่นี้นี่”
เมื่อได้ยินคำพูดทีเล่นทีจริงที่หลุดมาจากปากของซิลวี หนุ่มสาวที่หน้าแทบจะชนกันภายใต้ท่อนแขนก็ยิ่งหน้าแดงก่ำหนักขึ้นเข้าไปอีก
“ม... ไม่ใช่นะ !”
คำพูดที่เหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว แถมยังโผลงออกมาพร้อมกันจากปากของทั้งสองโดยมิได้นัดหมายยิ่งทำให้ซิลวีหัวเราะร่าอย่างถูกใจ ก่อนจะปล่อยให้ทั้งสองหลุดเป็นอิสระเสียที
“ให้ตายสิ พวกเธอทำให้ฉันสนุกได้เสมอเลย”
“ไม่ต้องมาหัวเราะเลยซิลวี อย่าหลุดออกมานอกกลุ่มคนเดียวสิ เดี๋ยวหลงหรอก” ชายหนุ่มที่ชื่อ มิเกล รีบหันไปต่อว่า ซิลวี ราวกับพยายามกลบเกลื่อนความรู้สึกที่แสดงออกมาอย่างชัดเจนบนใบหน้า
“จ้า ๆ พ่อหนุ่มน้อย ก่อนจะเป็นห่วงฉันไม่คิดจะถามหรือว่าทำไมมารีมาอยู่ที่นี่ด้วยเล่า” ว่าแล้วซิลวีก็รีบไปดันมารีให้เขยิบเข้าใกล้มิเกลมากขึ้น “นี่แนะ มารีอุตส่าห์มาส่งนายถึงสถานีเชียวนะ บอกว่าอยากจะมาอวยชัยให้นายให้ได้เลยล่ะ”
หัวใจของมิเกลเริ่มเต้นระส่ำระสายขึ้น มาส่งเขาถึงสถานีอย่างนั้นหรือ หมายความว่าเธอมีความรู้สึกพิเศษให้กับเขาขนาดยอมเดินทางมาอวยชัยให้ได้อย่างนั้นหรือ แน่นอนว่าความหวังเล็ก ๆ นั้นแตกสลายไปอย่างรวดเร็ว เมื่อมารีรีบบอกปฏิเสธด้วยใบหน้าขวยเขินไม่แพ้มิเกล แต่เมื่อมารีบอกเหตุผลที่แท้จริงออกไป มิเกลก็ถึงกับหน้าถอดสีด้วยไม่คาดคิดว่า อิสตรีดั่งเช่นมารียังต้องโดนเกณฑ์ไปรบกับเขาด้วย
“เดี๋ยวก่อนสิ มันต้องมีอะไรผิดพลาดสิ ทำไมอย่างมารีต้อง...”
“เฮ้ ฉันเองก็เป็นผู้หญิงนะ ทำไมนายยังไม่เห็นจะแปลกใจเลย” ซิลวีตบหัวมิเกลด้วยความหงุดหงิด เรียกเสียงหัวเราะจากมารีที่กำลังขวยเขินให้กลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงตามเดิม
....................................
............................
...................
..........
“ให้ตายสิ ประเทศนี้เป็นอะไรไปของมันแล้วนะ ถึงขนาดต้องเกณฑ์เด็กสาวมาร่วมรบด้วยนี่” ชายชราวัยเกษียณอายุ มองซิเออร์โคลแบร์ เคลเมนท์ เป็นทั้งเจ้าของอู่เคลเมนท์ และบิดาของมิเกล กำลังบ่นออกอย่างเสียงดังโดยไม่สนใจว่าเจ้าหน้าที่อาสาหนุ่มของคณะปฎิวัติจะยืนฟังอย่างไม่ค่อยสบายใจนัก
“นี่พ่อ อย่าพูดออกไปดังสิ”
“ใครได้ยินพ่อพูดแล้วจะทำไมล่ะ” มองซิเออร์โคลแบร์โวยวายใส่เจ้าลูกชายก่อนจะหันไปหาเจ้าหน้าที่อาสาหนุ่มที่กำลังจะตกเป็นเป้าระบายอารมณ์คนต่อไป “ใช่ไหมล่ะเจ้าหนุ่ม ฉันรับใช้ราชการประเทศนี้มาสี่สิบกว่าปี เสียขาไปข้าง ผมก็หงอกจนถึงขนาดนี้แล้วยังไม่เคยเห็นสมัยไหนที่ตกต่ำจนถึงขนาดต้องเกณฑ์ผู้หญิงและเด็กเข้าสงครามอย่างนี้มาก่อน สมัยโน้นนะ มันเป็นหน้าที่ของผู้ชายที่ต้องเข้าสู่สนามรบเพื่อปกป้องผู้หญิง และเด็กที่อยู่แนวหลัง...”
มารีรู้สึกสงสารเจ้าหนุ่มนั่นพอสมควรกับการที่ต้องมานั่งหัวหดเป็นเหยื่อการเทศนาของมองซิเออร์โคลแบร์ โดยมีมิเกลพยายามจะหยุดพ่อหัวดื้อนั่นให้ได้ ซิลวีและผู้อื่นโดยรอบได้แต่มองดูเรื่องวุ่น ๆ อย่างตลกขบขัน
“ไม่ต้องห่วงหรอกนะแม่หนู เดี๋ยวเจ้าพวกหนุ่ม ๆ ของลุงจะปกป้องพวกหนูเอง” มองซิเออร์โคลแบร์หันมากล่าวอย่างยิ้มแย้มกับหญิงสาวทั้งสอง จนซิลวีอดที่จะแอบย้อนไม่ได้ว่า “แหม อย่างกับลุงจะไปกับพวกหนูด้วยงั้นล่ะ” ทำเอาผู้เฒ่าขาเดียวหัวเราะร่า
ใช่แล้ว มองซิเออร์ไม่มีทางเข้าสนามรบได้อีก ต้นขาขวาของเขาถูกเครื่องจักรบดขยี้ไประหว่างซ่อมหุ่นกลตั้งแต่เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ตอนนี้เขาจึงเป็นเพียงตาแก่ขาไม้ธรรมดา ๆ ไม่เหลือเค้าของอดีตทหารช่างผู้เชี่ยวชาญเลย แต่เพียงเพราะชื่อของมองซิเออร์โคลแบร์มีอยู่ในรายชื่อของผู้มีใบอนุญาติขับหุ่นกล เขาจึงถูกเรียกตัวมาที่นี่อย่างช่วยไม่ได้ เฉกเช่นเดียวชายหนุ่มและหญิงสาวอีก 17 ชีวิตที่ถูกเกณฑ์เข้าหน่วยอาสาที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นใหม่เพื่อทดแทนกองกำลังเก่าที่ไม่หนีออกนอกประเทศช่วงปฏิวัติหรือเสียชีวิตในสนามรบ
พี่น้องตระกูลเครเมอร์มาทั้งคู่ อองรีจากหมู่บ้านเมอเซียร์ก็มา พ่อลูกตระกูลเคลเมนท์มาพร้อม ทุกคนในกลุ่มนี้ล้วนเป็นคนคุ้นหน้าคุ้นตาทั้งสิ้น เนื่องจากจำนวนผู้ที่สามารถบังคับหุ่นกลที่ไม่ใช่พวกชนชั้นสูงมีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย ดังนั้นกลุ่มสังคมของพวกเขาจึงค่อนข้างแคบ อย่างน้อยทุกคนต้องเคยพบหน้าพบตากันที่อู่ซ่อมหุ่นกลเคลเมนท์ที่เป็นอู่เพียงแห่งเดียวในเมือง ตามงานก่อนสร้าง หรืองานเทศกาลประจำโอกาศต่าง ๆ ยิ่งมารีเป็นผู้หญิงหนึ่งในสองคนทำให้ไม่มีใครที่ไม่รู้จักมารี แอน มาลเดอร์ ผู้นี้
“แล้วมาดามแคทเธอรีนกับฌองไม่มาส่งหนูหรือ” มองซิเออร์โคลแบร์ถามหาภรรยาของอดีตสหายที่ล่วงลับไปก่อนแล้ว ซึ่งมารีก็เล่าไปตามที่เคยเล่าให้ซิลวีฟัง
“อืมมม... ความจริงยายแก่กับลูก ๆ ของลุงก็มาส่งด้วยล่ะนะ แต่เจ้าพวกทหารพวกนั้นกั้นไว้ไม่ให้เข้ามานะ แต่ก็ดีแล้วล่ะ มาดามแคทเธอรีนยิ่งร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงอยู่ด้วย ให้เธอมาอยู่ตรงคนพลุกพล่านท่าจะเป็นความคิดที่ไม่ดีนัก” มารีหันไปมองข้างนอกรั้วที่ญาติพี่น้องของเหล่าว่าที่ทหารอาสาเกาะรั้วโบกมือหยอย ๆ เต็มพรืดไปหมด โดยมีทหารคาดแถบผ้าสีเขียวตรงต้นแขนอาวุธครบมือคอยยืนกันไว้
ถึงจะเห็นด้วยกับมองซิเออร์โคลแบร์ แต่มารีก็อดที่จะเหงาเสียมิได้
@@@@@@@@@@@@@@@@@@
Edit Log: June 16th, 2009: จบตอน
Edit Log: June 17th, 2009: แก้ชื่อ ณอง เป็น ฌอง ต้องขอบคุณท่านหน่องจริง ๆ ที่ช่วยเตือนนะครับ
Edit Log; Jan 20th, 2010: แก้สำนวนเล็กน้อย
Edit Log: June 10th, 2011: แก้สำนวนเล็กน้อย
ความคิดเห็น