ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รวมบทความเกี่ยวกับการ์ตูนที่เคยเขียน

    ลำดับตอนที่ #4 : อนิเม 5 เรื่องที่ไม่ค่อยดัง แต่คิดว่าน่าดู

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.54K
      2
      7 ต.ค. 57

    สวัสดีครับ  ช่วงนี้วิกฤติน้ำท่วมก็หนักหนาสาหัส  บางคนบ้านก็ท่วมไปแล้ว  บางคนก็ยังคงใจตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ลุ้นระทึกว่าจะท่วมหรือไม่ท่วม  ก็หวังว่าทุกคนจะดูแลสุขภาพและสวัสดิภาพของตนด้วยนะครับ

    ส่วนในวันนี้ผมอยากลองเขียนแนะนำอนิเม 5 เรื่องที่คิดว่าไม่ค่อยจะดัง  แต่ก็มีค่าแก่การดู  แน่นอนว่าคำว่า "ไม่ค่อยจะดัง" หรือ "ไม่ค่อยมีใครพูดถึง" นี่ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของผมล้วน ๆ เพราะฉะนั้นไม่ต้องถามหรอกว่าผมเอามาตรฐานไหนมาวัดว่าเรื่องไหนดังหรือไม่ดัง  (พูดง่าย ๆ คือมันอาจดัง แต่ผมมึนไม่รู้ว่ามันดังนั่นเอง ฮา) 

    แน่นอนว่าเรื่องที่ผมจะมาแนะนำอาจจะไม่ใช่เรื่องที่ยอดเยี่ยมที่สุด  อาจมีข้อด้อยอย่างร้ายกาจ  หรืออาจจะไม่ได้หวือหวาถึงขั้นดูจบแล้วตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า  ไม่เป็นกระแสที่คนอื่นพูดถึง  แต่กระนั้นอนิเมเหล่านี้ก็มีจุดเด่น ๆ ที่ทำให้ผมรู้สึกว่าน่าศึกษาและน่าติดตาม  และดูได้สนุกอย่างไม่น่าเชื่อ

    ปอลิ่ง. บางบทอาจจะยาวเพราะเคยเขียนไว้แล้ว  แต่ส่วนใหญ่จะสั้น ๆ นะ




    ปล. อันนี้แค่รูปประกอบสวย ๆ เท่านั้นนะ


     

    1. Soukou no Strain
    แนวไซไฟ สงครามอวกาศ

     



    Tag; หุ่นยนต์, อวกาศ, นางเอกบราคอน

     
    เรื่องย่อ

    ในอนาคตอันห่างไกล  มนุษยชาติได้แบ่งออกเป็นสองฝ่าย  Union และ Deague  ทั้งสองฝ่ายได้ทำสงครามกันมาอย่างยาวนานจนกระทั่งไม่มีใครจำได้ด้วยซ้ำว่ามันเกิดขึ้นเมื่อไหร่  อาวุธหลักของกองทัพฝ่าย Union คือระบบอาวุธมีคนบังคับที่เรียกว่า Strain ในขณะที่ฝั่ง Deague ใช้อาวุธไร้คนขับที่เรียกว่า Tumoru (Tumor) 

    เซร่า วีเร็ค เป็นเด็กสาวอายุ 16 ปี มาจากครอบครัวที่มีชื่อเสียงได้เข้าเรียนที่โรงเรียนเตรียมทหาร Grapara Space Armed Soldier Academy ที่ตั้งอยู่ในระบบสุริยะ Cranail ที่ซึ่งเธอได้ฝึกฝนเพื่อที่จะเป็นผู้บังคับ Strain (หรือที่เรียกว่า Reasoner) อย่างเต็มตัว

    พี่ชายของเธอ  ราล์ฟ  วีเร็ค ได้ถูกส่งไปยังแนวหน้าที่ห่างออกไป 130 ปีแสงเพื่อปฏิบัติภารกิจพิเศษเมื่อตอนที่เซร่าอายุได้เพียง 11 ปี  ซึ่งระยะห่างที่พี่ชายต้องเดินทางนั้นใช้เวลาถึง 400 ปีของโลกเพื่อการเดินทางด้วยยานรบที่เร็วที่สุด  กระนั้นตามทฤษฎีสัมพันธภาพ  ราล์ฟที่อยู่ในยานจะรู้สึกว่าใช้เวลาเดินทางเพียง 2 ปีเท่านั้น

    ทั้งสองสูญเสียพ่อแม่ไปเมื่อครั้งยังเด็ก  และความสัมพันธ์ของพี่น้องทั้งสองเหนียวแน่นมาก  มันเป็นความประสงค์ของเซร่าที่จะได้พบกับพี่ชายอีกครั้ง  และเพื่อการนั้น  เซร่าต้องเดินทางเข้าสู่สนามรบที่พี่ชายประจำอยู่

    วันหนึ่ง  ดาวที่เซร่าฝึกเรียนอยู่ถูกโจมตีโดยกองทัพ Deague สิ่งที่ทำให้เซร่าต้องประหลาดใจถึงที่สุดก็คือเป็นพี่ชายของหล่อนเองที่นำการโจมตีในครั้งนี้  และได้ลักพาตัวเด็กสาวปริศนาที่หลับอยู่ในแคปซูลไปด้วย

    เพื่อค้นหาความจริง  เซร่าบังคับ Strain เข้าไล่ตามพี่ชาย  แต่กระนั้นเธอก็ถูกจู่โจมโดยพี่ชายของตัวเอง  และ Mimic ที่ซึ่งเป็นก็อปปี้ของสองนักบินที่เป็นส่วนสำคัญยิ่งในการบังคับ Strain เสียหาย

    เครดิท: แปลจากเว็บ http://myanimelist.net/anime/1602/Soukou_no_Strain

    ความเห็น 

    ดูเผิน ๆ อาจเป็นแค่อนิเมหุ่นยนต์ดาษ ๆ ที่ดูจบแล้วอาทิตย์ต่อมาคงลืมไปแล้วว่าเคยดูเรื่องนี้  อีกทั้งมีเรื่องให้ติเต็มไปหมดเลย  ตั้งแต่ภาพที่ทำได้งั้น ๆ คาแร็คเตอร์ดีไซน์ไม่ค่อยถูกใจ  รายละเอียดของเรื่องดูธรรมดามากถ้าดูจากคอนเซปต์ของเรื่อง ทั้งการใช้หุ่นยนต์รบในอวกาศก็ดี  ทั้งการที่นางเอกนั่งเกวียนเดินทาง (ใช่  ลืมบอกไปว่าเรื่องนี้เป็นอนิเมวิทยาศาสตร์เสปซโอเปร่านะ)  ตอนที่ 7 (ใส่มาทำไมก็ไม่รู้) 

    แต่ว่า  ผมกลับชอบเรื่องนี้ฟ่ะ

    ไม่ต้องแนวจ๋าเหมือนฮารุฮิ  ยูริวายป่วงเหมือน simoun หรือขายซึนอย่างรังแคเพลิงชานะ  แต่เรื่องนี้พอดูโดยรวมแล้วกลับรู้สึกว่า สนุก และ เพลิน เลยทีเดียว  ผู้สร้างสามารถทำให้เรารักและเอาใจช่วยนางเอกตกอับอย่าง เซร่า ได้ (ได้ข่าวว่าได้แนวคิดจากเรื่อง A Litle Princess)  แถมเรื่องนี้ดราม่าใช่ย่อย  ไม่มีหวงตัวละคร  เล่นจริงตายจริง  ถึงจะไม่ตายเป็นเบืออย่าง V Gumdam  แต่เหยื่อสงครามของเรื่องก็เรียกได้ว่าเยอะพอสมควร

    อีกอย่างคือโครงเรื่องที่เขียนไว้ได้ค่อนข้างน่าสนใจ  ประเด็นที่เสนอมาในเรื่องสามารถใช้ได้อย่างครบถ้วน เช่นเรื่องของ mimic และการเดินทางความเร็วแสง  ประเด็นเรื่องพี่ชาย  และอย่างที่บอกไว้ข้างต้น  เรื่องนี้เล่นกับประเด็นทางวิทยาศาสตร์หลาย ๆ อย่างที่ค่อนข้างละเลยในอนิเมแนวไซไฟเรื่องอื่น ๆ เช่นช่วงความต่างของเวลาในการเดินทางความเร็วแสง  การเชื่อมโยงของระบบสมอง  เอเลี่ยน (ใช่แล้วครับ  มนุษย์ต่างดาวนั่นล่ะ)  ฉากต่อสู้ของ strain เองก็เรียกได้ว่าดูแล้วเพลินดี  คงเพราะเป็นเรื่องเสกลเล็ก โฟกัสแค่การเดินทางของยานลำหนึ่งมากกว่าเน้นที่ฉากบู๊อลังกาลของการปะทะกันของกองทัพเหมือนกันดั้มหรือมาครอส ทำให้เรื่องนี้คุมโทนเรื่องได้ง่ายด้วยล่ะมั้ง  ซึ่งก็น่าเสียดายที่ไม่มีฉากการปะทะใหญ่ ๆ แต่ผมว่านั่นก็คงเป็นจุดดีของเรื่องนี้ด้วยล่ะมั้ง  คือเรื่องไม่ได้หลุดออกอวกาศมากจนเกินไป

    ข้อดี: นางเอกและเพื่อนนางเอกบราคอน  ตัวละครน่าเอาใจช่วย  เนื้อเรื่องสนุกครบถ้วนทั้งในแง่การดำเนินเรื่องและอารมณ์ร่วม  ฉากต่อสู้ดูสนุก  นำเสนอประเด็นได้น่าสนใจ  ตัวละครเจ็บจริงตายจริง  ตอนจบลงตัว ประมาณ 13 ตอน  ไม่สั้นไม่ยาวเกิน 

    ข้อเสีย: คุณภาพของตัวอนิเมชั่นถือว่าไม่ค่อยดีนักเมื่อเทียบกับเรื่องอื่นในช่วงนั้น  ยังมีจุดแปลก ๆ ที่ดูแล้วรู้สึกขัด (เช่นการใช้ strain นี่ล่ะ  อนาคตขนาดนั้นทำไมยังต้องอาศัยหุ่นยนต์ที่มีคนบังคับอยู่อีกฟะ  อย่างนี้ผมยอมอยู่ฝ่าย deague ดีกว่าฟะ  ไม่เสี่ยงเท่าฝ่ายสหพันธ์ หรือการนั่งเกวียนในตอนแรก) ฉากซีจีไม่ค่อยเนียน  ฉากเซอวิสตอน 7  สุดแสนไร้รสนิยม  เหมือนสักแต่ใส่มาเพราะมีใบสั่ง  Op ไม่ค่อยดึงดูด

    ถ้าคุณไม่ใส่ใจเรื่องที่ดูขัด ๆ และคุณภาพของตัวภาพแล้ว  เรื่องนี้ถือได้ว่าดูแล้วสนุกอีกเรื่องหนึ่งเลย  น่าเสียดายที่เป็นอนิเมสนุกที่อยู่นอกกระแส  และคนอาจมองข้ามเพราะตอนแรกนั่นแล

    ปอลิ่ง ถ้าท่านสนใจสามารถหาดูได้ใน youtube นะ  แต่เป็น sub eng กับ sub esp




    2. Ga-Rei Zero
    แนวแฟนตาซี ดราม่า เหนือธรรมชาติ โชโจไอ





    Tag: ดราม่า, โขโจไอ, ตอนแรกเกรียนสุด ๆ, เจ้าแม่ฮิเมะคัท

    นัตสึกี๊~

     
    เรื่องย่อ

    "Will you kill someone you love because of love?"

    "คุณจะฆ่าคนที่คุณรักเพราะความรักได้หรือไม่ ?"

    กระทรวงกลาโหมของญี่ปุ่นได้จัดตั้งหน่วยพิเศษต่อต้านสิ่งเหนือธรรมชาติขึ้นมาเรียกว่า สำนักบรรเทาภัยพิบัติที่เกิดขึ้นจากเรื่องเหนือธรรมชาติ (พวกเสื้อส้มนั่นล่ะ) พวกเข้ามีหน้าที่ปกป้องแผ่นดินญี่ปุ่นและประชาชนจากเหตุการณ์เหนือธรรมชาติต่าง ๆ กระนั้นเรื่องมันก็ไม่ได้ดำเนินไปด้วยดีในภารกิจหนึ่งของพวกเขา...

    เครดิท: แปลจาก http://myanimelist.net/anime/4725/Ga-Rei:_Zero


    ความเห็น

     
    ถ้าใครคิดว่าตอนสามของมาโดกะช็อคแล้ว  เจอตอนแรกของเรื่องนี้ไปคงหงายท้องไปเลย

    สุดยอดแห่งความ Troll ของสตูดิโอที่เรียกได้ว่าตั้งใจหลอกคนดูเต็ม ๆ  ส่วนจะหลอกยังไงนั้น  ลองไปหาดูเองก็แล้วกัน (ฮา)

    ความจริงผมแปลกใจมากเลยที่เรื่องนี้ไม่ค่อยมีใครพูดถึง (หรือเราไม่รู้เองฟ่า)  เพราะถึงจะเป็นตอน prequel ของฉบับมังหงะ  แต่คนที่ไม่เคยอ่านมังหงะก็สามารถสนุกไปกับมันได้อย่างไม่ยากเย็น (แต่ถ้าเคยอ่านมังหงะมาก่อนอาจจะขำรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่โผล่มาในเรื่อง)  เรื่องนี้ถือเป็นหนึ่งในเรื่องที่ผมชอบมากที่สุดเลยก็ว่าได้  ทั้งเพลงเปิดที่จนป่านนี้ผมก็ยังเปิดมาฟังอยู่บ่อย ๆ เนื้อเรื่องดราม่าที่สมเหตุสมผล  และทำได้สะเทือนใจและประทับใจมาก  ภาพสวย ฉากต่อสู้เจ๋ง (มาก) ตัวละครมีเสน่ห์  ถึงอาจจะมีกลิ่นอายความเป็นโชโจไอไปบ้าง  แต่มันก็ไม่มากเกินไป  (ขนาดแฟนผมที่เกลียดแนวยูริสุด ๆ ยังดูเรื่องนี้ได้เลยนะ) 

    เรื่องนี้สำหรับผมแล้วรู้สึกว่าเป็นส่วนผสมที่ลงตัวของอนิเมคุณภาพเยี่ยม  เนื้อหาครบในแง่ของตัวเนื้อเรื่องในอนิเม และตัวบทที่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนในภาคมังหงะ  ถ้าให้เทียบกับอนิเมที่ Hype กันช่วงนี้ผมให้มันเทียบเท่ากับเรื่อง Madoka เลย  เผลอ ๆ จะชอบเรื่องนี้มากกว่าด้วยซ้ำ  แต่ทำไมไม่ค่อยมีใครพูดถึงเรื่องนี้เลยแฮะ... ถ้าบอกว่าให้แนะนำอนิเมสนุก ๆ แล้ว  เรื่องนี้จะเป็นเรื่องแรกที่แว่บเข้ามาในหัวผมเลย

    ปล. ส่วนที่ผมรู้สึกชอบมากของเรื่องนี้คือช่วงตอนที่ 1 ตอนที่ 2 และ ตอนที่ 10 ที่เป็นเหตุการณ์เดียวกัน  แต่อารมณ์มันคนละเรื่องเลยระหว่างตอนที่เรายังไม่รู้อะไรกับตอนที่เรารู้อะไรแล้ว  สุดยอดจริง ๆ

    ปล. 2 เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่ฉบับอนิเมดันทำได้สนุกกว่ามังหงะซะงั้น  ฉบับมังหงะออกแนวการ์ตูนจั๊มป์แอ็คชั่นตลก ๆ จ๋าเลย 


     


    Op ของเรื่องนี้  ว่าแต่เจ้ากลุ่มคนในภาพด้านบนมันหายไปไหนหมดฟะ



    3. Armed Librarian: The Book of Bantorra
    แฟนตาซี แอ็คชั่น ดราม่า ผจญภัย

     



    Tag: ตัวประกอบอดทน, ตายเยอะ, ธีมของเรื่องคือความรัก ?

     

    เรื่องย่อ

     

    ในโลกที่ผู้ตายไปแล้วกลายเป็นหนังสือและถูกเก็บไว้ในห้องสมุด Bantorra ใครก็ตามที่ได้อ่านหนังสือจะสามารถรับรู้ได้ถึงอดีตของมัน  ห้องสมุด Bantorra ถูกดูแลโดยบรรณารักษติดอาวุธ (Armed Librarians) ที่มีความสามารถเหนือมนุษย์  และศัตรูของพวกเขาคือลิทธิคลั่งที่รู้จักกันในนาม Shindeki Church (Sub อิงมันแปลว่า Church of drowning in God's Grace)

    เครดิท: แปลจากวิกิ http://en.wikipedia.org/wiki/Tatakau_Shisho

    ความเห็น

     

    สิ่งแรกที่ผมอยากจะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้คือกรุณาอย่าให้ฉาก CG กาก ๆ ของตอนแรกเป็นเครื่องตัดสินว่าจะดูเรื่องนี้ต่อหรือไม่ (หลังจากนั้นมันไม่มีแล้วล่ะ  ไม่ต้องห่วง)

    ในความเห็นผมแล้ว  เรื่องนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของการวางพล็อตเรื่องได้อย่างเหนือชั้น  สมแล้วที่เป็นอนิเมสร้างจากไลท์โนเวล  ทำให้โครงเรื่องค่อนข้างแข็งโป๊ก  เรื่องนี้ใช้วิธีการเล่าเรื่องได้น่าสนใจมาก  คือแทนที่จะเป็นเนื้อเรื่องยาวเยียดไปจนจบ  เรื่องนี้กลับแบ่งเนื้อเรื่องเป็นบทสั้น ๆ บทละ 3 - 4 ตอนจบ  โฟกัสไปที่ตัวละครโน้นบ้าง  ตัวละครนี้บ้าง  ดูตอนแรก ๆ เราอาจจะยังไม่เข้าใจถึงแก่นของเรื่อง (หรืออาจหมดไฟไปเลยถ้าดูช่วงบทแรกจบ) แต่พอดูไปเรื่อย ๆ เราจะกลับพบว่าแต่ละบทย่อยที่ผ่านมากลับวกมาเกี่ยวข้องกับบทต่อ ๆ ไปได้อย่างชาญฉลาด  ตัวละครที่หายไปชาติเศษอาจกลับมาพร้อมกับบทที่นึกว่าถูกลืมเลือนไปแล้ว

    โทนของเรื่องเองก็น่าสนใจ  คือเนื้อเรื่องมันเป็นสีเทาสุด ๆ ถึงแม้ฝ่ายตัวร้ายจะชั่วตำบอนได้อย่างเหลือเชื่อ  แต่ฝ่ายตัวเอกเองก็ไม่ได้เรียกได้ว่าเป็นคนดีสักเท่าไหร่  แม้แต่แฮมมี่  ตัวเอกของเรื่องก็ไม่ใช่คนดีเลยสักนิด  ส่วนเจ้าพวกคนดี ๆ ในเรื่องนะเหรอ...หึหึ ๆ ลองไปดูเอาเองก็แล้วกัน  แต่ดูแล้วนึกถึงโลกแห่งเป็นความเป็นจริงเลย 

    ด้านภาพเองก็จัดได้ว่าเป็นโปรดักชั่นที่ดีมาก (สตูเดียวกับที่ทำเรื่อง Ben-to นั่นล่ะ)  ทั้งฉากการต่อสู้  รายละเอียดของความสามารถ และอาวุธ เรียกได้ว่าทำได้กลมกล่อมมาก  การต่อสู้ทำได้ฉลาด  ตัวละครน่าสนใจ  มีทั้งดีแบบแม่พระ  รักความยุติธรรมสุดกู่  เลวเอาแต่ความสุขของตัวเอง  เห็นแก่ตัว  เย่อหยิ่ง  เป็นมาโซ  ชอบความรุนแรงหาที่ตาย  ทรยศหักหลัง  บลา ๆ มีหมดแทบทุกแบบให้เลือกสรร

    นอกจากนี้สิ่งที่ทำให้เรื่องนี้น่าจดจำที่สุดคือ... ตัวละครตายเยอะมาก.... (นี่เรื่องที่สามในลิสต์แล้วนะที่ตัวละครตายเป็นว่าเล่น)  ตายเยอะจนเสียดายเลย  แต่ความตายของตัวละครเหล่านั้นกลับเป็นแรงผลักดันของเรื่องให้ดำเนินไปอย่างไม่เสียเปล่าเลย 

    ถ้าไม่นับ CG กาก ๆ กับตอนจบที่งง ๆ และเร่ง ๆ แล้ว  เรื่องนี้ถือได้ว่าเป็นสุดยอดของอนิเมในด้านพล็อตเรื่องเลยก็ว่าได้  เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับวิธีการวางพล้อตเรื่องสุด ๆ เลย

    สงสัยว่าเหตุผลที่มันไม่ดังเพราะว่ามันดีไม่สุดล่ะมั้ง

    ปล. เชื่อไหมว่า  ธีมหลักของเรื่องนี้คือความรักนะ

    ข้อแนะนำ  กรุณาอย่าเพิ่งหมดไฟหลังจากดูตอนที่สี่จบล่ะ 

    แถม  ใครเก่งอังกฤษลองไปอ่านรีวิวของฝรั่งได้เลยที่นี่

    เสริม.. เพลงประกอบเรื่องนี้แจ่มมาก


     



    ปล. เรื่องนี้เคยฉายที่ Animax ไปไม่นาน  หลาย ๆ คนน่าจะรู้จักเรื่องนี้แล้วล่ะ


    4. Gankutsuou: The Count of Monte Cristo
    แฟนตาซี ดราม่า ไซไฟ




    Tag: เรื่องนี้แอบวาย, เคาท์ออฟมอนเตคริสโต, ไซไฟแฟนตาซีสไตล์กอนโซ
     
    เรื่องย่อ

    ไปอ่านเรื่องย่อของ Count of Monte Christo แทนก็แล้วกัน  คล้าย ๆ กันนั่นล่ะ  อ๊ะ  แต่อ่านไปอาจโดนสปอย  งั้นเล่าเรื่องย่อ ๆ ให้ฟังตรงนี้ก็แล้วกัน  เรื่องเริ่มจากตอนที่พระเอก (เคะในรูป) ที่ถึงท่านวิสเคาท์ไปเที่ยวงานคานิวาลที่ดาว Luna และถูกสาวปริศนาล่อลวงไปเล่นจ้ำจี้  ก่อนจะพบว่าตัวเองถูกจับเป็นตัวประกัน  ระหว่างที่กำลังอยู่ในความสิ้นหวังนั้นเอง  เขาก็ได้รับการช่วยเหลือจากบุรุษปริศนาที่แนะนำตัวเองว่าเป็นท่านเคาท์แห่งมอนเต คริสโต  (ลุงหนวดเมะนั่นล่ะ)  พระเอกของเรารู้สึกถูกชะตากับท่านเคาท์มาก  จึงได้เชิญให้ไปเยี่ยมเยียนที่ปารีสในโอกาสถัดไป  โดยหารู้ไม่ว่าเขากำลังตกเป็นเครื่องมือการแก้แค้นของท่านเค้าท์นั่นเอง

    ความเห็น

     
    เรื่องนี้มีเอกลักษณ์ที่วิธีการระบายสี  ดูได้จากภาพด้านบน  อนิเมแม่มลงสีอย่างนั้นทั้งเรื่องเลย  บางทีดูแล้วตาลายโคตร...

    อะแฮ่ม  ถ้าพูดถึงเรื่องย่อแล้วค่อนข้างคล้ายกับเรื่อง Count of Monte Cristo เลย  เพียงแต่ฉากหรือธีมของเรื่องจะออกแนวไซไฟแทน  ถ้าให้เทียบแล้วก็คล้ายกับเรื่อง Treasure Planet นั่นล่ะ  ซึ่งถ้าใครรับกับภาพแนวนี้ได้ก็ดีไป  เพราะเนื้อเรื่องหักเหลี่ยมเชือดเฉือนเพื่อนทรยศ NTR กันสุด ๆ

    แน่นอนว่าพล็อตหลักของเรื่องแทบไม่ต่างจากต้นฉบับเลย  เพียงแต่ตัวเล่าเรื่องกลายเป็นอัลเบิร์ตแทน  ส่วนประวัติของท่านเคาท์ (หรือเอ้ดมันด์ ดันเต้ ชื่อเท่เป็นบ้า) จะค่อยเผยออกมาระหว่างเรื่อง มีบางอย่างที่เสริมเข้ามาเช่นแทนที่จะเป็นฝรั่งเศสสมัยศัตวรรษที่ 18-19 ก็กลายเป็นยุคอวกาศแทน  มีขับหุ่นยนต์ที่คล้ายชุดเกราะ  และก็มีสาวดุ้น !

    เรื่องนี้แปลกมาก... ทั้ง ๆ ที่เนื้อเรื่องชวนให้จิ้นวายสุด ๆ พระเอกมันคลั่งท่านเคาท์มากกว่าคู่หมั้นของมันอีก เพื่อนพระเอกก็เป็นห่วงพระเอกจนเหลือเกินจนทิ้งคู่หมั้นตัวเองไปอีกราย  ติดโรคโฮมุโฮมุมาหรือไงกัน  แต่ผมกลับดูเรื่องนี้ได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงเลย  เอาเป็นว่าคงถูกใจแม่ยกหลาย ๆ คน  ส่วนคนที่ไม่ชอบก็อย่าเพิ่งแหยงไปล่ะ  มันสนุกกว่าที่คิดนะ

    ปล. ผมชอบเพลงเปิดเรื่องนี้มากเลย


    5. So-Ra-No-Wo-To
    Slice of Life, Comedy Drama, Social Science Fiction (Wiki เขาว่ามาอย่างงั้นอะ)





    เมื่อสาว ๆ จากเคองเข้ากองทัพ !

     
    เรื่องย่อ

    โซ ระ โนะ โว โตะ ดำเนินเรื่องผ่านเด็กสาวนามว่า คานาตะ โซรามิ ที่ได้แรงบันดาลใจเข้าร่วมกองทัพหลังจากที่ได้ฟังเพลง Amazing Grace ที่เป่าโดยพลเป่าทรัมเปตปริศนาของกองทัพ Helvatia เธอได้รับการแต่งตั้งเป็นพลเป่าแตร (Bugle) และถูกส่งให้ไปประจำอยู่ที่หน่วย 1121st ประจำอยู่ที่เมือง Seize (เมืองได้แรงบันดาลใจจากเมือง Cuenca, ประเทศสเปน)  ในเฮเวเทีย  คานาตะได้อยู่ใต้การบังคับบัญชาของหมวดเฟลิเซีย ไฮดีแมน  จ่าสิบเอก ริโอะ คาสุมิยะ และสมาชิกอื่น ๆ ในหน่วย 1121st  เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นในยุคหลังสงครามครั้งใหญ่ที่ทำให้มาตรฐานเทคโนโลยีของมนุษยชาติต้องถดถอยไปอยู่ในช่วงต้นถึงกลางศัตวรรษที่ 20

    เครดิท: แปลกาก ๆ จากวิกิ http://en.wikipedia.org/wiki/Sound_of_the_Sky


    ความเห็น

     
    ตอนเริ่มฉายเรื่องนี้หลาย ๆ คนต่างค่อนแคะเป็นเสียงเดียวกันว่า "นี่มัน เคอง ชัด ๆ เลยนี่ฟ่า"  ทั้งลายเส้นฉบับอนิเมที่ออกมาคนละเรื่องกับคาแร็คเตอร์ดีไซน์ของเมล คิชิดะ (คนออกแบบโอฮานะ)  แถมเรื่องย่อในตอนแรกดันชวนให้นึกถึงวง After School Tea Time เข้าร่วมกองทัพอีกต่างหาก  หรือว่า A-1 จะหากินจากความสำเร็จของเคองกันแน่...

    ถ้าคุณไม่ดูเรื่องนี้เพราะคิดว่ามันคล้ายเคองก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก 

    พูดตามตรงแล้วเรื่องนี้ถึงโทนเรื่องจะเป็น Slice of Life ขายโมเอะ  แต่เอาเข้าจริงมันออกมาคนละเรื่องเลยนะ  สิ่งที่ผมชอบมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่ใช่ความโมเอะของเหล่าสาว ๆ ในหน่วย 1121st แต่เป็นรายละเอียดปลีกย่อยที่ผู้กำกับแอบหยอดเข้าใส่ในเรื่อง  ไม่ว่าจะเป็นภาษา  วัฒนธรรม  ศาสนา  ชีวิตสังคมของผู้คนในโลกยุคเสื่อมถอย  แน่นอนว่าเราจะเห็นประเทศเฮเวเทียของตัวเอกซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในพรมแดนสวิส - ฝรั่งเศส  ในฐานทัพที่อยู่ในสเปน  ใช้ภาษาฝรั่งเศสสื่อสาร  นับถือเทพเจ้าคล้ายลิทธิชินโต  มีภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาที่ตายแล้ว  กองทัพใช้ยุทโธปกรณ์ของเยอรมัน  มีรถถังคล้ายแมงมุมที่ดูออกแบบคล้ายรถถังแพนเทอร์ของเยอรมัน  ส่วนทหารสาว ๆ ที่ประจำการอยู่ในป้อมบ้านนอกก็แอบกลั่นคาลวาโด้ (เหล้าชนิดหนึ่ง) หาลำไพ่นอกราชการ  มีประเทศโรมันคู่ศัตรูที่มีเครื่องแบบและรถถังแมงมุมคล้ายของอเมริกัน  แต่ดันพูดภาษาเยอรมัน  และนับถือพระเจ้าองค์เดียว ซึ่งได้สอดแทรกในเนื้อเรื่องได้อย่างแนบเนียน 

    นอกจากเนื้อเรื่องการใช้ชีวิตของสาว ๆ แล้วเราจะยังได้ค่อย ๆ เรียนรู้ถึงประวัติดำมืดของมนุษยชาติที่ใกล้ถึงกาลล่มสลาย  ตั้งแต่ศัตรูปริศนาที่มาในรูปแบบของสัตว์ปรหลาดมีปีก  ตำนานของหญิงสาวที่เสียสละเพื่อสะกดปีศาจ  การล่มสลายของเมือง Vingt  หญิงสาวปริศนาที่เปล่าเพลง Amazing Grace ในความทรงจำของทุกคน  การที่ได้แอบคาดเดาและสังเกตรายละเอียดเล็กน้อยในเรื่องถือเป็นความสนุกอย่างหนึ่งของเรื่องเลย

    นอกจากนี้  อนิเมเรื่องนี้เพลงเพราะมาก... เวลาได้ยินแล้วสมกับชื่อเรื่องเลย...มันสะท้อนเข้าไปในห้วงวิญญาณของผมอย่างประหลาด  เสียงเพลงก้องกังวาลไร้ซึ่งพรมแดนและเส้นแบ่งของภาษา  ทุกคนสามารถรับรู้จิตวิญญาณของเสียงเพลงได้อย่างเท่าเทียม 

    กระนั้นเรื่องนี้กลับมีข้อด้อยอย่างประหลาด  ปูมหลังที่ยิ่งใหญ่ที่เราเฝ้าสังเกตมาตลอดกลับแทบไม่มีบทบาทในเนื้อเรื่องหลักเลย  ปริศนาของโครงกระดูกของสัตว์ประหลาดยักษ์ไร้ปีกล่ะ ?  เกิดอะไรขึ้นกับมนุษยชาติในสมัยก่อน ?  อะไรจะเกิดขึ้นต่อไปกับมนุษยชาติ  สิ่งเหล่านี้ไม่ได้มีคำตอบเลยแม้แต่น้อย 

    เอาเป็นว่า  สิ่งที่น่าศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้คือการสร้างโลกและวัฒนธรรมใหม่ของเรื่องนั่นล่ะ  มีช่วงหนึ่งที่ผมชอบมาก  คือตอนที่แม่ชียูมินะคุยกับทหารฝ่ายโรมันที่ถูกจับได้  ถึงจะเป็นแค่การคุยกันไม่กี่ประโยค  แต่แค่ไม่กี่ประโยคบอกถึงความขัดแย้งของความเชื่อในศาสนาได้อย่างชัดเจน (ยูมินะทักทายว่าขอให้เหล่าทวยเทพคุ้มครอง  ส่วนเชลยดูถูกหาว่าคำทักทายเป็นการลบหลู่พระเจ้าเพียงองค์เดียวของทางฝั่งโรมัน  เชด...)

    จบแล้วล่ะสำหรับ 5 อันดับ  ความจริงตอนแรกอยากใส่เรื่อง Simoun, Myself; Yourself, และ True Tears ไปด้วย  แต่เรื่องแรกมันเฉพาะทางเกิน  เรื่องที่สองก็สนุก  แต่ก็ไม่ได้ถึงขนาดนั้น และสุดท้ายมันต้องดูสัปดาห์ต่อสัปดาห์ถึงจะมันส์สงครามกองอวย  (ผมแพ้ล่ะ T_T)

    จะให้ปรับปรุงแก้ไข  หรือมีความคิดอยากจะแลกเปลี่ยนอะไรก็เชิญได้ตามสะดวกเลยนะครับ


     


    ชอบเพลงนี้มากเลย

    ปล. มีคนบอกว่าเรื่องนี้ก็ดังใช่หยอกนะ


    อันดับ 5 เฉพาะกิจ Now and Then, Here, and There
    Drama, Sci-Fi, Adventure, Dystopia





    Tag: ทหารเด็ก, ตัวร้ายเกรียนเมพ, ทะเลทราย

    เรื่องย่อ

    ระหว่างที่เด็กหนุ่มนามว่า ชู เดินทางกลับบ้านตามปรกติ  เขาได้สังเกตว่าบนปล่องไฟมีเด็กผู้หญิงอยู่  เมื่อเห็นดังนั้นเขาจึงปืนขึ้นไปพยายามที่จะพูดคุยกับเด็กผู้หญิง  หลังจากพยายามจะพูดคุยกับเด็กสาวที่ดูไร้อารมณ์  ในที่สุดเขาก็ได้ทราบชื่อจากการอ่านริมฝีปากของหล่อน  เธอชื่อ ลาล่า รู และดูเหมือนเธอจะชอบนั่งดูอาทิตย์อัสดงจากปล่องไฟ  ระหว่างนั้นเองจู่ ๆ ก็เกิดระเบิดพร้อมกับเวลาก็หยุดลงพร้อมกับการปรากฏตัวของหุ่นยนต์ยักษ์ที่เข้ามาลักพาตัวหล่อน  ชูพยายามปกป้อง ลาล่า รู แต่สุดท้ายเขาก็จับพลัดจับผลูติดไปกับหุ่นยนต์ยักษ์นั่น  ก่อนจะพบว่าเขาได้หลงเข้ามาอยู่โลกต่างมิติเสียแล้ว

    ความเห็น

    ดูตอนแรก ๆ อาจคิดว่าเรื่องนี้ออกแนวมิตรภาพและการผจญภัยเด็กชายและเด็กหญิง  แต่คุณคิดผิดแล้ว  เนื้อหาในเรื่องนี้แรงมาก  เล่นตั้งแต่ประเด็นสงคราม  ผู้ปกครองทรราช ลักพาตัวเด็กมาเพื่อเป็นทหารเด็ก  จับเด็กสาวมาข่มขืนเพื่อผลิตทายาทเป็นทหารต่อ ๆ ไป  ผู้ใหญ่กดขี่เด็ก

    เซ้ตติ้งของเรื่องอยู่ในโลกอนาคต (เราจะพอเดาออกหลังจากดูไปได้สักพัก) ที่สงครามโลกแทบจะทำให้แผ่นดินเหลือแต่ทะเลทราย  น้ำเป็นของหายาก  เป็นโลกของผู้แข็งแรงปกครอง  ถ้าซวยเหมือนพระเอกก็จะอยู่ใต้การปกครองของราชาที่แสนจะเยกสุด ๆ (ใครไม่อยากถีบหน้าราชาฮัมโดก็ให้มันรู้ไป  เป็นประเภทตัวร้ายเกรียนเมพ)  แม้แต่ฝ่ายตรงข้ามที่เหมือนดูเป็นคนดีก็ไม่ได้ดีเด่ไปกว่าฝ่ายตัวร้ายสักเท่าไหร่ 

    ถ้าพูดกันตามตรงแล้วเรื่องนี้อยู่คนล่ะขั้วกับเรื่อง So - Ra - No - Wo - To เลยก็ว่าได้  ชีวิตทหารเด็กไม่ได้ราบรื่นเหมือนในหน่วย 1121st แถมโลกที่อยู่ยังโหดร้ายและแร้นแค้นแสนสาหัส  ดูแล้วปวดตับสุด ๆ (แต่ตอนพระเอกโชว์เมพมันเท่มากเลยนะ  เพลงเงี้ยสุด ๆ )

    ปล. เรื่องนี้เคยฉายใน AXN ด้วย  หลาย ๆ คนอาจเคยดูกันมาบ้างนะ

     

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×