คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : อนิเม 5 เรื่องที่ไม่ค่อยดัง แต่คิดว่าน่าดู
ส่วนในวันนี้ผมอยากลองเขียนแนะนำอนิเม 5 เรื่องที่คิดว่าไม่ค่อยจะดัง แต่ก็มีค่าแก่การดู แน่นอนว่าคำว่า "ไม่ค่อยจะดัง" หรือ "ไม่ค่อยมีใครพูดถึง" นี่ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของผมล้วน ๆ เพราะฉะนั้นไม่ต้องถามหรอกว่าผมเอามาตรฐานไหนมาวัดว่าเรื่องไหนดังหรือไม่ดัง (พูดง่าย ๆ คือมันอาจดัง แต่ผมมึนไม่รู้ว่ามันดังนั่นเอง ฮา)
แน่นอนว่าเรื่องที่ผมจะมาแนะนำอาจจะไม่ใช่เรื่องที่ยอดเยี่ยมที่สุด อาจมีข้อด้อยอย่างร้ายกาจ หรืออาจจะไม่ได้หวือหวาถึงขั้นดูจบแล้วตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า ไม่เป็นกระแสที่คนอื่นพูดถึง แต่กระนั้นอนิเมเหล่านี้ก็มีจุดเด่น ๆ ที่ทำให้ผมรู้สึกว่าน่าศึกษาและน่าติดตาม และดูได้สนุกอย่างไม่น่าเชื่อ
ปอลิ่ง. บางบทอาจจะยาวเพราะเคยเขียนไว้แล้ว แต่ส่วนใหญ่จะสั้น ๆ นะ
ปล. อันนี้แค่รูปประกอบสวย ๆ เท่านั้นนะ
1. Soukou no Strain
แนวไซไฟ สงครามอวกาศ
Tag; หุ่นยนต์, อวกาศ, นางเอกบราคอน
ในอนาคตอันห่างไกล มนุษยชาติได้แบ่งออกเป็นสองฝ่าย Union และ Deague ทั้งสองฝ่ายได้ทำสงครามกันมาอย่างยาวนานจนกระทั่งไม่มีใครจำได้ด้วยซ้ำว่ามันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ อาวุธหลักของกองทัพฝ่าย Union คือระบบอาวุธมีคนบังคับที่เรียกว่า Strain ในขณะที่ฝั่ง Deague ใช้อาวุธไร้คนขับที่เรียกว่า Tumoru (Tumor)
เซร่า วีเร็ค เป็นเด็กสาวอายุ 16 ปี มาจากครอบครัวที่มีชื่อเสียงได้เข้าเรียนที่โรงเรียนเตรียมทหาร Grapara Space Armed Soldier Academy ที่ตั้งอยู่ในระบบสุริยะ Cranail ที่ซึ่งเธอได้ฝึกฝนเพื่อที่จะเป็นผู้บังคับ Strain (หรือที่เรียกว่า Reasoner) อย่างเต็มตัว
พี่ชายของเธอ ราล์ฟ วีเร็ค ได้ถูกส่งไปยังแนวหน้าที่ห่างออกไป 130 ปีแสงเพื่อปฏิบัติภารกิจพิเศษเมื่อตอนที่เซร่าอายุได้เพียง 11 ปี ซึ่งระยะห่างที่พี่ชายต้องเดินทางนั้นใช้เวลาถึง 400 ปีของโลกเพื่อการเดินทางด้วยยานรบที่เร็วที่สุด กระนั้นตามทฤษฎีสัมพันธภาพ ราล์ฟที่อยู่ในยานจะรู้สึกว่าใช้เวลาเดินทางเพียง 2 ปีเท่านั้น
ทั้งสองสูญเสียพ่อแม่ไปเมื่อครั้งยังเด็ก และความสัมพันธ์ของพี่น้องทั้งสองเหนียวแน่นมาก มันเป็นความประสงค์ของเซร่าที่จะได้พบกับพี่ชายอีกครั้ง และเพื่อการนั้น เซร่าต้องเดินทางเข้าสู่สนามรบที่พี่ชายประจำอยู่
วันหนึ่ง ดาวที่เซร่าฝึกเรียนอยู่ถูกโจมตีโดยกองทัพ Deague สิ่งที่ทำให้เซร่าต้องประหลาดใจถึงที่สุดก็คือเป็นพี่ชายของหล่อนเองที่นำการโจมตีในครั้งนี้ และได้ลักพาตัวเด็กสาวปริศนาที่หลับอยู่ในแคปซูลไปด้วย
เพื่อค้นหาความจริง เซร่าบังคับ Strain เข้าไล่ตามพี่ชาย แต่กระนั้นเธอก็ถูกจู่โจมโดยพี่ชายของตัวเอง และ Mimic ที่ซึ่งเป็นก็อปปี้ของสองนักบินที่เป็นส่วนสำคัญยิ่งในการบังคับ Strain เสียหาย
เครดิท: แปลจากเว็บ http://myanimelist.net/anime/1602/Soukou_no_Strain
ความเห็น
ดูเผิน ๆ อาจเป็นแค่อนิเมหุ่นยนต์ดาษ ๆ ที่ดูจบแล้วอาทิตย์ต่อมาคงลืมไปแล้วว่าเคยดูเรื่องนี้ อีกทั้งมีเรื่องให้ติเต็มไปหมดเลย ตั้งแต่ภาพที่ทำได้งั้น ๆ คาแร็คเตอร์ดีไซน์ไม่ค่อยถูกใจ รายละเอียดของเรื่องดูธรรมดามากถ้าดูจากคอนเซปต์ของเรื่อง ทั้งการใช้หุ่นยนต์รบในอวกาศก็ดี ทั้งการที่นางเอกนั่งเกวียนเดินทาง (ใช่ ลืมบอกไปว่าเรื่องนี้เป็นอนิเมวิทยาศาสตร์เสปซโอเปร่านะ) ตอนที่ 7 (ใส่มาทำไมก็ไม่รู้)
แต่ว่า ผมกลับชอบเรื่องนี้ฟ่ะ
ไม่ต้องแนวจ๋าเหมือนฮารุฮิ ยูริวายป่วงเหมือน simoun หรือขายซึนอย่างรังแคเพลิงชานะ แต่เรื่องนี้พอดูโดยรวมแล้วกลับรู้สึกว่า สนุก และ เพลิน เลยทีเดียว ผู้สร้างสามารถทำให้เรารักและเอาใจช่วยนางเอกตกอับอย่าง เซร่า ได้ (ได้ข่าวว่าได้แนวคิดจากเรื่อง A Litle Princess) แถมเรื่องนี้ดราม่าใช่ย่อย ไม่มีหวงตัวละคร เล่นจริงตายจริง ถึงจะไม่ตายเป็นเบืออย่าง V Gumdam แต่เหยื่อสงครามของเรื่องก็เรียกได้ว่าเยอะพอสมควร
อีกอย่างคือโครงเรื่องที่เขียนไว้ได้ค่อนข้างน่าสนใจ ประเด็นที่เสนอมาในเรื่องสามารถใช้ได้อย่างครบถ้วน เช่นเรื่องของ mimic และการเดินทางความเร็วแสง ประเด็นเรื่องพี่ชาย และอย่างที่บอกไว้ข้างต้น เรื่องนี้เล่นกับประเด็นทางวิทยาศาสตร์หลาย ๆ อย่างที่ค่อนข้างละเลยในอนิเมแนวไซไฟเรื่องอื่น ๆ เช่นช่วงความต่างของเวลาในการเดินทางความเร็วแสง การเชื่อมโยงของระบบสมอง เอเลี่ยน (ใช่แล้วครับ มนุษย์ต่างดาวนั่นล่ะ) ฉากต่อสู้ของ strain เองก็เรียกได้ว่าดูแล้วเพลินดี คงเพราะเป็นเรื่องเสกลเล็ก โฟกัสแค่การเดินทางของยานลำหนึ่งมากกว่าเน้นที่ฉากบู๊อลังกาลของการปะทะกันของกองทัพเหมือนกันดั้มหรือมาครอส ทำให้เรื่องนี้คุมโทนเรื่องได้ง่ายด้วยล่ะมั้ง ซึ่งก็น่าเสียดายที่ไม่มีฉากการปะทะใหญ่ ๆ แต่ผมว่านั่นก็คงเป็นจุดดีของเรื่องนี้ด้วยล่ะมั้ง คือเรื่องไม่ได้หลุดออกอวกาศมากจนเกินไป
ข้อดี: นางเอกและเพื่อนนางเอกบราคอน ตัวละครน่าเอาใจช่วย เนื้อเรื่องสนุกครบถ้วนทั้งในแง่การดำเนินเรื่องและอารมณ์ร่วม ฉากต่อสู้ดูสนุก นำเสนอประเด็นได้น่าสนใจ ตัวละครเจ็บจริงตายจริง ตอนจบลงตัว ประมาณ 13 ตอน ไม่สั้นไม่ยาวเกิน
ข้อเสีย: คุณภาพของตัวอนิเมชั่นถือว่าไม่ค่อยดีนักเมื่อเทียบกับเรื่องอื่นในช่วงนั้น ยังมีจุดแปลก ๆ ที่ดูแล้วรู้สึกขัด (เช่นการใช้ strain นี่ล่ะ อนาคตขนาดนั้นทำไมยังต้องอาศัยหุ่นยนต์ที่มีคนบังคับอยู่อีกฟะ อย่างนี้ผมยอมอยู่ฝ่าย deague ดีกว่าฟะ ไม่เสี่ยงเท่าฝ่ายสหพันธ์ หรือการนั่งเกวียนในตอนแรก) ฉากซีจีไม่ค่อยเนียน ฉากเซอวิสตอน 7 สุดแสนไร้รสนิยม เหมือนสักแต่ใส่มาเพราะมีใบสั่ง Op ไม่ค่อยดึงดูด
ถ้าคุณไม่ใส่ใจเรื่องที่ดูขัด ๆ และคุณภาพของตัวภาพแล้ว เรื่องนี้ถือได้ว่าดูแล้วสนุกอีกเรื่องหนึ่งเลย น่าเสียดายที่เป็นอนิเมสนุกที่อยู่นอกกระแส และคนอาจมองข้ามเพราะตอนแรกนั่นแล
ปอลิ่ง ถ้าท่านสนใจสามารถหาดูได้ใน youtube นะ แต่เป็น sub eng กับ sub esp
2. Ga-Rei Zero
แนวแฟนตาซี ดราม่า เหนือธรรมชาติ โชโจไอ
Tag: ดราม่า, โขโจไอ, ตอนแรกเกรียนสุด ๆ, เจ้าแม่ฮิเมะคัท
นัตสึกี๊~
"Will you kill someone you love because of love?"
"คุณจะฆ่าคนที่คุณรักเพราะความรักได้หรือไม่ ?"
กระทรวงกลาโหมของญี่ปุ่นได้จัดตั้งหน่วยพิเศษต่อต้านสิ่งเหนือธรรมชาติขึ้นมาเรียกว่า สำนักบรรเทาภัยพิบัติที่เกิดขึ้นจากเรื่องเหนือธรรมชาติ (พวกเสื้อส้มนั่นล่ะ) พวกเข้ามีหน้าที่ปกป้องแผ่นดินญี่ปุ่นและประชาชนจากเหตุการณ์เหนือธรรมชาติต่าง ๆ กระนั้นเรื่องมันก็ไม่ได้ดำเนินไปด้วยดีในภารกิจหนึ่งของพวกเขา...
เครดิท: แปลจาก http://myanimelist.net/anime/4725/Ga-Rei:_Zero
ความเห็น
สุดยอดแห่งความ Troll ของสตูดิโอที่เรียกได้ว่าตั้งใจหลอกคนดูเต็ม ๆ ส่วนจะหลอกยังไงนั้น ลองไปหาดูเองก็แล้วกัน (ฮา)
ความจริงผมแปลกใจมากเลยที่เรื่องนี้ไม่ค่อยมีใครพูดถึง (หรือเราไม่รู้เองฟ่า) เพราะถึงจะเป็นตอน prequel ของฉบับมังหงะ แต่คนที่ไม่เคยอ่านมังหงะก็สามารถสนุกไปกับมันได้อย่างไม่ยากเย็น (แต่ถ้าเคยอ่านมังหงะมาก่อนอาจจะขำรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่โผล่มาในเรื่อง) เรื่องนี้ถือเป็นหนึ่งในเรื่องที่ผมชอบมากที่สุดเลยก็ว่าได้ ทั้งเพลงเปิดที่จนป่านนี้ผมก็ยังเปิดมาฟังอยู่บ่อย ๆ เนื้อเรื่องดราม่าที่สมเหตุสมผล และทำได้สะเทือนใจและประทับใจมาก ภาพสวย ฉากต่อสู้เจ๋ง (มาก) ตัวละครมีเสน่ห์ ถึงอาจจะมีกลิ่นอายความเป็นโชโจไอไปบ้าง แต่มันก็ไม่มากเกินไป (ขนาดแฟนผมที่เกลียดแนวยูริสุด ๆ ยังดูเรื่องนี้ได้เลยนะ)
เรื่องนี้สำหรับผมแล้วรู้สึกว่าเป็นส่วนผสมที่ลงตัวของอนิเมคุณภาพเยี่ยม เนื้อหาครบในแง่ของตัวเนื้อเรื่องในอนิเม และตัวบทที่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนในภาคมังหงะ ถ้าให้เทียบกับอนิเมที่ Hype กันช่วงนี้ผมให้มันเทียบเท่ากับเรื่อง Madoka เลย เผลอ ๆ จะชอบเรื่องนี้มากกว่าด้วยซ้ำ แต่ทำไมไม่ค่อยมีใครพูดถึงเรื่องนี้เลยแฮะ... ถ้าบอกว่าให้แนะนำอนิเมสนุก ๆ แล้ว เรื่องนี้จะเป็นเรื่องแรกที่แว่บเข้ามาในหัวผมเลย
ปล. ส่วนที่ผมรู้สึกชอบมากของเรื่องนี้คือช่วงตอนที่ 1 ตอนที่ 2 และ ตอนที่ 10 ที่เป็นเหตุการณ์เดียวกัน แต่อารมณ์มันคนละเรื่องเลยระหว่างตอนที่เรายังไม่รู้อะไรกับตอนที่เรารู้อะไรแล้ว สุดยอดจริง ๆ
ปล. 2 เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่ฉบับอนิเมดันทำได้สนุกกว่ามังหงะซะงั้น ฉบับมังหงะออกแนวการ์ตูนจั๊มป์แอ็คชั่นตลก ๆ จ๋าเลย
Op ของเรื่องนี้ ว่าแต่เจ้ากลุ่มคนในภาพด้านบนมันหายไปไหนหมดฟะ
3. Armed Librarian: The Book of Bantorra
แฟนตาซี แอ็คชั่น ดราม่า ผจญภัย
Tag: ตัวประกอบอดทน, ตายเยอะ, ธีมของเรื่องคือความรัก ?
เรื่องย่อ
ในโลกที่ผู้ตายไปแล้วกลายเป็นหนังสือและถูกเก็บไว้ในห้องสมุด Bantorra ใครก็ตามที่ได้อ่านหนังสือจะสามารถรับรู้ได้ถึงอดีตของมัน ห้องสมุด Bantorra ถูกดูแลโดยบรรณารักษติดอาวุธ (Armed Librarians) ที่มีความสามารถเหนือมนุษย์ และศัตรูของพวกเขาคือลิทธิคลั่งที่รู้จักกันในนาม Shindeki Church (Sub อิงมันแปลว่า Church of drowning in God's Grace)
เครดิท: แปลจากวิกิ http://en.wikipedia.org/wiki/Tatakau_Shisho
ความเห็น
สิ่งแรกที่ผมอยากจะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้คือกรุณาอย่าให้ฉาก CG กาก ๆ ของตอนแรกเป็นเครื่องตัดสินว่าจะดูเรื่องนี้ต่อหรือไม่ (หลังจากนั้นมันไม่มีแล้วล่ะ ไม่ต้องห่วง)
ในความเห็นผมแล้ว เรื่องนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของการวางพล็อตเรื่องได้อย่างเหนือชั้น สมแล้วที่เป็นอนิเมสร้างจากไลท์โนเวล ทำให้โครงเรื่องค่อนข้างแข็งโป๊ก เรื่องนี้ใช้วิธีการเล่าเรื่องได้น่าสนใจมาก คือแทนที่จะเป็นเนื้อเรื่องยาวเยียดไปจนจบ เรื่องนี้กลับแบ่งเนื้อเรื่องเป็นบทสั้น ๆ บทละ 3 - 4 ตอนจบ โฟกัสไปที่ตัวละครโน้นบ้าง ตัวละครนี้บ้าง ดูตอนแรก ๆ เราอาจจะยังไม่เข้าใจถึงแก่นของเรื่อง (หรืออาจหมดไฟไปเลยถ้าดูช่วงบทแรกจบ) แต่พอดูไปเรื่อย ๆ เราจะกลับพบว่าแต่ละบทย่อยที่ผ่านมากลับวกมาเกี่ยวข้องกับบทต่อ ๆ ไปได้อย่างชาญฉลาด ตัวละครที่หายไปชาติเศษอาจกลับมาพร้อมกับบทที่นึกว่าถูกลืมเลือนไปแล้ว
โทนของเรื่องเองก็น่าสนใจ คือเนื้อเรื่องมันเป็นสีเทาสุด ๆ ถึงแม้ฝ่ายตัวร้ายจะชั่วตำบอนได้อย่างเหลือเชื่อ แต่ฝ่ายตัวเอกเองก็ไม่ได้เรียกได้ว่าเป็นคนดีสักเท่าไหร่ แม้แต่แฮมมี่ ตัวเอกของเรื่องก็ไม่ใช่คนดีเลยสักนิด ส่วนเจ้าพวกคนดี ๆ ในเรื่องนะเหรอ...หึหึ ๆ ลองไปดูเอาเองก็แล้วกัน แต่ดูแล้วนึกถึงโลกแห่งเป็นความเป็นจริงเลย
ด้านภาพเองก็จัดได้ว่าเป็นโปรดักชั่นที่ดีมาก (สตูเดียวกับที่ทำเรื่อง Ben-to นั่นล่ะ) ทั้งฉากการต่อสู้ รายละเอียดของความสามารถ และอาวุธ เรียกได้ว่าทำได้กลมกล่อมมาก การต่อสู้ทำได้ฉลาด ตัวละครน่าสนใจ มีทั้งดีแบบแม่พระ รักความยุติธรรมสุดกู่ เลวเอาแต่ความสุขของตัวเอง เห็นแก่ตัว เย่อหยิ่ง เป็นมาโซ ชอบความรุนแรงหาที่ตาย ทรยศหักหลัง บลา ๆ มีหมดแทบทุกแบบให้เลือกสรร
นอกจากนี้สิ่งที่ทำให้เรื่องนี้น่าจดจำที่สุดคือ... ตัวละครตายเยอะมาก.... (นี่เรื่องที่สามในลิสต์แล้วนะที่ตัวละครตายเป็นว่าเล่น) ตายเยอะจนเสียดายเลย แต่ความตายของตัวละครเหล่านั้นกลับเป็นแรงผลักดันของเรื่องให้ดำเนินไปอย่างไม่เสียเปล่าเลย
ถ้าไม่นับ CG กาก ๆ กับตอนจบที่งง ๆ และเร่ง ๆ แล้ว เรื่องนี้ถือได้ว่าเป็นสุดยอดของอนิเมในด้านพล็อตเรื่องเลยก็ว่าได้ เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับวิธีการวางพล้อตเรื่องสุด ๆ เลย
สงสัยว่าเหตุผลที่มันไม่ดังเพราะว่ามันดีไม่สุดล่ะมั้ง
ปล. เชื่อไหมว่า ธีมหลักของเรื่องนี้คือความรักนะ
ข้อแนะนำ กรุณาอย่าเพิ่งหมดไฟหลังจากดูตอนที่สี่จบล่ะ
แถม ใครเก่งอังกฤษลองไปอ่านรีวิวของฝรั่งได้เลยที่นี่
เสริม.. เพลงประกอบเรื่องนี้แจ่มมาก
ปล. เรื่องนี้เคยฉายที่ Animax ไปไม่นาน หลาย ๆ คนน่าจะรู้จักเรื่องนี้แล้วล่ะ
4. Gankutsuou: The Count of Monte Cristo
แฟนตาซี ดราม่า ไซไฟ
Tag: เรื่องนี้แอบวาย, เคาท์ออฟมอนเตคริสโต, ไซไฟแฟนตาซีสไตล์กอนโซ
ไปอ่านเรื่องย่อของ Count of Monte Christo แทนก็แล้วกัน คล้าย ๆ กันนั่นล่ะ อ๊ะ แต่อ่านไปอาจโดนสปอย งั้นเล่าเรื่องย่อ ๆ ให้ฟังตรงนี้ก็แล้วกัน เรื่องเริ่มจากตอนที่พระเอก (เคะในรูป) ที่ถึงท่านวิสเคาท์ไปเที่ยวงานคานิวาลที่ดาว Luna และถูกสาวปริศนาล่อลวงไปเล่นจ้ำจี้ ก่อนจะพบว่าตัวเองถูกจับเป็นตัวประกัน ระหว่างที่กำลังอยู่ในความสิ้นหวังนั้นเอง เขาก็ได้รับการช่วยเหลือจากบุรุษปริศนาที่แนะนำตัวเองว่าเป็นท่านเคาท์แห่งมอนเต คริสโต (ลุงหนวดเมะนั่นล่ะ) พระเอกของเรารู้สึกถูกชะตากับท่านเคาท์มาก จึงได้เชิญให้ไปเยี่ยมเยียนที่ปารีสในโอกาสถัดไป โดยหารู้ไม่ว่าเขากำลังตกเป็นเครื่องมือการแก้แค้นของท่านเค้าท์นั่นเอง
ความเห็น
อะแฮ่ม ถ้าพูดถึงเรื่องย่อแล้วค่อนข้างคล้ายกับเรื่อง Count of Monte Cristo เลย เพียงแต่ฉากหรือธีมของเรื่องจะออกแนวไซไฟแทน ถ้าให้เทียบแล้วก็คล้ายกับเรื่อง Treasure Planet นั่นล่ะ ซึ่งถ้าใครรับกับภาพแนวนี้ได้ก็ดีไป เพราะเนื้อเรื่องหักเหลี่ยมเชือดเฉือนเพื่อนทรยศ NTR กันสุด ๆ
แน่นอนว่าพล็อตหลักของเรื่องแทบไม่ต่างจากต้นฉบับเลย เพียงแต่ตัวเล่าเรื่องกลายเป็นอัลเบิร์ตแทน ส่วนประวัติของท่านเคาท์ (หรือเอ้ดมันด์ ดันเต้ ชื่อเท่เป็นบ้า) จะค่อยเผยออกมาระหว่างเรื่อง มีบางอย่างที่เสริมเข้ามาเช่นแทนที่จะเป็นฝรั่งเศสสมัยศัตวรรษที่ 18-19 ก็กลายเป็นยุคอวกาศแทน มีขับหุ่นยนต์ที่คล้ายชุดเกราะ และก็มีสาวดุ้น !
เรื่องนี้แปลกมาก... ทั้ง ๆ ที่เนื้อเรื่องชวนให้จิ้นวายสุด ๆ พระเอกมันคลั่งท่านเคาท์มากกว่าคู่หมั้นของมันอีก เพื่อนพระเอกก็เป็นห่วงพระเอกจนเหลือเกินจนทิ้งคู่หมั้นตัวเองไปอีกราย ติดโรคโฮมุโฮมุมาหรือไงกัน แต่ผมกลับดูเรื่องนี้ได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงเลย เอาเป็นว่าคงถูกใจแม่ยกหลาย ๆ คน ส่วนคนที่ไม่ชอบก็อย่าเพิ่งแหยงไปล่ะ มันสนุกกว่าที่คิดนะ
ปล. ผมชอบเพลงเปิดเรื่องนี้มากเลย
5. So-Ra-No-Wo-To
Slice of Life, Comedy Drama, Social Science Fiction (Wiki เขาว่ามาอย่างงั้นอะ)
เมื่อสาว ๆ จากเคองเข้ากองทัพ !
โซ ระ โนะ โว โตะ ดำเนินเรื่องผ่านเด็กสาวนามว่า คานาตะ โซรามิ ที่ได้แรงบันดาลใจเข้าร่วมกองทัพหลังจากที่ได้ฟังเพลง Amazing Grace ที่เป่าโดยพลเป่าทรัมเปตปริศนาของกองทัพ Helvatia เธอได้รับการแต่งตั้งเป็นพลเป่าแตร (Bugle) และถูกส่งให้ไปประจำอยู่ที่หน่วย 1121st ประจำอยู่ที่เมือง Seize (เมืองได้แรงบันดาลใจจากเมือง Cuenca, ประเทศสเปน) ในเฮเวเทีย คานาตะได้อยู่ใต้การบังคับบัญชาของหมวดเฟลิเซีย ไฮดีแมน จ่าสิบเอก ริโอะ คาสุมิยะ และสมาชิกอื่น ๆ ในหน่วย 1121st เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นในยุคหลังสงครามครั้งใหญ่ที่ทำให้มาตรฐานเทคโนโลยีของมนุษยชาติต้องถดถอยไปอยู่ในช่วงต้นถึงกลางศัตวรรษที่ 20
เครดิท: แปลกาก ๆ จากวิกิ http://en.wikipedia.org/wiki/Sound_of_the_Sky
ความเห็น
ถ้าคุณไม่ดูเรื่องนี้เพราะคิดว่ามันคล้ายเคองก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก
พูดตามตรงแล้วเรื่องนี้ถึงโทนเรื่องจะเป็น Slice of Life ขายโมเอะ แต่เอาเข้าจริงมันออกมาคนละเรื่องเลยนะ สิ่งที่ผมชอบมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่ใช่ความโมเอะของเหล่าสาว ๆ ในหน่วย 1121st แต่เป็นรายละเอียดปลีกย่อยที่ผู้กำกับแอบหยอดเข้าใส่ในเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นภาษา วัฒนธรรม ศาสนา ชีวิตสังคมของผู้คนในโลกยุคเสื่อมถอย แน่นอนว่าเราจะเห็นประเทศเฮเวเทียของตัวเอกซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในพรมแดนสวิส - ฝรั่งเศส ในฐานทัพที่อยู่ในสเปน ใช้ภาษาฝรั่งเศสสื่อสาร นับถือเทพเจ้าคล้ายลิทธิชินโต มีภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาที่ตายแล้ว กองทัพใช้ยุทโธปกรณ์ของเยอรมัน มีรถถังคล้ายแมงมุมที่ดูออกแบบคล้ายรถถังแพนเทอร์ของเยอรมัน ส่วนทหารสาว ๆ ที่ประจำการอยู่ในป้อมบ้านนอกก็แอบกลั่นคาลวาโด้ (เหล้าชนิดหนึ่ง) หาลำไพ่นอกราชการ มีประเทศโรมันคู่ศัตรูที่มีเครื่องแบบและรถถังแมงมุมคล้ายของอเมริกัน แต่ดันพูดภาษาเยอรมัน และนับถือพระเจ้าองค์เดียว ซึ่งได้สอดแทรกในเนื้อเรื่องได้อย่างแนบเนียน
นอกจากเนื้อเรื่องการใช้ชีวิตของสาว ๆ แล้วเราจะยังได้ค่อย ๆ เรียนรู้ถึงประวัติดำมืดของมนุษยชาติที่ใกล้ถึงกาลล่มสลาย ตั้งแต่ศัตรูปริศนาที่มาในรูปแบบของสัตว์ปรหลาดมีปีก ตำนานของหญิงสาวที่เสียสละเพื่อสะกดปีศาจ การล่มสลายของเมือง Vingt หญิงสาวปริศนาที่เปล่าเพลง Amazing Grace ในความทรงจำของทุกคน การที่ได้แอบคาดเดาและสังเกตรายละเอียดเล็กน้อยในเรื่องถือเป็นความสนุกอย่างหนึ่งของเรื่องเลย
นอกจากนี้ อนิเมเรื่องนี้เพลงเพราะมาก... เวลาได้ยินแล้วสมกับชื่อเรื่องเลย...มันสะท้อนเข้าไปในห้วงวิญญาณของผมอย่างประหลาด เสียงเพลงก้องกังวาลไร้ซึ่งพรมแดนและเส้นแบ่งของภาษา ทุกคนสามารถรับรู้จิตวิญญาณของเสียงเพลงได้อย่างเท่าเทียม
กระนั้นเรื่องนี้กลับมีข้อด้อยอย่างประหลาด ปูมหลังที่ยิ่งใหญ่ที่เราเฝ้าสังเกตมาตลอดกลับแทบไม่มีบทบาทในเนื้อเรื่องหลักเลย ปริศนาของโครงกระดูกของสัตว์ประหลาดยักษ์ไร้ปีกล่ะ ? เกิดอะไรขึ้นกับมนุษยชาติในสมัยก่อน ? อะไรจะเกิดขึ้นต่อไปกับมนุษยชาติ สิ่งเหล่านี้ไม่ได้มีคำตอบเลยแม้แต่น้อย
เอาเป็นว่า สิ่งที่น่าศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้คือการสร้างโลกและวัฒนธรรมใหม่ของเรื่องนั่นล่ะ มีช่วงหนึ่งที่ผมชอบมาก คือตอนที่แม่ชียูมินะคุยกับทหารฝ่ายโรมันที่ถูกจับได้ ถึงจะเป็นแค่การคุยกันไม่กี่ประโยค แต่แค่ไม่กี่ประโยคบอกถึงความขัดแย้งของความเชื่อในศาสนาได้อย่างชัดเจน (ยูมินะทักทายว่าขอให้เหล่าทวยเทพคุ้มครอง ส่วนเชลยดูถูกหาว่าคำทักทายเป็นการลบหลู่พระเจ้าเพียงองค์เดียวของทางฝั่งโรมัน เชด...)
จบแล้วล่ะสำหรับ 5 อันดับ ความจริงตอนแรกอยากใส่เรื่อง Simoun, Myself; Yourself, และ True Tears ไปด้วย แต่เรื่องแรกมันเฉพาะทางเกิน เรื่องที่สองก็สนุก แต่ก็ไม่ได้ถึงขนาดนั้น และสุดท้ายมันต้องดูสัปดาห์ต่อสัปดาห์ถึงจะมันส์สงครามกองอวย (ผมแพ้ล่ะ T_T)
จะให้ปรับปรุงแก้ไข หรือมีความคิดอยากจะแลกเปลี่ยนอะไรก็เชิญได้ตามสะดวกเลยนะครับ
ชอบเพลงนี้มากเลย
ปล. มีคนบอกว่าเรื่องนี้ก็ดังใช่หยอกนะ
อันดับ 5 เฉพาะกิจ Now and Then, Here, and There
Drama, Sci-Fi, Adventure, Dystopia
Tag: ทหารเด็ก, ตัวร้ายเกรียนเมพ, ทะเลทราย
เรื่องย่อ
ระหว่างที่เด็กหนุ่มนามว่า ชู เดินทางกลับบ้านตามปรกติ เขาได้สังเกตว่าบนปล่องไฟมีเด็กผู้หญิงอยู่ เมื่อเห็นดังนั้นเขาจึงปืนขึ้นไปพยายามที่จะพูดคุยกับเด็กผู้หญิง หลังจากพยายามจะพูดคุยกับเด็กสาวที่ดูไร้อารมณ์ ในที่สุดเขาก็ได้ทราบชื่อจากการอ่านริมฝีปากของหล่อน เธอชื่อ ลาล่า รู และดูเหมือนเธอจะชอบนั่งดูอาทิตย์อัสดงจากปล่องไฟ ระหว่างนั้นเองจู่ ๆ ก็เกิดระเบิดพร้อมกับเวลาก็หยุดลงพร้อมกับการปรากฏตัวของหุ่นยนต์ยักษ์ที่เข้ามาลักพาตัวหล่อน ชูพยายามปกป้อง ลาล่า รู แต่สุดท้ายเขาก็จับพลัดจับผลูติดไปกับหุ่นยนต์ยักษ์นั่น ก่อนจะพบว่าเขาได้หลงเข้ามาอยู่โลกต่างมิติเสียแล้ว
ความเห็น
ดูตอนแรก ๆ อาจคิดว่าเรื่องนี้ออกแนวมิตรภาพและการผจญภัยเด็กชายและเด็กหญิง แต่คุณคิดผิดแล้ว เนื้อหาในเรื่องนี้แรงมาก เล่นตั้งแต่ประเด็นสงคราม ผู้ปกครองทรราช ลักพาตัวเด็กมาเพื่อเป็นทหารเด็ก จับเด็กสาวมาข่มขืนเพื่อผลิตทายาทเป็นทหารต่อ ๆ ไป ผู้ใหญ่กดขี่เด็ก
เซ้ตติ้งของเรื่องอยู่ในโลกอนาคต (เราจะพอเดาออกหลังจากดูไปได้สักพัก) ที่สงครามโลกแทบจะทำให้แผ่นดินเหลือแต่ทะเลทราย น้ำเป็นของหายาก เป็นโลกของผู้แข็งแรงปกครอง ถ้าซวยเหมือนพระเอกก็จะอยู่ใต้การปกครองของราชาที่แสนจะเยกสุด ๆ (ใครไม่อยากถีบหน้าราชาฮัมโดก็ให้มันรู้ไป เป็นประเภทตัวร้ายเกรียนเมพ) แม้แต่ฝ่ายตรงข้ามที่เหมือนดูเป็นคนดีก็ไม่ได้ดีเด่ไปกว่าฝ่ายตัวร้ายสักเท่าไหร่
ถ้าพูดกันตามตรงแล้วเรื่องนี้อยู่คนล่ะขั้วกับเรื่อง So - Ra - No - Wo - To เลยก็ว่าได้ ชีวิตทหารเด็กไม่ได้ราบรื่นเหมือนในหน่วย 1121st แถมโลกที่อยู่ยังโหดร้ายและแร้นแค้นแสนสาหัส ดูแล้วปวดตับสุด ๆ (แต่ตอนพระเอกโชว์เมพมันเท่มากเลยนะ เพลงเงี้ยสุด ๆ )
ปล. เรื่องนี้เคยฉายใน AXN ด้วย หลาย ๆ คนอาจเคยดูกันมาบ้างนะ
ความคิดเห็น