ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ใต้ฟ้าสาธารณรัฐ

    ลำดับตอนที่ #4 : Peaceful Day ภาพลวงตาของความสงบ (3)

    • อัปเดตล่าสุด 21 พ.ค. 54


                เสียงเครื่องยนต์หนวกหูของหุ่นจักรกลหยุดเดินเครื่องมาได้ครึ่งชั่วโมงแล้ว  เหลือเพียงแต่เสียงตะโกนโหวกเหวกของพิธีกรรายการปลุกใจสาธารณรัฐจากวิทยุคร่ำครึที่ยังคอยรบกวนบรรยากาศอันเงียบสงบของชนบทอยู่ 

     

                    ภายใต้ร่มเงาของต้นแอบเปิ้ล  มารี  แอน  มาลเดอร์  นั่งเอนหลังพิงลำต้นอย่างผ่อนคลาย มองดูผืนดินกว้างสุดลูกหูลูกตาในสภาพถูกพรวนเป็นแนวยาวอย่างภาคภูมิใจ โดยมีควันมะเร็งลอยฉุยออกมาจากมวนบุหรี่ในมือไม่ขาด 

     

                    ฌอง  ไม่มานั่งข้างล่างนี่เหรอ  มารีตะโกนหาเจ้าน้องชายที่นั่งอยู่สูงขึ้นไปบนห้องบังคับของหุ่นยนต์ยักษ์  เขานั่งกลางแดดร้อนเปรี้ยงยามบ่ายอย่างไม่สะทกสะท้าน 

     

                    ไม่เอาอะ  เหม็นบุหรี่

     

                    อะไรกัน  ออกจะหอม  ว่าแล้วมารีก็ดูดควันมรณะเข้าไปเสียชุ่มปอด  ก่อนจะพ่นออกมาอย่างสบายอกสบายใจ  สักหนึ่งมวนหลังงานเสร็จก็รู้สึกว่าไม่เสียชาติเกิดแล้วล่ะ

     

                    ถ้าพี่ชอบมันขนาดนั้นแล้วแน่จริงก็อย่าพ่นควันออกมาสิ  ฌองทำมือปัดไปมาไล่กลิ่นควันที่เริ่มโชยขึ้นมา  แล้วจำไม่ได้เหรอที่ผมเตือนพี่ไว้เกี่ยวกับบุหรี่นะ

     

                    เรื่องจากโรงเรียนนั่นอีกแล้วเหรอ... ให้ตายสิ  นับวันฉันยิ่งรู้สึกว่าคิดผิดจริง ๆ ที่ส่งแกไปเรียนน่ะ  หลังจากดูดบุหรี่เป็นรอบสุดท้าย  มารีบดมวนยาสูบนั่นกับพื้น  พลางลุกขึ้นยืนยืดตัวบิดขี้เกียจ  เฮ้  ฌอง!  ไหน ๆ ฉันก็ว่างแล้ว  มาฝึกขับหุ่นกันต่อไหมล่ะ

     

                    กะจะหลอกใช้ให้ผมพรวนดินแทนพี่เหมือนเมื่อเช้าเหรอ  ไม่เอาด้วยหรอก  น่าเบื่อจะตาย 

     

                    เออ  เอาจริงแล้วล่ะ  สตาร์ทเครื่องเลย  คราวนี้มาฝึกใช้มือกลก็แล้วกัน  มารีปีนขึ้นไปบนหุ่นยนต์นั่นอย่างคล่องแคล่ว  โยนตัวไปเบียดนั่งข้างน้องชายอย่างไม่มีเกรงใจ 

     

              หลังเครื่องยนต์ติดแล้ว  มารีก็จัดแจงสวมบทเป็นครูฝึกราวกับว่าเครื่องในตัวของเจ้าหล่อนถูกสตาร์ทติดตามไปด้วย

     

                    การควบคุมมือกลนะ  ต้องใช้ความความละเอียดอ่อนมาก  เวลาจะจับอะไรเราต้องกะแรงให้พอดี  จำไว้เลยว่าแก่นของการใช้แขนกลนะคือสมาธิ  แล้วก็สมาธิ  เห็นเหมือนเป็นเศษเหล็กอย่างนั้นนะ  บีบหัวแกแตกได้สบาย ๆ เลยล่ะ  ขืนกดแรงมากไปข้าวของได้พังกันก่อนพอดี 

     

                    ครับผม ๆ แล้วเราจะเริ่มได้หรือยังล่ะครับ  คุณครูฝึกที่เคารพ

     

                    มารีได้แต่ถอนหายใจ  ก่อนจะจับแขนเจ้าน้องชายไปทาบไว้บนคันบังคับที่มีร่องกดพอดีกับนิ้วทั้งห้า 

     

                    เอาล่ะ  ถ้างั้นก็ลองใช้มือกลเด็ดแอ็บเปิ้ลจากต้นนั้นให้ดูหน่อยสิ

     

              ไปเด็ดของของคนอื่นเขามันจะดีเหรอ 

     

                    เอาน่า  มาดามเออเด้เองก็บอกแล้วนี่ว่าจะมาเด็ดแอ็บเปิ้ลกินได้ตามใจชอบเป็นส่วนหนึ่งของค่าแรงนี่

     

                    เมื่อฌองเริ่มขยับแขน  แขนกลของหุ่นก็เริ่มขยับตาม  เสียงวีด ๆ ขัดสีของชิ้นส่วนที่ขาดการหล่อลื่นมานานก็ดังขึ้นเป็นระยะ ๆ ทำเอามารีบ่นอุ่บว่าต้องกลับไปหล่อลื่นใหม่เสียแล้ว  เจ้าแขนกลเริ่มขยับเข้าใกล้ผลแอ็บเปิ้ลที่ใกล้ที่สุด  แต่มันก็พลาดเป้าหมายบ้าง  เลยบ้าง  ไม่ก็ชนผลแอบเปิ้ลซะแกว่งไปมา 

     

                    ใช้ช่องบนเฟรมเป็นตัวกะระยะแขนกับเป้าหมาย

     

                    รู้แล้วน่า  ฌองบ่นรำคาญกับคำสั่งจุกจิกที่เขาเองก็รู้อยู่แล้ว  หลังจากต้องใช้เวลากะระยะอยู่สักพัก  ในที่สุดมือกลก็สัมผัสผลแอ็บเปิ้ลได้  โธ่  เห็นไหมว่าเรื่องง่าย ๆ นะ

     

                    เอาเหอะ  ลองเด็ดให้ได้ก่อนแล้วค่อยอวด

     

                    ฌองยิ้มย่องให้กับความสำเร็จในอนาคต  แต่ทว่า  เรื่องมันก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดนัก  ทันที่ที่เขาพยายามจะหยิบฉวยแอ็บเปิ้ลลูกสีแดงสดนั่น  มันก็กลับแตกโพล่ะไปต่อหน้าต่อตา 

     

                    บอกแล้วไงว่าต้องละเอียดอ่อนให้มากกว่านี้  เอาให้เบาเหมือนกับเวลาจะจับลูกเจี๊ยบแรกเกิดเลยนะ  มา  เดี๋ยวพี่ช่วยให้  ว่าแล้วมารีก็เบียดตัวแนบชิดน้องชาย  คร่อมมือของหล่อนบนมือของฌอง  เอาล่ะ  ลองเคลื่อนแขนไปตามพี่ดูนะ

     

                    โอ้ย  ไม่ต้องเข้าใกล้ขนาดนั้นก็ได้  เหม็นบุหรี่  ฌองผู้เป็นน้องรีบผลักพี่สาวออกไปให้ห่าง  เดี๋ยวผมจัดการของผมเองได้  ไม่ต้องมาสอนผมหรอก

     

                    แล้วจะให้พี่สอนทำเผือกอะไรเล่า  ก็ได้  งั้นชาตินี้ก็ขอให้เด็ดแอ็บเปิ้ลได้สักลูกก็แล้วกัน

     

                    ทว่า  สิ่งที่มารีมิได้ทันสังเกตคือเลือดฝาดที่เริ่มสูบฉีดจนใบหน้าฌองแดงก่ำราวกับเป็นลูกแอ็บเปิ้ล  เขาได้แต่เพียงบ่นอุ่บอิบกับตัวว่า 

     

    ให้ตายสิ  ผมเองก็ไม่ใช่เด็กแล้วนะ

     

                    รอบแล้วรอบเล่า  แอ็บเปิ้ลลูกแล้วลูกเล่า  ฌองก็ไม่อาจจะเด็ดมันออกมาได้ในสภาพที่คงเป็นลูกสมบูรณ์ได้สักที  จนในที่สุดมารีก็ทนไม่ไหวต้องสั่งให้ฌองเลิกเสีย

     

                    พอได้แล้ว  ขืนเด็ดหมดต้นก็โดนมาดามเออเด้ด่าแน่  ให้ตายสิ  เสียไปกี่ลูกแล้วฉันยังไม่ได้กินเลย

     

                    โธ่  ยากขนาดนี้ใครจะไปทำได้เล่า  แล้วพี่ล่ะ  ลองทำให้ดูเป็นขวัญลูกตาผมหน่อยสิ 

     

                    ไม่พูดพร่ำทำเพลงให้มากความ  มารีกระโดดไปนั่งแทนที่เจ้าน้องอ่อนหัด  ก่อนจะแสดงตัวอย่างให้ชมเป็นที่ประจัก  ราวกับว่าแขนกลนั่นเป็นแขนขาจริง ๆ ของหล่อน  มันไม่นานนักที่เธอจะเด็ดแอ็บเปิ้ลออกมาได้อย่างสบาย ๆ ทั้งที่ฌองต้องใช้เวลาตั้งนานกว่าจะแค่หยุดมือกลในตำแหน่งที่ถูกต้อง 

     

                    ไงล่ะ  มารีหยิบแอ็บเปิ้ลที่ว่ามากัดอย่างเอร็ดอร่อย  ราวกับเป็นการตบหน้าน้องชายอวดดีซ้ำสอง 

     

              แหงล่ะ  พี่ฝึกก่อนผมมาตั้งนานนี่นา 

     

                    เออ  แต่แค่ฝึกไม่พอหรอก  พี่เองก็มีคุณพ่อคอยสอนด้วย  ขืนดันทุรังฝึกโดยไม่มีใครคอยแนะให้อย่างนี้ก็ขาดทุนกันพอดี

     

    ก็ใช่สิ  พี่มีคุณพ่อสอนให้นี่นา   พอมารีพูดถึงเรื่องบิดา  ฌองก็มีท่าทีเศร้าหนักลงยิ่งกว่าเก่าเสียอีก  แต่กับผมแล้ว  ขนาดหน้าผมก็รู้จักแต่จากรูปถ่ายเก่า ๆ

     

    มารีได้แต่ถอนหายใจที่มีแต่กลิ่นบุหรี่อีกครา  ก่อนจะเอามือลูบหัวเจ้าน้องชายที่ถึงแม้จะปากดี และกวนบาทาเสียแค่ไหน  แต่ก็เป็นที่รักของเธออยู่เสมอ

     

    เอาน่า  อย่างกับคุณพ่ออยากจะจากเธอไปงั้นล่ะ  ถ้าเกิดท่านยังอยู่ล่ะก็คงสอนวิธีการบังคับเจ้านี่ให้เหมือนกันล่ะ

     

    รู้แล้วล่ะ  ก็ท่านเป็นถึงชาวาลีเย่เลยนี่นา  คงสอนได้ดีกว่าพี่สาวที่วัน ๆ เอาแต่สูบบุหรี่กับพรวนดินล่ะว้า 

     

    เว้ย  อย่าดูถูกกันให้มากนะ  เรื่องฝีมือบังคับหุ่นฉันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าคุณพ่อนักหรอก  มารีกล่าวเสร็จก็จัดการขยี้หัวเจ้าน้องชายเสียเป็นการลงโทษ

     

    เสียงหัวเราะของสองพี่น้องดังเจี้ยวจ้าวไปทั่วท้องทุ่งราวกับเป็นเสียงสะท้อนของความสงบสุขน้อย ๆ กลางท้องทุ่งบ้านนอกบ้านนานี้...

     

    โดยหารู้ไม่ว่า  เสียงหัวเราะนั่นจะเป็นเสียงแว่วแห่งสันติสุขครั้งสุดท้าย  โดยที่เรื่องสำคัญที่พิธีกรในวิทยุกำชับผู้ฟังนักหนาว่าให้ฟังกันอย่างพร้อมเพรียงตอนสองทุ่มของคืนนี้  จะครอบงำชีวิตของทั้งสองไปตลอดกาล

     

    .............................

    ....................

    ............

    ....




    Edit Log: Dec 29th, 2008: จบตอน
    Edit Log: June 17th, 2009: แก้ชื่อจาก ณอง เป็น ฌอง  ต้องขอบคุณท่านหน่องจริง ๆ ครับผม
    Edit Log: July 1st, 2009: แก้คำผิด ขอบคุณท่าน Bigball ที่ช่วยตรวจทานครับ
    Edit Log: May 21st, 2011: แก้สำนวนเล็กน้อย
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×