คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Peaceful Day ภาพลวงตาของความสงบ (3)
เสียงเครื่องยนต์หนวกหูของหุ่นจักรกลหยุดเดินเครื่องมาได้ครึ่งชั่วโมงแล้ว เหลือเพียงแต่เสียงตะโกนโหวกเหวกของพิธีกรรายการปลุกใจสาธารณรัฐจากวิทยุคร่ำครึที่ยังคอยรบกวนบรรยากาศอันเงียบสงบของชนบทอยู่
ภายใต้ร่มเงาของต้นแอบเปิ้ล มารี แอน มาลเดอร์ นั่งเอนหลังพิงลำต้นอย่างผ่อนคลาย มองดูผืนดินกว้างสุดลูกหูลูกตาในสภาพถูกพรวนเป็นแนวยาวอย่างภาคภูมิใจ โดยมีควันมะเร็งลอยฉุยออกมาจากมวนบุหรี่ในมือไม่ขาด
“ฌอง ไม่มานั่งข้างล่างนี่เหรอ” มารีตะโกนหาเจ้าน้องชายที่นั่งอยู่สูงขึ้นไปบนห้องบังคับของหุ่นยนต์ยักษ์ เขานั่งกลางแดดร้อนเปรี้ยงยามบ่ายอย่างไม่สะทกสะท้าน
“ไม่เอาอะ เหม็นบุหรี่”
“อะไรกัน ออกจะหอม” ว่าแล้วมารีก็ดูดควันมรณะเข้าไปเสียชุ่มปอด ก่อนจะพ่นออกมาอย่างสบายอกสบายใจ “สักหนึ่งมวนหลังงานเสร็จก็รู้สึกว่าไม่เสียชาติเกิดแล้วล่ะ”
“ถ้าพี่ชอบมันขนาดนั้นแล้วแน่จริงก็อย่าพ่นควันออกมาสิ” ฌองทำมือปัดไปมาไล่กลิ่นควันที่เริ่มโชยขึ้นมา “แล้วจำไม่ได้เหรอที่ผมเตือนพี่ไว้เกี่ยวกับบุหรี่นะ”
“เรื่องจากโรงเรียนนั่นอีกแล้วเหรอ... ให้ตายสิ นับวันฉันยิ่งรู้สึกว่าคิดผิดจริง ๆ ที่ส่งแกไปเรียนน่ะ” หลังจากดูดบุหรี่เป็นรอบสุดท้าย มารีบดมวนยาสูบนั่นกับพื้น พลางลุกขึ้นยืนยืดตัวบิดขี้เกียจ “เฮ้ ฌอง! ไหน ๆ ฉันก็ว่างแล้ว มาฝึกขับหุ่นกันต่อไหมล่ะ”
“กะจะหลอกใช้ให้ผมพรวนดินแทนพี่เหมือนเมื่อเช้าเหรอ ไม่เอาด้วยหรอก น่าเบื่อจะตาย”
“เออ เอาจริงแล้วล่ะ สตาร์ทเครื่องเลย คราวนี้มาฝึกใช้มือกลก็แล้วกัน” มารีปีนขึ้นไปบนหุ่นยนต์นั่นอย่างคล่องแคล่ว โยนตัวไปเบียดนั่งข้างน้องชายอย่างไม่มีเกรงใจ
หลังเครื่องยนต์ติดแล้ว มารีก็จัดแจงสวมบทเป็นครูฝึกราวกับว่าเครื่องในตัวของเจ้าหล่อนถูกสตาร์ทติดตามไปด้วย
“การควบคุมมือกลนะ ต้องใช้ความความละเอียดอ่อนมาก เวลาจะจับอะไรเราต้องกะแรงให้พอดี จำไว้เลยว่าแก่นของการใช้แขนกลนะคือสมาธิ แล้วก็สมาธิ เห็นเหมือนเป็นเศษเหล็กอย่างนั้นนะ บีบหัวแกแตกได้สบาย ๆ เลยล่ะ ขืนกดแรงมากไปข้าวของได้พังกันก่อนพอดี”
“ครับผม ๆ แล้วเราจะเริ่มได้หรือยังล่ะครับ คุณครูฝึกที่เคารพ”
มารีได้แต่ถอนหายใจ ก่อนจะจับแขนเจ้าน้องชายไปทาบไว้บนคันบังคับที่มีร่องกดพอดีกับนิ้วทั้งห้า
“เอาล่ะ ถ้างั้นก็ลองใช้มือกลเด็ดแอ็บเปิ้ลจากต้นนั้นให้ดูหน่อยสิ”
“ไปเด็ดของของคนอื่นเขามันจะดีเหรอ”
“เอาน่า มาดามเออเด้เองก็บอกแล้วนี่ว่าจะมาเด็ดแอ็บเปิ้ลกินได้ตามใจชอบเป็นส่วนหนึ่งของค่าแรงนี่”
เมื่อฌองเริ่มขยับแขน แขนกลของหุ่นก็เริ่มขยับตาม เสียงวีด ๆ ขัดสีของชิ้นส่วนที่ขาดการหล่อลื่นมานานก็ดังขึ้นเป็นระยะ ๆ ทำเอามารีบ่นอุ่บว่าต้องกลับไปหล่อลื่นใหม่เสียแล้ว เจ้าแขนกลเริ่มขยับเข้าใกล้ผลแอ็บเปิ้ลที่ใกล้ที่สุด แต่มันก็พลาดเป้าหมายบ้าง เลยบ้าง ไม่ก็ชนผลแอบเปิ้ลซะแกว่งไปมา
“ใช้ช่องบนเฟรมเป็นตัวกะระยะแขนกับเป้าหมาย”
“รู้แล้วน่า” ฌองบ่นรำคาญกับคำสั่งจุกจิกที่เขาเองก็รู้อยู่แล้ว หลังจากต้องใช้เวลากะระยะอยู่สักพัก ในที่สุดมือกลก็สัมผัสผลแอ็บเปิ้ลได้ “โธ่ เห็นไหมว่าเรื่องง่าย ๆ นะ”
“เอาเหอะ ลองเด็ดให้ได้ก่อนแล้วค่อยอวด”
ฌองยิ้มย่องให้กับความสำเร็จในอนาคต แต่ทว่า เรื่องมันก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดนัก ทันที่ที่เขาพยายามจะหยิบฉวยแอ็บเปิ้ลลูกสีแดงสดนั่น มันก็กลับแตกโพล่ะไปต่อหน้าต่อตา
“บอกแล้วไงว่าต้องละเอียดอ่อนให้มากกว่านี้ เอาให้เบาเหมือนกับเวลาจะจับลูกเจี๊ยบแรกเกิดเลยนะ มา เดี๋ยวพี่ช่วยให้” ว่าแล้วมารีก็เบียดตัวแนบชิดน้องชาย คร่อมมือของหล่อนบนมือของฌอง “เอาล่ะ ลองเคลื่อนแขนไปตามพี่ดูนะ”
“โอ้ย ไม่ต้องเข้าใกล้ขนาดนั้นก็ได้ เหม็นบุหรี่” ฌองผู้เป็นน้องรีบผลักพี่สาวออกไปให้ห่าง “เดี๋ยวผมจัดการของผมเองได้ ไม่ต้องมาสอนผมหรอก”
“แล้วจะให้พี่สอนทำเผือกอะไรเล่า ก็ได้ งั้นชาตินี้ก็ขอให้เด็ดแอ็บเปิ้ลได้สักลูกก็แล้วกัน”
ทว่า สิ่งที่มารีมิได้ทันสังเกตคือเลือดฝาดที่เริ่มสูบฉีดจนใบหน้าฌองแดงก่ำราวกับเป็นลูกแอ็บเปิ้ล เขาได้แต่เพียงบ่นอุ่บอิบกับตัวว่า
“ให้ตายสิ ผมเองก็ไม่ใช่เด็กแล้วนะ”
รอบแล้วรอบเล่า แอ็บเปิ้ลลูกแล้วลูกเล่า ฌองก็ไม่อาจจะเด็ดมันออกมาได้ในสภาพที่คงเป็นลูกสมบูรณ์ได้สักที จนในที่สุดมารีก็ทนไม่ไหวต้องสั่งให้ฌองเลิกเสีย
“พอได้แล้ว ขืนเด็ดหมดต้นก็โดนมาดามเออเด้ด่าแน่ ให้ตายสิ เสียไปกี่ลูกแล้วฉันยังไม่ได้กินเลย”
“โธ่ ยากขนาดนี้ใครจะไปทำได้เล่า แล้วพี่ล่ะ ลองทำให้ดูเป็นขวัญลูกตาผมหน่อยสิ”
ไม่พูดพร่ำทำเพลงให้มากความ มารีกระโดดไปนั่งแทนที่เจ้าน้องอ่อนหัด ก่อนจะแสดงตัวอย่างให้ชมเป็นที่ประจัก ราวกับว่าแขนกลนั่นเป็นแขนขาจริง ๆ ของหล่อน มันไม่นานนักที่เธอจะเด็ดแอ็บเปิ้ลออกมาได้อย่างสบาย ๆ ทั้งที่ฌองต้องใช้เวลาตั้งนานกว่าจะแค่หยุดมือกลในตำแหน่งที่ถูกต้อง
“ไงล่ะ” มารีหยิบแอ็บเปิ้ลที่ว่ามากัดอย่างเอร็ดอร่อย ราวกับเป็นการตบหน้าน้องชายอวดดีซ้ำสอง
“แหงล่ะ พี่ฝึกก่อนผมมาตั้งนานนี่นา”
“เออ แต่แค่ฝึกไม่พอหรอก พี่เองก็มีคุณพ่อคอยสอนด้วย ขืนดันทุรังฝึกโดยไม่มีใครคอยแนะให้อย่างนี้ก็ขาดทุนกันพอดี”
“ก็ใช่สิ พี่มีคุณพ่อสอนให้นี่นา” พอมารีพูดถึงเรื่องบิดา ฌองก็มีท่าทีเศร้าหนักลงยิ่งกว่าเก่าเสียอีก “แต่กับผมแล้ว ขนาดหน้าผมก็รู้จักแต่จากรูปถ่ายเก่า ๆ”
มารีได้แต่ถอนหายใจที่มีแต่กลิ่นบุหรี่อีกครา ก่อนจะเอามือลูบหัวเจ้าน้องชายที่ถึงแม้จะปากดี และกวนบาทาเสียแค่ไหน แต่ก็เป็นที่รักของเธออยู่เสมอ
“เอาน่า อย่างกับคุณพ่ออยากจะจากเธอไปงั้นล่ะ ถ้าเกิดท่านยังอยู่ล่ะก็คงสอนวิธีการบังคับเจ้านี่ให้เหมือนกันล่ะ”
“รู้แล้วล่ะ ก็ท่านเป็นถึงชาวาลีเย่เลยนี่นา คงสอนได้ดีกว่าพี่สาวที่วัน ๆ เอาแต่สูบบุหรี่กับพรวนดินล่ะว้า”
“เว้ย อย่าดูถูกกันให้มากนะ เรื่องฝีมือบังคับหุ่นฉันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าคุณพ่อนักหรอก” มารีกล่าวเสร็จก็จัดการขยี้หัวเจ้าน้องชายเสียเป็นการลงโทษ
เสียงหัวเราะของสองพี่น้องดังเจี้ยวจ้าวไปทั่วท้องทุ่งราวกับเป็นเสียงสะท้อนของความสงบสุขน้อย ๆ กลางท้องทุ่งบ้านนอกบ้านนานี้...
โดยหารู้ไม่ว่า เสียงหัวเราะนั่นจะเป็นเสียงแว่วแห่งสันติสุขครั้งสุดท้าย โดยที่เรื่องสำคัญที่พิธีกรในวิทยุกำชับผู้ฟังนักหนาว่าให้ฟังกันอย่างพร้อมเพรียงตอนสองทุ่มของคืนนี้ จะครอบงำชีวิตของทั้งสองไปตลอดกาล
.............................
....................
............
....
Edit Log: Dec 29th, 2008: จบตอน
Edit Log: June 17th, 2009: แก้ชื่อจาก ณอง เป็น ฌอง ต้องขอบคุณท่านหน่องจริง ๆ ครับผม
Edit Log: July 1st, 2009: แก้คำผิด ขอบคุณท่าน Bigball ที่ช่วยตรวจทานครับ
Edit Log: May 21st, 2011: แก้สำนวนเล็กน้อย
ความคิดเห็น