ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Familiar of Darkness

    ลำดับตอนที่ #4 : คอนเน่ ตอนที่ 2

    • อัปเดตล่าสุด 31 พ.ค. 50


             เอาล่ะ  หวังว่าคงสวยพอแล้วนะ  ผลงานสร้างสรรค์จากแผ่นหินที่ฉันอุตส่าห์ไปยกมาจากแถวก่อสร้างข้างๆ วัด  ตอนแรกกะจะปักเป็นไม้กางเขน  แต่เตเต้บอกว่าเจ้าอ้วนมันนับถือพุทธ  แต่ฉันเองก็จุดไฟไม่เป็น  แถมไม่รู้จะไปหากองไม้จากไหน  ก็เลยลงเอยที่ทำให้หลุมสวยที่สุดก็แล้วกัน  ช่อดอกไม้กอเบ่อเร่อที่เตเต้ไปตัดมาจากสวนที่บ้านถูกจัดวางไว้อย่างดี  พวกเราช่วยกันเรียงหินก้อนเล็กๆ รอบๆ หลุมฝังเจ้าอ้วนอย่างที่เราคิดว่าสวยที่สุด


            ฉันต้องคอยช่วยปลอบเตเต้ที่ร้องไห้ไปเรียงก้อนหินไป   กว่าจะเสร็จก็กินเวลาไปตั้ง 3 ชั่วโมงแนะ  เตเต้เอารูปถ่ายเจ้าอ้วนแปะสก็อตเทปติดตรงแผ่นหิน  แล้วพวกเราจึงสวดมนต์ให้เจ้าอ้วนไปสู่สุขติ


            นะโม ตัสสะ....เจ้าอ้วนเอ้ย...ขอให้เป็นสุขๆ นะ  หวังว่าชาติหน้าจะได้เกิดมาเจอเตเต้อีกนะ


            “ฮือ...ไอ้รถบ้านั่น....ฮือๆ  ทำไมต้องชนเคโระด้วย  เคโระทำอะไรผิดนะ”


            ดีนะที่ฉันพกกระดาษทิชชู่มาเผื่อด้วย  ฉันดึงทิชชู่ขึ้นมาแล้วค่อยๆ เช็ดน้ำตาตรงแก้มทั้งสองข้างของเตเต้  แล้วจึงลูบหัวเตเต้เบาๆ ไม่เป็นไรน้าเตเต้  เดี๋ยวพวกนั้นมันต้องได้ชดใช้กรรมแน่นอน  ไม่ต้องห่วงหรอก  คุณแม่เคยบอกว่าใครทำอะไรไว้ต้องได้รับผลตอบแทน  ไม่ชาตินี้ก็ชาติหน้าแน่นอน  ถึงแม้ว่าฉันเองก็ไม่รู้หรอกว่ามันจะมีจริงรึเปล่านะ


             แต่ว่าอย่าเพิ่งคิดไปไกลเลย  ตอนนี้ท้องมันร้องแล้วอ่า  เตเต้  ไปหาอะไรกินที่บ้านเธอได้มั้ย  ขืนเรากลับบ้านละก็โดนพ่อเฉ่งเรื่องเมื่อเช้าแน่เลย


             จากนั้นพวกเราจึงมุ่งหน้าไปหาอะไรกินที่บ้านเตเต้กัน  พอถึงหน้าประตูตรงรั้ว  ฉันก็ได้ยินเสียงแมวสามสี่ตัวร้องเมี้ยวๆ ดังลั่นไปทั่ว  พวกนั้นคือเหล่าลูกๆ สุดที่รักของเตเต้  เชารัน  ซากุระ โทโมโยะ  ยูเอะ  กำลังนัวเนียกลิ้งไปกลิ้งมาในกรงอันใหญ่ที่วางไว้ข้างๆ ที่จอดรถ


            “โธ่...ลูกแมวพวกนี้...จะรู้รึเปล่าว่าพ่อมันไม่กลับมาแล้วนะ”


            น้ำเสียงที่เตเต้พูดกับพวกลูกแมวมันบาดใจฉันเหลือเกิน  มันทำให้ฉันนึกถึงตอนคุณแม่เพิ่งเสียอีกแล้ว  โธ่  น้ำตาจะร่วงเอา


            ตอนที่พวกเราเข้าไปในบ้านก็เจอกับคุณพ่อของเตเต้ที่กำลังแบกถุงกอล์ฟเดินออกมาพอดี


            คุณพ่อเตเต้ค๊า  สวัสดีค่ะ


            “อ้าว  คอนเน่ เหรอ  ทานข้าวกลางวันที่นี่ก่อนสิ  ป้าน้อยเค้าเตรียมอาหารไว้แล้วแนะ”  คุณพ่อของเตเต้พูดกับฉันก่อนจะหันไปคุยกับเตเต้  “นี่ลูก  เดี๋ยวพ่อจะออกไปตีกอล์ฟก่อนนะ  เดี๋ยวจะกลับมาค่ำๆ ฝากบอกแม่ด้วยแล้วกันนะ”


            “ค่ะ....”


            แล้วคุณพ่อเตเต้ก็เดินออกไปโดยเหมือนจะไม่ได้สังเกตถึงสีหน้าที่เศร้าสร้อย  หรือ คราบน้ำตาบนแก้มทั้งสองข้างของเตเต้แม้แต่น้อย   นี่คุณพ่อเตเต้ค่ะ  เตเต้เค้าร้องห่มร้องไห้ขนาดนี้  คุณพ่อเตเต้ไม่คิดจะปลอบเตเต้มั่งเลยเหรอ


             นี่เตเต้  แล้วเธอจะไม่บอกเรื่องเจ้าอ้วนให้พ่อเธอฟังเหรอ


             เตเต้ส่ายหัว  “ไม่เป็นไรหรอก  พ่อเองเพิ่งกลับมาจากทำร้าน  คงอยากไปตีกอล์ฟเต็มแก่แล้วละ”


             จากนั้นเราไปล้างเนื้อล้างตัวที่มอมแมมกันก่อน  เสร็จแล้วค่อยเริ่มหม่ำอาหารที่ป้าน้อยเตรียมไว้ให้บนโต๊ะแล้ว  แหม่...กับข้าวบ้านเตเต้ที่ป้าน้อยทำนี่ไม่เคยทำให้ฉันผิดหวังจริงๆ


             “ป้าน้อยค่ะ  แล้วคุณแม่ละ”  เตเต้หันไปถามป้าน้อยที่กำลังเสิร์ฟน้ำให้พวกเราอยู่


            “อ๋อ...คุณดาวเพิ่งออกไปข้างนอกก่อนคุณตั้มจะกลับมาไม่เท่าไหร่เองค่ะ”


             “งั้นเหรอค่ะ” 


             ดูเหมือนเตเต้จะไม่ค่อยมีอารมณ์ที่จะกินข้าวซะเท่าไหร่  ก็สมควรอยู่หรอก...ลูกรักตายไปทั้งคน  ตอนนั้นฉันเองก็กินอะไรไม่ลงเหมือนกัน  เห็นอย่างนี้ฉันก็รู้สึกแย่นาเตเต้  ปกติเห็นกินเอ้ากินเอา  ไม่รู้ทำไมยังผอมกะหร่องอยู่น้า 


            นี่เตเต้...ตอนนี้ซากุระจะมาแล้วนี่นา  ไม่ดูเหรอ 


            “อือ...ไม่อะ...ไม่มีอารมณ์จะดู”


            เอาน่า  เปิดๆ ดูก่อนก็ได้  เผื่อจะทำให้เธออารมณ์ดีขึ้นมาบ้างไง  แล้วฉันก็เดินไปเปิดทีวีพลาสม่าที่วางอยู่ตรงห้องนั่งเล่นที่มองเห็นทะลุจากโต๊ะกินข้าว 


            ทันทีที่เปิด  เพลงไตเติ้ลของซากุระก็เริ่มเล่นพอดิบพอดี  นี่เตเต้...ซากุระมาแล้วนะ  มาเหอะน่า  ตอนนี้เป็นตอนที่ซากุระจะสู้กับเอเรียลแล้วนะ  จะไม่มาดูจริงๆ อะ


             ถึงพูดอย่างนั้นก็เหอะ  ฉันก็จัดการลากเตเต้มานั่งจุ่มปุ๊กบนโซฟาที่ห้องนั่งเล่นทันที


             ทั้งๆ ที่มันเป็นตอนที่เตเต้บ่นว่าอยากจะดูที่สุดตั้งแต่เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว  แต่เตเต้กลับไม่มีกระจิตกระใจจะดูเลย  แถมยังน้ำตาซึมอีกตอนฉากที่เจ้าเคโระมันโผล่ออกมาอีก  เฮ้อ....ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำไงดี  ต้องปล่อยให้เตเต้เค้าทำใจได้เองละนะ  ฉันก็ได้แต่ลูบหัวเตเต้ไปพลางปลอบใจเตเต้ไปพลาง 


             หลังจากซากุระจบแล้ว  เตเต้ดูไม่มีทีท่าว่าจะสดชื่นขึ้นสักเท่าไหร่เลย  พวกเราเลยตัดสินใจไปเยี่ยมหลุมฝังเจ้าอ้วนกันอีกรอบ  พอพวกเราไปถึงที่ก็...


             พวกเธอทำอะไรกันนะ!


              ฉันตะโกนออกไปทันทีที่เห็น  ปอม เก้ง  เอก  กลุ่มเด็กผู้ชายตัวแสบทั้งสามประจำซอยที่ฉันไม่ถูกชะตาเอาซะเลยกำลังยืนเล่นกันตรงหลุมฝังเจ้าอ้วนที่ฉันกับเตเต้เพิ่งตกแต่งเมื่อเช้า 


              “อ้าว...ยัยทอมคอนเน่  กับหัวหยิกตัวดำเตเต้นี่”


              ปอม  หัวโจกของกลุ่มตะโกนทักทันที่ที่มันเห็นฉัน  หนอย...มันบังอาจเอาเท้าเหยียบบนแผ่นหินบนหลุมเจ้าอ้วนด้วย 


              เฮ้ย!  เอาส้นตีนไปให้พ้นๆ จากหลุมเจ้าอ้วนนะ  พวกเวลนี่!


              “โหๆ  นี่คือวิธีที่ผู้หญิงเค้าพูดกันเหรอเนี่ย”


             หนอย...มันย้อนแนะ  บอกให้ออกไปให้พ้นๆ ไงเล่า  นั่นมันหลุมศพแมวอ้วนของเตเต้นะ


              “อ๋อเรอะ...ที่แท้หลุมศพแมว  นึกว่ามาเล่นแต่งงานเป็นเจ้าบ่าวเจ้าสาวกันซะอีก ”


              “ผู้หญิงจะแต่งงานกันได้ไง  อ้อ  ลืมไป  ยัยทอมคอนเน่ไม่ใช่ผู้หญิงนี่นา  กรักๆๆ”


             เจ้าพวกเวลนั่น  มันไม่ถอย  แถมยังหัวเราะเยาะฉันอีก  เฮ้ย...ถ้าไม่ถอยไปชั้นเล่นพวกแกแน่ 


             “อุ้ยตาย...ว้าย  กลัวเหลือเกิน  กะอีแค่แมวตายทำเป็นเรื่องใหญ่  ฮ่วย!  ตายๆ ซะได้ก็ดี  แมวพวกนั้นนะ  มาร้องแม้วๆ อยู่ได้  น่ารำคาญ” 


             ฉันหันไปมองข้างๆ ต้องพบกับเตเต้ที่แก้มทั้งสองข้างอาบไปด้วยคราบน้ำตา  แล้วเตเต้ก็เริ่มร้องไห้อีกรอบ


              ฉันหันกลับไปจ้องเจ้าบ้าพวกนั้นที่กำลังสนุกสนานที่เห็นเตเต้กำลังร้องไห้  
     
              อ้าย - พวก – เวล นี่!
        

    ..................................
    ................
    ........ 


             “ฮือๆๆ....หลุมพังหมดแล้ว....”


             เตเต้ร้องไห้คร่ำครวญหน้าหลุมเจ้าอ้วนที่เละตุ้มเปะ  เจ้าพวกเลวนั่น...มันรื้อหินที่พวกเราช่วยกันเรียงเมื่อวานกระจุยกระจายไม่เหลือชิ้นดี  รูปเจ้าอ้วนที่เตเต้อุตส่าห์แปะไว้ถูกเหยี่ยบซะเยิน  ดอกไม้ที่เตเต้อุตส่าห์จัดเป็นช่ออย่างดีถูกเหยียบเล่นซะไม่เหลือ


             แต่อย่างน้อยได้ฝากหมัด กับรอยเท้าบนตัวพวกนั้นก็สะใจพอสมควร  พวกผู้ชายบ้านั่น...กระจอกจริงๆ  ขนาดรุมยังแพ้วิ่งแจ้นหนีไปฟ้องพ่อแม่ตามเคย  เชอะ...แต่มันไม่สาสมกับที่พวกมันทำเตเต้ของฉันร้องไห้หรอกนะ!  มันยังไม่จบแค่นี้หรอกนะ  เจ้าพวกเวลทั้งหลาย


            ฉันปัดฝุ่นบนเสื้อที่เพิ่งไปคลุกกับดินตอนเตะก้นพวกผู้ชาย  แล้วจึงไปนั่งข้างๆ  เตเต้ที่กำลังร้องห่มร้องไห้พร้อมกับโอบเตเต้ไว้  ไม่เป็นไรหรอกน่า  ฉันจัดการพวกนั้นให้แล้ว  เดี๋ยวเรามาช่วยกันทำหลุมให้ใหม่ก็ได้


            “ต...แต่พวกปอมคงไม่ยอมแค่นี่แน่...ซิก...พวกมันคงมารื้ออีกแน่เลย  ซิก”


            ก็จริง...พวกเวลนั่นมันคงไม่เลิกราแค่นี้แน่  งั้นเตเต้  เดี๋ยวเราเฝ้าหลุมให้เอง  ส่วนเตเต้กลับไปดูแลเจ้าพวกลูกๆ เธอเถอะ


            “ไม่เอา....ซิก...ถ้าคอนเน่อยู่เราจะอยู่ด้วย”


            พวกเราก็ช่วยกันซ่อมหลุมของเจ้าอ้วน  ถึงมันจะไม่สวยเท่าครั้งแรก  แต่มันก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลยน่า  จากนั้นพวกเราก็ช่วยกันเฝ้าระวังพวกผู้ชายเวลๆ นั้นกลับมาแก้แค้น  

     
            มีอยู่ช่วงพวกผู้ชายเวลๆ นั่นก็คอยขี่จักรยานดูเชิงไปมาเหมือนกัน  แต่ฉันเฝ้าอยู่ซะอย่าง  พวกมันจะทำอะไรได้  ก็ได้แต่ล้อเลียนอยู่ห่างๆ แค่นั้นล่ะ  ลองเข้ามาใกล้กว่านี้แม่จะขว้างหินใส่ให้


             นอกนั้นพวกเราก็นั่งคุยเล่นกันเรื่องแมวมั่ง  เรื่องซากุระมั่ง  หรือไม่ก็นั่งหงุดหงิดบ่นเรื่องพวกผู้ชายเวลๆ กัน  เตเต้เองก็หยุดร้องไห้  อารมณ์เริ่มดีขึ้นมาบ้าง  สงสัยเพราะเรื่องพวกผู้ชายงี่เง่าพวกนั้นด้วย  ทำให้เตเต้หันไปหงุดหงิดใส่พวกนั้นแทน  (แต่ไม่อยากขอบคุณพวกมันที่ทำให้เตเต้หายเศร้าเลย  ให้ตายสิ) 


            ใช่แล้วเตเต้  ยิ้มเข้าไว้  หน้าเธอเหมาะกับรอยยิ้มมากกว่าน้ำตาเป็นไหนๆ


            พอถึงตอนเย็นๆ อากาศก็เริ่มมืดลงอย่างเห็นได้ชัด  เมฆสีดำลอยอยู่ลิบๆ  สงสัยคืนนี้ฝนได้ตกแหงๆ  เฮ้อ...สงสัยอดดูทีวีอีกแหงเลย


             ผมสีแดงแป๊ดที่ไม่เข้ากับอายุของป้าน้อยลอยมาแต่ไกล  นี่เตเต้...สงสัยป้ามาตามเตเต้กลับบ้านแหงเลย


             “คุณเตเต้ค่ะ  คุณดาวเรียกให้กลับบ้านได้แล้วค่ะ”


            นี่เตเต้  กลับไปก่อนเถอะ...เดี๋ยวเราอยู่เฝ้าต่ออีกเดี๋ยวก็แล้วกัน


            “ต...แต่ว่า”


            ไม่เป็นไรร้อก  แค่อยากให้แน่ใจว่าเจ้าพวกบ้านั่นจะไม่ย้อนกลับมาอีกนะ


            “นี่หนูคอนเน่เองก็รีบๆ กลับบ้านไปจะดีกว่านะ  มืดๆ อย่างนี้เด็กผู้หญิงอย่างหนูอยู่คนเดียวมันอันตรายนะ”


            ไม่เป็นไรหรอกค่ะป้าน้อย  เดี๋ยวพอมืดกว่านี้สักหน่อยหนูก็รีบกลับบ้านเหมือนกัน  ไม่งั้นคุณพ่อฆ่าหนูตายแน่เลยค่ะ


            “งั้นรีบๆ กลับบ้านซะล่ะ  ช่วงนี้มีข่าวลือว่ามีตัวอะไรประหลาด ๆ เพ่นพ่านอยู่แถวด้วย  ป้าเองก็เป็นห่วงหนูนะ”


            ค่ะ  หนูจะระวังตัวค่า


            ฉันนั่งเหม่อดูหลังของทั้งสองเดินหายลับเข้าไปในบ้านที่ลึกเข้าไปในซอยอีก  เฮ้อ  อยู่คนเดียวมันเหงาเหมือนกันนะเนี่ย  แถมตอนนี้เริ่มมืดลงเรื่อยๆ  บรรยากาศเองก็ชัดน่ากลัวเข้าทุกทีๆ  สงสัยจะได้เวลากลับบ้านแล้วละมั้ง  ป่านนี้พวกผู้ชายงี่เง่าพวกนั้นคง...


            โพล๊ะ!


             ถุงน้ำถูกโยนมาจากไหนก็ไม่รู้ลอยละลิ่งมาแตกข้างๆ ขาฉัน  น้ำที่กระเซ็นโดนฉันเหมือนมีสีผสมอยู่ด้วย
     

             “ชิบ...พลาดซะได้”


             คนที่ขว้างถุงน้ำนั้นไม่ใช่ใครอื่น  พวกกลุ่มผู้ชายงี่เง่าพวกนั้นนั่นเอง  พวกเวลพวกนี้ยังจะไม่เลิกอีกเรอะ! คิดถูกจริงๆ ที่อยู่เฝ้า  ฉันไม่รอช้าหยิบก้อนดินแถวๆ นั้นขว้างใส่เจ้าพวกนั้นโดนหัวเก้งเต็มๆ  ฮ่าๆๆ  สมน้ำหน้า


            “อย่าไปกลัวยัยทอมบอยนั่นเซ่  เธอเหลือตัวคนเดียวแล้ว”


            แล้วถุงพลาสติกใส่น้ำใส่สีเป็นสิบถุงถูกขว้างกระหน่ำใส่ฉันอย่างไม่ลืมหูลืมตา  ฉันเองก็คว้าเศษดินขว้างกลับ  โดนมั่งไม่โดนมั่ง  


            พวกเธอหยุดเดี๋ยวนี้นะ!


            “ไม่หยุดแล้วจะทำไม  จะฟ้องแม่เหรอ  ก๊ากๆๆๆ  ลืมไปยัยนี่ไม่มีแม่นี่นา”


             .........


             อย่ามาล้อฉันเรื่องนี้เด็ดขาดนะ!  

           
             ฉันสติขาดผึง  ตอนนั้นฉันจำอะไรไม่ได้แล้วนอกจากว่ายกแผ่นหินบนหลุมเจ้าอ้วนมาวิ่งไล่ทุ่มใส่เจ้าพวกบ้านั่นจนพวกผู้ชายเลวๆ นั่นเผ่นแนบไปไกลด้วยจักรยานบ้าๆ นั่น  ฮึก...เจ้าพวกบ้านั่น....ฮึกๆๆๆ


             แย่แล้ว...ฉันเผลอทำหลุมเจ้าอ้วนเละซะแล้ว  ฉันวางหินคืนที่เดิม  ก่อนปาดน้ำตาที่มันไหลออกมาเมื่อตะกี๊นี้  เฮ้อ...อุตส่าห์คิดว่าจะไม่ร้องไห้เรื่องคุณแม่อีกแล้วเชียว  เจ้าพวกบ้า  บ้าบ้าบ้าบ้าบ้าบ้าบ้าบ้าบ้าบ้าบ้าบ้าบ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


              เพราะพวกมัน  ฉันเลยต้องมานั่งจัดช่อดอกไม้บนแผ่นหินนั่นอีกรอบ  เตเต้  โทษทีนะ  เดี๋ยวจะทำให้มันเหมือนเดิมเดี๋ยวนี้ล่ะ


              แซ่กๆ


              แต่ระหว่างที่ฉันกำลังจัดหลุมเจ้าอ้วนใหม่อีกรอบนั้น  ฉันก็รู้สึกเหมือนกับมีอะไรเคลื่อนไหวอยู่ในกอหญ้าข้างฉัน 


              แซ่กๆ


               จริงๆ ด้วย  คราวนี้ฉันเห็นกอหญ้ามันขยับไหวๆ กับตา  งูหรือเปล่า  ฉันไม่ไปดูให้โง่หรอกค่ะ  ถอยก่อนซี่  ตอนนี้ยิ่งมืดๆ แล้วด้วย   


               ทั้งๆ ที่ฉันถอยมาไกลแล้ว  ดูเหมือนเจ้าสิ่งนั้นยังตามฉันมาเรื่อยๆ  กอหญ้าสั่นไหวเข้าประชิดฉันเรื่อยๆ  ไม่เลิกเสียที  งู...มันต้องเป็นงูแน่ๆ  ทำไงดีๆ  ฉันเองก็ถอยออกมาจนเดินบนถนนปูน  ตามฉันมาทำไม  ไปให้พ้นซี่  ชิ้ว...


              แล้วทันใดนั้น...........


               กรี๊ดดดดดดดดดด


               ฉ...ฉ...ฉันกรีดร้องออกมาสุดขีด  ฉ....ฉันเห็น...ด...ดวงตาเรืองแสงสองดวงโผล่ออกมาจากพงหญ้า  มันน่ากลัว...น่ากลัวมาก....ฉันไม่คิดที่จะอยู่ดูต่อแน่นอนว่ามันเป็นตัวอะไร  ฉันรีบหันหลังพร้อมโกยอ้าวจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด 


                “ร...รอก่อน....”


                เหมือนมีเสียงของเด็กผู้ชายก้องอยู่ในหัว  แต่ฉันก็ไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแล้ว  ตอนนี้สิ่งเดียวที่คิดออกคือต้องรีบวิ่งหนีไปให้เร็ว  ที่สุด  เจ้าตัวตาเรืองแสงนั่นมันต้องอันตรายแน่ๆ

    ......................
    ..............
    ......


                ดวงตาอันดำขลับของเฟอร์เร็ตจ้องมองเด็กหญิงที่กำลังหนีออกไปอย่างไม่คิดชีวิต  มันถอนหายใจราวกับผิดหวังกับอะไรสักอย่างก่อนค่อยๆ เผยตัวออกมาจากพุ่มไม้  หันมองซ้ายขวา  เมื่อพบว่าไม่มีรถวิ่งผ่านไปมา  มันจึงค่อยๆ เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วข้ามถนน  วิ่งตามเข้าไปยังซอยที่คอนเน่เพิ่งหนีไป  ระหว่างที่เจ้าเฟอร์เร็ตวิ่งผ่านหน้าบ้านแต่ละบ้าน  เสียงเห่าของสุนัขก็ดังขึ้นระงมเป็นทอดๆ ไปตามทาง..... 


                ตามหลังด้วยเสียง เอ๋ง  และเสียง หงิงๆ  ด้วยความหวาดกลัวสุดขีดของเจ้าตูบทั้งหลายที่เพิ่งเห่าเจ้าเฟอร์เร็ตไปเมื่อสักครู่    
       

        
     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×