ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รวมบทความเกี่ยวกับการ์ตูนที่เคยเขียน

    ลำดับตอนที่ #19 : (Review Anime) Anime Winter 2012 ถึงคราสิ้นสุดแล้ว มาคุยกันเถอะ

    • อัปเดตล่าสุด 7 ต.ค. 57


    สวัสดีครับทุกท่าน

    ในที่สุดอนิเมซีซั่นนี้ก็ได้จบลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว (มั้ง) บางเรื่องก็มีต่ออีกซีซั่น บางเรื่องที่ต่อมาจากซีซั่นก่อนก็ได้มาจบลงที่ซีซั่นนี้เป็นที่เรียบร้อย  ความจริงกระทู้นี้เคยตั้งในบอร์ดนักเขียนแล้ว  และมีท่านอื่นได้เขียนรีวิวเรื่องอื่นที่ผมไม่ได้ดูไว้ด้วย  หากสนใจลองเข้าไปอ่านที่นี่ได้เลย

    เอาล่ะ  เพื่อไม่ให้รอช้าเกินไป  เราไปดูกันเลยว่าผมมีความเห็นอย่างไรบ้างกับอนิเมซีซั่นนี้  และหวังว่าทุกท่านจะแวะมาพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกันนะครับ ^ ^

    ปล. ทุกอย่างที่ผมเขียนขึ้นล้วนแล้วแต่เป็นความเห็นที่เกิดขึ้นจากรสนิยมการดูของผมน่อ  อาจจะไม่ตรงกับหลาย ๆ คน  แต่มันก็เป็นแค่รสนิยมของคนคนหนึ่งล่ะนะ   อย่าถือสาให้มากเลย










    เรื่องที่ผมไม่ได้ดูหรือดองไว้ดูทีหลัง

    ต้องขอสารภาพตามตรงเลยว่ามีหลายเรื่องที่ทุกคนต่างชมนักชมหนาว่าดี  แต่ผมดันไม่ได้ดู  บางเรื่องก็ไม่มีวาสนาที่จะดูจริง ๆ  เนื่องด้วยเหตุผลหลาย ๆ ประการ บ้างก็ดูไปแค่ไม่กี่ตอนก็ต้องขอดองค้างไว้เพราะจิตใจอันเปราะบางในตอนนี้ของผมมันรับไม่ไหว  ลิสต์เหล่านี้คืออนิเมที่ผมไม่ได้ดูในซีซั่นนี้นะ  แต่จะดูทีหลังหรือไม่ก็ไม่แน่...

     



    เรื่องที่ดร็อปกลางทาง 

    High School DxD - ตอนแรกผมชอบเรื่องนี้นะ  แต่พอขึ้นเนื้อเรื่องอาเชียผมกลับดูแล้วเบื่อซะงั้นล่ะ  หากใครชอบอนิเมขายเซอร์วิส  สู้ไปเสื้อขาด  โชว์ กกน. กับหนองโพได้เกือบทุกตอน (ยกเว้นตอนจบฟ่ะ  แปลกดี) ก็แนะนำเรื่องนี้  วาดสาว ๆ ได้น่ารักดี  ชอบหนูผมขาวโลลิอ่ะ

    Rinne no Lagrage - ด้วยเหตุผลบางประการผมไม่เคยดูเรื่องนี้ผ่านครึ่งตอนไปได้สักครั้ง  พยายามมาสามรอบละ  แต่ก็หลับคาจอตลอด  เห็นว่าเป็นอนิเมอารมณ์ดีที่หลาย ๆ คนชม  ดูจากรีวิวของต่างประเทศแล้วก็ชมเรื่องนี้ไว้เยอะเหลือเกิน  เอาเป็นว่าแนะนำให้ลองไปดูกันเองก็แล้วกัน  สำหรับผมเรื่องนี้ไม่มีวาสนาเหลือเกิน 

    Zero no Tsukaima F - รอท่านแคมมี่บ่นก็แล้วกัน  สำหรับภาคสุดท้ายของหลุยส์  ผมดูแค่ตอนแรกเท่านั้นล่ะ  น่าเสียดายที่ JC Staff ก็ยังคงขึ้นชื่อในการยำเนื้อหาจากนิยายซะเละตุ้มเปะเช่นเคย  ไม่น่าเชื่อเลยว่าเป็นสตูดิโอเดียวกับที่ทำโทระ โดระนะเนี่ย... แต่เห็นว่าอย่างน้อยก็จบชานะดีนิ

    Shakugan no Shana III - ดูข้าม ๆ และหยุดกลางคันประมาณตอนที่สามล่ะมั้ง  พอดีภาคสองยังดูไม่จบเลย  เลยรู้สึกไม่ประติดประต่อเสียเท่าไหร่

    Kill me,baby - Yes, please kill me with your heart-breaking opening theme. สำหรับผมแล้วดูแล้วหลับอ่ะ  ไม่ใช่แนวที่ผมชอบสักเท่าไหร่  แต่ผมดันติดใจ Ending นะ  ทำได้น่ารักดี

    Senki Zesshou Symphogear - อนิเมที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งในเรื่องที่ห่วยที่สุดประจำซีซั่น  แต่กระนั้นก็มีหลาย ๆ คนที่ทนดูต่อเพราะความห่วยของมัน  น่าจะเรียกได้ว่าเป็นอนิเมคัลท์เลยก็ว่าได้  แต่สำหรับผมสองตอนก็พอแล้ว...

    อาม่าฆ่าหมี - รำคาญพระเอกฟ่ะ...

     



    เรื่องที่ดร็อปไว้  แต่จะเก็บดูทีหลัง

    1. Another - อนิเมที่ได้รับการกล่าวขวัญถึงความยอดเยี่ยมทั้งตัวเนื้อเรื่องและโปรดักชั่น  ซึ่งผมได้ชิมลางดูไปแล้วสองตอนก็คิดว่ามันเจ๋งจริง ๆ แต่นั่นคือปัญหาล่ะ... มันดีเกินจนทำผมแสลงไปเลย... เอาเป็นว่าปั่นธีสิสเสร็จคงจะมาดูต่อจนจบ  ตอนนั้นอาจจะได้เห็นผมตั้งกระทู้อวย Another หลังชาวบ้านเขาก็ได้

    2. Black Rock Shooter - พูดตามตรงเลยนะว่าผมชอบแบบ Tv ซีรีย์มากกว่า OVA ถึงหลาย ๆ คนจะบ่นว่าทั้งเรื่องดันเน้นแต่แต่ความว้าวุ่นของเด็กสาว  แต่ผมกลับชอบนะ  สองตอนแรกที่ดูทำ คางาริ ออกมาได้จิตสุด ๆ ไปเลย  ดูแล้วอึดอัดเป็นบ้า  ถ้าพูดตามตรงแล้วอึดอัดยิ่งกว่า Another อีก

    ว่าแต่  ใครดูเรื่องนี้จบแล้วอยากลองกิน มาการูน บ้างเอ่ย ?


     




     

    Guilty Crown การล่มสลายของความทะเยอทะยาน



     

    เบื่ออิโนริ  ขอแปะรูปทซึกุมิก็แล้วกัน
     

    สำหรับหนึ่งในเรื่องโด่งดังของซีซั่นนี้คงไม่พ้นการจบลงของซีรีย์อื้อฉาวที่ทุกคนต่างกล่าวถึงในเวลานี้  Guilty Crown หรือ มงกุฎบาป ที่หลาย ๆ คนต่างเคยอวยและตั้งเป้าไว้ว่ามีสิทธิ์เป็นหนึ่งในอนิเมที่ยอดเยี่ยมที่สุดประจำซีซั่นเลยก็ว่าได้...

    แต่หลังจาก Guilty Crown ฉายจบลงก็ไม่มีใครพูดอย่างนั้นอีกเลย

    ความจริงแล้วการจะบอกว่า GC นั้นมันแย่ขนาดไหนก็คงเหมือนกับการเตะหมาน้อยที่หงอมไปแล้ว  ใช่แล้วล่ะ... ที่ผ่านมาก่อนที่ผมจะตั้งกระทู้นี้ก็คงมีคนรุมหั่นรุมสับเรื่องนี้อย่างสนุกสนาน  แม้แต่คนที่เป็นแฟนอวยเรื่องนี้ก็ยังไม่อาจพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดีอย่างที่ตั้งความหวังไว้ในตอนแรก  ดังนั้นผมถึงจะไม่รุมทึ้งเรื่องนี้ต่ออีกแล้ว  หากใครสนใจการสับเรื่องนี้อย่างละเอียดก็ลองแวะไปที่กระทู้นี้ได้เลย  http://www.dek-d.com/board/view.php?id=2422747

    ผมเองยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าได้เป็นสักขีพยานของการล่มสลายของเรื่องที่ทุกคนต่างตั้งความหวังไว้  ทั้งที่สองตอนแรกเรียกได้ว่าทำได้ดีมาก  ถึงแม้หลายคนจะบ่นว่าคล้ายกับ Code Geass แต่ด้วยโปรดักขั้นเมพ  ภาพสวยระดับ Movie ได้คาแร็คเตอร์ดีไซน์ชั้นนำ Redjuice (ที่ผมไม่รู้จักก่อนหน้านี้) มาออกแบบตัวละครได้สวย ได้หล่อถูกจริตยุคสมัย  เปิดตัวด้วยเพลงที่ทำให้ทุกคนต้องทึ่งกับความอลังการ  เรียกได้ว่าถึงแม้จะเป็นส่วนผสมที่คนอื่นเคยทำมาแล้ว  แต่สองตอนแรกของ GC ทำได้อย่างยอดเยี่ยมมาก... 

    แต่หลังจากนั้นทุกอย่างก็ดิ่งลงเหว... 

    ผมคงจะไม่บ่นเรื่องนี้ไปมากกว่านี้แล้วล่ะ  ทั้งเรื่องบทที่ห่วยแตก  ตัวละครไม่น่าเอาใจช่วย  ความไม่สมเหตุสมผล  อาศัยแต่ความ WTF เพื่อให้เรื่องเดินต่อไป  เรื่องนี้คนอื่นบ่นไปเยอะแล้ว  แต่อยากจะชี้บางจุดที่น่าจะมีประโยชน์กับการแต่งเรื่องของคนอื่นในอนาคต  สำหรับเรื่องนี้แล้วเป็นตัวอย่างที่ดีของ Deus ex Machina ที่เลวร้ายสุด ๆ ตั้งแต่จู่ ๆ ก็อัพเกรดความสามารถของชู  จู่ ๆ ก็ให้อิโนริแปลงร่างได้  จู่ ๆ ก็นำเสนอองค์กรลับที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดในอีกไม่กี่ตอนก่อนจบ  สรุปคืออะไรก็เกิดขึ้นได้ใน GC นอกจากความสมเหตุสมผล...

    หากพูดตามตรงแล้วถามว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดีไหม ? คำตอบคือไม่... แต่กระนั้นมันก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดที่ทุกคนก่นด่า  ผมคิดว่าที่ทุกคนรุมยำเรื่องนี้เสียจนเละเทะก็เพราะความรู้สึกโดนหักหลังจากความคาดหวังมากกว่า  ความคาดหวังที่ว่าเรื่องนี้มันจะต้องดีจากสองตอนแรก  แต่สุดท้ายแล้วมันก็ไม่อาจเป็นไปอย่างที่คาดหวังได้   

    สรุปแล้วช่างน่าเสียดายงบประมาณของเรื่องนี้นะ  BD ก็ยอดขายตกหวบ  เกมส์ก็คงขายดีหรอกนะ  สุดท้ายอยากจะฝากความรู้สึกเสียดายที่มีต่อเรื่องนี้ด้วยประโยคเด็ดจาก Star War เลยก็แล้วกัน



     

     


     

    Last Exile: Fam the Silver Wing  กอนโซยุคใหม่ที่ไม่อาจก้าวข้ามความสำเร็จในอดีตไปได้
     




    ยังดีนะที่เธอรู้ตัวว่าตัวเองกากแค่ไหนในตอนสุดท้าย เป็ดฟาม

     

    หลังจากการกลับมาของกอนโซอย่างเงียบ ๆ ด้วยอนิเมทุนต่ำ Nyanpire ในที่สุดกอนโซก็กลับมาหากินกับหนึ่งในแฟรนไชร์ที่ขายดีที่สุด ซึ่งก็คือ Last Exile นั่นเอง

    Last Exile ถือว่าเป็นอนิเมในยุคทองของ Gonzo เลยก็ว่าได้  ด้วยภาพ CG ที่แสนอลังการของฉากการรบบนเวหา  รายละเอียดปลีกย่อยที่ใส่เข้าไปตามท้องเรื่องที่มีเหตุผลรองรับได้อย่างงดงาม  เนื้อเรื่องที่ชวนติดตาม  และตัวละครที่น่าเอาใจช่วย  แน่นอนว่ามันแอบมีเผาบ้าง  และตอนจบที่เข้าใจยากตามแบบฉบับกอนโซถึงขนาดถ้าผมไม่ไปอ่านใน Wikia ของเรื่องนี้ก็คงไม่รู้หรอกว่าเจ้าสัญลักษณ์รูปทรงนาฬิกาทรายมันหมายความว่าอย่างไร  แต่ถึงกระนั้น Last Exile ก็เป็นเรื่องในดวงใจของหลาย ๆ คน  และจากความสำเร็จของภาคแรกทำให้กอนโซกลับมาหากินต่อกับภาคฟามปีสีเงิน  ที่ดำเนินเรื่องต่อจากภาคแรก  อีกทั้งยังอัพเกรดคาแร็คเตอร์ดีไซน์ให้ถูกรสนิยมโมเอะ  ทั้งตัวละครนำที่มีแต่ผู้หญิง  ทั้งตาของตัวละครหลังทั้งสามที่โตแบ้วถูกต้องตามหลักโมเอะสมัย

    หากมอง Fam โดยไม่ไปเทียบกับภาคแรกแล้วก็ถือได้ว่าเป็นอนิเมที่สนุกในระดับกลาง ๆ มีทั้งข้อดีและข้อเสียพอ ๆ กัน  แต่หากไปเทียบกับภาคแรกแล้วก็นับได้ว่าเทียบไม่ติดเลย 

    ข้อแรกคือตัวละครเอกไม่น่าอวย  ฟามเป็นคาร์แร็คเตอร์นำที่ไม่น่าเชียร์เลยแม้แต่น้อย  ผมละ Face Palm ตลอดเลยเวลาฟามชอบโผลงขึ้นมาตลอดเกี่ยวกับ Grand Race ทั้งที่คนอื่นกำลังคุยเรื่องเครียด ๆ กันอยู่  เป็นตัวละครที่ไม่มีการพัฒนา  และดูเหมือนว่าแทบจะไม่มีประโยชน์กับพล็อตหลักเลยด้วยซ้ำ  นอกจากนี้ผมยังงงมากว่าจะใส่ปมเรื่องต้นกำเนิดของฟามไว้ทำไมก็มิทราบ... ไม่มีประโยชน์กับเรื่องเลย  เป็นหลานของนายพลเฒ่าเหรอ ?  แล้วไงล่ะ ? หากพูดตรง ๆ แล้วฟามเป็นตัวละครหลักที่ทำหน้าที่ได้ไม่สมกับเป็นตัวละครหลักของเรื่องเลย  สู้ตัวละครรองอย่างจีเซล หรือมิเลียไม่ได้เลยสักนิด

    ลุสคิเนีย กับพี่สาวของมิเลียเองก็ไม่ใช่เป็นตัวร้ายที่เราจะสงสารได้  ถึงแม้กอนโซจะพยายามทำให้เราเห็นใจตัวร้ายก็เหอะ  แต่ผับผ่าสิ... ตอนพี่สาวของมิเลียโดนยิงผมไม่รู้สึกอินไปกับความสูญเสียเลย  มีอยู่จุดเดียวที่ทำได้ดีคือตอนที่ออกุสต้าองค์ก่อนโดนลอบปลงประชนม์  ตอนนั้นล่ะเป็นตอนที่กอนโซทำได้ดีที่สุดในซีรีย์แล้ว

    สุดท้ายคือ... บักเคลาส์ขาเดี้ยง !

    ข้อสองคือความสมเหตุสมผล... แน่นอนว่าเรื่องนี้มีพล็อตใหญ่ที่น่าสนใจมาก  เล่นประเด็นกับความขัดแย้งระหว่างคนที่ถูกทิ้งบนโลกกับผู้ที่กลับมาจาก Exile การอยู่ร่วมกัน และการแย่งชิงทรัพยากรที่มีอยู่น้อย  เรียกได้ว่าเรื่องการเมืองที่เป็นพล็อตโดยรวมทำได้น่าสนใจ  แต่กระนั้นพล็อตย่อยที่จะขับเคลื่อนพล็อตหลักกลับทำได้โง่สุด ๆ ไปเลย... ทุกคนในโลกของฟามเหมือนจะโง่กันสุด ๆ ปล่อยให้เด็กตัวเล็ก ๆ สองคนขโมยยานไปได้เป็นสิบ ๆ ลำก็ดี  การที่ปืนยิงสัญญาณนัดเดียวยิงยานธงขนาดยักษ์ร่วงได้ก็ดี  และอีกหลายอย่างที่ผมพยายามมองข้าม... อารมณ์เดียวกับตอนดูเรื่อง Tytania เลยก็ว่าได้  คือดูแล้วรู้สึกขัดใจเป็นบ้าเลย  ทำไมไม่หาคนเขียนบทที่ดีกว่านี้หน่อยนะ

    ข้อสามคือการเผา... สุดท้ายกอนโซก็ยังคงเป็นกอนโซ  คือต้องมีการเผา  ไม่เข้าใจเหลือเกิน  จะทำอนิเมสักเรื่องที่เผาเนียน ๆ ไม่ได้หรือไงกัน

    โดยสรุปแล้ว Last Exile: Fam the Silver Wing เป็นอนิเมที่ดูสนุกได้โดยตัวของมันเอง  ความจริงเรื่องนี้ก็มีดีหลายอย่างเช่นพล็อตใหญ่ที่น่าสนใจ  ตัวละครหลายตัวน่าสนุก  ทั้งยังมีการเอาตัวละครจากภาคเก่ามาโผล่ให้หายคิดถึง  ฉากการรบบนฟ้าที่อลังการ (แต่ขัดใจผมฉิบเลย) แต่หากเอาไปเปรียบกับภาคก่อนแล้วก็ไม่อาจสู้กับความสำเร็จของภาคก่อนได้เลยแม้แต่น้อย  หวังว่ากอนโซจะยังมีเงินทุนเหลือทำเรื่องอื่นต่อได้นะ... ความจริงถ้า David Production ไม่แยกตัวออกไปคงเห็นขาอ่อนฟามได้เด็ดดวงกว่านี้แฮะ



     

    Recoder to Randoseru ห้านาทีกับความเข้าใจผิด
     


     

    เล่นมุกเข้าใจผิดซ้ำเป็นบ้าเลย  แต่ก่อนจะเบื่อมันก็จบละ  ดูได้เพลิน ๆ ดี
     

    ------------------------------------------------------------

    Mobile Suite Gundam AGE  กันดั้ม NTR
     



    ยูรินไปแล้วไปลับเลยไม่ได้ดูต่อ  แต่ก็แอบเหลือบ ๆ หนูเรมี่อยู่นะ

    ส่วนตัวเอกของยุคนี้มันรักสามเส้างูกินหางหรือไงฟระ  เซฮาร์ทชอบอาเซมุ  อาเซมุหึงโรมารี่  โรมารี่คิดถึงเซฮาร์ท

     

    ------------------------------------------------------------

     

    Daily Life of Highschool Boys แต่กลับรอดูสาว ๆ ในเรื่องซะมากกว่า
     


     

    เรื่องเกรียน ๆ ของเหล่าเด็กมัธยมชายที่หลาย ๆ คนต่างชื่นชอบ  ถามว่าผมชอบไหม... ก็ชอบนะ  ดูเอาเพลินดี  แค่ถ้าตอนไหนที่ตัวละครสองคนเริ่มเล่นมุกคุยกันไร้สาระผมก็แค่เปิดข้ามเท่านั้นเอง

    ความขำของเรื่องนี้เหมือนกับกราฟการเต้นของหัวใจนะ  คือมีขำสลับกับแป้กในส่วนที่พอ ๆ กัน  โดยมุกยอดแย่ที่ผมรำคาญที่สุดคือมุกแอดลิปของคนพากษ์คุยกันนะ  คือ...ผมไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่นเลยไม่รู้ว่ามันสนุกแค่ไหน  แต่พอดูแบบซับแล้วมันน่าเบื่อนะ  แถมยังมีมุกแนวนี้เยอะด้วย  ตอนมุกเล่น Role Play ดราก้อนเควส หรือตอนคุยทำเป็นออกอากาศรายการวิทยุนี่ผมกดข้ามเลย  น่าเบื่อสุด ๆ

    แต่มุกที่ชอบก็มีนะ  เช่นมุกน้องสาวทาดาคุนิแอบฟังบ้าง  มุกริมแม่น้ำของสาววรรณกรรมกับฮิเดโนริ  มุกสาว ๆ ท้ายเรื่อง  ทำได้สนุกดี  แต่ขำขี้แตกไหม...ก็ไม่ค่อยสักเท่าไหร่  แต่ก็สอบผ่านนะ

    กระนั้นสิ่งที่ทำให้ผมชอบเรื่องนี้ไม่ใช่ความเกรียนของนักเรียนชายนะ... ทั้งที่ชื่อเรื่องคือนักเรียนมัธยมชาย  แต่สิ่งที่ทำให้ผมยังดูเรื่องนี้อยู่ตลอดคือตัวละครหญิงของเรื่อง ! ทั้งริงโกะจังประธานสาวโกะ  สาววรรณกรรมยาสซัง  สาวแว่นนาโกะ อาร์คเดม่อนฮาบาระ  ต่างน่าอวยทั้งนั้น

    สรุปคือสาว ๆ เรื่องนี้แมร่งถึกว่ะ  ไม่เถื่อนไม่รอดในเรื่องนี้แน่


    Papa no Iu Koto wo Kikinasai ! รอ OVA ของรุ่นพี่ไรกะ (ถ้ามีนะ)


     


     
    ไม่น่าเชื่อว่าสตูดิโอ Feel จะทำเรื่องที่ออกแนวอบอุ่นธีมครอบครัวได้โดยไม่เน้นเซอร์วิสแล้วออกมาได้ดีขนาดนี้  สำหรับผมแล้วชอบคาแร็คเตอร์ดีไซน์ของเรื่องนี้นะ  ถึงเวลายิ้มทุกคนจะปากแหย ๆ ก็เหอะ  แต่ภาพทำออกมาได้ละเอียดมาก  ผมแทบจะจับไม่ได้เลยว่าเผาตอนไหน  Screen cap ของเรื่องนี้ออกมาสวยทุกภาพ  เรียกได้ว่าดูแค่เพราะภาพอย่างเดียวก็คุ้มแล้ว

    ตัวละครของเรื่องนี้ก็เรียกได้ว่าน่าอวยทุกคน  เริ่มตั้งแต่รุ่นพี่ไรกะที่โผล่มาตอนแรก  ในบรรดาตัวละครทุกตัวผมชอบรุ่นพี่ไรกะสุดแล้วล่ะ  ชอบนิสัยมึน ๆ เดาอารมณ์ไม่ออกของเธอเหลือเกิน  เสียดายที่บทน้อยไปหน่อย  นอกจากนี้ยังมีฮินะที่ความน่ารักโอเวอร์โหลดเหลือเกิน  เธอน่ารักขนาดที่ว่าช่วยให้พวกตัวเอกรอดจากอุปสรรคหลาย ๆ อย่างได้เลย  แต่เพราะว่าเธอยังเด็กทำให้เป็นปมดราม่าได้หลายครั้งเหมือนเกิน  นอกจากนี้ยังมีโซระสาวซึนที่แอบชอบพระเอก  น้องสาวมิอุที่ออกแนวเด็กขี้แกล้ง  นักพากษ์ข้างห้อง Landlord เพื่อนพระเอก  ประธานชมรมสุดหื่น 

    อย่างที่บอกไว้แต่ต้นว่าเรื่องนี้ออกแนวอบอุ่น  เพราะฉะนั้นจะมีบางช่วงที่ชวนง่วงอยู่เหมือนกัน  แต่กระนั้นผมก็คิดว่าจังหวะของเรื่องทำได้เหมาะสมแล้วล่ะ  ถ้าเร็วเกินไปมันจะไม่ดื่มด่ำความรู้สึกผูกพันของตัวละครที่มีให้ซึ่งกันและกัน  ช้าไปก็ชวนหลับ (ความจริงผมแอบเปิดข้ามไปหลายช่วงเหมือนกัน)

    นอกจากนี้อุปสรรคของเรื่องเองก็น่าสนใจ  ถึงแม้จะดูไม่ใช่เรื่องใหญ่  เช่นเดินทางไปเรียนลำบากเพราะที่อยู่ใกลจากโรงเรียน  พระเอกต้องทำงานหนักมากขึ้นเพื่อเลี้ยงดูสาว ๆ จนไม่มีเวลาพักผ่อน  แถมการเรียนตก  ห้องเล็ก  เรื่องจะโดนไล่ออกจากหอ  การชิงดีชิงเด่นในห้องเรียนของเด็ก ๆ หรือเรื่องที่ยังไม่อาจก้าวข้ามความสูญเสียของครอบครัวไปได้  เป็นอุปสรรคที่ไม่หวือหวา  แต่ก็น่าสนใจ  เอาเป้นว่าทำให้ผมอินได้ก็แล้วกัน 

    โดยสรุปแล้วเรื่องนี้เล่นประเด็นธีมครอบครัวคล้ายกับ Usagi Drop แต่เน้นตัวละครให้โมเอะมากขึ้น  สาว ๆ เยอะขึ้น  มีเซอร์วิสเล็กน้อยให้พอชุ่มชื้นหัวใจ  แต่ไม่หนักจนทำให้เรื่องเสียบาลานซ์เหมือน Ro-Kyu-Bu  ผู้หญิงดูได้  ผู้ชายดูดี 

    แต่ว่าเรื่องนี้มีแบบมังหงะ Spin off เยอะเหลือเกิน


     



    Nisemonogatari มาแปรงฟันกันเถอะ

     


     

    อา... นิเสะโมโนกาตาริ  การ์ตูนขายดีจากค่ายหม้อหุงข้าว  ที่จนป่านนี้ผมยังงงอยู่เลยว่าทำไมมันขายดีเหลือเกิน  ซึ่งภาคต่อของอนิเมติดลมบนเรื่องนี้ก็เรียกได้ว่าทำให้แฟน ๆ ไม่ผิดหวังเลย

    อย่างแรกคือเรื่องนี้หื่นฟ่ะ... บางฉากคนแต่งคิดได้ยังไงฟระ  อย่างน้อยถ้าพูดถึงเรื่องนี้สิ่งแรกที่ต้องผุดมาจากปากของคนที่เคยดูคือฉากแปรงฟันนี่ล่ะ...  ต้องยอมรับเลยว่าต้นฉบับมันเหนือจริง ๆ และต้องชมหม้อหุงข้าวด้วยที่สามารถถ่ายทอดลงมาได้อย่างยอดเยี่ยมตรงตามอารมณ์ที่ต้นฉบับต้องการจะสื่อเหลือเกิน  นอกจากนี้ยังมีฉากลวนลามน้องหอย  น้องลิงลวนลามหงอน  หนูบุอาบน้ำกับหงอน  น้องแมวนอนกลิ้งเล่นบนเตียงหงอน  น้องปู... โว้ย  อิจฉามันวุ้ย

    หลายคนอาจบ่นว่าภาคนี้มีฟิลเล่อร์ที่ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องเยอะเหลือเกิน  กว่าจะเข้าเนื้อเรื่องนี่เดินอ้อมโลกแถไปโน่นหลายตลบ  แต่กระนั้นผมก็คิดว่ามันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนะ  อย่างน้อยความนี้หม้อหุงข้าวก็มีงบพอที่จะทำให้เรื่องนี้เป็นการ์ตูนที่มีภาพเคลื่อนไหวเสียที  ผิดกับภาคก่อนที่เกือบจะเป็นอนิเมสไลท์โชว์ไปแล้วซะด้วยซ้ำ  แถมยังเล่นแสงเล่นมุมกล้องได้น่าสนใจ  ไม่ชวนให้น่าเบื่ออีกด้วย (ดูแค่น้องปูทำท่าแปลก ๆ ก็ฮาแล้ว)

    อย่างที่สามคือมันไม่เผาวุ้ย... ชาร์ฟไม่เผาก็เป็นนี่นา  กอนโซดูชาร์ฟเป็นตัวอย่างสิ  เห็นไหม  สมัยก่อนเจ้านี้ก็ชอบเผา  แต่ตอนนี้เขามีพัฒนาการไม่เผาก็เป็นแน่ะ (หรือมันเผา แต่ผมดูไม่ออก  แต่เผาน้อยกว่าภาคแรกล่ะ เอ้า)

    แต่ถ้าพูดตามตรงแล้วเนื้อหาของภาคนี้ดูเข้าท่ากว่าภาคก่อนนะ  ภาคนี้เล่นประเด็นถึงเรื่องของจริงของปลอมซึ่งทำได้น่าสนใจดี  อย่างน้อยดูเรื่องนี้ก็พอทำให้ผมคิดตามไปด้วยอย่างเพลิดเพลินเลยทีเดียว  แต่กระนั้นกว่าจะเข้าประเด็นความสนใจของผมก็โดนพวกฉากเซอร์วิสกลบไปหมดแล้วล่ะ (ฮา) 

    สรุปคือเรื่องนี้ยังคงจุดเด่นของภาคก่อนไว้ได้อย่างดีเยี่ยม  แถมทำการอัพเกรดคุณภาพของอนิเมให้เป็นอนิเมจริง ๆ ไม่ใช่สไลท์โชว์แบบภาคก่อน  แต่ถ้าใครไม่เคยดูภาคก่อนก็อย่าดูเลย  ไม่รู้เรื่องหรอก  ส่วนผมดูฉากเซอร์วิสเป็นอันดับหนึ่ง  มองหาน้องแมวเป็นอันดับสอง  และดูเนื้อหาเป็นอันดับสาม

    ปล. ที่เซ็งภาคนี้สุดขีดคือน้องแมวตัดผมกับถอดแว่นนี่ล่ะ... เอาเถอะ  ยังไงก็ยังจะอวยน้องแมวอยูด่

    ปล. 2 น้องบุเมพกว่าเทพงูนะจ๊ะ


    อ้อ... ลืมบ่นไปอย่าง  ภาคนี้จบห้วนจัง





     

    Inu x Boku SS หนึ่งคำขอบคุณยากจะเอ่ย
     


     

    หลังจากดูจบแล้วมาพิจารณาดูอีกทีแล้ว... ผมชอบเรื่องนี้แฮะ

    ในตอนแรกผมมีปัญหากับเรื่องนี้นะ  ถึงตอนแรกจะเปิดตัวได้น่าประทับใจ  ริริจิโยะน่ารักอย่างไม่บันยะบันยัง  แต่หลังจากนั้นเรื่องก็ค่อนข้างแผ่วไปจนถึงขั้นน่าเบื่อ  ช่วงสี่ถึงห้าตอนแรกเสียเวลาไปกับการแนะนำตัวละครใหม่ทุกตอน  ซึ่งมันก็ดีอยู่ที่ค่อย ๆ ให้คนดูทำความรู้จักกับตัวละครใหม่  แต่เนื้อเรื่องในช่วงนั้นบอกตรง ๆ เลยว่าดูไร้สาระมาก  ส่วนใหญ่ก็จะมีเล่นเกมกันในหอ นั่งดูนายหูกระต่ายรังแกวาตานุกิ  นั่งดูมิเกะซึคามิสตอร์คริริจิโยะ  นั่งดูสาวหิมะหื่นใส่สาว ๆ นั่งดูคู่หมั้นนางเอกเล่น S&M ดูคารุตะหม่ำแหลก... คือตอนแรกผมดูไม่ออกเลยว่าเรื่องนี้มันจะสื่อถึงอะไรกันแน่ฟระ...

    จนกระทั่งตอนที่ 11 นั่นล่ะ...

    ให้ตายสิ  เรื่องนี้ใช้เวลาบิ้วอัพเนื้อเรื่องนานกว่า Mouretsu Pirates อีก  ก่อนจะโยนทุกอย่างโครมมาที่ช่วงตอนที่ 11 ซึ่งสำหรับผมแล้วน่าจะเป็นตอนที่ดีที่สุดประจำซีซั่นเลยก็ว่าได้...

    ประเด็นของเรื่องคือความพยายามปรับปรุงตัวของริริจิโยะที่ฉากหน้าอันแสนร้ายกาจของเธอมักทำให้คนอื่นเจ็บปวดเสมอ  ซึ่งจริง ๆ แล้วเธอเองก็มักจะเสียใจที่มีนิสัยปากไม่ตรงกับใจใส่คนอื่นจนได้เรื่องอยู่เป็นประจำ  แต่กระนั้นเธอก็ได้พบกับมิเกะซึคามิที่แทบจะเรียกได้ว่าชาบูริริจิโยะเลยก็ว่าได้ (จนดูแอบโรคจิตเป็น Stalker ไปเลยด้วยซ้ำ)  ซึ่งในตอนแรกเขาบอกว่าริริจิโยะเคยช่วยเหลือเขาไว้  ซึ่งริริจิโยะก็จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าไปช่วยมิซึเกะคามิไปตอนไหน  มาเฉลยเอาตอนที่ 11 นี่ทำให้ผมต้องร้อง Wow เลย

    มันเจ๋งอ่ะ  คือตอนแรกผมเข้าใจมาตลอดว่าที่นางเอกไปช่วยเหลือพระเอกคงจะเป็นเหตุการณ์อะไรงี่เง่าสักอย่าง  ประมาณว่านางเอกไปช่วยชีวิตพระเอกจากโดนปีศาจลักพาตัวอะไรประมาณนั้น... แต่เปล่าเลย  มันลุ่มลึกกว่านั้นมาก... มันไม่ใช่เป็นเหตุการณ์เดียว  แต่เป็นหลาย ๆ เหตุการณ์ที่ร้อยเรียงความรู้สึกอันว้าเหว่ของคนทั้งสองให้มาบรรจบกัน  สิ่งที่ริริจิโยะได้ทำไปมันยิ่งกว่าเป็นการช่วยชีวิตมิซึเกะคามิอีก... มันเรียกได้ว่าเป็นการให้ชีวิตเขาเลยด้วยซ้ำ 

    อา... ไม่ได้ดูอนิเมที่ตอนจบดี ๆ อย่างนี้มานานแล้ว (นึกภาพผมนั่งเอามือจิกหมอนดิ้นไปดิ้นมาสิ  ขนาดนั้นเลย)  เห็นว่าเนื้อเรื่องต่อจากนี้ปวดตับแบบวนลูปอีกต่างหาก  ดังนั้นถ้าตัดจบแค่นี้ก็ฝันดีแล้วล่ะ

     Thumb Up + นาน ๆ จะเห็นเรื่องที่ตอนเพียงไม่กี่ตอนทำให้ผมเปลี่ยนมุมมองของเรื่องจากตีนเป็นหัวได้ขนาดนี้ (จบดียิ่งกว่า Ano Natsu อีก)

    ส่วนเรื่องคาแร็คเตอร์ดีไซน์ก็สวยหล่อ น่ารักอยู่แล้ว  แถมได้ David Production ยิ่งมั่นใจได้ในความงดงามของเรียวขาและมุมกล้องชวนหัวใจวาย  ริริจิโยะก็น่ารัก  คารุตะก็น่าเอ็นดู  สาวหิมะก็หื่น  วาตานุกิก็น่าแกล้ง คุณผ้าลอยได้ก็ฮา  คู่หมั้น s&m  มิเกะซึคามิช่างหัวมัน  สรุปเจ๋งอ่ะ  เห็นว่ายอดขาย BD กับ DVD ค่อนข้างดีด้วย

    ปล. เรื่องนี้ชื่อตัวละครจำยากจัง...





     

    Mouretsu Pirate ฮาเร็มของกัปตันมาริกะ
     


     

    หนึ่งในเพชรในตมประจำซีซั่นนี้  mouretsu pirate หรือสลัดอวกาศมินิสเกิร์ตดูเผิน ๆ อาจเป็นแค่อนิเมขายสาวน้อยกับการผจญภัยอวกาศธรรมดา  ซึ่งหลังจากดูไปหนึ่งซีซั่นแล้วก็ต้องบอกว่าเป็นอนิเมที่ขายสาวน้อยกับการผจญภัยจริง ๆ นั่นล่ะ  แต่เรื่องนี้ไม่ธรรมดานะจ๊ะ 

    หากมองข้ามความรู้สึกแรกที่ได้เห็นเรื่องนี้กับเพลงเปิดที่แสนจะทำลายโสตประสาทน้อง ๆ kill me, baby แล้ว  เรื่องนี้ผมยกนิ้วให้เลย

    เริ่มตั้งแต่ความสมเหตุสมผลของเนื้อเรื่อง... นาน ๆ ทีจะเห็นอนิเมของยุ่นเล่นกับประเด็นเรื่อง Letter of Marque สักที  คือถึงมาริกะจะเป็นสลัดอวกาศ  แต่ก็เป็นสลัดอวกาศที่ถูกต้องตามกฎหมายนะจ๊ะ  นอกจากนี้มาริกะเองก็ไม่ได้จับพลัดจับผลูกลายเป็นสลัดอวกาศตั้งแต่เริ่ม  ช่วยห้าตอนแรกของอนิเมอุทิศให้กับการสร้างเหตุผลว่าทำไมมาริกะถึงอยากจะเป็นสลัดอวกาศ 

    ถ้าดูเผิน ๆ ตอนแรกมันออกจะน่าเบื่อ (แต่ก็มีตัวละครเด่น ๆ อย่างจิอากิคอยดึงความสนใจไว้)  แต่อยากให้อดทนสักนิด  เพราะหลังจากจบช่วง Arc แรกไปแล้วจะพบว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีการวางโครงเรื่องอย่างพิถีพิถัน  รายละเอียดต่าง ๆ ใส่ได้อย่างน่าเชื่อถือ  คือถึงผมจะไม่เคยขึ้นอวกาศ  แต่ดูจากเรื่องนี้แล้วมันทำได้ดูน่าเชื่อถือจริง ๆ เลยฟ่ะ  ตั้งแต่การเดินเรือ  การทำสงครามอิเล็คโทรนิกที่ไม่น่าเชื่อว่าคนเขียนจะเขียนออกมาได้สนุกซะด้วย  รายละเอียดทุกอย่างเหมือนกับผ่านการพิจารณาอย่างพิถีพิถัน (เช่นต้องหลอกให้อีกฝ่ายตายใจอย่างไร  ไปหาดูเองก็แล้วกัน)  อีกทั้งต้องขอชื่นชมสตูดิโอนี้นี่อุทิศเวลาอธิบายรายละเอียดเล็กน้อยได้โดยที่ไม่ทำให้คนดูหลับไปเสียก่อน 

    พอขึ้น Arc ที่สองเรื่องนี้ก็เบนเข็มไปเล่นเรื่องทางด้านการเมืองและปริศนาของเรือผีสิงทองคำ  ซึ่งตอนล่าสุดก็เพิ่งจบเนื้อเรื่องส่วนนี้ไป  ถึงตอนจบจะ Anti-Climax ไปหน่อย  แต่ก็ไม่แย่ขนาดนั้น  และเราก็จะได้เห็นการผจญภัยผ่านน่านอวกาศที่แสนอันตรายที่ทำได้ดูน่าตื่นตา การต่อสู้ที่ดูสมจริง  ไม่สักแต่สาดเลเซอร์อย่างเดียว  ทั้งสองฝ่ายเล่นทั้งสงครามอิเล็กโทรนิก  แจมมิ่งกันให้ว่อน  ดูมีชั้นเชิงกว่าเรื่องกันดั้มที่ฉายร่วมซีซั่นเดียวกันเสียอีก  นอกจากนี้ตอนสำรวจเรือผีสิงก็ทำให้ผมลุ้นได้ทุกนาทีเลยว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป

    นอกจากนี้ตัวละครเองก็น่าอวย มีเสน่ห์  มีมิติ  ถึงตัวมาริกะนิสัยออกจะเป็นสเตอริโอไทป์ของตัวเอกที่กล้าหาร  ร่าเริง  ตัดสินใจเก่ง  แต่เธอก็ดูมีพัฒนาการที่น่าอวย  ไม่น่ารำคาญเหมือนตัวเอกบางเรื่อง  ซึ่งความเก่งกาจของหล่อนส่วนหนึ่งก็มาจากความขยันและการวางแผนที่ทบทวนรอบแล้วรอบเล่ามาก่อน  ไม่ได้เก่งเทพมาตั้งแต่ต้นขนาดนั้น  แต่ดูเหมือนเธอจะเก่งในการสร้างฮาเร็มไม่แพ้ฟามจาก Last Exile เลยล่ะ

    แต่คนที่ผมอวยสุดลิ่มของเรื่องประจำซีซั่นนี้คงจะหนีไม่พ้นหนูจิอากิ  เธอเปิดตัวในตอนแรกดุจดั่งโฮมุระจากสาวน้อยมืดมนมาโดกะ  แต่กระนั้นเธอกลับเผยแง่มุมน่ารักตั้งแต่ต้น.... เธอเป็นสาวแว่นซึนนะ  แถมเป็นซึนแบบรั่วเสียด้วย ! ตั้งแต่ตอนแรกที่ท่าทีของเธอดูหยิ่งผยอง  เหมือนกับรู้เรื่องทุกอย่าง  แต่พอได้ลิ้มรสของปาร์เฟ่ทีเดียว  หน้าของเธอในตอนนั้นแทบเรียกได้ว่าออกัสซั่มเลยก็ว่าได้  นอกจากนี้เธอยังเป็นสาวประเภทปากไม่ตรงกับใจอีกด้วย  ถึงภายนอกจะดูเหมือนรำคาญมาริกะที่คุกคามความเป็นส่วนตัวของเธอเสมอ  แต่เราจะดูออกได้ทันทีว่าลึก ๆ แล้วเธอก็ดีใจที่ได้คบหากับมาริกะที่มีสถานการณ์คล้าย ๆ กัน  มีความสามารถที่ทัดเทียม  หรือไม่ก็ตอนที่เธอทำเป็นไม่สนใจเรื่องเจ้าหญิง  แต่พอได้เจอตัวจริงเข้าเธอแทบจะถอนสายบัวแบบเป๊ะ ๆ เหมือนกับฝึกมาหลายรอบเพื่อการนี้โดยเฉพาะเลย (ฉากนี้ฮามาก ขอบอก)  หรือตอนที่เธอสวมรอยเป็นโจรสลัดแทนมาริกะ เธอเองก็สวมบทได้เต็มที่  เอ็นจอยกับงานมาก สรุปคือ เลิฟ ๆ จิอากิ  อย่ามัวแต่หลงมาริกะหัวปับหัวปำล่ะ

    ส่วนตัวละครอื่น ๆ ขี้เกียจพูดถึง  แต่ตัวละครเหล่านี้ไม่ใช่ประเภทเป็นตัวละครผู้ใหญ่ที่มีไว้ให้ตัวละครเด็กถอนหงอก  คือทุกตัวเป็นคนที่เก่ง  และเป็นผู้ใหญ่จริง ๆ คอยช่วยเหลือมาริกะที่แม้จะเก่งแต่ก็ยังขาดประสบการ  เป็นผู้ใหญ่ที่คอยชี้นำให้เด็ก ๆ ไปยังหนทางที่ถูกต้อง  (มีการไล่มาริกะที่เป็นกัปตันให้ไปพักผ่อนระหว่างเดินเรือเพราะทำงานครบ 8 ชม. ซะด้วย  บอกว่าเด็ก ๆ ไม่ควรทำงานเกินกว่านี้) 

    อีกส่วนที่ชอบคืออารมณ์ของเรื่องนี้  มันไม่ซีเรียสเกินไป  แต่ก็ไม่ถึงขนาดไร้สาระจนหาความรู้สึกตึงเครียดในเรื่องไม่ได้  ถึงบอกว่าเป็นโจรสลัด  แต่จริง ๆ แล้วน่าจะเรียกว่าเป็น.... มากกว่า (ขี้เกียจสปอยล์)  มาริกะเองก็เป็นนักเรียน  และก็ต้องเผชิญอุปสรรคของการเป็นกัปตันยานโจรสลัดไปด้วย  และการเป็นนักเรียนที่ต้องรักษาเกรดไม่ให้ตก  คืออารมณ์มันจะจริงจังก็จริงจัง  แต่ในขณะเดียวกันมันก็เหมือนกับว่ามาริกะไปทำงานพาร์ทไทม์นอกเวลา  เพียงแต่งานพาร์ทไทม์ที่ว่าคือการเป็นกัปตันยานสลัดอวกาศเท่านั้นเอง 

    สรุปแล้วใครชอบแนว Space Opera ผจญภัยในอวกาศก็ไม่ควรพลาดเรื่องนี้  ความสมจริงนั้นอยู่ในระดับเดียวกับเรื่อง Starship Operator เลย  แต่ตัวละครดูมีชีวิตชีวา มีสีสันมากกว่าเรื่อง Starship Operator นะ



     

    Ano Natsu de Matteru  โฆษณา MIB ภาคใหม่ ?
     


     

    มันยากเหลือเกินที่ผมจะอธิบายความรักที่มีให้กับเรื่องนี้ออกมาเป็นคำพูดได้อย่างไร

    มันลำบากเหลือเกินที่ผมต้องร้อยเรียงคำพูดนับร้อยนับพันเพียงเพื่ออธิบายความรู้สึกได้ได้ไม่ถึงครึ่งของสิ่งที่อยากจะแบ่งปันให้กับทุกคน

    ผมรักเรื่องนี้  ผมอวยเรื่องนี้  ใครมีปัญหาอะไรมะ 

    แม้ว่ามันจะมีช่องโหว่  มีจุดที่ไม่สมเหตุสมผล  แต่ช่างมันปะไรล่ะ  ความรักที่มีให้กับเรื่องนี้มันก้าวข้ามเรื่องพรรค์นั้นได้อยู่แล้ว

    บอกว่าเหมือนกับ Onegai Teacher แล้วจะทำให้ความรักที่มีต่อเรื่องนี้น้อยลงรึ ? ไม่เลย... มันยิ่งทำให้รู้สึกโหยหาถึงความรู้สึกเก่า ๆ ที่เคยได้สัมผัสกับเรื่องเก่าในอดีต

    รายละเอียดทุกอย่าง  มุกตลกทุกมุก  เสียงกระซิบของอารมณ์วัยเยาว์ที่แฝงผ่านลายเส้นอันประณีต  และเสียงพากษ์อันทรงพลังได้ทำให้จิตใจดวงน้อยของผมต้องหวั่นไหว  ทำให้ผมปลาบปลื้ม  ทำให้ผมเจ็บช้ำ  ทำให้ผมเศร้าสร้อย  แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้ผมมีความหวัง และความฝัน

     



    ผมรักตัวละครทุกตัว  ไม่มีตัวไหนที่ผมเกลียดลง  ไม่มีตัวไหนที่ผมแช่งให้ช้ำรักลง  แต่กระนั้นห่วงโซ๋แห่งความรักในครั้งนี้ก็ต้องมีผู้แพ้

    คันนะช้ำรักแล้วจะทำไม ?  ถ้ารุ่นพี่อิจิกะกับไคโตะไม่ได้คู่กันผมก็เศร้าอยู่ดี

    คันนะจะอยู่คนเดียวแล้วจะเป็นอะไร ? ถ้ามิโอะแห้วกับเท็ตซึโร่มันก็เจ็บเช่นกัน

    ใช่แล้ว... แม้ว่าตัวละครโปรดที่สุดของเรื่องจะอยู่ตรงกลางระหว่างบ่วงรักสามเส้าอย่างเดียวดาย  แต่ผมก็ไม่อาจทำใจรับกับความผิดหวังของคู่อื่นได้

    แล้วรุ่นพี่เรม่อนล่ะ... รุ่นพี่เรม่อนสุด Troll ที่ทำให้เราทึ่งได้เสมอจนแม้แต่ฉากสุดท้ายของเรื่อง

    เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของความรักที่พัวพันกันยุ่งเหยิงเพียงอย่างเดียว  หากแต่เป็นเรื่องราวของมิตรภาพที่แม้ว่าความรักจะไม่สมหวัง  อย่างน้อยความเป็นเพื่อนที่มีให้ต่อกันจะไม่มีวันเลือนลาง





    ส่วนฉากจบนะเหรอ  ตอนจบรุ่นพี่อิจิกะได้กลับมาที่โลกนะสิ  ดูฉากสุดท้ายที่เธอสวมเสื้อของพี่ที่ฝากมาจากโบลิเวียสิ  ฟังเสียงพากษ์ที่ต้นฉบับไม่มีสิ  สุดท้ายรุ่นพี่ก็ได้กลับมาหาไคโตะอันเป็นที่รัก  ตอนจบนี้ไม่มีใครสามารถจะปฏิเสธได้  ไม่มีใครสามารถโต้แย้งการตีความอย่างนี้ได้  สุดท้ายรุ่นพี่กลับมาที่โลก มาถ่ายหนังร่วมกับคนเป็นที่รัก  กลับมาเยี่ยมเยียนผองเพื่อนที่แชร์ประสบการณ์ร่วมกันในฤดูร้อนนั้น  Period>> Happy Ending  โอเค๊

    ขอบคุณ JC Staff จริง ๆ ที่ทำให้ผมยังไม่สิ้นหวังในตัวพวกคุณนะ  ถ้าเข้าไทยได้ผมจะซื้อแน่นอน  รับประกันเลย






    ปล. บอกแล้วว่าจะอวยเรื่องนี้  เลยขออวยให้หัวทิ่มไปเลย เหอ ๆ



    Aqurion Evol 12,000 ปีฉันจะยังรักเธอเสมอ (มั้ง)






    ถ้าหากเรื่องที่ผมชอบที่สุดประจำซีซั่นนี้คือ Ano Natsu แล้ว  เรื่อง Aquarion Evol ก็เป็นอนิเมที่ผมดูสนุกที่สุดประจำซีซั่นเลยก็ว่าได้ !

    ก่อนอื่นต้องบอกว่าเรื่องนี้เพลงเปิดกับเพลงปิดเพราะมาก  ถึงแม้เพลงเปิดอาจจะสู้เพลงเปิดภาคแรกที่เป็นตำนานไปแล้วไม่ได้  สำหรับผมก็ถือว่าเพราะดีนะ  เข้ากับภาพประกอบที่น่าสนใจด้วย  แต่ที่เด็ดดวงจริง ๆ น่าจะเป็นเพลงจบที่ฟังแล้วทำให้ความรู้สึกของตำนานที่เล่าขานผ่านกาลเวลาอย่างยาวนานเลย  แถมภาพประกอบก็สวยทุกรูปด้วย (ชอบรูปมิกซ์อ่า)  เรียกได้ว่าเพลงของเรื่องนี้เพราะกว่าอนิเมที่พยายามขายเพลงอย่าง Symphogear อีก (ฮา)

    Aquarion เปิดฉากต่อจากภาคก่อนอีก 12,000 ปีให้หลัง  หลาย ๆ คนไม่กล้าดูเพราะกลัวว่าถ้าไม่ได้ดูภาคก่อนจะไม่รู้เรื่อง  แต่ความจริงแล้วถึงไม่เคยดูภาคก่อนมาก่อนก็ยังดูได้สนุกอยู่ดี  อาจจะมีอะไรบางอย่างเชื่อมโยงจากภาคเก่า  อาจจะคุ้นหน้าคุ้นมุก หรือคุ้นเพลงประกอบเรื่องที่ปรากฎให้หายคิดถึง  แต่การที่ไม่รู้เรื่องภาคก่อนก็แทบไม่ส่งผลต่อความสนุกของเรื่องเลย

    เอาเป็นว่าเรื่องนี้มีทุกอย่าง  ตั้งแต่โรแมนซ์รักสามเส้า  รักแบบซึน ๆ มุกตลกที่ทำได้ฉลาดอย่างไม่น่าเชื่อ (โดยเฉพาะตอนของมิกซ์ที่มีแต่ "รู" ทั้งตอน)  ปริศนาที่ยังไม่คลายทั้งเรื่องปีกสุริยันที่เย็บโลกไว้ในภาคแรก  ปริศนาว่าทำไมดาวของศัตรูถึงไร้เพศหญิง  อดีตชาติของแต่ละคนที่ยังไม่เปิดเผย  โศกนาฎกรรม (ตอนล่าสุด) คือเรื่องนี้มันบ้าได้เต็มที่จนอะไรก็เกิดขึ้นได้  และก็ไม่แป้กอีกต่างหาก (ผิดกับ GC โดยสิ้นเชิง) 

    ตัวละครก็น่าอวย  หลาย ๆ คนเบื่อคู่ตัวเอกแต่ผมชอบนะ  อมตะกับมิโคโนะเป้นคู่ที่น่ารักดี    ถึงมิโคโนะจะขี้งอนทุกครั้งที่อมตะตัวลอย  แต่ก็ดูน่ารักดีออก  ก็เป็นตัวละครที่มีการพัฒนายอดเยี่ยม  จากคนที่ขี้ขลาด  ชอบดูถูกตัวเอง  ก็เปลี่ยนเป็นคนที่มั่นใจตัวเองยิ่งขึ้น (แต่กลัวจะโดน NTR เป็นบ้าเลย) อมตะคุงเองก็รักมั่นมิโคโนะทั้งที่สาวเจ้าในหัวใจถูกครอบงำโดยชายอื่น  อีกทั้งยังมีเซสสิก้าที่มีแววว่าจะทำให้ความสัมพันธ์ยุ่งเหยิง  จากที่เป็นสาวอารมณ์ดีขี้แกล้ง ชักจะเริ่มกลายเป็นสาวยันไปแล้ว  ส่วนคางุระมันก็ตะโกนว่าอีเหม็นของกรูอยู่ได้  ตอนนี้ดีขึ้นหน่อย  เปลี่ยนเป็น "ซิลวี" แทนละ  คู่มิกซ์กับแอนดี้ก็น่าอวย (คู่นี้เกิดมาคู่กัน)  คู่ยูโนฮะกับจินก็....

    อีกส่วนที่ผมชอบคือคำสอนประหลาด ๆ ของฟุโดนี่ล่ะ  เรียกได้ว่าทั้งบรรเจิดและบ้าในเวลาเดียวกัน  ดูเหมือนว่าคนเขียนจะหมกมุ่นกับโดนัทเหลือเกิน  เอามาใช้เปรียบเปรยได้บ้าบอเรื่อย ๆ เลยนะ   

    เอาเป็นว่าเรื่องนี้ทำฉากบู้สนุก  เรื่องน่าติดตาม  ความสัมพันธ์ของตัวละครน่าสนใจ  แนะนำให้ลองไปหาดูกันนะ 

    ปล. เรื่องนี้หนูมิกซ์ซึนได้น่ารักมากกกกกกกกก

    ปล. 2 เหมือนผู้กำกับจะพยายามสื่ออะไรบางอย่างจากชื่อดาวของสองดวงแฮะ  Altair (ฝ่ายศัตรูที่มีแต่ผู้ชาย) กับ Vega (มีผู้หญิงที่อีกฝ่ายคอยตามหา) นี่มันชื่อดาวของตำนานเรื่องชายเลี้ยงวัว กับหญิงทอผ้า นี่นา 






    สรุปเรื่องที่ผมติดตามในซีซั่นนี้ได้แก่

    1. Ano Natsu de Matteru
    2. Aquarion Evol
    3. Mouretsu Pirate
    4. Inu x Boku SS
    5. Nisemonogatari
    6. Papakiki
    7. Daily life of highschool boys
    8. Recorder to Randoseru
    9. Last Exile: Fam the Silver Wing
    10. Guilty Crown

    ส่วนตัวละครที่อวยประจำซีซั่นก็ได้แก่

    1. โรโรมิยะ คารุตะ จาก Inu x Boku SS
    2. ริริจิโยะ จาก Inu x Boku SS
    3. รุ่นพี่ไรกะ จาก PapaKiKi
    4. จิอากิ จาก Mouretsu Pirates
    5. Mix จาก Aquarion Evol
    6. คันนะ จาก Ano Natsu
    7. ฮาเนคาวะ ทซึบาสะ จาก Nisemonogatari
    8. ยัตซัง (สาววรรณกรรม) จาก Daily Life of Highschool Boys

    เท่านี้ก็เป็นอันจบการบ่นของผมแล้ว  มีหลายเรื่องเลยทีเดียวที่ผมไม่ได้ดู  เช่นเรื่องเตะบอล  เทนนิสเก็กหล่อ  ไดอารีอนาคต  จิฮายะฟุรุ และ Milky Holm (ที่บั่นทอนปัญญาฉิบ)  ใครอยากจะบ่นอะไรต่อก็เชิญได้เต็มที่เลยนะครับ  มาคุยกันเถอะว่ารู้สึกอย่างไรกับอนิเมซีซั่นนี้

     




     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×