ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รวมบทความเกี่ยวกับการ์ตูนที่เคยเขียน

    ลำดับตอนที่ #13 : Review อนิเมฤดูหนาว 2012

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.48K
      0
      7 ต.ค. 57

    สวัสดีครับ  สำหรับใครที่หลงเข้ามาอ่านผมก็ขอยินดีต้อนรับนะครับ

    สำหรับซีซั่นนี้ตอนแรกผมไม่ได้มีความหวังอะไรกับมันมากนัก  ตอนแรกกะเล็งแค่เรื่อง Another กับ Zero No Tsukaiman F แต่การไม่หวังอะไรเลยกลับเป็นผลดีแฮะ  เพราะหลังจากดูผ่านตาแทบทุกเรื่องแล้วก็ต้องพบว่ามีเรื่องดี ๆ กว่าที่คิดไว้หลายเรื่อง  ส่วนจะมีเรื่องอะไรนั้นก็ลองเลื่อนไปดูกันได้เลย !




    1. Ano Natsu de Matteru

     


    ถึงจะชื่อเรื่องอย่างนั้นแต่จริง ๆ คันปากอยากเรียกว่า Onegai Sempai เหลือเกิน... ดูไปก็สนุกดี  ถึงจะได้กลิ่นของ Onegai Teacher หึ่งเลยก็เหอะ  สรุปแล้วเป็นตอนแรกที่สนุกที่สุดของซีซั่นเลยก็ว่าได้  ภาพสวย  การเคลื่อนไหวทำได้ดี  ส่วนบทก็ทำให้เราคุ้นเคยกับตัวละครในเรื่องได้อย่างลื่นไหล  ถึงจะยังจำชื่อไม่ได้ทุกคน  แต่อย่างน้อยเราก็จำบทบาทของพวกเขาได้  เอาเป็นว่าเป็นหนึ่งในเรื่องที่ Recommend ประจำซีซั่นนี้


    2. Another


     



    ดูแล้วอึดอัดเป็นบ้าเลย  จงใจทำให้เนื้อเรื่องเอื่อย ๆ ดูแล้วกดดันสินะ  ที่พูดอย่างนั้นไม่ได้ว่าห่วยนะ  กลับกันเลยมันหมายความว่าเรื่องนี้โคตรเจ๋งเลยที่ทำให้รู้สึกได้อย่างนั้นนะ  ภาพสวยมาก  น่าจะเรียกว่าสวยที่สุดในซีซั่นนี้แล้วล่ะมั้ง เนื้อเรื่องน่าสนใจ  เสียอย่างเดียวตอนนี้ผมจิตตก เลยทำให้ Ano Natsu ได้แต้มมากกว่าครึ่งช่วงตัว  หวังว่า P.A. Work จะรักษาคุณภาพงานไว้อย่างนี้ตลอดนะ  ขอได้อย่างสาละวันห่วยลงแบบ Hanasaku Iroha เลยเถอะ  สาธุ


    3. Aquarion Evol


     



    ความจริงต้องถือว่าเรื่องนี้เป็นหนึ่งในสามม้ามืดของซีซั่นนี้ของผมเลยก็ว่าได้  ถึงชอบภาคแรกที่ไม่ได้ดูจบเสียทีก็เถอะ  แต่ตอนเริ่มซีซั่นไม่ได้มีความอยากจะดูเลยสักนิด  แต่พอดูฉายตอน 1- 2 จบปุ๊บกลายเป็นเรื่องอันดับต้น ๆ ที่ผมตั้งตารอคอยตอนใหม่เลยทีเดียว  ซึ่งตอนที่ 3 ก็ยังทำได้ไม่ผิดหวังกับการขอขมาสาวเจ้าที่ทำให้ผมหลุดขำก๊ากอย่างควบคุมไม่ได้เป็นครั้งแรกของปีเลยทีเดียว  ซึ่งภาคนี้ยังคงเอกลักษณ์ภาคแรกไว้เหมือนเดิม คือฉากรวมร่างออแกสซั่ม กับท่าไม้ตายบ้าพลัง (ตอนแรกก็ Flying Love Attack ล่ะ  คิดชื่อได้บรรเจิดจริง ๆ)   ภาคนี้มีเสริมขึ้นมาอีกเรื่องคือการรวมร่างต้องห้ามของชายหญิงให้อารมณ์แวนเดรดดี   ดูโดยรวมแล้วก็สนุกมาก  เพลงก็เพราะสุด ๆ ไม่แพ้ภาคแรกเลย  ผมตั้งตารอดูตอนใหม่อย่างใจจดใจจ่อ พระเอกเก่งเมื่อหื่น (ตื่นเต้น) นางเอกน่ารำคาญ สาวหัวเขียวฮานาซาว่า คานะพากษ์เชียวนะ  เสียงอร๊างได้ใจ  ตัวร้ายแมร่มชาติก่อนเป็นพระเอกของภาคแรกเปล่าฟะ  โอมม... ขอให้ตอนจบอย่าไป 3P สามหนุ่มสามมุมเหมือนภาคแรกเลยเต๊อะ


    4. Mouretsu Pirate


     



    นางเอกงั้น ๆ แต่ติดใจสาวแว่นปริศนาที่จะมาเป็นคู่วายนางเอกแจ่มเป็นบ้า ดูตอนที่สองแล้วรู้สึกว่าจังหวะยังคงเดินไปเรื่อย ๆ อย่างไม่รีบเร่ง แต่ก็สนุกดี  คงดูต่อจนจบล่ะ  ปรกติก็ชอบแนว Space Opera เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

    ปล. สาวแว่นชอบกินปาเฟ่มากเลย  เป็นผู้จัดการจากร้าน Wagnaria กลับมาเกิดหรือไงกัน ?


     5. Inu X Boku SS


     




    ตอนอ่านเรื่องย่อตอนแรกก็ไม่คิดอยากจะดูแล้ว... เด็กสาวตระกูลร่ำรวยย้ายมาอยู่หอพักที่คนที่พักทุกคนจะมีบอดี้การ์ด หรือ Secret Service คอยคุ้มครองประจำตัว  และคนที่มาเป็นบอดี้การ์ดของนางเอกคือวิญญาณจิ้งจอกที่นางเอกเคยช่วยไว้ตอนเด็ก ๆ ? 

    เอางั้นจริงเหรอ ?

    คือ... พล็อตดูเผิน ๆ แล้วมันช่างเกร่อและดูไม่ค่อยลงตัวสิ้นดี  ผมเคยลองอ่านแบบมังหงะแต่ก็อ่านได้ไม่เคยเกินสิบหน้าก็เป็นต้องเลิกอ่านทุกที  ตอนแรกก็ไม่คิดจะดูถ้าไม่ติดที่ว่าเป็นสตูดิโอที่เคยทำเรื่อง Ben-to และเจ้าเรื่อง Ben-to ที่ว่าก็มีเนื้อเรื่องย่อที่ชวนให้ไม่น่าดูเหลือเกิน  ด้วยความศรัทธาต่ออดีตลูกม้อ Gonzo ผมจึงลองดูมันสักหน่อย

    สุดท้ายก็คิดถูกเหลือเกินที่เชื่อในแรงศรัทธา !  เรื่องนี้กลายเป็นม้ามืดเรื่องที่สองประจำซีซั่นไปโดยปริยาย

    ข้อแรกเลยคือนางเอก ริริจิโยะ น่ารักมากกกกกกก  คุณพ่อครับ  คุณแม่ครับ  ผมอยากบอกว่าริริจิโยะน่ารักเหลือเกิน  ถึงเปลือกนอกจะเป็นออกแนวสาวซึน  แต่ใจจริงแล้วเธอก็ไม่ชอบฉากหน้าของเธอเอาเสียเลย  ซึ่งดูจากนิสัยแล้วก็ไม่รู้สึกน่ารำคาญอย่างที่คิด  ออกจะน่ารักด้วยซ้ำตอนที่ด่าต่อไม่ถูกเวลาเจอกับบอดี้การ์ดของตัวเองที่ผมขี้เกียจจำชื่อ  และที่ยอดเยี่ยมที่สุดคือ...



    ยามาดะคนที่สองประจำซีซั่น... ไม่สิ  เหลือแค่คนเดียวแล้ว


    ริริจิโยะ  หนูเป็นเด็กดีมาก  ใส่เสื้อนอนเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวเดียว  เข้ากับสาวน้อยผมดำตัวเล็ก ๆ อย่างหนูมากเลยล่ะ  

    นอกจากนี้สตูดิโอ David Production ก็ยังคงคุณภาพของเรื่อง Ben-to ไว้ได้อย่างครบถ้วน  ไม่ว่าจะเป็นมุมกล้องชวนเสียว  ถุงน่อง พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์  ข้อเท้า  ทำให้สงสัยเหลือเกินว่าเป็นทีมเดียวกับที่ทำ Saki หรือเปล่าหว่า

    สรุปคือ  ดูแค่ริริจิโยะน่ารักอย่างเดียวก็คุ้มแล้วสำหรับตอนแรกนี้...

    ในบางครั้งการดูอนิเมขอให้มีตัวละครน่าอวยแค่ตัวเดียวผมก็ดูได้ถึงไหนถึงกันแม้ว่าเรื่องมันจะห่วยขนาดไหน  แต่สำหรับเรื่อง Inu x Boku SS แล้วเนื้อเรื่องเองก็ไม่ได้แย่ขนาดที่คาดไว้ตอนแรก  พอดูจนจบตอนก็พอจะเข้าใจอะไรในเรื่องมากขึ้น  ถ้าเกิดดูเรื่องนี้ในฐานะเรื่องแนวหอพักภูติผีแล้วมันก็สมเหตุผลดีอยู่นะ

    นอกจากนี้ที่น่าสนใจคือเนื้อเรื่องมันออกแนวการ์ตูนผู้หญิงจ๋าเลย  แต่ดันอยู่ในนิตยาสารการ์ตูนผู้ชาย  ซึ่งคาดว่าเจ้าบอดีการ์ดหัวขาวคงถูกใจเหล่าสาว ๆ ไม่มากก็น้อย  และถึงไม่ค่อยอยากจะยอมรับนัก  แต่ฉากตอนที่พระเอกแปลงร่างเป็นปีศาจจิ้งจอกทำได้เท่ดีเหมือนกัน  ซึ่งดูแล้วเรื่องนี้น่าจะจับกระแสของตลาดได้กว้างกว่าเรื่องก่อน ๆ นะ  ท่านชายก็ดูความน่ารักของริริจิโยะไป  ท่านสาว ๆ ก็โฮกบอดีการ์ดตาสองสีนั่นไป  หวังว่าริริจิโยะจะไม่กลายเป็นนางเอกน่ารำคาญแบบนางเอกการ์ตูนโชโจทั่ว ๆ ไปนะ

    สุดท้ายขออวยเรื่องนี้เพราะนางเอกน่ารัก กับเนื้อเรื่องที่ไปเรื่อย ๆ แบบไม่ต้องคิดอะไรมากนัก  ได้ข่าวแว่ว ๆ ว่ามีดราม่าแทรกอยู่บ้าง  ซึ่งก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าดราม่าจะทำได้ดีแค่ไหน  แต่สำหรับตอนแรกขอยกให้เป็นม้ามืดที่ทำได้ดีกว่าที่คาดไว้มากเลยประจำซีซั่นนี้




    6. Nisemonogatari


     



    คงไม่ต้องบรรยายอะไรมากกับภาคต่อของ Bakamonogatari สินะ... แน่นอนว่าภาคนี้ยังคงความแนวและความหื่นของภาคก่อนไว้อย่างครบถ้วน  น้องหอยน่ารัก  น้องงูกับน้องลิงก็รุกเหลือเกิน  น้องสาวทั้งสองของอารารารารารารากิก็น่ารัก  น้องปูก็ยัง S เหลือแต่น้องแมวที่ยังไม่ออกโรง (นางเอกต้องออกมาทีหลังสินะ เหอ ๆ)


    7. Papa no Iu Koto wo Kikinasai!


     


    สำหรับเรื่องนี้ผมสะดุดตาครั้งแรกกับหน้าตาของคาแร็คเตอร์ที่ดูคุ้นเคย  ไม่ว่าจะเป็นโซระที่หน้าอย่างกับถอดมาจากฮารุฮิ  หรือ ฮินะ ที่ราวกับเป็นฮิบิกิจาก Idolmas ตอนเด็ก หรือมิอุที่ดูละม้ายคล้ายกับไอริจากเรื่องโอนิชิชิ  ซึ่งถ้าพูดตามตรงผมมักจะมีอคติกับตัวละครที่ได้กลิ่นคาแร็คเตอร์ดีไซน์จากเรื่องอื่นโชยแตะจมูก  แต่พอดูจบแล้วก็คิดว่าคงจะดูต่อนั่นล่ะ

    ภาพสวย  เนื้อเรื่องคงออกแนวอบอุ่นผสมเซอร์วิส  ดูได้เรื่อย ๆ ผมเองก็ไม่เคยอ่านมังหงะ  แต่ให้เดาสงสัยคุณแม่กับคุณพ่อของเด็ก ๆ ต้องมีอันเป็นไปจนต้องย้ายมาอยู่กับพระเอกแน่ ๆ เลย  อ้อ  นอกจากบรรดาสาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มก็ยังมีคุณไรกะ รุ่นพี่ของพระเอกที่มีคาแร็คเตอร์น่าสนใจดี


    8. Highschool DxD


     



    เมานม  เซอร์วิสกระจาย... แต่ก็คงดูนั่นล่ะ  และเรื่องนี้มี Ed ที่เต้นได้พริ้วที่สุดประจำซีซั่นแล้วล่ะมั้ง เหอ ๆ ภาพการเคลื่อนไหวของ Ed ดีกว่าตัวงานอนิเมเสียอีก


    9. Danshi Koukousei Nichijou


     



    ขอถอนคำพูดสบประมาทไว้ตอนซีซั่นที่แล้วที่บอกว่าคงคล้าย Kimi to Boku ดูแล้วขำเป็นบ้า  ใช้ได้เลยเลยนะซันไรส์กับแสคว์อีนิกซ์  เป็นเรื่องสุดท้ายของสามม้ามืดประจำซีซั่น  เรื่องนี้ดูได้ทุกเพศทุกวัย


    10. Recorder to Randoseru


     



    ดูแล้วขำกว่าคุณโมริตะ  และที่ดีคือมันเป็นอนิเมตอนสั้น ๆ เลยทำให้ดูแล้วไม่เหนื่อยเหมือน Baby, Kill Me


    11. Baby, Kill Me


     



    ผมมักจะรู้สึกเหนื่อยอยู่เสมอเวลาดูอนิเมที่ดัดแปลงจากการ์ตูนสี่ช่องจบ... ก็ไม่ได้มีอะไรเป็นการส่วนตัวหรอกนะ  แต่คงดร็อปแล้วไปหาแบบมังหงะมาอ่านจะง่ายกว่า


    12. Zenki Zesshou Symphogear


     



    เป็นเรื่องที่ตอนแรกที่ยัดมาเยอะเกินไปจริง ๆ เพลงก็งั้น ๆ แถมเป็นตอนแรกแต่คุณภาพของอนิเมยังไม่ค่อยดีขนาดนี้  ไม่อยากคิดเลยว่าตอนเผาจะเป็นอย่างไร  คงดูต่ออีกสักพักก่อนจะตัดสินใจว่าจะดร็อปตาม Kill me, Baby ดีไหม


    13. Zero no Tsukaima F


     



    คุณภาพเท่าเดิมเลย  คงดูต่อจนจบ  เพราะอุตส่าห์ดูมาแล้วสามภาคแน่ะ



    ที่ไม่ได้ดูซีซั่นนี้ก็ Rinne no Lagrange พยายามดูมาสามรอบล่ะ  แต่ดูไม่ถึงตอนที่ กกน. โดนดึงลงมาเสียที กับ อาม่าฆ่าหมี  รอดูแต่ตอนคาโอรุ กับรุ่นพี่ฮารุกะ เลิฟลี่ เท่านั่นล่ะ

    สุดท้ายก็ต้องขอขอบคุณเว็ป Random Curiosity ที่ผมไปจิ๊กรูปมาใช้อยู่เรื่อย ๆ ด้วย


    ส่วนเรื่อง Guilty Crown ยิ่งฉายยิ่งห่วยลงทุกตอน  อารมณ์เดียวกับ Hanasaku Iroha เลย  แต่อย่างน้อยเรื่องนี้มันก็เป็นแนวแอ็คชั่น  เลยทำให้ไม่เบื่อเท่าเรื่องดอกบานนะ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×