คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : Repentance อดีตอันยากจะลบเลือน (3)
เสียงย่ำเท้าจากทหารหลายสิบนายวิ่งกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน พร้อมตะโกนเสียงนับเป็นจังหวะอย่างพร้อมเพรียงยามฟ้าสางเป็นเสียงที่ผู้พันวิคเตอร์คุ้นเคยเสมอไม่ว่าจะสมัยใด เขามองทหารเหล่านั้นพลางนึกถึงตอนสมัยยังเป็นนักเรียนนายร้อยที่ต้องออกมาวิ่งอย่างนี้ร่วมกับเหล่าสหายร่วมรุ่นทุกวัน มันช่างเป็นความทรงจำที่ล้ำค่า และเจ็บปวดเหลือเกิน
หลังจากที่แถวพลทหารวิ่งสวนผ่านไปแล้ว เครื่องยนต์สี่สูบของบริษัทเกียตก็เริ่มแผดเสียง ขับเคลื่อนรถเปิดประทุนสีน้ำเงินให้พุ่งทะยานไปบนถนนที่นำพาเขาออกห่างจากกลุ่มทหารเรื่อย ๆ
“ท่านครับ อาหารเช้าของท่านอยู่ในตะกร้าด้านหลังนะครับ” ร้อยตรีบรูโน่ ซาเวียร์ นายทหารคนสนิทร่างสูงใหญ่ที่เป็นผู้ขับรถในตอนนี้กล่าวขึ้นกับวิคเตอร์ที่นั่งอยู่ข้างเคียง ปลุกให้ผู้การตื่นขึ้นมาจากห้วงความคิด
“ขอบใจมากบรูโน่” วิคเตอร์เอื้อมตัวไปหยิบตะกร้าสานที่ถูกห่อด้วยผ้าอย่างดี ข้างในนั้นเต็มไปด้วยแซนวิชและครัวซองค์ กับกระติกกาแฟและขวดนมวางอยู่เหมือนกับทุกที “ขอโทษจริง ๆ ที่ต้องรบกวนมาทิลด้าทุกเช้าอย่างนี้นะ”
“โอ้ย ไม่เป็นไรหรอกครับ” ร้อยตรีบรูโน่ตอบอย่างสบายอกสบายใจโดยที่สายตายังจ้องเขม็งมองถนน “มาทิลด้าเองก็ดีใจที่ท่านชอบอาหารฝีมือเธอนะครับ”
“นายนี่โชคดีจริง ๆ ที่มีเมียดี ๆ อย่างมาทิลด้านะ” วิคเตอร์กล่าวพลางเริ่มกัดกินครัวซองค์ในตะกร้าอย่างเอร็ดอร่อย... อย่างน้อยครัวซองค์นี้ก็เหมือนกับอาหารจากสวรรค์ถ้าเทียบกับมื้ออาหารในสนามรบ ขนาดเขาเป็นนายทหารยังบ่นขนาดนี้ เขาอดคิดไม่ได้ว่าอาหารของเหล่าพลทหารจะแย่สักเพียงใด
“ท่านเองก็หาสักคนสิครับ อย่างท่านต้องหาได้ดีกว่าลูกสาวร้านขายขนมปังแน่นอน”
“หึ... ฉันจะหาผู้หญิงดีกว่าลูกสาวร้านขายขนมปังได้อย่างไรเล่า ก็พวกปฏิวัติเล่นไล่ตะเพิดพวกเจ้าขุนมูลนายออกไปหมดแล้วนี่” วิคเตอร์เริ่มรินกาแฟใส่แก้วอย่างใจเย็น ถนนที่ขรุขระมิได้ทำให้กาแฟกระฉอกออกมาแม้แต่นิดเดียว “อีกอย่าง พวกคุณหนูทั้งหลายจะทำขนมปังกับกาแฟอร่อย ๆ อย่างเมียแกได้รึ ?”
ร้อยตรีบรูโน่หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ ตัวบรูโน่นั้นเป็นเป็นทหารติดตามผู้การตั้งแต่ตัวบรูโน่ยังเป็นจ่าสิบเอกตอนช่วงสมัยราชอาณาจักร เคยร่วมจมหัวจมท้ายกับวิคเตอร์ตอนช่วงการปฏิวัติ จนตอนนี้ได้รับเลื่อนยศเป็นร้อยตรีแล้ว เขาก็ยังคงรับหน้าที่ติดตามวิคเตอร์ต่ออยู่เหมือนเดิม ทั้งสองจะรู้จักกันมานานจนเรียกว่าเป็นเพื่อนสนิทกันก็ว่าได้ โดยเฉพาะเมื่อทั้งสองมีอายุค่อนข้างใกล้เคียงกันพอสมควร แต่พวกเขาก็ยังรักษาระยะห่างระหว่างความเป็นหัวหน้ากับลูกน้องไว้อยู่ดี ถึงแม้จะมีบางครั้งที่มีหลุดไปบ้างในบางครั้งเหมือนกัน
“บรูโน่ ลองวิเคราะห์หน่อยสิว่า กองทัพที่ผู้บังคับหน่วยที่ผ่านการฝึกอย่างเหมาะสมเหลืออยู่ไม่ถึงครึ่ง ยุทโธปกรณ์กับ แผนยุทธศาสตร์ล้าหลัง นโยบายไม่ชัดเจน มีดีแต่อุดมไปด้วยทหารเกณฑ์ไร้ประสบการณ์กับนายพลไร้สมอง นายคิดว่าโอกาสแต้มต่อของเรามีเท่าไหร่กัน”
“ถ้าผมตอบตามความจริงท่านจะจับผมไปศาลทหารไหมล่ะครับ”
“งั้นอย่าพูดเลยดีกว่า ผมยิ่งเคร่งครัดในกฎระเบียบอยู่ด้วย” วิคเตอร์หัวเราะชอบใจกับคำตอบนั่น
“แล้วท่านคิดว่าเรามีโอกาสแค่ไหนกันล่ะครับ”
“นั่นสินะ... อย่างน้อยเรื่องคุณภาพของนายทหารกับยุทโธปกรณ์คงยังแก้ไม่ได้ในเร็ววันนี้หรอก แต่ก็พอใช้จำนวนที่มากกว่าเข้าทดแทนส่วนด้อยนี้ได้อยู่ จะเหลือก็แต่เรื่องยุทธศาสตร์นี่ล่ะ... นี่บรูโน่ อ่านรายงานที่ให้ไปแล้วหรือยังล่ะ”
“ผมลองอ่านโดยคร่าว ๆ ดูบ้างแล้วล่ะครับ ช่างน่าเสียดายที่ช่วงนี้ผมไม่มีเวลาอ่านโดยละเอียด แต่ผมคิดว่ามันเป็นแนวคิดที่ค่อนข้าง... จะเรียกว่าอย่างไรดีล่ะครับ...”
“นอกรีตงั้นหรือ” วิคเตอร์เติมคำที่บรูโน่ลังเลจะกล่าวออกมาอย่างไม่ค่อยใส่ใจนัก ผู้การแอบชำเลืองมองลูกน้องที่กำลังมีสีหน้าลำบากใจเล็กน้อย ก่อนจะแค่นหัวเราะออกมา “ไม่ต้องห่วงหรอกบรูโน่ ตอนที่นำเสนอรายงานนั่นเป็นครั้งแรกช่วงก่อนปฏิวัติเขาก็พูดอย่างนี้กันล่ะ แม้แต่ตอนนี้เจ้าพวกเบื้องบนยังลังเลเลย”
“ถ้าพูดตามตรงนะครับ รายงานของท่านเป็นแนวคิดที่ค่อนข้างน่าสนใจมากเลย เพียงแต่มันค่อนข้างจะขัดกับหลักการที่ผมเคยเรียนรู้มานะครับ”
“โลกมันเปลี่ยนไปแล้วล่ะบรูโน่เอ๋ย ขืนยึดติดกับของดั้งเดิมมันจะไม่ทันกระแสของอนาคตนะ อย่างสถานการณ์ในตอนนี้ถ้าเราไม่ปรับตัวแล้วล่ะก็ อย่าพูดถึงเรื่องแพ้ชนะเลย หัวของพวกเรายังจะรักษาไว้ได้หรือเปล่าก็ไม่รู้” วิคเตอร์ทำความเคารพตอบทหารยามเฝ้าทางเข้าค่ายก่อนจะกล่าวต่อ “แนวทางการใช้หุ่นกลของทั้งกองทัพเรากับจักรวรรดินั้นคล้ายคลึงกันมาก จะว่าไปแล้วมันเป็นการตกผลึกจากแนวคิดของอัศวินบนหลังม้าศึกของพวกชนชั้นสูงก็ว่าได้ นายคงนึกถึงภาพการบุกตะลุยกลางสนามรบอย่างนักรบผู้ห้าวหาญเพื่อเกียรติยศแห่งวงศ์ตระกูล การดวลกันระหว่างสุภาพบุรุษอย่างยุติธรรมด้วยหุ่นกลที่แสนจะตื่นตา ใช่ไหมเล่า บรูโน่”
“ครับผม” บรูโน่พยักหน้าตอบ
“ผมเองก็นึกถึงสมัยก่อนเหมือนกันนะ แต่สถานการณ์ในตอนนี้ทำให้เราต้องจำเป็นทบทวนบทบาทและยุทธวิธีของกองทัพหุ่นกลใหม่ อย่างที่นายคงพอจะเข้าใจ ยุทธวิธีการใช้หุ่นกลที่ใช้อยู่แทบจะเรียกได้ว่าไม่มีแบบแผนเลย เราจะใช้จุดตรงนี้ล่ะชดเชยข้อเสียเปรียบของพวกเรา...”
ในที่สุดรถเปิดประทุนคันงามก็มาหยุดจอดหน้าอาคารโรงเก็บขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนกับกล่องขนาดยักษ์ประกอบจากโครงเหล็กกับแผ่นไม้อย่างลวก ๆ นายทหารทั้งสองก้าวออกมาจากยานพาหนะ สิ่งแรกที่ทั้งสองสัมผัสได้คือกลิ่นเหม็นทินเนอร์ของสีที่เพิ่งทาใหม่ ทั้งวิคเตอร์และบรูโน่หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดจมูกก่อนจะเดินเข้าไปยังอาคารผ่านทางประตูบานใหญ่ที่ถูกเปิดแง้มเอาไว้
“ให้ตายสิ ขนาดถึงต้องทาสีกันใหม่เลยหรือ”
แสงสว่างรูปทรงสี่เหลี่ยมที่ลอดผ่านช่องว่างระหว่างประตูทาบบนวัตถุบางอย่างที่ตั้งอยู่อย่างสงบภายในโรงเก็บอันมืดมิด
“ดูเหมือนความบ้าสีเขียวของคณะปฏิวัติจะลามมาถึงกองทัพแล้วล่ะครับ สงสัยเรื่องที่จะให้เปลี่ยนเครื่องแบบจากสีน้ำเงินเป็นสีเขียวจะไม่ใช่เรื่องโกหกนะครับท่าน”
“อย่างน้อยสีเขียวก็ยังพรางตัวดีกว่าสีน้ำเงินแป๋นล่ะ”
สีเขียวหม่นของบางสิ่งที่ดูคล้ายแขนกลขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นต่อหน้าทั้งสอง ตัวแขนนั้นติดเชื่อมกับส่วนลำตัวที่ดูคล้ายยักษ์อสูร โดยมีแผ่นเหล็กวางทับซ้อนเป็นเกราะหนาราวกับชุดเกราะอัศวินยุคโบราณ ปิดทับส่วนเครื่องกลอันบอบบางที่โผล่ออกมาให้เห็นบางส่วน ท่อนขาสามส่วนที่มีตีนเท้าขนาดใหญ่ดูคล้ายขาของหมียืนอย่างมั่นคง วิคเตอร์แหงนหน้ามองส่วนหัวของอสูรตาเดียวที่ถูกฉาบด้วยเงามืดอย่างพึงพอใจ
“หุ่นกลหุ้มเกราะขนาดกลาง ชาร์ 2 บิส 20 เครื่อง ไม่เลวเลยสำหรับการเริ่มต้นของหน่วยเรา ว่าไหม บรูโน่”
ในแววตาที่แห้งผากคู่นั้นของวิคเตอร์ บรูโน่สังเกตได้ถึงประกายเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นโอเอซิสในทะเลทรายนั่น และเบื้องหน้าของนัยน์ตาที่เริ่มแสดงถึงความหวังนั่น คือเงาตะคุ่มของยักษ์หลับทั้ง 20 เครื่อง รอคอยการมาของเจ้านายผู้ที่จะขับเคลื่อนพวกมันเข้าสู่สนามรบอีกครั้ง
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
Edit Log: July 8th, 2009: จบตอน
Edig Log: July 10th, 2009: แก้ไขสำนวนเล็กน้อย
ความคิดเห็น