ลำดับตอนที่ #11
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : (Review) IdolM@ster การ์ตูนอันดับหนึ่งในดวงใจประจำอนิเม Fall 2011
หลังจากผ่านมา 25 ตอนผมต้องเห็นด้วยกับเจ้าของบล็อค Random Curiosity จริง ๆ ว่า
"รู้สึกดีใจเหลือเกินที่ตัดสินใจดูเรื่องนี้"
ก่อนที่จะได้ดูอนิเม IdolM@ster ฉบับ A-1 นี้ผมแทบไม่รู้จักอะไรสักอย่างเกี่ยวกับเกมส์นี้เลยนอกจากเรื่องที่ว่าคนเขียนเบอร์เซิร์กติดเกมส์นี้งอมแงมเสียจนดองการ์ตูนไปเลย แต่พอหลังจากดูเรื่องนี้จบผมเข้าใจได้เลยทันทีว่าทำไมเฮียคนเขียนแกถึงติดเกมส์นี้งอมแงม...
765 Pro สุดยอด !
ไม่น่าเชื่อเลยว่าอนิเมที่ผมไม่คิดจะสนใจเลยสักนิดเมื่อซีซั่นที่แล้ว (ออกจะดูถูกเสียด้วยซ้ำว่าเป็นอนิเมดาษ ๆ) จะกลายเป็นเพชรน้ำเอกที่แซงหน้าทั้ง Ben-to และ Fate/Zero คว้าอนิเมอันดับหนึ่งในดวงใจประจำอนิเมซี่ซั่นนี้ (Fall 2011) ไปครอง
ส่วนหนึ่งต้องชมสตูดิโอ A-1 จริง ๆ ที่สามารถถ่ายทอดผลงานดัดแปลงจากเกมส์มาได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งเรื่อง So Ra No Wo To, AnoHana, Working! เรียกได้ว่าโปรไฟล์ของสตูดิโอนี้ไม่ธรรมดาเลย ซึ่งชื่อ A-1 นี่ล่ะก็เป็นอีกเหตุผลที่ผมลองให้โอกาสดูเรื่องนี้สักรอบ (เหตุผลหลักแรกที่ดูคือตอนที่ 5 เพราะไปเห็นรูปฮิบิกิใส่บิกินี่) ทั้งที่ปรกติเรื่องแนวนี้ลองได้ Sunrise หรือ JC Staff ไปทำสิ... ผมคงไม่ค่อยแลหรอก
สิ่งหนึ่งที่ผมประทับใจกับเรื่องนี้มากที่สุดคือมันทำให้ผมในตอนนี้รู้จักชื่อของเหล่าไอดอลแห่ง 765 Pro ครบทุกคนแล้ว ! จากตอนแรก (ไม่สิ จนป่านนี้ผมยังไม่ได้ดูตอนแรกเลย) ที่มีแต่ตัวละครสาวน้อยโผล่มาพรวดเดียวสิบกว่าคน อารมณ์คล้าย ๆ กับตอนที่ดูเรื่อง Game of Throne ตอนแรกไม่ผิดเลย ดูตอนแรกจบจำได้แค่ มิกิ เพราะสีผมกับนิสัยดูเด่นที่สุด แต่หลังจากได้ดูไปเรื่อย ๆ ก็ต้องปรบมือให้กับทั้งสองเรื่องเลย ทั้งเรื่อง Game of Throne และ IM@s ประสบความสำเร็จในการที่ทำให้ผมรู้จักตัวละครทุกตัวได้ !
จากเดิมที่รู้จักแต่มิกิ (และตั้งใจดูแต่มิกิ) ก็ค่อย ๆ ได้ทำความรู้จักกับฮิบิกิ ยาโยย อิโอริ มาโคโตะ ฮารุกะ ทาคาเนะ อาสุสะ ริทสึโกะ ยูกิโฮะ อามิ มามิ และท้ายสุดหนึ่งในดวงใจประจำซีซั่นนี้... จิฮายะ
จากเดิมที่อวยเฉพาะคน ในตอนสุดท้ายเราจะอวยพวกหล่อนในฐานะไอด้อลของ 765 pro
ความจริงแล้วเรื่องนี้มีข้อพลาดหลายจุดเหมือนกัน แต่ท้ายสุดแล้วเรื่องนี้ประสบความสำเร็จอย่างงดงามในการที่ทำให้ไอด้อลทุกคนเปล่งประกายและเจิดจรัส สมกับเป็นไอดอลมืออาชีพ
อนิเมมันเจ๋งมากตรงที่ทำให้เรารู้สึกผูกพันกับตัวละครทุกคน เราได้รู้ความฝันของพวกหล่อน ได้ดูความพยายามอย่างเต็มที่จากไอดอลระดับล่างที่ว่างงานสุด ๆ กระดานงานนี่โล่งทุกสัปดาห์ กลายมาเป็นไอดอลซุปเปอร์สตาร์ตามฝันที่กระดานงานเต็มไปด้วยกำหนดการงานต่าง ๆ ที่วุ่นวาย เราเหมือนได้เป็นส่วนหนึ่งในการเป็นสักขีพยานการเติบโตของพวกหล่อน ที่แม้จะต้องผ่านอุปสรรคแค่ไหน แต่สุดท้ายพวกหล่อนก็สามารถเจิดจรัสบนเวทีได้สมกับเป็นไอดอล
จุดแข็งของเรื่องนี้คือการเกลี่ยบทตัวละครได้อย่างชนิดที่เรียกได้ว่ายอดเยี่ยมเลย แน่นอนว่าอาจมีตัวละครบางตัวที่อวยมากน้อยไม่เท่ากัน เช่น ในเรื่องจะมีบทดราม่าหลัก ๆ อยู่ 3 เรื่อง คือเนื้อเรื่องของ มิกิ จิฮายะ และฮารุกะ แต่ตัวละครอื่น ๆ ต่างได้บทที่เด่นในแต่ละตอนเป็นของตัวเอง และแม้จะไม่ใช่บทของตัวเอง แต่พวกหล่อนก็จะโผล่หน้าออกมาให้เห็นเรื่อย ๆ ทำให้เราไม่ลืมคนเก่าไป (นอกจาก ยูกิโฮะ นะ อนิเมเกลี่ยบทให้เธอน้อยมากเลย)
ถึงเรื่องนี้จะออกแนว Slice of Life ขายสาว ๆ น่าตาน่ารัก แต่เรื่องนี้ก็มีอะไรมากกว่าให้สาวน้อยนอนกลิ้งไปกลิ้งมา กับกินเค้กกินชาไปวัน ๆ นะ เราจะได้เห็นอุปสรรคที่พวกหล่อนต้องเผชิญในรูปแบบของศัตรูรายวันเช่น คุโรอิ จากบริษัทคู่แข่ง ปมทางจิตใจที่พวกหล่อนต้องพยายามก้าวข้าม ซึ่งดราม่าของเรื่องนี้ ถึงแม้จะไม่ใช่ดราม่าที่ปวดตับสุด ๆ ดั่งเช่นเรื่อง Good Ending หรือ School Days แต่มันก้เป็นดราม่าที่ทำได้กลมกล่อมอย่างน่าเหลือเชื่อ ไม่เมโลดราม่าจนน่าเบื่อ และท้ายสุดเป็นตัวที่ทำให้พวกหล่อนเปล่งประกายได้ ตัวอย่างที่ดีเช่นดราม่าของ จิฮายะ ที่ทำได้เศร้ามาก แต่ก็ไม่ลงลึงเกินไปจนเกินคอนเซปต์ Slice of Life ของเรื่อง และตอนที่เธอสามารถก้าวข้ามปมในจิตใจไปได้นี่ เรียกได้ว่าตอนนั้นจิฮายะกลายเป้นที่หนึ่งในดวงใจไปทันที
จุดแข็งของเรื่องนี้คือการเกลี่ยบทตัวละครได้อย่างชนิดที่เรียกได้ว่ายอดเยี่ยมเลย แน่นอนว่าอาจมีตัวละครบางตัวที่อวยมากน้อยไม่เท่ากัน เช่น ในเรื่องจะมีบทดราม่าหลัก ๆ อยู่ 3 เรื่อง คือเนื้อเรื่องของ มิกิ จิฮายะ และฮารุกะ แต่ตัวละครอื่น ๆ ต่างได้บทที่เด่นในแต่ละตอนเป็นของตัวเอง และแม้จะไม่ใช่บทของตัวเอง แต่พวกหล่อนก็จะโผล่หน้าออกมาให้เห็นเรื่อย ๆ ทำให้เราไม่ลืมคนเก่าไป (นอกจาก ยูกิโฮะ นะ อนิเมเกลี่ยบทให้เธอน้อยมากเลย)
ถึงเรื่องนี้จะออกแนว Slice of Life ขายสาว ๆ น่าตาน่ารัก แต่เรื่องนี้ก็มีอะไรมากกว่าให้สาวน้อยนอนกลิ้งไปกลิ้งมา กับกินเค้กกินชาไปวัน ๆ นะ เราจะได้เห็นอุปสรรคที่พวกหล่อนต้องเผชิญในรูปแบบของศัตรูรายวันเช่น คุโรอิ จากบริษัทคู่แข่ง ปมทางจิตใจที่พวกหล่อนต้องพยายามก้าวข้าม ซึ่งดราม่าของเรื่องนี้ ถึงแม้จะไม่ใช่ดราม่าที่ปวดตับสุด ๆ ดั่งเช่นเรื่อง Good Ending หรือ School Days แต่มันก้เป็นดราม่าที่ทำได้กลมกล่อมอย่างน่าเหลือเชื่อ ไม่เมโลดราม่าจนน่าเบื่อ และท้ายสุดเป็นตัวที่ทำให้พวกหล่อนเปล่งประกายได้ ตัวอย่างที่ดีเช่นดราม่าของ จิฮายะ ที่ทำได้เศร้ามาก แต่ก็ไม่ลงลึงเกินไปจนเกินคอนเซปต์ Slice of Life ของเรื่อง และตอนที่เธอสามารถก้าวข้ามปมในจิตใจไปได้นี่ เรียกได้ว่าตอนนั้นจิฮายะกลายเป้นที่หนึ่งในดวงใจไปทันที
เรื่องของเรื่องคือ จิฮายะ โดนสื่อฝ่ายตรงข้ามเล่นข่าวเรื่องปล่อยให้น้องชายตายไปต่อหน้าต่อตาโดยไม่ช่วยเหลืออะไร ทำให้หล่อนช็อคจนร้องเพลงไม่ออก ทั้งที่จริงแล้วเธอร้องเพลงเพราะต้องการสานความฝันของน้องชายที่ชอบฟังเธอร้องเพลง จนสุดท้ายเธอได้บรรดาเพื่อน ๆ ในวงและคนในบริษัทช่วยผลักดันให้ไปยืนบนเวทีได้อีกครั้ง แต่กระนั้นเธอก็ยังร้องเพลงไม่ออกอยู่ดี ฮารุกะที่เห็นอย่างนั้นจึงรีบวิ่งออกไปช่วยร้องพร้อม ๆ กับเพื่อน ๆ ทั้งวง และในที่สุดเธอก็สามารถเปล่งเสียงออกมาได้อีกครั้ง...
ผมต้องยอมรับเลยว่าผมขนลุกทุกครั้งที่ได้ยินเสียงของจิฮายะร้องท่อนดังกล่าว เสียงเธอทรงพลังมาก ไม่น่าเชื่อเลยว่าเป้นคนพากษ์คุริสึจาก Steins:Gate มากก่อน
เอาเป็นว่า ดราม่าของจิฮายะนี่ถือว่าดีที่สุดในบรรดาดราม่าทั้งหมดของ IdolM@ster เลย แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องดราม่า ดังนั้นดราม่าจึงทำได้ไม่ทำให้คุณรู้สึกแย่ขนาดนั้น อารมณ์เดียวกับดูตอนย้อนหลังของมินามิในเรื่อง Baka to Test อย่างนั้นล่ะ ถึงเรื่องทั้งเรื่องจะเป้นเรื่องตลก แต่พอมีดราม่ามากลับทำให้รู้สึกว่าทรงพลังเสียยิ่งกว่าดราม่าเจ๋ง ๆ ในอนิเมที่เน้นดราม่ามากกว่าเสียอีก
ผมต้องยอมรับเลยว่าผมขนลุกทุกครั้งที่ได้ยินเสียงของจิฮายะร้องท่อนดังกล่าว เสียงเธอทรงพลังมาก ไม่น่าเชื่อเลยว่าเป้นคนพากษ์คุริสึจาก Steins:Gate มากก่อน
เอาเป็นว่า ดราม่าของจิฮายะนี่ถือว่าดีที่สุดในบรรดาดราม่าทั้งหมดของ IdolM@ster เลย แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องดราม่า ดังนั้นดราม่าจึงทำได้ไม่ทำให้คุณรู้สึกแย่ขนาดนั้น อารมณ์เดียวกับดูตอนย้อนหลังของมินามิในเรื่อง Baka to Test อย่างนั้นล่ะ ถึงเรื่องทั้งเรื่องจะเป้นเรื่องตลก แต่พอมีดราม่ามากลับทำให้รู้สึกว่าทรงพลังเสียยิ่งกว่าดราม่าเจ๋ง ๆ ในอนิเมที่เน้นดราม่ามากกว่าเสียอีก
มิกิบอมบาเย่ !
นอกจากนี้คุณภาพของอนิเมก็ทำได้สูงมาก ถึงแม้จะมีเผาบ้าง แต่ก็ไม่ได้เห็นชัดขนาดแบบ Gonzo คือถ้าดูตอนขยับ ๆ มันก็ยังดูเนียนอยู่ดี และฉากเต้นฉากร้องเพลงทำได้ละเอียดมาก โดยเฉพาะคอนเสิร์ตตอนสุดท้ายนี่เห็นได้ชัดเลยว่าทุ่มงบลงไปขนาดไหน
นอกจากนี้เพลงก็เพราะมาก เพลงที่ผมชอบก็ Yakousoku กับ Nerumi Hime ของจิฮายะ Heart of Marionette ของมิกิ Ipai Ipai ของริทสึโกะ Op ที่สอง
ความจริงเรื่องนี้ก็มีข้อเสียให้เห็นพอสมควร ทั้งการที่เลือกวิธีเดินเรื่องเป็นตอน ๆ ไปแบบเอกเทศในตอนแรกที่บางคนอาจไม่ชอบ หรือตัวร้ายรายตอนอย่างบริษัทคู่แข่งที่แกล้งอย่างไม่มีเหตุผลเหมือนเด็ก ๆ แกล้งมากกว่า แต่ถึงกระนั้นแล้วข้อเสียต่าง ๆ ก็ถูกความเจิดจรัสของเหล่าไอดอล 765 Pro กลบซะมิดเลย
เอาเป็นว่า หากใครชอบดูอนิเมแนว K-on หรือ ชอบแนวไอดอลเป็นทุนเดิมก็ขอแนะนำเรื่องนี้เลย ถึงจะไม่ค่อยชอบแนวนี้แต่หากสนใจอนิเมม้ามืดที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึง ผมก็อยากแนะนำเรื่องนี้เลย ถึงคุณไม่เคยเป็นแฟน Idolm@ster มาก่อน ก็สามารถดูได้อย่างไม่ยากเย็นนะ
ปล. รู้สึกว่าผมจะลืมพูดถึงคุณ producer ไปแฮะ แต่ช่างมันเหอะ
เครดิท รูปจาก Random Curiosity
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น