คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Repentance อดีตอันยากจะลบเลือน (1)
ทุกอย่างรอบตัวดูมืดมัว เงาของอุปกรณ์ต่างรายล้อมราวกับพยายามจะบีบอัดเข้ามาอย่างไร้ความปราณี มีแต่แสงสีเขียวอ่อน ๆ อันคุ้นเคยจากมอนิเตอร์รอบตัวที่พอทำให้รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เขากลับมานั่งในโลงศพเดินได้นี่อีกครั้ง...
มือทั้งสองสัมผัสได้ถึงคันบังคับที่เปียกชุ่มด้วยเหงื่อ เช่นเดียวกับความรู้สึกเหนียวเหนอะบนต้นคอที่สำผัสกับเบาะหนังของเก้าอี้ เขาไม่รู้สึกขยะแขยงถึงกลิ่นเหม็นอับที่ผสมกับเหงื่อไคลนัก แต่กลิ่นจาง ๆ ของสบู่บนหนวดที่เขานึกว่าโกนทิ้งไปตั้งแต่ช่วงปฏิวัตินี่สิ มันทำให้เขาอยากจะอ้วกเสียเหลือเกิน เสียงโหวกเหวกของใครสักคนดังขึ้นในหูอยู่ตลอดเวลา แต่เขาก็ไม่ได้สนใจมันมากไปกว่าเสียงเครื่องยนต์ที่ดังกระหึ่มอยู่เบื้องหลังเสียเท่าไร
“ผู้กอง ออกคำสั่งให้ลูกน้องคุณเปิดฉากยิงเดี๋ยวนี้ !”
ทำไมเขาต้องเป็นคนสั่งเล่า ถ้าอยากจะให้เปิดฉากยิงก็สั่งเองสิ เขาเหม่อลอยผ่านหน้าจอสีเขียวหม่นโดยไม่ใส่ใจทั้งคำสั่งหรือคำขู่ที่เป็นเหมือนเสียงนกกาที่ชอบมาขับร้องริมห้องนอนยามเช้า
ตอนที่รู้ตัวอีกที เขาก็ปลดเข็มขัดนิรภัย โยนหูฟังทิ้งไปเสียแล้ว ก่อนมือจะเอื้อมไปปลดสลักทั้งสองที่อยู่เหนือหัว ทันใดนั้น โลกที่เคยพร่ามัวปรากฏเส้นสีขาวบางค่อย ๆ แทรกตัวผ่านเงามืดพร้อมกับลมเย็นที่พัดผ่านเข้ามา เส้นสีขาวนั่นแปรเปลี่ยนเป็นแสงสว่างจ้าที่ครอบงำการมองเห็นทุกอย่าง ต้องใช้เวลาอีกสักพักก่อนที่นัยน์ตาอันอ่อนล้าจะปรับตัวเข้ากับแสงภายนอกได้อีกครั้ง แต่ก่อนหน้านั้นประสาทรับเสียงก็ถูกโหมกระหน่ำด้วยเสียงเพลง “ลา รีพับบลิค” ที่ดังกึกก้องยิ่งกว่าเสียงฆ้อนของทอร์ หรืออาจจะเทียบเท่ากับเสียงกู่ร้องของพระเจ้าเลยก็ว่าได้ และเมื่อนัยน์ตาเริ่มอาจหาญแข็งข้อสู้กับแสงอันร้อนแรงของอาทิตย์ยามบ่ายได้ ทุกอย่างก็ประจักษ์ชัดแจ้ง...
ทะเลมนุษย์นับหมื่นนับแสนกำลังมุ่งหน้ามาหาเขาอย่างเชื่องช้า ทั้งเด็ก สตรี คนชรา ผู้ใหญ่ต่างจับมือคล้องแขนเป็นกำแพงมนุษย์เคลื่อนที่ผ่านถนนเส้นหลักเป็นแผงโดยปราศจากอาวุธ ริ้วธงสีเขียวนับร้อยโบกสะบัดไปมาสอดคล้องกับจังหวะเสียงเพลงดังกระหึ่มที่เปล่งออกมาจากปากนับแสน ขบวนของคลื่นมนุษย์นั้นหนาแน่นไปจนสุดลูกหูลูกตา แม้จะเลยผ่านจตุรัสแห่งกษัตริย์ไปแล้วเขายังคงมองเห็นริ้วธงและแผ่นป้ายอยู่อยู่รำไร
ที่ขวางกั้นระหว่างตัวเขากับมวลชนที่เคลื่อนตัวเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้งคือกองทหารชุดสีน้ำเงินแห่งราชอาณาจักรที่วางตัวเป็นแถวหน้ากระดานอยู่เบื้องล่าง ในมือถือปืนไรเฟิลติดดาบปลายปืนวาววับ หันปลายปืนไปยังทิศของฝูงชนในท่าเตรียมยิง เหล่าทหารหาญต่างยืนนิ่งอยู่ในระเบียบวินัยราวกับหุ่นกระบอกไร้ความรู้สึก เคลื่อนไหวได้เพียงตามคำสั่งของตัวเขาที่นั่งอยู่บนหุ่นกลสูงขึ้นไปเท่านั้น
ทหารเหล่านั้นไร้ความรู้สึกจริงหรือ ?
ในหมู่ฝูงชนที่พวกเขากำลังหันกระบอกปืนเข้าหาอาจมีคนในครอบครัวของเขารวมอยู่ก็เป็นได้ คนที่รู้จัก ญาติมิตร สหายใกล้ชิด ความเป็นไปได้มากมายที่บุคคลเหล่านั้นอาจเป็นหนึ่งในฝูงชนที่กำลังร่ำร้องหาเสรีภาพอยู่ก็เป็นได้
แล้วพวกเขาจะกล้ายิงหรือ ?
แล้วเขาจะกล้าสั่งให้พวกเขายิงหรือ ?
แม้จะยืนนิ่งไม่ไหวติง แต่เขาก็รู้สึกได้ถึงความลังเลในหมู่ทหารเบื้องล่าง ทำไมเขาถึงรู้นะหรือ ก็เพราะตัวเขาเองก็รู้สึกอย่างนั้นเช่นกัน ถึงจะถูกผึกมาให้ทำตัวไร้ความรู้สึกยามอยู่ในสนามรบ ละทิ้งความเป็นปัจเจกชน ขับเคลื่อนด้วยจิตวิญญาณของหมู่คณะ แต่กระนั้นพวกเขาก็เป็นเพียงมนุษย์ปุถุชนที่เลียนแบบเครื่องจักรเท่านั้น หยาดเหงื่อที่ผุดขึ้นตามใบหน้าของพวกเขาเป็นหลักฐานอย่างดี
เสียงปืนขึ้นลำกล้องดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียงปลุกเขาให้ตื่นขึ้นมาจากห้วงความคิด ฝูงชนเดินรุดหน้าเขามาเรื่อย ๆ โดยไม่สนใจถึงคำขู่ของจ่ากองร้อยที่ตะโกนบอกให้สลายการชุมนุมไปเสีย บางแถวเริ่มเข้าใกล้คมของดาบปลายปืนเพียงไม่กี่ก้าว ถึงตอนนั้นเหล่าทหารชุดน้ำเงินก็ประทับปืนเข้ากับร่องแขนเตรียมพร้อมยิง เหลือเพียงแค่คำสั่งเพียงคำเดียว นิ้วมือในโกร่งไกจะกระตุก และห่าฝนตะกั่วจะพุ่งทะยานทะลุกำแพงเนื้อนั่นล้มระเนระนาด
เสียงตะโกนแหกปากจากหูฟังบนที่นั่งพลขับยังดังไม่หยุด คำว่า “ทรยศ” “ศาลทหาร” หรือ “ยิงเป้า” ไม่อาจบังคับให้เขาเอ่ยปากคำที่เจ้าพวกในวังนั่นอยากให้กล่าวออกมาได้
ทำไมมือเขาต้องสกปรกแทนเจ้าพวกนั้นด้วยล่ะ...
“ลดปืนลง ขอย้ำอีกครั้ง ลดปืนลง ห้ามมีการยิงใด ๆ ทั้งนั้น ! นี่คือคำสั่ง !” เขาประกาศผ่านวิทยุและเครื่องประกาศในหุ่นกลของเขา “พวกเราเป็นทหารของประชาชน ศัตรูของเราไม่ใช่ประชาชน ขอย้ำอีกครั้ง ศัตรูของเราไม่ใช่ประชาชน !”
เมื่อถึงตอนนั้นเหล่าฝูงชนก็เดินฝ่ากำแพงทหารอย่างไร้การต่อต้าน โดยที่เหล่าทหารต่างมองหน้าสหายร่วมหน่วยอย่างสับสน ก่อนจะร่วมส่งเสียงเฮดังลั่นไปพร้อม ๆ กับฝูงชนที่ส่งเสียงกันอื้ออึง บางคนถึงกับวิ่งเข้าสวมกอดทหารขอบคุณที่ไม่ยิงพวกเขา กำแพงสีน้ำเงินที่เคยเป็นดั่งเกราะป้องกันแห่งราชวงศ์บัดนี้ถูกกลืนหายไปกับประชาชนผู้ใฝ่หาเสรีภาพ
เส้นแบ่งแยกของทหารกับประชาชนไม่มีอีกต่อไปแล้ว
ตัวเขาเองก็หยุดอยู่ในเจ้าหุ่นกลนี่ไม่ได้ ทว่า ก่อนที่เขาจะได้ก้าวลงจากหุ่นสูงเท่าตึกสองชั้นนั่น เหล่าประชาชนผู้ซาบซึ้งในการกระทำของเขาก็ต่างปีนขึ้นมาจับไม้จับมือ บางคนถือธงมาด้วยก็ปีนไปบนตัวหุ่นโบกธงสีเขียวไปมาราวกับผู้พิชิต ส่วนตัวเขานั้นแทบจะไม่ต้องปีนลงก็มีฝูงชนคอยรองรับ ทุกคนต่างโห่ร้องด้วยความยินดีกับนายทหารผู้รักประชาชนคนนี้
นั่นอาจจะเรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของเขาเลยทีเดียว
ในกลุ่มที่แบกตัวเขาไปกับคลื่นฝูงชนคือเหล่าทหารใต้บังคับบัญชา พวกเขาต่างยิ้มแย้ม ส่งเสียงเชียร์ “ผู้กองเดเวโรว์” ราวกับเขาเป็นวีรบุรุษ...
วีรบุรุษ... เขาเป็นวีรบุรุษอย่างนั้นหรือ
เพียงเสี้ยววินาทีต่อมาที่เขานึกเช่นนั้น ใบหน้าของเหล่าทหารที่กำลังยิ้มแย้มก็แปรเปลี่ยนไปเป็นใบหน้าของซากศพเน่าเฟะ ปากที่เคยส่งยิ้มให้เขาก็มีหนอนพุ่งทะลักออกมา มือที่เคยรองรับเขาบนอากาศก็ค่อย ๆ ฉีกขาด ปล่อยให้ตัวเขาตกลงไปในบ่อบึงเหม็นเน่า ที่เขาตะเกียกตะกายอยู่ในบ่อที่พยายามจะดูดลงไปให้ได้ มือพยายามควานหาสิ่งยึดเหนี่ยวอย่างไม่คิดชีวิต ก่อนจะคว้าท่อนอะไรบางอย่างได้ แต่เมื่อรู้ตัวอีกทีเขาก็พบว่า สิ่งที่เขาคว้าไว้นั้นคือแขนของซากศพของทหารใต้บัญชาที่เขารู้จักดีกำลังจ้องเขม็งมาด้วยดวงตาอันกลวงโบ๋ ปากที่ห้อยร่องแร่งของมันกล่าวพึมพำอะไรบางอย่างกับเขาที่กำลังจะจม
“ทำไมแกถึงรอดในขณะที่พวกเราอีกร้อยยี่สิบคนต้องตาย ทำไม ทำไม ทำไม...”
ระหว่างนั้นเอง ร่างอันเน่าเปื่อยนับสิบของอดีตทหารใต้บัญชาผุดขึ้นมาจากโคลนตม รุมจับรัดตรึงร่างเขาอย่างโกรธแค้น ใบหน้าที่บิดเบี้ยวอย่างทรมานกรีดร้องราวกับผีแบนชี
“แกเป็นคนส่งเราไปตาย ไอ้ฆาตกร ไอ้ฆาตกร ไอ้ฆาตกร”
“ไอ้ระยำ ! ดาวที่เพิ่มมาอีกดวงบนไหล่แกนะ มันชีวิตพวกกู ชีวิตพวกกู !”
เสียงหัวเราะ เสียงร้องไห้คร่ำครวญ เสียงกรีดร้อง คำด่าสาปแช่งผสมปนเปจนฟังไม่ได้ศัพท์ ทุกอย่างดูวุ่นวาย วิบัติ วิปลาส ทัศนวิสัยทุกอย่างเริ่มบิดเบี้ยว ซากศพที่เคยรัดตรึงเริ่มหล่อหลอมรวมกับวิญญาณที่กำลังแตกสลาย ภาพความทรงจำทุกอย่างเริ่มไหลย้อนกลับราวกับกระแสน้ำปั่นป่วน
ตาย !
ตาย !
ตาย !
แกตายซะ อย่าอยู่เลยให้รกโลกเลย ไอ้วีรบุรุษจอมปลอม !
และเมื่อความทรมาณที่แท้จริงกำลังจะเริ่ม...
เขาก็ตื่นขึ้น
@@@@@@@@@@@@@@@@
Edit Log: June 24th, 2009: จบตอน
Edit Log: June 25th, 2009: แก้ไขเนื้อหาเล็กน้อย
Edit Log: June 27th, 2009: แก้คำผิดเล็กน้อย
Edit LogL July 6th, 2009: แก้สำนวนเล็กน้อย
ความคิดเห็น