คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Overture
สวัสดีครับคุณผู้อ่านที่อุตส่าห์หลงมาอ่านเรื่องนี้เข้า ไหนๆ ก็ตกกระไดพลอยโจนมาแล้วก็อย่างเพิ่งเลิกหนีไปก่อนนะครับ ผมแค่อยากจะมาทักทายผู้อ่านที่แสนจะน่ารักที่หลงผิด..เอ้ย...หลงเข้ามาในโลกของนิยายเรื่องนี้หน่อยนึง เอาล่ะ ผมรู้ตัวดีว่าพล่ามมามากพอแล้ว แต่ก่อนที่จะเข้าไปสู่เรื่องราวนั้น เรามาเรียนรู้เกี่ยวกับโลกที่ตัวละครของเราจะมาโลดแล่นกันดีกว่า อย่างแรกเลยคือเรื่องนี้เป็นเรื่องสมมุติ สถานที่และบุคคลก็เป็นเรื่องที่สมมุติขึ้นเพื่อความบันเทิงของผู้เขียน(ไม่ใช่ของผู้อ่านน่อ ฮาๆ) และหวังว่ามันจะทำให้ท่านผู้อ่านสนุกสนานไปกับมันด้วยด้วย ดังนั้นอย่าคิดมากกับสิ่งที่ผู้เขียนเขียนลงไปแล้วกันครับ อย่างที่สองคือบทนี้กับบทอื่นจะใช้สำนวนคนละเรื่องเลย ถ้าคิดจะอ่านเรื่องนี้เพราะต้องตาโดนใจกับสำนวนของบทนำล่ะก็ คิดใหม่ได้น่อ แต่ถ้าไม่ถูกใจละก็อย่าห่วงไปเลยครับเพราะมันจะเป็นบทแรกและบทสุดท้ายสำหรับสำนวนแบบนี้แล้ว วางใจได้ มันเป็นผู้เป็นคนมากกว่านี้แน่นอน
เหตุการณ์ของโลกในเรื่องนี้เกิดขึ้นหลังจากการล่มสลายของอารยธรรมมนุษยชาติที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากน้ำท่วมโลก อุกกาบาตพุ่งชนโลก ดวงอาทิตย์ดับ หรือถูกมนุษย์ต่างดาวสามขารุกรานหรอกนะครับ แต่เกิดขึ้นจากน้ำมือของมนุษย์เองเนี่ยล่ะ มหาสงครามที่มนุษย์ก่อขึ้นทำลายอารยธรรมทุกอย่างที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างยากลำบากโดยชนรุ่นก่อน ผืนดินถูกทำลาย น้ำปนเปื้อนมลพิษ ธรรมชาติถูกทำลายจนยากที่จะฟื้นฟูได้อีกครั้ง ทุกสิ่งทุกอย่างถูกทำลายย่อยยับ แต่ทว่าก็ยังมีเกาะหนึ่งที่เหลือรอดจากไฟสงครามล้างโลก ผู้รอดชีวิตกลุ่มหนึ่งจึงได้ละทิ้งแผ่นดินแม่ของตน อพยพมายังเกาะแห่งนี้โดยผู้คนเหล่านั้นต่างกล่าวเรียกนามของเกาะนี้ว่า เอเดน
.....ท่านผู้อ่านคิดว่าชื่อมันโหลๆ ไหมครับ แต่อย่าสนไปเลย เรามาเข้าเรื่องกันต่อเลยดีกว่า...
ว่าแล้วกลุ่มคนที่เหลือรอดก็ได้ตั้งรกรากกันอีกครั้ง โดยเกาะเอเดนถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนโดยเหล่าผู้ชาย และผู้หญิง....ผู้อ่านที่อ่านมาถึงตรงนี้คงจะงงล่ะสิครับว่าเกิดอะไรขึ้น ใช่แล้วครับ...ผู้ชายกับผู้หญิงต่างแยกกันไปตั้งประเทศของตน และปกครองกันอย่างเป็นเอกเทศ ถ้าจะถามเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงทำอะไรพิลึกๆ อย่างนั้น ผู้เขียนขอไม่กล่าวถึงในเรื่องนี้แล้วกัน แต่ถ้าพูดกันตรงๆ แล้วผู้เขียนก็ไม่ทราบเหมือนกันครับว่าทำไมพวกเขาต้องแยกกันอยู่...สงสัยทะเลาะกันมั้งครับ (ฮา) แล้วถ้าจะถามอีกว่าแล้วจะผลิตทายาทกันอย่างไรล่ะ ผมขอตอบ ณ ที่นี้เลยครับว่า เชิญอ่านในเรื่องได้เลย ขอกั๊กเอาไว้ก่อนเพื่อเพิ่มรสชาติในการอ่าน เรามาต่อเลยดีกว่าครับ...ความจริงแล้วเกาะเอเดนนี่ก็ใหญ่ใช่เล่นอยู่นะครับ จะเรียกเป็นทวีปเลยก็ว่าได้ แล้วทำไมถึงไม่เรียกว่าทวีปเลยล่ะ ก็ผู้เขียนไม่อยากเอาเกาะเอเดนไปเปรียบกับออสเตรเลียที่ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองเป็นเกาะหรือเป็นทวีป (ฮา)....อย่าคิดมากนะครับ บอกแล้วว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับสถานที่จริงใดๆ ทั้งสิ้น
ทางเหนือที่ถูกครอบครองโดยพวกผู้หญิงนั้นเป็นผืนดินอันอุดมสมบูรณ์ อากาศก็อบอุ่นน่าอยู่ อาหารการกินก็มีพร้อม เป็นสวรรค์บนดินก็ว่าได้ แต่พวกผู้ชายที่ครอบครองส่วนทางใต้ของเกาะไม่ได้โชคดีเหมือนพวกผู้หญิงนักหรอกครับ เพราะดินแดนทางใต้นี่เป็นที่สุดของที่สุดของความกันดารเลย อากาศก็หนาวเย็น แถมแห้งแล้งอีกต่างหาก เรียกได้ว่าโชคร้ายสุดๆ เลยที่ต้องไปอยู่ในที่แบบนั้น ความรู้สึกเหมือนเป็นนักโทษถูกปล่อยเกาะที่ไซบีเรียเลยล่ะ
แต่สำหรับคุณผู้ชายแล้วมันก็ยังไม่เลวร้ายไปซะทุกอย่างหรอกนะครับ เพราะความกันดารนี่ล่ะครับทำให้พวกผู้ชายมีความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี และเครื่องจักรเป็นอย่างมาก ไหนๆ มันก็พึ่งธรรมชาติไม่ได้ งั้นเราก็สร้างมันขึ้นมาเองเลยไม่ง่ายกว่าเหรอ ผู้ชายก็ยังถืออีกว่าที่พวกเขาต้องมาอยู่ในที่แบบนี้เพราะเป็นบททดสอบที่พระเจ้าประทานมาให้ เพื่อชำระบาปที่มนุษย์ได้เคยกระทำในอดีต และเทคโนโลยีนี่ล่ะคือสิ่งที่พระเจ้าประทานให้แก่มนุษย์ในการฟันฝ่าบททดสอบนี้
ส่วนพวกผู้หญิงที่แสนจะโชคดีก็อยู่อย่างสุขสบายกับธรรมชาติอันแสนอุดมสมบูรณ์ พวกผู้หญิงก็คิดว่าในเมื่อมีทุกอย่างพร้อมแล้วไยต้องไปพึ่งพาเทคโนโลยีที่รังแต่จะทำลายธรรมชาติอันแสนอุดมสมบูรณ์เหมือนครั้งในอดีตล่ะ ดังนั้น พวกหล่อนจึงได้ละทิ้งวิทยาการขั้นสูงทุกอย่าง เหลือไว้แต่วิทยาการเท่าที่จะเป็นสำหรับการดำรงชีวิตเท่านั้น และได้พัฒนาศาสตร์การใช้พลังจากธรรมชาติอย่างแพร่หลาย พูดง่ายๆ ก็เหมือนใช้พลังเวทมนตร์นั่นล่ะครับ แต่ขุมพลังนั้นจะเกิดจากพลังงานที่ไหลเวียนอยู่ในกระแสของสรรพสิ่งในธรรมชาติ ซึ่งพวกหล่อนต่างคิดว่าผืนแผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์เหล่านี้คือสิ่งที่ธรรมชาติผู้สร้างอันยิ่งใหญ่ได้ประทานพรให้
ท่านผู้อ่านคงจะสังเกตได้แล้วนะครับว่าทั้งสองพวกแทบจะแตกต่างกันอย่างสุดขั้วเลยก็ว่าได้ ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่ทั้งสองฝ่ายต่างจะระแวง ซึ่งกันและกัน เป็นเวลากว่า 300 ปีแล้วที่ทั้งสองถือเป็นอริกัน ต่างฝ่ายต่างกล่าวหาว่าอีกฝ่ายป่าเถื่อน น่ากลัว และเป็นภัยต่อการดำรงอยู่ของตนอีกด้วย ตัวเกาะเอเดนนั้นเองก็ถูกแบ่งเป็น 2 ซีก คือเกาะเหนือ กับเกาะใต้ โดยมีร่องน้ำแคบๆ ขวางกั้น แต่มันก็เพียงพอที่จะโดดเดี่ยวจากอีกฝ่ายโดยสิ้นเชิง โดยฝั่งเหนือคือประเทศของผู้หญิงชื่อ อาราเนีย ส่วนทางใต้ประเทศของเหล่าผู้ชาย มูราล
และนี่คือเรื่องราวที่ผู้คนจากทั้งสองฝั่งจะมาโคจรพบกันอีกครั้ง
เบื่อกับคำคุยโวสุดแสนจะฝืดของผมรึยังครับ ถ้าเบื่อแล้ว งั้นขอเชิญพบกับเรื่องราวอันน่าตื่นเต้นนี้ได้เลย
(ถ้าจินตนาการเพลงธีมของอินเดียน่าโจนส์ด้วยจะเยี่ยมมาก!)
@@@@@@@@@@@@@@@@@@
Edit Log: 19 Jan 2008: ลงตอนซ้ำ
Edit Log: 25 March 2008: แก้ไขคำผิด ขอบคุณคุณ Star of Radiance มากเลยนะครับที่ช่วยชี้จุดให้
Edit Log: 20 May 2008: แก้สำนวน กับคำผิด
Edit Log: 11 July 2008; เพิ่มเติมในส่วนของเนื้อเรื่อง
Edit Log: 19 August 2008; เพิ่มคำเปรียบเปรยอีกเล็กน้อย
Edit Log: 25 August 2008: ชี้แจงและเพิ่มเกี่ยวกับคำถามยอดนิยมซะเลย หึหึๆ
ความคิดเห็น