ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ONE DAY LOVER

    ลำดับตอนที่ #1 : SUNDAY 1 : วันหยุด

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 53
      0
      2 ก.ค. 57

    SUNDAY 1 : วันหยุด
    (story talk by. Kim Ryeowook)

    ผมคิดว่าผมยังรักเค้าอยู่นะ แต่ว่าผมก็นึกถึงเค้าบ้างเป็นบางครั้งเท่านั้นเอง ตกลงว่ายังชอบอยู่มั้ยนะ ไม่รู้สิ ไม่แน่ใจเหมือนกัน ได้แต่ปล่อยความคิดชั่วครู่ชั่วคราวของผมให้ผ่านไปเท่านั้นเอง ยืนเหม่อๆผมก็คิดอะไรไปเรื่อยแหละ เพราะว่าวันนี้ฝนตก ผมก็เลยต้องขึ้นรถเมย์ ....ที่ทำงานของผมอยู่ห่างจากบ้านไปราวๆสองป้ายรถเมย์ได้ ไม่ไกลเท่าไหร่หรอก แต่ถ้าจะเดิน ก็เกินไป ผมก็เลยไปถอยจักรยานเก่าๆ มาขัดศรีฉวีวันซะใหม่ แล้วเอาไว้ขี่ไปทำงาน แล้วก็ร้านสะดวกซื้อ ไม่ก็ซุปเปอร์มาร์กเก็ตในระแวกนั้น แต่ถ้ามันเป็นวันฝนตกแบบวันนี้ผมก็ใช้บริการรถเมย์อยู่เหมือนกันนะ

    ..ใน 1 สัปดาห์ ผมจะได้หยุดงานในวันอาทิตย์ งานของผมคือเป็นพนักงานขายหนังสือ เจ้าของร้านจะปิดร้านทุกวันอาทิตย์ เค้าไม่เคยมาที่ร้านเลย ผมก็ไม่รู้ว่าทำไม แล้ก็ไม่รู้ด้วยว่าเค้าหน้าตาเป็นยังไง แต่ผมก็ว่าดีเหมือนกันนะ ผมจะได้ไม่ต้องมีเจ้านายใจร้าย ที่คอยทำให้ไม่สบายใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะเค้าเป็นคนจ่ายค่าจ้าง ...เจ้านายของผมนี่ ดูท่าน่าจะเป็นคนใจดีนะ...

    8.00 น.

    นาฬิกาบอกผมว่าอย่างนั้น...

    ผมรู้สึกดีทุกครั้งที่รู้สึกตัวตื่นมาเอง แล้วมองดูนาฬิกาว่า นี่ไม่ใช่เวลา ตี 5 เหมือนวันที่ผมต้องปลุกตัวเองไปทำอะไรต่อมิอะไรมากมาย ..วันนี้ก็เป็นแค่วันหยุดธรรมดาๆ  ที่ผมต้องปั่นจักรยานไปซื้อของกลับมาตุนใส่ตู้เย็นไว้สำหรับ หนึ่งอาทิตย์  คุณกำลังคิดอยู่ใช่มั้ยล่ะ ว่าของที่ซื้อไว้ตั้ง 7 วัน จะใส่จักรยานพอเหรอ จักรยานของผมเป็นจักรยานพิเศษนะ ผมก็แค่ มัดตะกร้าติดท้ายจักรยานไว้ซ้อนท้ายผมแทนคนนั่งแค่นั้นเอง ..

    “หวัดดีครับ มาอีกแล้วนะ”

    “ครับ ” ผมยิ้มให้พนักงานที่เคาน์เตอร์หน้าร้านสะดวกซื้อ ผมก็ไม่รู้ทำไมผมเจอเค้าทุกครั้งไป แต่จะว่าไปก็มีอยู่ประมาณสองสามครั้งนะ ที่มาแล้วไม่เจอ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องน่าสนใจอะไรหรอก

    ผมซื้อเบียร์ 3 แพค นึง มีสี่กระป๋อง   นมโยเกิร์ตครึ่งโหล   ขนมปัง 1 แถว   แล้วก็............................

    “.....” ผมลืมไปแล้วหล่ะ ว่าต้องซื้ออะไรอีก ได้แต่ถือถุงขนมปัง แล้วก็ไม่ยอมเอาใส่ตะกร้าซักที  ใครซักคนที่ผมเห็น และไม่สามารถละสายตาจากตรงนี้ได้ เหมือนกับว่าเวลาได้หยุดลงแล้ว  เค้าเองก็มองมาที่ผมเหมือนกันใช่มั้ย ผมควรพูดอะไรงั้นเหรอ หรือผมควรจะรอให้เค้าพูดอะไรซักหน่อย

    “ยังไม่เลิกกินอีกเหรอ แซนวิชน่ะ”

    “อ่ะ...ห๊ะ อ๋อ เออ ใช่ ...เหอะๆ..................ทูน่านี่นะ ”

    “...ทูน่าเหรอ ??”

    “ก็ชั้นนึกไม่ออกว่าลืมอะไรไป  ..ชั้นต้องซื้อทูน่าน่ะ .......แซนวิชไง”

    คุณเข้าใจคำว่า เงอะๆงะๆ ทำอะไรไม่ถูกมั้ย ตอนนี้ผมเป็นอย่างนั้นแหละ เค้าคงจะแอบหัวเราะผมอยู่ในใจก็ได้มั้ง... ผมก็ได้แต่รีบๆเดินไป หยิบๆทูน่ามาซะ แล้วก็รีบๆไปจ่ายเงิน จะได้ไปๆ ผมเกลียดความรู้สึกอึดอัด ไม่มีอะไรจะพูด ทำอะไรไม่ถูกที่สุดเลยนะ ...ไอ้บ้านี่ก็ทำไมต้องตามมาจ่ายเงินต่อท้ายผมด้วย ไม่เข้าใจ พวกคนไม่มีเซ้น หึ!!

                    คนๆนั้นยังคงเดินตามผมมาจนถึงรถที่ผมจอดไว้ เชอะ ตามมาเหรอ ต้องการอะไรจากชั้นกันห๊ะ

     

                    ต๊อด.. ต๊อด

                    เสียงรีโมทรถยนต์ เหอะ จริงๆเลยนะ ชอบคิดไปเองอยู่เรื่อย ช่างมโนเก่งอะไรเช่นนี้ ใครตามแกมางั้นเหรอ เค้ามาขึ้นรถหรอก ถุย!!......ได้ยินแบบนั้นแล้ว ผมก็เลยหันมาที่จักรยานของผมอย่างไม่ใส่ใจเท่าไหร่นัก มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนกับการเจอคนที่รู้จัก และไม่รู้จักไปพร้อมๆกันเลยนะ   หรือนั่นเป็นเพราะผมไม่ชวนเค้าคุยกันแน่ล่ะ

                    “...นายไม่คิดจะถามสารทุกข์สุขดิบชั้นเลยรึไง” เค้าเปิดประตูรถฝั่งคนขับออกมา แล้วก็ตะโกนมาทางผม ผมก็รู้สึกผิดเล็กๆนะ ทั้งๆที่เค้าเป็นคนพูดกับผมก่อน แต่ผมก็มัวแต่อึกอัก ไม่พูดอะไรแล้วก็เดินออกมาอย่างนั้น นี่ผมผิดเหรอเนี่ย

                    “....”

                    “ไม่พูด!... ชั้นไปแล้วนะ”

                    “เดี๋ยวดิ่ ..”   “ นายไปช้อปปิ้งกับชั้นมั้ย??”

                    “ก็แค่เนี้ยยยยยยยยยยยยย”

                    รอยยิ้มแบบนั้น  หึ  ในรอบครึ่งทศวรรษเลยนะ  สุดท้ายเค้าก็จัดแจงล็อครถตัวเอง แล้วก็เดินตรงมาที่ผม ทำหน้าพยักเพยิด มาทางผมเหมือนต้องการจะสื่ออะไรซักอย่าง

                    “ลงมาดิ่ ..ชั้นปั่นให้”

                    “อ้าว แล้วนายจะให้ชั้นนั่งตรงไหนเล่า”

                    “ซ้อนท้ายสิ่”

                    “ตะกร้าชั้นล่ะ...”

    “เอาไปไว้ในรถโน่น” พูดแล้วก็โยนกุญแจรถมาให้ผม

                    เฮ้อ หงุดหงิดจริงๆ แค่เอารถยนต์นายไปก็หมดเรื่องน่า ทำไมต้องทำให้มันยุ่งยากด้วย

                    “ทำหน้าย่นอยู่ได้ ...นี่นายกำลังด่าชั้นว่าทำไมไม่เอารถยนต์ไปล่ะสิ่”

                    “เออ”

                    “รถยนต์ไม่โรแมนติกเท่าจักรยานหรอกน่า...” แล้วก็ยิ้มแบบนั้นอีกแล้วนะ ถ้าเทียบกับเมื่อก่อน ยิ้มเก่งขึ้นเยอะเลยมั้ง  หลังจากนั้น ผมก็ไปซื้อผัก ซื้อเนื้อ ซื้ออะไรอีกหลายอย่างที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต กับผู้ชายคนนั้น เค้าจะคอยพูดจากวนประสาท เป็นระยะๆ แล้วก็จะหันมายิ้มแบบนั้นให้ผม  ดูเหมือนเราสองคนจะค่อยๆเข้าหากันแบบอึดอัดน้อยลง ผมไม่รู้ว่าวันนี้คือวันอะไร แล้วทำไมผมต้องมาเจอกับผู้ชายคนนี้ในวันหยุดอันแสนธรรมดาๆของผม

    ซื้อของเสร็จผมก็ซ้อนจักรยานตัวเองมาที่หน้าร้านสะดวกซื้อ เค้าฉวยของทั้งหมดที่ผมถืออยู่ไปถือไว้ แล้วก็บอกให้ผมเปิดรถด้วยกุญแจที่เค้าให้มาตั้งแต่ตอนนั้น เค้ายัดของเข้าไปในรถ แล้วก็บอกว่าให้ผมขับรถเค้าไปที่บ้าน ส่วนเค้าจะปั่นจักรยานไป 

                    นายบ้ารึเปล่าน่ะ วันนี้นายมาทำอะไรกันแน่ ห๊ะ!!!
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×