ตอนที่ 5 : Can't breathe (omegaverse) 100%
*ภาพประกอบไม่เกี่ยสกับเนื้อเรื่องนะคะ แค่แปะสรรเสริญกล้ามของจงอิน ㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠ
“…ทำไมพวกคุณไม่ตรวจเอกสารดี ๆ ออกเอกสารผิดแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน”
ปึก!
เสียงตบโต๊ะประกอบกับแววตาดุดันภายใต้กรอบแว่นของผู้เป็นเจ้านายทำให้พนักงานทั้งชายหญิงต่างก้มหน้าหลบสายตากันทั้งแถว เสียงถอนหายใจแรงๆ ยิ่งทำให้คนทั้งแผนกกดดัน ดวงตาคู่คมใต้กรอบแว่นมองไปยังพนักงานที่ยืนเรียงรายอย่างอารมณ์เสีย บรรยากาศรอบกายคงไม่น่าตึงเครียดเท่าไหร่หากผู้เป็นนายไม่ใช่อัลฟ่าเพียงหนึ่งเดียวและมีอำนาจสูงที่สุดในที่นี้ แม้ว่าทุกคนในบริษัทจะหวาดกลัวเจ้านายอย่างคิมจงอินมากเพียงใดแต่สิ่งเหล่านั้นไม่ได้มีผลกับโดคยองซูแม้แต่น้อย คนตัวเล็กทำเพียงแค่ปรายตามองกิริยาชวนหงุดหงิดของเจ้านายเล็กน้อยก่อนจะกลับมาสนใจหน้าจอคอมพิวเตอร์ของตนอย่างเดิม
“นี่ คยองซู คุณจงอินเขามองใหญ่แล้ว เราควรลุกไปตรงนั้นนะ” บยอนแบคฮยอนเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวในสำนักงานหันมาสะกิดไหล่เบา ๆ
“ช่างสิ นั่นไม่ใช่เรื่องของฉันนี่ ทำไมต้องไปฟังตรงนั้นด้วย”
“คยองซู!”
“อย่าขี้กลัวไปหน่อยเลยน่า คิดว่าฉันกลัวนายคนนั้นนักหรือไง” ท่าทีขึงขังของเพื่อนสนิททำเอาแบคฮยอนต้องรีบหลบกลับไปทำงานที่โต๊ะอย่างเดิมใบหน้าบูดบึ้งเพราะกลัวว่าเพื่อนสนิทของตนจะมีปัญหาเข้า เพราะปรกติก็ไม่ถูกกับผู้เป็นนายอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
“นายนี่นะ อย่างน้อยก็ควรจะกลัวเจ้านายไม่ใช่หรือไง” เพราะรักเพื่อนเขาเลยอยากจะเตือนคยองซูเอาไว้ เจ้านายที่เป็นอัลฟ่ามองมาด้วยสายตาดุดันแบบนั้นมันน่ากลัวน้อยเสียที่ไหน และยิ่งพวกเขาเป็นโอเมก้าไม่ว่าจะเป็นตอนไหนก็ควรจะกลัวพวกอัลฟ่าไว้ก่อน
“แก้เอกสารมาส่งผมภายในวันนี้” สิ้นเสียงนั้นเหล่าพนักงานก็ต่างมองหน้ากันคล้ายกำลังเกี่ยงภาระ เอกสารปึกใหญ่ขนาดนั้นต่อให้นั่งพิมพ์ตั้งแต่ตอนนี้จนถึงเช้าก็คงยังไม่เสร็จ อัลฟ่าหนุ่มใช้ลิ้นดุนกระพุ่งแก้มอย่างหัวเสีย นอกจากจะหัวเสียกับเรื่องเอกสารที่ผิดพลาด เขายังต้องมารู้สึกหงุดหงิดกับโอเมก้าในแผนกบัญชีที่เอาแต่เมินหน้าหนีไม่รู้ร้อนหนาว ทั้งที่เขาที่มีศักดิ์เป็นเจ้านายกำลังยืนพูดเรื่องงานอยู่ปาว ๆ แต่อีกฝายกลับยังนิ่ง
“…นี่จะไม่มีใครรับงานนี้ไปแก้เลยใช่มั้ย คุณโบรา งานนี้เป็นงานที่แผนกคุณรับผิดชอบร่วมกัน ต้องให้ผมเลือกเองไหมว่าใครต้องรับไป”
หัวหน้าแผนกวัยสี่สิบปีก้มหน้ารับผิด ก่อนจะมองลูกน้องในแผนกด้วยสายตาดุ ๆ เพราะไม่มีใครกล้าออกมารับหน้า
“…โด คยองซู” สุระเสียงเอ่ยชื่อหนึ่งออกมาเสียงพูดคุยกระซิบกระซาบเพราะความตกใจที่ผู้เป็นเจ้านายเอ่ยชื่อนั้นออกมาสร้างความตกใจ ปนประหลาดใจ รวมไปถึงเจ้าของชื่อที่เมื่อได้ยินชื่อของตน คยองซูจำต้องเงยหน้าขึ้นมาจากงานที่กองอยู่เต็มโต๊ะ ดวงตากลมโตฉาบไปด้วยสงสัยปนไม่พอใจ
“ให้โดคยองซูเป็นคนจัดการซะ คุณพ่อบอกว่าคุณโดทำงานเก่ง” อัลฟ่าหนุ่มเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะวางเอกสารลงบนโต๊ะเสียงดัง เรียกสายตาไม่พอใจของโอเมก้าคนเก่ง ดวงตากลมโตฉายแววไม่พอใจอย่างไม่ปิดบัง แม้ว่ากลิ่นป่าสนของอีกคนจะเป็นสิ่งที่กำลังบอกให้รู้ว่าคนตรงหน้าไม่ใช่คนที่คยองซูจะสามารถต่อกรได้
“นี่ไม่ใช่งานผม ทำไม-”
“บริษัทผม ใช่ว่าจะรับโอเมก้าเข้ามาทำงานง่าย ๆ นี่ก็ทำงานกันมาสักพักผมก็ยังไม่เห็นว่าคุณสองคนจะมีอะไรดีอย่างที่คุณพ่อผมมาโฆษณาไว้สักนิด” คนตัวโตตั้งใจพูดยั่วโมโห และคำพูดเหล่านั้นได้ผล โดคยองซูกำมือแน่นสะกดกลั้นความกรุ่นโกรธเอาไว้ โดคองซูจะไม่ได้เดือดร้อนเลยสักนิดหากอัลฟ่าที่พ่วงด้วยตำแหน่งเจ้านายไม่กล่าววาจาพาดพิงไปถึงเพื่อนของเขาที่ไม่ได้มีความผิดอะไรสักนิด ด้วยรู้ดีว่าบยอนแบคฮยอนนั้นขี้กลัวแค่ไหนเขาไม่อยากให้เพื่อนที่ไม่ได้มีความผิด หรือบาดหมางใจอะไรกับผู้เป็นนายต้องคอยติดร่างแหไปด้วย โดคยองซูจำใจรับงานเอาไว้เองโดยไม่ได้เปล่งวาจาใด ๆ ตอบโต้
คิมจงอินยกยิ้มอย่างเหนือกว่า ในที่สุดเขาก็ได้เห็นใบหน้าของโอเมก้าคนเก่งชัด ๆ เวลาเกือบสองปีที่เขาเข้ามาบริหารงานแทนผู้เป็นบิดา พอจะรู้อยู่บ้างว่าในบริษัทที่แข่งขันสูงอย่างที่นี่กว่าจะเข้ามาทำงานได้ก็ต้องเป็นคนที่มีดีไม่น้อย เขารู้มาว่านอกจากพวกเบต้าหัวดีที่เข้ามาทำงานที่นี่ มีโอเมก้าอีกสองคนที่เรียกได้ว่าเป็นระดับหัวกะทิของมหาวิทยาลัยที่ได้เข้ามาฝึกงานและสุดท้ายก็สอบผ่านเข้ามาทำงานในบริษัทของเขา
บยอน แบคฮยอนและโด คยองซู
คิมจงอินเคยทวงถามจากบิดาหาเหตุผลที่รับพวกโอเมก้าเข้ามาทำงานในบริษัท แต่สิ่งที่ได้รับคือการที่บิดาส่งเขามารับตำแหน่งแทน ก่อนจะบอกให้เขามาหาคำตอบเอง
เพียงแค่ไม่กี่เดือนที่เข้ามาทำงาน เขาก็พอจะมองออกว่าทำไมบิดา และผู้บริหารในเครือถึงดูจะถูกอกถูกใจโอเมก้าทั้งสองคนนี้นัก ความเฉลียวฉลาดที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าพวกเบต้า หรืออัลฟ่า ดีไม่ดีทั้งสองคนนั้นคงจะฉลาด และทำงานเก่งกว่าพวกอัลฟ่าบางคนด้วยซ้ำ
บยอน แบคฮยอน มีดีที่ทั้งฉลาด ทำงานเก่ง และช่างพูด
แต่กับโดคยองซูอีกคนที่มีเพศรองเป็นพวกอ่อนแอคนนั้นกลับไม่ได้มีดีแค่มันสมอง ริมฝีปากอิ่มที่กว่าจะเอื้อนเอ่ยอะไรออกมาในแต่ละวันแทบจะนับคำได้ และแต่ละครั้งที่เจ้าตัวจะเอ่ยอะไรออกมาก็หนีไม่พ้นคำพูดเจ็บแสบที่ยั่วให้เขาอยากจะบีบอีกคนให้ช้ำคามือ เพื่อสั่งสอนให้รู้ว่าโอเมก้าไม่มีสิทธิ์ที่จะมาอวดดีกับอัลฟ่าอย่างเขาที่มีตำแหน่งเป็นถึงเจ้านาย
คยองซูมองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินห่างออกไปด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจก่อนจะตะวัดสายตามองเพื่อนร่วมแผนกที่เอาแต่หลบสายตา ทั้งที่ควาเป็นจริงงานส่วนนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องรับผิดชอบด้วยซ้ำแต่เพราะความขลาดเขลาของคนพวกนั้นที่เอาแต่หลบ ไม่ยอมเผชิญหน้ากับพวกอัลฟ่าที่ชอบกดขี่ สุดท้ายก็กลายเป็นคยองซูเสียเองที่ต้องมารองรับปัญหาที่เกิดจากความขลาดเขลาของคนพวกนั้น เขาเกลียดเหลือเกินที่จะต้องทนให้คนพวกนั้นกดขี่จึงพยายามทำทุกวิถีทางที่จะได้เข้ามาอยู่ในบริษัทชั้นแนวหน้าเพื่อลบคำสบประมาทและดูถูก
ทุกอย่างมันเกือบจะออกมาดีมาก ๆ อยู่แล้ว ถ้าไม่มีคิมจงอินเดินเข้ามาในฐานะประธานคนใหม่
นึกสงสัยทุกครั้งที่ต้องเผชิญหน้ากับคน ๆ นั้น คิมจงอินช่างแตกต่างจากท่านประธานใหญ่ ทั้งที่เป็นพ่อลูกกันแท้ ๆ แต่แนวความคิดกลับต่างกัน ท่านประธานใหญ่ทั้งใจดี และคอยให้คำแนะนำเขาและแบคฮยอนมาตลอดโดยไม่ได้นึกรังเกียจ หรือดูถูกเพศรองที่ติดตัวมา ด้วยท่านเข้าใจว่าเพศรองเป็นสิ่งที่พวกเขาเลือกไม่ได้ และเลือกที่จะมองแค่ผลงานของพวกเขาแทน
“คยองซูแบ่งมาสิ เดี๋ยวจะช่วยเอง” คยองซูแบ่งเอกสารต้นฉบับบางส่วนให้แบคฮยอนตามที่อีกคนบอก จำใจเปิดหน้าเอกสารอย่างหัวเสีย ในใจมีคำด่าทอถึงอัลฟ่าคนนั้นเป็นล้านคำแต่ก็ไม่สามารถพูดออกมาได้ ใช้เวลาอยู่นานหลายชั่วโมงกว่าจะจัดการเอกสารที่ผิดพลาดหลายจุดให้ได้ครึ่งเล่ม ความจำเป็นที่ต้องคำนวณตัวเลขต่าง ๆ ใหม่ทำให้งานยิ่งล่าช้า โดคยองซูเงยหน้ามองนาฬิกาบนฝาผนังก่อนจะพบว่าตอนนี้เวลาล่วงเลยมาจนเกือบจะสามทุ่มทว่างานที่ได้รับมอบหมายก็เพิ่งจะผ่านไปเพียงครึ่ง โดคยองซูเอี่ยวตัวมองเพื่อนสนิทที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำงานก่อนจะนึกได้ว่าตอนนี้แบคฮยอนมีคนที่กำลังรออยู่ที่บ้านต่างจากเขาที่ไม่ได้มีใครรออยู่คงไม่เป็นไรถ้าจทำงานจนดึกดื่น
“แบคฮยอน จะสามทุ่มแล้ว กลับบ้านเถอะป่านนี้แม่รอแย่แล้ว”
“แล้วงานพวกนี้ล่ะ”
“เสร็จเกินครึ่งแล้ว นิดเดียวก็เสร็จเดี๋ยวจัดการเอง”
“แล้ว….อยู่คนเดียวได้เหรอ” แบคฮยอนถามเสียงแผ่วเบาเพราะกลัวว่าจะมีใครมาได้ยินเข้าแม้ว่าในห้องนี้จะมีเพียงพวกเขาแค่สองคน แต่ก็ยังไม่น่าวางใจ แม้จะไม่เอ่ยออกมาเป็นคำพูดแต่เพราะเป็นโอเมก้าด้วยกันจึงสื่อสารกันรู้เรื่องว่าสิ่งที่แบคฮยอนเป็นกังวลนั้นคืออะไร
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ฉันมียา” คยองซูทำท่าตบที่ลิ้นชักเป็นการย้ำเตือนกับเพื่อนขี้กังวลให้หายห่วง เขามียาระงับฮีทติดตัวไว้ตลอด แถมคยองซูยังเป็นคนมีวินัย ทานยาตรงเวลาเขาไม่เคยมีปัญหาเรื่องการเกิดฮีท
“ถ้ามีอะไรฉุกเฉิน ใต้โต๊ะฉันมีที่ช็อตไฟฟ้านะ”
คยองซูสายหัวให้กับความขี้กังวลของบยอนแบคฮยอน คยองซูตัดสินใจเอ่ยบอกลาก่อนจะโบกมือปัดเป็นเชิงเพื่อนสนิทให้กลับบ้านก่อนที่เวลาจะล่วงเลยไปดึกดื่นมากกว่านี้
แบคฮยอนเดินห่างออกมาจากห้องทำงานทั้งเดินหันหลังกลับไปมองห้องทำงานด้วยความเป็นห่วงเพื่อนสนิทที่ต้องอยู่ทำงานคนเดียวจนไม่ทันได้ระวังที่จะมองทางเดินและไปชนเข้ากับร่างหนาของใครอีกคนที่เพิ่งจะเดินออกมาจากลิฟต์
“อ้าว คุณบยอน ทำไมเพิ่งกลับเอาป่านนี้”
“ค…คุณจงอิน ข..ขอโทษครับ คือผมช่วยคยองซูทำงาน-”
“คุณโดยังไม่กลับเหรอ?” แบคฮยอนเพิ่งรู้ว่าเขาทำพลาดครั้งใหญ่ที่บอกใบ้ให้ผู้เป็นนายได้รู้ว่าโดคยองซูยังคงอยู่ทำงานต่อ แม้จะไม่ได้เป็นคนชอบยุ่งเรื่องคนอื่นแต่กับเรื่องของคุณจงอินและคยองซูเขาก็พอจะรู้อยู่บ้างว่าคนทั้งคู่ไม่ได้ถูกชะตากันเท่าไหร่นัก สังเกตได้จากทุกครั้งที่เจอ คยองซูมักจะมีท่าทางไม่สบอารมณ์เสมอทำให้ผู้เป็นเจ้านายพลอยไม่พอใจไปด้วย
“ค…คือ”
คิมจงอินไม่รอฟังคำตอบ เขาเดินผ่านแบคฮยอนและตรงไปที่ประตูแผนกบัญชีในทันที แบคฮยอนมองตามท่าทางของผู้เป็นนายอย่างหวาด ๆ หมายจะเดินตามไปแต่เสียงโทรศัพท์และเบอร์ที่แสดงบนหน้าจอทำให้เขาจำเป็นต้องรีบกลับบ้านจึงได้แต่ภาวนาไม่ให้เกิดเรื่องน่าปวดหัวขึ้นกับสองคนนั้น
ช่วงขายาวพาร่างสูงโปร่งเดินตามทางเดินและมาถึงห้องทำงานของโอเมก้าตัวน้อยอย่างรวดเร็ว สัญชาตญาณของเขาไม่เคยผิดพลาด กลิ่นหอมฟุ้งที่ลอยอยู่ในอากาศตั้งแต่เขาขึ้นมาเหยียบชั้นสิบสองก็ทำให้จงอินพอจะเดาได้ว่าโอเมก้าคนเก่งของเขายังไม่ไปไหน ดวงตาคมลอบมองร่างเล็กที่กำลังง่วนอยู่กับงานผ่านช่องกระจก ความรู้สึกอึดอัด และเหงื่อที่เริ่มซึมออกมาเพียงเพราะกลิ่นหอม ๆ ติดจมูกเริ่มทำให้เขารู้สึกไม่สบายตัว คิมจงอินขยับคลายเนคไทด์
โดคยองซูขมวดคิ้วแน่นก่อนจะเงยหน้าขึ้นจากงานบนโต๊ะคนตัวเล็กหันมองรอบกายด้วยท่าทางหงุดหงิด แสดงออกอย่างเด่นชัดผ่านทางสีหน้าและท่าทาง ดูเหมือนว่าโอเมก้าตัวน้อยจะเริ่มรู้สึกถึงการมาของเขาเสียแล้ว เขาชื่นชอบตอนที่ได้เห็นพวกโอเมก้าเริ่มร้อนรนเพราะกลิ่นป่าสนของเขาเพราะเป็นคนอดทนเก่งพอที่จทนตอกลิ่นของโอเมก้าได้ เขาอยากจะกลั้นแกล้งคนอวดดีให้รู้ตัวเสียบ้างว่าไม่เขาไม่ใช่คนที่จะมาทำอวดดีใส่ได้ ท่าทางที่ดูอึดอัดของอีกคนทำให้เขานึกขบขัน เก่งนักตอนที่อยู่ต่อหน้าคนที่บริษัทแต่สุดท้ายเมื่อยู่ตัวคนเดียวอย่างไรเสียโอเมก้าก็เป็นแค่โอเมก้าอยู่วันยังค่ำ
คิมจงอินตัดสินใจเปิดประตูบานเลื่อนช้า ๆ เขาเดินเข้าไปใกล้คนที่กำลังมีท่าทีลนลานอย่างใจเย็น โอเมก้าคนเก่งกำลังง่วนอยู่กับการหาของสำคัญในลิ้นชัก แม้จะรู้สึกได้ถึงกลิ่นที่เขาหวาดกลัวเริ่มเข้ามาใกล้แต่ก็ไม่มีเวลาจะไปเสียสมาธิกับสิ่งนั้น ยาเม็ดเล็กถูกเทออกจากกระปุกมีบางส่วนที่ร่วงลงพื้นเพราะมือที่สั่นเทา มือเล็กกำลังจะส่งเม็ดยาเข้าปากทว่ากลับถูกขัดขวางไว้ด้วยฝีมือของใครอีกคน ยาเม็ดเล็กกระจายเกลื่อนเต็มพื้นเพราะข้อมือที่ถูกกระชากและบีบจนเริ่มมีรอยแดง
“ทำบ้าอะไร! คุณจงอิน!” คนตัวเล็กตะคอกเสียงดังด้วยความโกรธ มือของเขาสั่นเทาเพราะสติที่เริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัวจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้
“มีเรื่องจะคุยด้วย”
“ปล่อย!”
คนตัวโตออกแรงกระชากร่างเล็กอีกครั้งจนคยองซูเซเข้ากระแทกกับอกแกร่ง มือเล็กพยายามผลักไสคนตรงหน้าให้ออกห่าง ๆ ทว่าแรงที่มีนั้นไม่เพียงพอที่จะต่อสู้กับอัลฟ่าตัวโต ๆ แบบนี้ได้ คิมจงอินไม่ได้มีท่าทีสะทกสะท้านแม้แต่น้อยซ้ำร้ายอีกฝ่ายยังฉวยโอกาสรวบร่างเล็กเข้ามาสู่อ้อมกอด
ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายเต้นระรัวเพราะกลิ่นป่าสนที่กำลังมีผลต่อความรู้สึกบางอย่าง เลือดในกายร้อนรุ่มแล่นพล่านไปทั่วทั้งกาย เหงื่อซึมออกบริเวณขมับใบหน้าน่ารักแดงก่ำเพราะอาการที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติบังคับให้เกิด ช่วงขาเผลอบดเบียดกันโดยไม่รู้ตัว ความรู้สึกอึดอัดในกายเทียบไม่ได้แม้แต่น้อยกับความอึดอัดในใจ โดคยองซูก้มหน้าหลบสายตาเจ้าของวงแขนที่กำลังกักขังเขาให้หลุดพ้นแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าคนตัวโตจะสะทกสะท้าน
“หยุดดิ้นได้แล้ว ทำไปก็เหนื่อยเปล่า เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
คำพูดของอัลฟ่าหนุ่มยิ่งทำให้โอเมก้าตัวน้อยแตกตื่น “ไม่ อึก ผมไม่มีอะไรจะคุย ปล่อยนะ”
ยิ่งพยายามผลักให้ห่างแต่เหมือนอีกคนกลับยิ่งแนบชิด เขาเกลียดตัวเองทุกครั้งที่ต้องอยู่ใกล้อัลฟ่าตรงหน้า ตลอดเวลาที่พบกันตั้งแต่ครั้งแรกจวบจนถึงตอนนี้เขาพยายามจะหลีกเลี่ยงคน ๆ นี้ทุกทางที่จะทำได้ เขาพาตัวเองออกห่างจากคิมจงอินทุกครั้งเพราะความรู้สึกบางอย่างบังคับให้เขาต้องทำแบบนั้น คยองซูไม่เคยมีปัญหา เขารู้จักอัลฟ่านิสัยดี ๆ ก็มากแต่ไม่มีใครทำให้เขารู้สึกเหมือนอย่างที่คิมจงอินทำให้มันเกิด ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอมีบงอย่างบอกกับคยองซูในส่วนลึกของความรู้สึก
คยองซูเป็นของคิมจงอิน
ความรู้สึกบางอย่างบอกออกมาแบบนั้น เขารู้สึกได้จากสิ่งที่เรียกว่าสัญชาตญาณ คล้ายกับร่างกายของคยองซูพร้อมจะยอมให้เขาไปเสียทุกอย่าง นั่นทำให้เขาพยายามทุกวิถีทางที่จะไปให้ห่างจากอัลฟ่าตรงหน้า
คยองซูไม่ต้องการตกเป็นเบี้ยล่างของใคร
“คุณก็รู้สึกอยางที่ผมรู้สึกไม่ใช่หรือไง ยังต้องหนีอะไรอีก คุณกำลังฮีท จะทำเก่งไปถึงไหน!” อัลฟ่าตัวโตตวาดเสียงดังเพราะความโกรธกลิ่นกายหอมเย้ายวนเฉพาะตัว เสียงครางอื้ออึงที่โอเมก้าตัวน้อยพยายามซุกซ่อนเอาไว้ในลำคอ ใบหน้าแดงก่ำของคนตรงหน้าทำให้ความอดทนที่เริ่มลดลงจนแทบไม่เหลือ
ตั้งแต่รู้ว่าเพศรองของตนเองคือโอเมก้าใคร ๆ ก็บอกว่าพวกเขามันก็แค่เครื่องผลิตลูก หรือเครื่องสนองความใคร่
ทั้งชีวิตที่ผ่านมาคยองซูพยายามไม่เป็นอย่างที่ใครต่อใครพูด เขาตั้งใจศึกษาเล่าเรียนเพื่อมีตำแหน่งการงานที่ดี โชคดีที่พ่อแม่ของเขามีฐานะปานกลางและคอยสนับสนุนสิ่งที่เขาอยากจะทำ จนกระทั่งเขามีวันนี้ คยองซูคือนักบัญชีที่เก่งที่สุดในคิมกรุ๊ป แต่เหมือนกับว่าตอนนี้คิมจงอินกำลังจะพังสิ่งที่เขาสร้างมาทั้งหมด คยองซูพยายามไม่เป็นจุดเด่นไม่ให้ดึงดูดความสนใจแต่สุดท้ายก็ดูเหมือนว่าสิ่งที่เขาทำไปทั้งหมดมันจะสูญเปล่า ตอนนี้คิมจงอินกำลังกอดรัดร่างของเขาแน่น ผิวกายร้อนที่เสียดสีกันผ่านเนื้อผ้าแทบจะทำให้ขาดสติ
“คุณก็รู้ ว่าคุณเป็นของผม”
“ผมไม่ได้อยากจะเป็นของคุณนี่!” น้ำตาไหลอาบแก้มเพราะความรู้สึกที่พรั่งพรูออกมา คิมจงอินมองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลายใจหนึ่งนึกสงสารแต่อีกใจก็ร้อนรนอยากจะครอบครองเพราะนอกจากตัวเขาที่ความอดทนเริ่มจะไม่เหลือ ตอนนี้โดคยองซูเองก็คงทรมานอยู่ไม่น้อย
โดคยองซูยังคงดิ้นรนความพยศไม่ได้ลดลงไปสักนิดทั้งที่ตอนนี้ร่างกายแทบจะทนไม่ไว้ มือเล็กขย้ำเสื้อเชิ้ตบริเวณอกของร่างสูงโปร่งตรงหน้าเพื่อระบายอารมณ์ที่กำลังอดกลั้น ร่างกายที่ยังคงเสียดสีเพราะระยะห่างที่แทบไม่เหลือทำให้ร่างของทั้งอัลฟ่าและโอเมก้าตัวน้อยร้อนรุ่ม จนในที่สุดเป็นคิมจงอินเองที่หมดความอดทนมือหนาเชยคางของคนที่พยายามหลบหลีกให้เงยหน้าขึ้นรับจูบเร้าร้อน จังหวะแรกนั้นเป็นเพียงการที่ริมฝีปากสัมผัสกันแต่จากนั้นไม่กี่เสี้ยววินาทีทุกอย่างก็กลายเป็นเร้าร้อน มือสีแทนขยับสัมผัสไปทั่วกายหอม เสียงประท้วงเพราะความไม่เต็มใจทำให้คิมจงอินดึงสติกลับมาอีกครั้ง เขาถอนริมฝีปากอย่างอ้อยอิ่งลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดแก้มเนียนที่บัดนี้กำลังขึ้นสีชมพูจาง ๆ
“เป็นของฉันเถอะนะ” คิมจงอินจ้องมองดวงตากลมในระยะใกล้ที่ห่างกันไม่กี่เซนติเมตร ลูกแก้วกลมสวยเอ่อคลอไปด้วยน้ำตาทำเอาหัวใจที่เคยแข็งแกร่งอ่อนยวบ
“ฮึก ไม่เอา ผมไม่เป็นของคุณนะ”
เจ้าของดวงตากลมว่าทั้งน้ำตาท่วม โดคยองซูกำลังครองสติได้ไม่ดีนักเพราะร่างกายที่เริ่มร้อนรุ่ม อัลฟ่าตัวโตไม่ได้ฟังคำทัดทานของโอเมก้าตัวน้อย เขาก้มลงช่วงชิงลมหายใจของคนตรงหน้าช้า ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ละเลียดกลืนกินเยลลี่นิ่มแพราะรู้ว่าอีกคนยังกลัวมากเขาจึงพยายามจะปลอบประโลมให้ได้มากที่สุดแม้ว่าส่วนลึกของหัวใจนั้นบอกให้เขารังแกอีกคนให้ช้ำคามือก็ตาม
cut : bio @dodiidyo
“อย่ากัดนะ!” โดคยองซูเบี่ยงตัวหลบได้ทันก่อนที่ฟันคมจะฟังคมเขี้ยว ร่างเล็กหอบหายใจด้วยความตกใจ ปนหวาดกลัว คิมจงอินโน้มกายมองคนตรงหน้าด้วยสายตาที่ไม่สบอารมณ์นักก่อนจะถามด้วยความสงสัยที่พรั่งพรูออกมามากมาย
“ทำไม คุณเป็นของผมแล้ว ทำไมถึง-”
“ผมยังไม่พร้อม” โอเมก้าตัวน้อยพูดเสียงสั่นทั้งหลบสายตา ก่อนจะพยายามขยับกายออกห่างเพื่อให้ร่างกายที่กำลังเชื่อมกันให้หลุดพ้นทว่าเพียงแค่ขยับได้ไม่มากทั้งคู่ก็สะดุ้งเพราะความเจ็บปวดที่ท่อนล่างเพราะความเจ็บปวด ดวงตากลมเบิกกว้างด้วยความตกใจ เขาพอจะรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
คิมจงอินรั้งร่างเล็กเข้าสู่อ้อมกอดเพื่อให้ร่างกายใกล้กันมากขึ้น จากที่กำลังกรุ่นโกรธความรู้สึกเหล่านั้นมลายหายไปเพราะรู้ว่าตอนนี้เขากำลังมีอาการKnot[2] เป็นสัญญาณที่ดีบอกว่าต่อให้พ้นคืนวันนี้ไปโดคยองซูจะยังเป็นของเขาแม้จะยังไม่ผูกมัด ร่างกายของคนในอ้อมกอดกระตุกเป็นระยะ เช่นเดียวกับเขาที่ยังคงปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นออกมาเป็นระยะ
“ฮึก ฮือ” คิมจงอินก้มจุมพิตบริเวณขมับเป็นการปลอบประโลมอีกคนเบา ๆ เขาเข้าใจได้ว่าอีกคนคงกำลังตกใจเอามาก ๆ เขาเป็นครั้งแรกเป็นคนแรกของโดคยองซูแถมยังเกิดknot เสียงสะอื้นเบา ๆ ทำให้หัวใจของเขาอ่อนยวบกระชับโอบกอดอีกคนเบา ๆ
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ผมรับผิดชอบคุณได้”
“ห้ามกัดนะ คุณห..ห้ามกัดนะ” เสียงอู้อี้ชิดกับแผ่นอกทำให้จงอินใจเย็นลงมาก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ากายหอม ๆ ของอีกคนกำลังเรียกร้องให้เขารังแกอีกครั้งแต่คงจะไม่ใช่ตอนนี้ เขาคงต้องรอไปอีกสักพักเพื่อให้ร่างกายกลับมาเป็นปกติ อัลฟ่าหนุ่มยังคงกระซิบคำปลอบประโลมอย่เป็นระยจนกระทั่งเวลาผ่านไปหลายสิบนาทีเขาก็จัดการสวมเสื้อผ้าให้ร่างเล็กที่แทบจะสลบไปในอ้อมกอดของเขา จงอินอุ้มร่างน้อยเอาไว้ในวงแขน ตัดสินใจเอาไว้ว่าคืนนี้จะพาโอเมก้าตัวน้อยไปพักที่คอนโดของเขา และช่วงสายของพรุ่งนี้จงอินจะนำข่าวดีไปบอกกับบิดาว่าเขาได้พนักงานคนโปรดของคุณพ่อมาเป็นคู่ และอีกฝ่ายคงได้มีลูกให้เขาในอีกไม่ช้า
คิมจงอินลืมตาตื่นในเช้าวันถัดมา เมื่อคืนเขาทำทุกอย่างไปคล้ายกับคนขาดสติมัวเมา คงต้องโทษโอเมก้าที่มีอาการฮีทรุนแรง กลิ่นกายหอมอ่อน ๆ ของอีกคนยังติดอยู่ที่ปลายจมูก คิมจงอินหลับตาลงอีกครั้งจินตนาการถึงร่างนุ่มนิ่มลื่นมือที่ได้กกกอดทั้งคืน ริมฝีปากได้รูปคลี่ยิ้มบาง ๆ อย่างพอใจ เขาไม่ได้นึกเสียใจแม้แต่น้อยกับสิ่งที่ทำไป เพราะเขามั่นใจเหลือเกินว่าโดคยองซูคือคู่แห่งโชคชะตา จะมีสิ่งเดียวที่นึกเสียดายก็คือการสร้างพันธะหากไม่ใจอ่อนยอมไม่กัดตามคำขอของร่างเล็กป่านนี้เขาคงได้ฝังคมเขี้ยวลงไปบนลำคอขาวของโอเมก้าตัวน้อยแสดงความเป็นเจ้าของอย่างสมบูรณ์
เจ้าของร่างกายกำยำขยับกายลุกขึ้นก่อนจะกวาดสายตาหาร่างของใครอีกคนทว่าบนเตียงกลับว่างเปล่า และถ้าให้เดาโอเมก้าตัวน้อยคงหนีเขาไปเสียแล้ว
คิมจงอินยกยิ้มอย่างไม่สะทกสะท้าน ภาพจำเรื่องราวเมื่อคืนที่เกิดขึ้นทำให้เขามีความสุขจนจุกอก เขาปลดปล่อยไปมากมายในร่างกายกายของโดคยองซู เขาค่อนข้างมั่นใจว่าเพียงแค่หนึ่งคืนที่ผ่านมาอาจจะทำให้โดคยองซูตั้งท้องได้เพราะการknotเมื่อคืนกินเวลาไปหลายสิบนาที ไม่นับรวมที่เขารังแกคนตัวเล็กต่อที่ห้องในช่วงเกือบสว่างหลายต่อหลายครั้งที่เขารังแกโอเมก้าตัวน้อยจนเกือบเช้า ถึงจะรู้ว่าโดคยองซูทั้งใจแข็งและอวดดีเป็นที่หนึ่งแต่เขาไม่คิดว่าเจ้าตัวจะหนีไปไกล อย่างมากก็คงไม่มาทำงานที่บริษัทสักสองสามวัน และหากโอเมก้าตัวน้อยของเขากลับมาเมื่อไหร่เขาจะจัดการกัดแสดงความเป็นเจ้าของในทันที
ร่างท่อนบนเปลือยเปล่าอวดรูปร่างสมบูรณ์ราวพระเจ้าสรรสร้างบนหน้ากระจกที่ขึ้นไอน้ำเกาะเพราะอากาศอุ่น ๆ ในห้องอาบน้ำ คิมจงอินใช้มือปาดกระจกที่ขึ้นฝ้าจนเห็นเงาสะท้อนของตัวเอง ใบหน้าคร้ามคมยกยิ้มด้วยความสุข เช้านี้คงเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เขาได้ยิ้มเพราะความสุข
อย่างที่บอกกับโดคยองซูไป เขารู้มาตั้งแต่แรกว่าโดคยองซูคือคู่ของเขา แต่เพราะนิสัยอวดดีของอีกคนทำให้เขาอยากจะกลั้นแกล้งจนให้อีกคนเสียน้ำตาและยอมโอนอ่อนให้เขา แต่เมื่อเวลาล่วงเลยมานานจนเกือบสองปีไม่มีทีท่าว่าโอเมก้าตัวน้อยจะยอมลดความพยศลง ซ้ำร้ายที่โดคยองซูเหมือนจะรู้ตัวจากเดิมที่ดูไม่ชอบหน้ากันมากอยู่แล้วอีกฝ่ายกลับยิ่งหนีห่างไป ทั้งหลบหน้าไม่ยอมเข้าใกล้แม้กระทั่งในห้องประชุมโดคยองซูคนนั้นยังลงไปนั่งแถวที่สองเสมอเพื่อให้ห่างกับเขา สุดท้ายเป็นเขาเองที่ทนไม่ไหวจนอยากจะมาคุยให้รู้เรื่องแต่คงเป็นโชคดีของจงอินที่มาได้ถูกจังหวะ
โอเมก้าของเขากำลังฮีท
ไม่ใช่ว่าไม่เห็นยาระงับฮีทในมือของอีกคน แต่เพราะอารมณ์หงุดหงิดปนความต้องการลึก ๆ ทำให้เขาไม่อยากจะปล่อยโอเมก้าอวดดีไปไหนอีก เขาต้องการครอบครองอีกฝ่ายให้เร็วที่สุด แม้จะยังไม่ผูกพันธะแต่อย่างน้อยการที่เขาได้กกกอดอีกฝ่านจนสมใจทั้งคืน กลิ่นอัลฟ่าของเขาคงติดตัวโดคยองซูไปอีกนานแน่นอนว่าในช่วงระยะนี้จะไม่มีไอ้หน้าไหนที่จะเข้าใกล้คยองซูได้เพราะกลิ่นของอัลฟ่าที่แสดงความเป็นเจ้าของ
ช่วงขายาวก้าวเดินเข้ามาในตัวบริษัททั้งใบหน้ายิ้มแย้มไม่ว่าจะฝนตกรถติดอย่างไรไม่มีอะไรสามารถทำให้ประธานแห่งคิมกรุ๊ปอารมณ์เสียได้ สายตาหลายสิบคู่ของพนักงานที่ไม่ว่าใครเดินผ่านคุณคิมก็เป็นอันต้องเหลียวหลังมองเพราะกลิ่นหอม ๆ ที่ติดตัวท่านประธานมาไม่ต้องเดาก็พอจะรู้ว่านั่นคือกลิ่นเฉพาะของพวกโอเมก้า
“คุณจงอินคะ มีเอกสารรอเซ็นค่ะ” คิมจงอินเลิกคิ้วด้วความสงสัยจำได้ว่าเมื่อวานจัดการเคลียร์งานไปจนหมด และดูจากตารางเมื่อวานก็ไม่ได้มีเอกสารอื่น ที่แจ้งว่าจะเข้ามาในเช้าวันนี้ คิมจงอินทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวโตสายตากวาดมองบนโต๊ะก่อนจะชะงักอยู่ที่ซองสีขาว มือสีแทนกำแน่นจนเป็นรอยเพราะอารมณ์กรุ่นโกรธที่พุ่งสูงขึ้นมาฉับพลัน
จดหมายลาออกวางรอเซ็นอนุมัติด่วนบนโต๊ะของเขามชื่อบนนั้นระบุว่ามันเป็นของโดคยองซู
คิมจงอินใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้มอย่างหัวเสีย อยากจะโวยวายเสียให้รู้แล้วรู้รอดแต่ก็ต้องข่มอารมณ์ไว้ กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของคนที่หนีไปยังคงติดอยู่ในห้วงความคิดยิ่งทำให้เขาโกรธจนแทบบ้า จงอินคิดว่าคยองซูเป็นคนฉลาดแต่คราวนี้โดคยองซูคงคิดพลาดไป คนอย่างเขาหากได้ครอบครองสิ่งใดจะไม่มีทางมอบให้กับคนอื่น และหากโดคยองซูลองดีอยากจะหนีไปเขาก็จะตามหาจนถึงที่สุดแม้จะต้องพลิกแผ่นดินคิมจงอินก็หาโดคยองซูให้เจอ
แล้วเราจะได้เห็นดีกันโดคยองซู….
End.
กี๊ดดดด แต่งเรื่องนี้มาเพื่อสรรเสริญกล้ามของจงอิน หวังว่าทุกคนจาชอบนะค้าบบบบบ
ขอบคุณค่ะ
Rat (รัท) คือ อาการติดสัดของ Alpha มักจะเกิดขึ้นเมื่อได้กลิ่นฟีโรโมนของโอเมก้าในช่วงฮีท แต่ก็มีอัลฟ่าบางรายที่แค่เพียงได้กลิ่นฟีโรโมนตามปกติของโอเมก้าก็เกิดอาการรัทได้ เมื่ออัลฟ่าเกิดอาการรัทจะขาดสติและเหตุผล และดุร้ายกว่าปกติ จะต้องการเพียงแค่ได้ผสมพันธุ์กับโอเมก้าเท่านั้น
Knottion คือ เนื่องจากส่วนโคนขององคชาติของอัลฟ่าจะมีเนื้อเยื่อคล้ายฟองน้ำ เวลามีเพศสัมพันธ์ เลือดจะคั่งบริเวณนี้ ทำให้มันพองออก ซึ่งเรียกว่าอาการ Knotting อวัยวะเพศจะล็อคติดกับช่องคลอดหรือทางทวารหนักของผู้ร่วมเพศ ไม่สามารถดึงออกเองได้ ต้องรอประมาณ 30 นาทีถึงหนึ่งชั่วโมงให้อวัยวะอ่อนตัวลง ระหว่างที่ติดอยู่ด้านในจะมีการปล่อยน้ำอสุจิออกมาเป็นระยะ ๆ เพื่อให้มีโอกาสปฏิสนธิได้มากที่สุด
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แงงงงงง หนูหนีไปไหนลูกกกก คุณจงอินไปตามหาเลยนะคะ เอาลูกอิชั้นมาเป็นเมียให้ด้ายยยยยย
น้องหนีไปก็สมควรแล้ว
ดีโอของช้านๆๆๆ
ชอบมากกกก ฮืออออ
กรี๊ดดดด แซ่บเวอร์!!
เหมือนจะสงสารน้องแต่เราก้อยากให้น้องยิมยอมคุณเค้าเถอะค่ะ
โอ๊ย หายใจไม่ทัน...อัลฟาผู้ร้อนแรง....แซบลืมขนาดนี้ท้องชัวร์ 55
ฮือออ แซ่บมากค่า??”???”???”? น้องก็ไม่เคยจะยอมเค้าเลย สงสารอะตอนบรรยายน้องคือพยายามขัดขืนที่สุดแต่สุดท้ายก็แพ้ เห็นอัลฟ่าจงอินละก็นึกถึงลุคในเสตจconfessionจริงๆค่ะ ยิ้มร้ายๆงี้ ใครจะต้านไหว;-; สรรเสริญคิมไคไปด้วยกันค่ะ55555555