คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ก้าวที่สาม,,
Chapter 3
หลังจากที่ไปนั่งรอที่ร้านมาห้าวันเต็มๆ บวกกับได้เบอร์มือถือมาสองวันไม่ขาดไม่เกิน คนที่นอนเหยียดขาบนโซฟาก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ สุดท้ายเขาก็ยังไม่กล้าทำอะไรกับเบอร์นั่นอยู่ดี แต่จนแล้วจนรอด...
แกร๊ก แกร๊ก แกร๊ก ๆๆๆ
ข้อนิ้วแกร่งพิมพ์ข้อความบนมือถือก่อนจะ ติ๊ด กดส่งข้อความนั้นไปอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้ตัวเองเปลี่ยนใจลบมันได้ทัน จากนั้นก็ปล่อยมือถือลงกับพื้นข้างโซฟา ใบหน้าคมดูอ่อนล้า กับอีแค่ส่งไปว่า’คชาอยู่ไหน จากเต๋า’ แค่นี้มันก็ดูดพลังเขาไปมากเหลือเกิน
ครืดดดดดดดดดดด
มือหนาคว้าหมับที่มือถือทันทีเมื่อมันสั่น รีบเปลี่ยนท่าขึ้นมานั่งแล้วกดปุ่มเปิดข้อความในทันใด
‘เต๋าหรอ คชาอยู่ที่ห้อง’
‘เดี๋ยวไปหา’ พิมพ์ไปเท่านั้นแล้วกดส่งก่อนที่เจ้าตัวจะรีบใส่รองเท้าแล้ววิ่งไปกดลิฟต์
ใช้เวลาไม่นาน ร่างสูงก็มายืนอยู่หน้าห้องและกำลังรอให้เจ้าของห้องมาเปิดประตู แอบมองนาฬิกาที่มือถือระหว่างรอก็พบว่ามันสามทุ่มกว่าแล้ว
ดึกไปเปล่านะ...แต่คงไม่ทันแล้ว
ประตูถูกเปิดออกช้าๆก่อนจะพบกับร่างเล็กในชุดนอนลายสก็อตสีน้ำเงินเข้มยืนมองเขา แววตาดูสับสน คชาเอียงคอนิดนึงแล้วมองคนตัวสูงที่ยืนเหงื่อแตกพลั่กตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า คนถูกมองก็เลยลองก้มมองตัวเองตาม
เวร...เสื้อกล้าม กางเกงผ้าร่ม รองเท้าแตะหูคีบ ใส่มาได้ ชุดนอนเลยนะนี่
เต๋ายิ้มแห้ง ส่วนคชาก็อมยิ้มน้อยๆแล้วเบี่ยงตัวให้เต๋าเข้ามาในห้อง ทีแรกก็อึกอักอยู่จะเข้าดีไม่เข้าดี แต่สุดท้ายก็ยอมไปนั่งจุมปุ๊กอยู่บนโซฟากลางห้อง
“เอ่อ...เห็นว่ามีสอบหรอ สอบไปหรือยัง แล้วเป็นไง” นั่งอยู่ด้วยกันสักพัก แขกก็เริ่มซักคำถาม
‘สอบแล้ว ก็พอทำได้อยู่’ เต๋าอ่านจากกระดาษโน้ตที่ถูกส่งมา โดยคราวนี้ไม่ลืมที่จะอ่านในใจตามที่คชาเคยบอก
“จะสอบแล้วต้องไม่อยู่ที่ห้องด้วยหรอ” คชาเม้มปากแปลกใจในคำถามของเต๋าแต่ก็ก้มลงเขียนข้อความตอบกลับไป
‘คชาไปค้างบ้านเพื่อน ให้ช่วยติว เต๋ามาหาที่ห้องหรอ’
“ก็...อืม แต่มาแค่วันเดียวนะ วันอื่นไม่ได้มาหรอก” คำตอบของเต๋าทำเอาคชาอดหัวเราะไม่ได้ จะร้อนตัวทำไม ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย
‘งั้นคชาถามบ้างได้มั๊ย เอาเบอร์คชามาจากไหน’
“ไทด์มันให้มา” เต๋ามองคนที่พยักหน้าช้าๆ ปากเรียวอมยิ้มดูเจ้าเล่ห์ชอบกล
‘พี่ไทด์บอกว่าเต๋าติดใจ’ พออ่านแล้วรู้สึกตากระตุก หันขวับไปมองคนเขียนที่นั่งยิ้มจ้องเขาอยู่ พลันนึกไปถึงที่ไทด์แซวเขาที่ร้านเมื่อสองสามวันก่อน นี่อย่าบอกว่ามันเล่าให้คชาฟังเนี่ย
“ต่ะ...ติดใจอะไร ไปฟังไทด์มัน”
‘ก็ติดใจร้านน่ะสิ หรือเต๋าติดใจอย่างอื่น’ เต๋าอ่านข้อความในกระดาษแผ่นใหม่แล้วมองคชาที่ยังคงยิ้มเจ้าเล่ห์ นี่เป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ติดไอ้ไทด์มาแน่เลย
ร่างสูงมองคชาอยู่สักพักแล้วพลันนึกความคิดดีๆออก นี่จงใจแกล้งกันมันต้องแกล้งคืนสักหน่อย
“ที่จริง...ก็ติดใจอยู่นะ” พูดพลางเคลื่อนตัวไปใกล้เจ้าเสื้อลายสก็อตที่นั่งอยู่ไม่ไกล จนคนที่ยิ้มเจ้าเล่ห์อยู่เมื่อครู่ถึงกับผงะแล้วเบิกตากว้างอย่างตกใจ ทว่าก็ไม่ได้ขยับหนี
“ติดใจเหล้าสูตรใหม่ต่างหาก” เต๋าหัวเราะชอบใจเมื่อเห็นใบหน้าที่ดูโล่งใจของคชาเมื่อได้ยินคำตอบเขา ไงล่ะ อยากแกล้งกันดีนัก
‘ดูหนังมั๊ย คชาซื้อแผ่นมาใหม่’ เห็นคนตัวเล็กเขียนยุกยิกเปลี่ยนเรื่องก็แอบยิ้มแล้วถามว่าจะรบกวนรึเปล่า เมื่ออีกฝ่ายปฏิเสธก็ตอบตกลง
“รู้รึเปล่าว่าเมื่อกี้ตัวเองหน้าแดง” แอบแซวตอนที่คชาคลานกลับมาที่โซฟาหลังเอาแผ่นไปใส่เครื่องเล่น คนที่กำลังปีนโซฟากลับมานั่งถึงกับตาโตอีกรอบแล้วส่ายหน้าแรงๆ คว้าหมอนหรืออะไรก็ตามแถวนั้นขึ้นมากอดแก้เขิน
ใช่สิ ก็คชาเขินจริงๆนี่นา
บางที บรรยากาศแบบนี้มันน่าจะเป็นหนังประมาณรักโรแมนติกให้รู้สึกเคลิ้มๆ(?)บ้างอะไรบ้าง แต่เพราะเจ้าของแผ่นเป็นเด็กผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่ง หนังมันเลยออกมาแนวบู๊ระห่ำ ยิงกันมันส์กว่าที่เต๋าเคยเจอมาเสียอีก ทำให้คนดูต่างก็ตกอยู่ในอารมณ์ของหนัง หรือจะเป็นแค่คชาคนเดียวหรือเปล่าก็ไม่รู้
เต๋ารู้สึกว่ามันก็สนุกดีและก็คิดว่าสำหรับคชามันก็คงสนุกเช่นกันเพราะอีกฝ่ายเอาแต่จ้องจอทีวีจนไม่ได้สนใจเขาอีกเลยมาเกือบชั่วโมงกว่าแล้ว เต๋าหันกลับไปที่จออีกครั้ง ภาพสุดท้ายเขาเห็นเลขบนนาฬิกาเหนือจอทีวีบอกเวลาห้ามทุ่มสี่สิบนาที ก่อนที่เวลามันจะค่อยๆเลือนหายไป
‘ถ้าเมื่อไหร่ที่มนุษย์พลั้งพลาด มันจะกลับมา’
ประโยคสุดท้ายของหนังดังขึ้นก่อนจะปิดฉากลงแล้วขึ้นรายชื่อนักแสดงมาแทน
โวะ...สนุกจริง เดี๋ยวมันต้องมีภาคต่อแน่ๆ
คชาคิดอย่างตื่นเต้นกดปุ่มหยุดเล่นแล้วหันมาหาเต๋าแต่ก็พบว่าคนตัวสูงหัวทิ่มไปกับโซฟาเขาเรียบร้อยแล้ว เอานิ้วจิ้มต้นแขนแน่นๆนั่นสองสามทีก่อนจะตอบตัวเองว่าเต๋าหลับไปแล้ว หลับสนิทเสียด้วย คชาจึงจัดให้เต๋านอนเหยียดขาดีๆ กดปิดทีวีแล้ววิ่งไปหาผ้าห่มสำรองมาห่มให้
คนตัวเล็กปิดไฟ แล้วเดินกลับไปที่เตียงตัวเอง ก่อนจะหลับตาก็ชะโงกหัวดูร่างบนโซฟาอีกครั้งจึงได้นอนบ้าง
คชาให้เต๋ายืมโซฟาแค่คืนเดียวนะ ขอบอกๆ...ฝันดีด้วยนะเต๋า
“เฟรม พี่หมั่นไส้คนว่ะ” ไทด์พูดขึ้นทำลายความเงียบ เพราะยังไม่ถึงเวลาเปิดร้าน บรรยากาศในร้านเลยค่อนข้างเงียบผิดหูผิดตาเพราะมีแค่พนักงานสองสามคนที่กำลังช่วยกันจัดโต๊ะ เจ้าของร้าน นักดนตรีและลูกค้ากิตติมศักดิ์ที่ไทด์กำลังเอ่ยเป็นนัยๆถึง
“ใครวะพี่” เฟรมที่กำลังช่วยเช็ดแก้วกับคชาอยู่ถามกลับ ดวงตาใสซื่อทำให้ดูไม่ออกว่าเก็ทมุกที่เล่นไปหรือไม่เก็ทกันแน่
“คนแถวๆนี้น่ะแหล่ะ รู้มั๊ย ตอนแรกน่ะก็มานั่งในร้านทุกวี่ทุกวัน แต่พอได้เบอร์ไปนะ หายหัวไปเลย เนี่ยสงสัยเพิ่งหาหัวเจอเลยกลับมา”
ถ้าจะว่าก็ว่ากันตรงๆสิวะ มาทำเป็นอ้อมค้อม ยักคิ่วหลิ่วตาอยู่ได้
เต๋าคิดในใจ
“ใครวะพี่” แต่เสียงของเฟรมทำให้ไทด์ต้องเลิกแหย่เต๋าแล้วแอบกระซิบเบาๆ
“นี่ตกลงยังไม่เก็ทใช่มั๊ยเนี่ย”
“เก็ทไรวะ ตกลงมันใครวะที่พูดถึงเนี่ย คชารู้ป่ะ” คนถูกถามส่ายหัวน้อยๆแล้วก้มหน้าก้มตาเช็ดแก้วต่อ
ไม่ใช่ไม่รู้นะ ไม่บอกต่างหาก :P
“ก็ไอ้ขาวข้างหน้านี่ไง หอยเอ้ย” ไทด์อยากจะเอาหัวฟูๆมาโขกโต๊ะให้รู้แล้วรู้รอดไป สมองนี่ช้าอย่างกับอะไรดี ว่าไปแล้วก็แอบหันไปมองคนที่ตั้งใจแซวอีกที ชายหนุ่มผิวขาวเสมองไปทางอื่นอย่างไม่รู้ไม่ชี้
เนี่ย แล้วยังไง มาทำไมตั้งแต่ร้านยังไม่เปิด มาก็ไม่ทำอะไรเป็นประโยชน์เลย แต่ผมก็พอรู้จุดประสงค์มันนั่นแหล่ะ ....ก็ไอ้คนที่นั่งเช็ดแก้วอย่างข้างๆผมนี่ไงล่ะ เอ่อ ใครที่มีภาพไอ้เฟรมขึ้นในหัวกรุณาลบมันทิ้งด้วยนะครับ ไม่ใช่ไอ้นี่ครับไม่ใช่ =[]= เออ...คุณๆครับแล้วผมจะบอกอะไรให้อีกอย่าง คือตอนที่มันมา มันมาพร้อมนักเปียโนของผมด้วยนี่ไง ฮู้ยยยยยยย ....ไม่อยากจะเซดดดด
หลังจากที่เปิดร้านในช่วงเย็น ก็เริ่มมีลูกค้าทยอยเข้ามาและนักดนตรีก็เตรียมพร้อมขึ้นไปเช็คเสียงแล้ว
“ถ้ามึงจะมองตามเด็กมันทุกเวลาแบบนี้” เสียงคุ้นหูของเพื่อนดังผ่านเสียงหัวเราะเฮฮาของลูกค้าที่นั่งอยู่รายล้อม แต่ก็ทำให้เต๋าได้ยินชัดเจน เขาละสายตาจากคนบนเวทีแล้วค้อนมองเจ้าของเสียงนั่น
“ไม่แซวสักวันคงไม่ได้สินะ”
“ก็พูดไปงั้นแหล่ะ ใครจะคิดจริงจังก็เรื่องของเขา” ไทด์ยิ้มอย่างมีเลศนัย แต่เต๋าก็ยังทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ในคำพูดของเขา เฮอะ ใครก็ดูออกว่ามันติดใจนักเปียโนของผมเข้าแล้ว...หรือไม่ใช่ -^-
เวลาผ่านไปจนถึงเกือบสี่ทุ่ม วันนี้ก็เช่นเคยที่เฟรมและคชาต้องทำหน้าที่ตลอดทั้งคืนเมื่อวงดนตรีอีกวงไม่มา ระหว่างที่กำลังเริ่มเล่นเปลี่ยนแนวเพลงให้บรรยากาศดูครึกครื้น ก็มีคนสองคนที่พุ่งพรวดเข้ามาในร้านแล้ววิ่งตัดผ่านผู้คนไปจนทำให้วุ่นวายอยู่เล็กน้อยก่อนที่ความชุลมุนวุ่นวายครั้งใหญ่จะเข้ามา คือกลุ่มผู้ชายเกือบสิบคนที่พังประตูร้านเข้ามารุมทำร้ายผู้ชายสองคนก่อนหน้านี้
“ไอ้เชี่ย อะไรกันเนี่ย เย้ย” เต๋าหันไปมองไทด์ที่หลบแก้วซึ่งถูกเขวี้ยงมา ชายหนุ่มวิ่งหลบไปหลังเคาท์เตอร์ข้างๆไทด์และลูกค้าสองสามคน มือหนาคว้ามือถือตัวเองขึ้นมาต่อสายตรงแจ้งความไปยังที่ทำงานเก่าของเขาทันที หลังจากนั้นก็ผลุบหัวขึ้นไปดูสถานการณ์ ตอนนี้ที่กลางร้านมีกลุ่มคนที่ต่อสู้ตีกันจนข้าวของเสียหาย เสียงเอะอะโวยวายและข้าวของที่ถูกขว้างปาทำให้ลูกค้ากระจัดกระจายวิ่งหนีเอาตัวรอดออกจากร้าน ส่วนคนที่อยู่ด้านในก็พยายามหาทางวิ่งออกมาหรือไม่ก็หลบอยู่หลังโต๊ะหรืออะไรก็ตามที่หลบได้
ด้านในร้าน...คชา !!!
คนที่เพิ่งนึกได้รีบหันขวับไปทางเวทีด้านในร้าน ที่หลังเปียโน เฟรมและคชายืนหลบอยู่หลังเครื่องดนตรีขนาดใหญ่ โดยที่คชาเกาะแขนเฟรมไว้และเฟรมก็กอดกีต้าร์แนบกับตัว
“ไทด์มึงหมอบต่ำๆไว้นะ ระวังเศษแก้ว กูจะไปช่วยคชา” ว่าแล้วก็วิ่งเลาะขอบเคาท์เตอร์เพื่อให้ไปถึงหน้าเวที
“มึงอย่าลืมช่วยเฟรมนะเฮ้ย” ถึงสถานการณ์จะดูตึงเครียดแต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าเต๋ามันจะเอาแต่ช่วยคชาจนลืมช่วยไอ้เฟรมจริงๆ
ทางฝั่งของคชาที่ยืนหน้าตื่นตกใจกับเฟรมอยู่บนเวที ทั้งตกใจแต่ก็อยากเห็นเหตุการณ์ ทั้งคู่เลยก้มๆเงยๆอยู่หลังแกรนด์เปียโน
ทำงานกับพี่ไทด์มา ก็เพิ่งเคยเจออะไรแบบนี้ครั้งแรกเลย
กำลังคิดกับตัวเองพอดีกับที่มีมือมาคว้าแขนเข้าไว้ เต๋าดึงคชาให้ลงมาจากเวทีและไม่ลืมลากเฟรมที่ยังไม่ยอมทิ้งกีต้าร์ลงมาด้วย
“ก้มหัวไว้ เฟรมเร็วๆ” มือหนาวางไว้บนหัวกลมๆของคชาแล้วพาอ้อมไปหลังเคาท์เตอร์ พลางหันไปเร่งเจ้าเฟรมที่กอดกีต้าร์ไว้แนบอกแล้ววิ่งดุ๊กๆตามมาหลบหลังเคาท์เตอร์ข้างๆไทด์ด้วยกัน ด้วยสัญชาตญาณของตำรวจเก่า เต๋าสั่งให้ทุกคนก้มต่ำๆและพยายามให้นั่งติดๆเคาท์เตอร์ให้มากที่สุด มือกว้างข้างหนึ่งวางบนหัวฟูๆของเฟรมไว้เพราะมือสองข้างของเจ้าเด็กนั่นเอาแต่กอดกีต้าร์อยู่ ส่วนมืออีกข้างของเขาก็โอบไหล่บางๆของคชาไว้เพราะอีกฝ่ายกุมหัวตัวเองแล้วก้มลงข้างตัวเขา ทั้งหมดหลบแก้ว ขวด จานที่ถูกปาว่อนไปว่อนมาอยู่ตรงนั้นครู่ใหญ่ ก่อนที่จะมีเสียงหวอดังกระหึ่มหน้าร้านและเจ้าหน้าที่ตำรวจวิ่งกรูกันเข้ามา
อาจเพราะเสียงหวอของรถที่ทำให้บางคนหลบหนีออกไปได้ทันแต่ส่วนใหญ่ก็ถูกจับล็อกกุญแจมือและพาขึ้นไปบนรถตำรวจ รวมทั้งชายสองคนที่นอนเจ็บอยู่กลางร้านที่ถูกพาส่งโรงพยาบาลเช่นกัน เหตุการณ์เริ่มคลี่คลาย ลูกค้าบางคนก็ทยอยกลับบ้าน บางคนที่ยังอกสั่นขวัญเสียก็นั่งสูดยาดมยาหม่องกันข้างทางรวมไปถึงเจ้าของร้านที่แทบจะลมจับเมื่อเห็นสภาพร้านของตัวเอง
“กูจะสาปแช่งพวกมัน ไอ้พวกกะเลวกะราดพวกนี้” ไทด์พร่ำบ่นทั้งที่ในมือยังถือยาดมยัดจมูก เฟรมยังคงกอดกีต้าร์นั่งอยู่ข้างคชาที่หน้าร้าน ส่วนเต๋าก็เข้าไปคุยกับอดีตเพื่อนร่วมงานของตน
“เจ้าพวกนั้นมันไม่เกี่ยวกับใครในร้าน ไอ้สองคนมันวิ่งเข้ามาแล้วกลุ่มใหญ่ก็ตามมารุมทำร้าย”
“ครับผู้กอง ยังไงผมก็อยากให้ผู้กองไปให้ปากคำเพิ่มเติมที่สถานีด้วย” นายตำรวจรุ่นน้องที่รู้จักเอ่ยกับเขาและยังคงใช้สรรพนามเรียกเขาเหมือนเดิม เต๋าพยักหน้าอย่างจำใจ คิดว่าจะไม่กลับไปที่นั่นอีกแต่ก็ห้ามไม่ได้สินะ
“อืม เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมเข้าไป”
ถามสารทุกข์สุขดิบอยู่สองสามคำ เจ้าหน้าที่คนนั้นก็ขอตัวไปหาเจ้าของร้าน เต๋าเลยชี้ให้ดูคนที่นั่งสูดยาดมอยู่ริมฟุตบาท ส่วนตัวเขาก็เดินมาหาคนตัวเล็กเพราะกลัวจะขวัญหนีดีฝ่อไปหลังเจอเหตุการณ์อันตรายแบบนี้
แต่พอเดินมาถึงกลับเห็นเจ้าตัวกำลังคุยอะไรอยู่กับเฟรมสักอย่าง เน้นย้ำว่า ’คุย’ จริงๆ เพราะคชาขยับปากพูดเพียงแต่ไม่มีเสียงออกมาก็เท่านั้น คำพูดที่เต๋าพยายามเพ่งมองก็อ่านไม่ออก หากแต่เฟรมกลับดูเข้าใจและพูดโต้ตอบได้อย่างสบาย
“เฮ้ย ที่กอดกีต้าร์เนี่ยก็รักไง กลัวมันพังเสียดาย แต่ไม่ได้ไม่ห่วงคชานะ มือฉันก็จับคชาอยู่ไง” เฟรมพูดพลางทำท่าจับมือคชาจริงๆจนเต๋าเผลอขมวดคิ้ว รู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมาตะหงิดๆ
“เออ ตกใจดิ เนี่ย จับดูดิใจงี้ยังเต้นแรงตุ่บตั่บๆอยู่เลย โคตรตกใจจริงๆอ่ะ” มือที่จับมือคชาอยู่ดึงมือเล็กขึ้นมาแนบอกซ้ายของตัวเอง คชานิ่งไปสักพักแล้วก็พยักหน้าเหมือนรับรู้ว่ามันเต้นแรงจริงๆ จากนั้นภาพที่เต๋าเห็นแล้วแทบจะลงไปกรีดร้องก็ปรากฏขึ้นต่อหน้า
ทั้งที่มือยังคงถูกกุมและแนบไว้ที่อกของเฟรม มืออีกข้างที่ยังว่างก็เอื้อมไปจับมือเฟรมขึ้นมาแตะที่อกซ้ายตัวเองบ้าง แล้วขยับปากพูดว่า ‘ใจคชาก็เต้นแรงไม่แพ้เฟรมเลย ฟังสิ’ แล้วทั้งคู่ก็หัวเราะคิกคักกันอยู่สองคน
เฟรม ไอ้เด็กบ้า o.,O
เต๋าได้แต่สบถอยู่ในใจ อยากจะเดินไปเอามือคชาออกแต่ก็ทำไม่ได้ ‘หวง’หรอ เปล๊า !! ก็จะหวงทำไมกัน แต่แค่หงุดหงิด คนเขาอุตส่าห์เป็นห่วงแต่กลับไม่รู้สึกอะไรเลยสินี่ ….ไม่เชื่อหรอ *ส่ายหน้า*
“คชา อยากกลับรึยัง” ยืนรอหน้าบูดอยู่สักพักจนเมื่อเห็นว่าทั้งคู่เลิกคุยกันแล้ว เต๋าจึงกล้าเดินเข้าไปหาคนตัวเล็ก และชวนกลับคอนโดฯด้วยกัน คชาเงยหน้าขึ้นมาหาเต๋าแล้วหันกลับไปในร้าน
คืนนี้คงช่วยอะไรไม่ได้แล้วล่ะ ไว้พรุ่งนี้จะมาช่วยเก็บกวาดก็แล้วกัน
ร่างเล็กลุกขึ้นยืนแล้วหันไปสะกิดเฟรม
“เออ ไปเหอะ อยู่ได้ๆ” คุยอะไรกันอยู่สองคนก่อนที่จะเดินออกมาพร้อมเต๋า คนตัวสูงกว่าอมยิ้มกับตัวเองเมื่อแยกคชาจากเฟรมได้แล้ว แอบหันไปยักคิ้วให้เด็กหนุ่มนักกีต้าร์ให้อีกฝ่ายงงเล่น แล้วหันกลับมาหาคชา
‘ขอบคุณที่ช่วยคชากับเฟรมนะเต๋า’ คชาหยิบกระดาษในกระเป๋าที่ติดตัวอยู่ตลอดแล้วเขียนข้อความส่งให้เต๋า มือใหญ่รับมาแล้วยิ้มจาง
“ไม่เป็นไร เห็นยืนหลบอยู่ก็กลัวว่าจะโดนลูกหลง” คชาหลุดหัวเราะแล้วเกาหัวแก้เขิน ตอนนั้นคงดูตลกแน่เลย กลัวก็กลัวแต่ขามันไม่ยอมขยับเลยน่ะสิ
เต๋าเดินมาส่งคชาที่หน้าห้อง เมื่อคชาไขกุญแจเปิดประตูแล้วเข้าไปยืนในห้องแล้ว กระดาษที่เขียนคำว่าขอบคุณก็ถูกส่งมาอีกครั้ง คนตัวใหญ่ส่ายหน้าช้าๆเป็นเชิงไม่เป็นไร แล้วก็แอบคิดอะไรเล่นๆ
“คชา...ตกใจมากมั๊ย” นึกไปถึงภาพที่เฟรมกับคชาจับมือกันที่หน้าร้านแล้วลองคิดว่าถ้าได้ทำแบบนั้นบ้างจะเป็นยังไง เลยเผลอถามอะไรออกไปแบบนั้น พูดไปแล้วก็อยากจะเอาหัวโขกผนังแรงๆสักที
คชาพยักหน้า แล้วรอเพราะดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะมีอะไรพูดต่อ หากแต่เต๋ากลับปฏิเสธเลิกลั่ก เกาหัวสองสามทีก่อนจะบอกฝันดีแล้วเดินกลับห้อง คนตัวเล็กแอบเห็นมือหนาขยี้หัวตัวเองแรงๆแล้วบ่นอะไรสักอย่าง ท่าทางน่าสงสัยแต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไร
--------------------------100--------------------------
Talkin'
ถามว่า 47 ปูเซงทำไม ??? นั่นสิ = = พอดีอยากรีไรท์อีก 53 ปูเซงที่เหลือ แต่ก็อยากลงแล้วเลยลงไปก่อน เดี๋ยวรีไรท์เสร็จจะตามมาทีหลังนะ >< อย่าหนีกันไปไหนล่ะ T^T
100 ปูเซงครบถ้วนไม่ขาด(แต่อาจจะเกิน =.,=) ถูกใจกันมั๊ยเอ่ย โดยส่วนตัวชอบฉากเฟรมคชาสุดติ่ง *ชูนิ้วโป้ง* แต่งไปก็บิดไปบิดมา เพลียกับตัวเองเหมือนกันค่ะ ก็หวังว่าทุกคนคงจะรู้สึกเหมือนกันนะคะ
ปอลุง,, ได้ฤกษ์ลงเพลงใหม่ จากแรงบันดาลใจจากคุณ drm05 แอบคิดว่าทำไมเราไม่เคยนึกถึงเพลงนี้เลยวะ =[]= ขอบคุณนะคะ ^^
ความคิดเห็น