ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศึกทลายฟ้า สงครามมหาเวท

    ลำดับตอนที่ #5 : ศึกพันธมิตร

    • อัปเดตล่าสุด 8 มี.ค. 51


                    ท่ามกลางป่าไม้ในยามที่มืดมน  อัศวาทั้งสามยังคงควบตะบึงไปอย่างไม่หยุดยั้ง  ระหว่างที่เดินทางไปสู่ศูนย์บัญชาการเซนติเนลในป่าเฟลวู้ด  ตุ้งก็ได้ยินเสียงแปลกๆคล้ายบางสิ่งกระทบกัน  พอดีเหลือบไปเห็นสร้อยข้อมือสีขาวของออมก็ค่อยคลายใจ

                    เธอไปเอามาจากไหนล่ะน่ะ  ตุ้งถามฆ่าเวลา

                    คนสำคัญของฉันให้ฉันมา

                    ใครหนอ.....ตุ้งลากเสียงยาวพร้อมกับมองหน้าออมด้วยสายตาชวนหัวเราะ

                    ไม่บอกหรอก แบร่ๆๆออมพูดและแลบลิ้นออกมาล้อเลียนตุ้ง  ตุ้งยิ้มรับและถอนหายใจ

                    คิดถึงเพื่อนๆจัง  จะปลอดภัยกันมั๊ยเนี่ย  ตุ้งรำพันออกมา

                    พวกนั้นคงไม่เป็นอะไรกันหรอก  ที่น่าเป็นห่วงก็มีแต่นายนี่แหละ

                    ทำไม  ฉันเป็นอะไร

                    เป็นกระดูกไปแล้ว  ยังไม่มีใครมารับไปทำบุญเลย  พูดจบก็พากันหัวร่ออย่างชอบใจ

    ทั้งสามเดินทางบนหลังม้าติดต่อกันหลายชั่วโมงแล้ว  ในที่สุดก็มองเห็นแสงไฟ  ทั้งคู่เร่งม้าขึ้น  อาชาทั้งสองส่งเสียงดังและเร่งความเร็ว  แต่ม้าของฟิลรอสกลับไม่ต้องมีคนสั่งการ ม้าแสนรู้ควบเท้าติดตามม้าของตุ้งและออมไปราวกับถูกสั่งการตลอดเวลา

    ประตูค่ายที่สร้างจากไม้  ตั้งสูงตระหง่านเพื่อให้มีเปรียบในการรบ  แม้จะไม่ได้สร้างขึ้นด้วยปูนเหมือนเช่นเมือง เอลฟิเรี่ยน  แต่ก็ดูแข็งแรงมั่นคงไม่แพ้กัน

    เมื่อเดินทางจนถึงประตูค่าย  ออมรีบแปลงร่างเป็นเฮเลนทันทีและบอกให้ตุ้งยังคงอยู่ในร่างมนุษย์เพื่อป้องกันการเข้าใจผิด  เมื่อทหารยามที่เฝ้าประตูเห็นก็ร้องขึ้น

                    ท่านทั้งสามเป็นใครกัน  ทหารยามบนกำแพงนายหนึ่งตะโกนออกมา

                    ข้าคือเฮเลน  หนึ่งในสี่จอมเวทแห่งเซนติเนล  รับภารกิจจากท่านแม่ทัพใหญ่ฟิวเรี่ยน  เดินทางมาที่นี่เพื่อช่วยเหลือพวกเราที่นี่  ส่วนทั้งสองคนนี้ผู้หนึ่งคือจอมเวทฟิลรอส  อีกผู้หนึ่งคือผู้กล้าโบน เฟลทเชอร์    เฮเลนร้องตอบกลับไป

                    ที่แท้คือท่านเฮเลน  รีบพาพวกท่านเข้ามาในค่ายเถอะเสียงนายทหารคนเดิมร้องกลับมา  ตุ้งแบกร่างฟิลรอสใส่บ่าเดินเข้าไปในค่าย  ส่วนเฮเลนพาม้าเข้าไป ผูกไว้ที่คอก  เมื่อเสร็จหน้าที่ออมก็เดินเข้าไปหานายทหารนายหนึ่ง

                    ข้าต้องการที่พักสำหรับท่านฟิลรอส  เฮเลนพูดกับนายทหารนายนั้น

                    ท่านเฮเลนโปรดรอสักครู่  นายทหารนายนั้นพูดจบก็วิ่งหายเข้าไปในกระโจมๆหนึ่ง  แล้วก็วิ่งออกมาพร้อมกับกระโจมที่ยังไม่กางในมือ  นายทหารอีกสองคนวิ่งเข้ามาช่วยกางเต็นท์  ไม่นานกระโจมก็ถูกกางออกในสภาพพร้อมใช้งาน

                    เชิญท่านเฮเลนและพวกเข้าไปพักผ่อนด้านใน  นายทหารคนเดิมกลับมารายงาน 

    ตุ้งแบกร่างฟิลรอสเดินเข้าไปในเต็นท์โดยมีเฮเลนเดินนำหน้า  วางฟิลรอสลงบนเตียงๆเดียวที่มีในกระโจม  เฮเลนหยิบตะเกียงขึ้นจุดเพื่อให้แสงสว่าง  แล้วทั้งคู่ก็เดินออกไปผิงไฟที่กองไฟหน้ากระโจม

    ตุ้งกับออมสนทนากันได้สักครู่ก็มีกระทิงหนุ่มที่ยืนด้วยสองขาตัวหนึ่ง  บนบ่าแบกท่อนซุงขนาดใหญ่เดินมาทางด้านหลังของตุ้ง

    เฮเลนที่นั่งตรงข้ามเห็นก็ตกใจ  ยังไม่ทันจะร้องเตือนตุ้ง  ท่อนซุงบนบ่าก็ถูกเหวี่ยงด้วยแรงมหาศาล  โจมตีเข้าใส่ตุ้ง  เฮเลนตกใจเกินกว่าจะคุมสติอยู่จึงคืนร่างกลายเป็นสาวน้อย

    ทันทีที่ท่อนซุงสัมผัสกับร่างของตุ้ง  จากร่างกายที่เป็นกระดูกกลับกลายเป็นเปลวไฟแทนที่

    ยังไม่ทันที่กระทิงหนุ่มจะเหวี่ยงท่อนซุงไปสุดแขน  ตุ้งในร่างโบน เฟลทเชอร์ก็โผล่ออกมากลางอากาศมือขวาหยิบลูกธนูจากด้านหลัง  จี้เข้าที่คอหอยของกระทิงตัวนั้น

    การจู่โจมของตุ้งครั้งนี้ว่องไวดั่งสายฟ้า  จนกระทั่งออมที่นั่งอยู่ตรงข้ามมองไม่ทัน  ชัยชนะมาเยือนตุ้งอีกครั้ง  ตุ้งดีใจที่มีความเร็วเหนือกว่าศัตรู

                    วัวตัวนี้ของใครกัน ตุ้งล้อเลียน

                    เห็นทีเรื่องความเร็วข้าคงสู้ท่านไม่ได้เจ้ากระทิงพูดอย่างนอบน้อม

                    ข้าเอิร์ธเชกเกอร์ผู้บัญชาการของที่นี่  นี่คงจะเป็นท่านโบน เฟลทเชอร์  กระทิงหนุ่มโค้งคำนับให้ตุ้ง  แต่ตุ้งก็ยังไม่ลดมือที่ถือลดธนูลง

                    ส่วนนี่คงจะเป็น....  เอ่อพูดถึงตรงนี้ก็เกิดสะดุดขาดหายไป  ออมที่กำลังตกใจได้สติอีกครั้ง  แล้วแปลงร่างกลับเป็นเฮเลนดังเดิม

                    ข้า...ข้าคือเฮเลน  จอมเวทหมื่นบุปผา  เฮเลนกล่าวอย่างเอียงอาย

    เอิร์ธเชกเกอร์ โค้งคำนับให้กับเฮเลน  ขณะที่กำลังคืนสู่ท่าเดิมร่างของเจ้ากระทิงหนุ่มก็มีเศษฝุ่นเศษดินมากมายปลิวขึ้นมาบดบัง  เมื่อดินทั้งหมดหายไปก็เผยให้เห็นร่างของเด็กหนุ่มวัยเดียวกับตุ้งแต่ส่วนสูงมากกว่าเล็กน้อยมาแทน 

    เด็กคนนี้ผิวพรรณไม่ขาวเหมือนตุ้ง  เป็นคนผิวสีเหลืองแต่ผิวคล้ำกว่าปกติเนื่องจากกรำแดดฝนมามาก  อยู่ในอาภรณ์เช่นเดียวกับตอนที่ตุ้งพบกับออม  เพียงแต่เป็นสีน้ำตาลเข้ม

                    พวกนายยังไม่ตายกันอีกเหรอเนี่ย  เด็กหนุ่มคนนั้นทักทาย  แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือความเงียบ  ตุ้งกับออมถึงกับอึ้ง

                    เอ้างงกันเลยล่ะสิ  เด็กหนุ่มคนนั้นมีนิสัยกวนประสาทคล้ายกับตุ้ง

                    หวัด...หวัดดี  ตุ้งรวบรวมสติแล้วตอบกลับไป

                    เธอก็จำฉันไม่ได้เหรอออม  เด็กหนุ่มคนนั้นหันทางออม

                    ตรอง  ออมอุทานออกมาเป็นชื่อของเด็กหนุ่มคนนั้นเบาๆ เอิร์ธเชกเกอร์ตัวนั้น  มีชื่อว่า  ตรอง

                    ใช่!!!  ฉันเอง  ตรองตะโกนตอบคำกระซิบอันแผ่วเบาของออม  เป็นเหตุให้ทหารรอบข้างหันมามอง  แต่ตรองทำเหมือนมองไม่เห็น  ทั้งออมและตุ้งรีบกลับร่างเป็นมนุษย์เมื่อรู้ว่าศัตรูเมื่อครู่เป็นเพื่อนของตน

                    มีใครมาอีกรึเปล่าเนี่ย  ตรองถาม

                    ก็มีเพชร  นน  โอ๊ต  แค่นี้แหละ  ตุ้งตอบกลับ

    ตรองยิ้มออกมาอย่างเป็นมิตรไม่มีพิษภัย  ถอนหายใจเบาๆพร้อมกับมองเข้าไปในกระโจม

    ทันทีที่มองเห็นฟิลรอสนอนอยู่ในกระโจม  แววตาของตรองเปลี่ยนเป็นแววตาที่เลื่อนลอย  ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีแดงสด  ร่างกายก็ค่อยๆกลับกลายเป็นกระทิงโหดอีกครั้ง

                    ตรองร้องคำรามขึ้นอย่างประหลาด ร่างกายก็เปลี่ยนเป็นเอิร์ธเชกเกอร์  กระทิงกัมปนาท  แห่งDotA พร้อมกับเหวี่ยงท่อนซุงบนบ่าเข้าใส่ตุ้งสุดแรง

    ตุ้งสังเกตเห็นแววตาที่ผิดปกติก็รีบแปลงร่างเป็น โบน เฟลทเชอร์  แต่การโจมตีครั้งนี้วาดแขนกว้างกว่าปกติ  เป้าหมายของการโจมตีไม่ใช่ตุ้งคนเดียว  แต่เป็นออมที่ยืนอยู่ด้านหลังด้วย

    ด้วยความเร็วเพียงเท่านี้ตุ้งสามารถหลบได้อย่างสบาย  แต่หากตุ้งหลบ  ออมก็จะต้องได้รับบาดเจ็บสาหัส

    ในยามสุดวิสัยตุ้งคิดอะไรไม่ออกนอกจากยืนขวางท่อนซุงเอาไว้  ดึงพลังทั้งหมดออกมา  ยกแขนขึ้นต้านทานท่อนซุงเอาไว้  พร้อมกับถอยไปกระแทกออมให้ล้มไปด้านหลัง  แต่การต้านทานครั้งนี้คล้ายไม่ช่วยอะไร  ร่างของตุ้งถูกซัดปลิวไปกระแทกกับกำแพงค่ายพังทลายลงไป

    เหตุการณ์ที่ผ่านมาเกิดขึ้นโดยที่ออมยังไม่ทันกระพริบตา  ร่างของตุ้งลอยไปกระแทกต้นไม้ใหญ่นอกค่ายหักโค่นลงถึงสามต้น  กระดูกหักทั่วทั้งร่าง  อวัยวะภายในได้รับการกระแทกจนบอบช้ำเจ็บปวดมหาศาล  ร้องเสียงสะท้านป่าด้วยความเจ็บปวด  ออมรีบเปลี่ยนร่างเป็นเฮเลนกระโดดตามออกมาช่วยเหลือ

                    บุปผาสวรรค์รักษา  มนตราเชื่อมกระดูก  เสียงเฮเลนดังขึ้น  เวทมนต์หากินของเฮเลนถูกนำมาใช้กับเวทมนต์ใหม่ที่ตุ้งเคยได้ยินในถ้ำคราครั้งที่ไปช่วยฟิลรอส

    ต่อมาไม่นานความเจ็บปวดก็ทุเลาลง  กระดูกทั้งหมดเชื่อมต่อดังเดิม  แต่อาการบาดเจ็บภายในยังไม่หายดี

                    ตามออกมาทำไม  แล้วฟิลรอสล่ะ  ตุ้งถามเสียงเข้ม  ออมลืมเรื่องฟิลรอสที่หลับอยู่ไปสนิทใจ  เมื่อตุ้งย้ำถึงจึงตกใจพูดไม่ออก

                    บ้าเอ๊ยตุ้งบ่นกับตัวเองเบาๆ  แล้วรีบพุ่งตัวกลับเข้าไปในค่าย

    เจ้ากระทิงปิศาจเตะดุ้นฟืนในกองไฟเข้าไปในกระโจม  ตุ้งหยิบลูกธนูขึ้นมาน้าวคันธนูแล้วปล่อยออกไป  ในขณะที่ร่างกำลังลอยตรงไปด้านหน้า  ลูกธนูพุ่งปักดุ้นฟืนลอยออกไปไกล  มือธนูกระดูกยิงออกไปอย่างรวดเร็วจนคล้ายไม่ได้เล็ง  เหล่าทหารทั้งหมดแตกตื่นอย่างมาก  ทั้งหมดออกมาชุมนุมกันแต่ไม่กล้าเข้าใกล้  ได้แต่ยืนอยู่รอบข้าง

                    คนที่ทำร้ายแม้กระทั่งเพื่อน  มันก็ไม่ต่างกับปิศาจหรอกเว้ย!!!”  ตุ้งตะโกนออกมา  แต่กระทิงโหดคล้ายจะไม่ได้ยิน

    ในตอนนี้ตุ้งสู้ด้วยความโมโหร้าย  ไม่สนใจแล้วว่าบุคคลที่อยู่เบื้องหน้าเป็นใคร  พูดจบก็พุ่งตัวเข้าหากระทิงโหดทันที 

    กระทิงโหดวางท่อนซุงลงจากบ่าตั้งขวาง ไว้บนพื้น  มือธนูกระดูกจึงจำต้องเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนไหว

    ตุ้งใช้เท้ายันท่อนซุงลอยตัวสูงขึ้น  จุดเปลวไฟในมือด้วยเวทมนต์  ซัดลูกไฟหลายสิบลูกเข้าหาผู้เป็นศัตรู

    กระทิงโหดกำเศษดินที่พื้นโยนขึ้นฟ้ากลายสภาพเป็นโคลนหนืดต้านทานเปลวไฟทั้งหมดของตุ้ง  ทำเอาตุ้งหัวเสีย  จำต้องลงสู่พื้นอย่างเลี่ยงไม่ได้

    กระทิงจอมพลังรวมพลังทั้งหมดกระทืบเท้าลงที่พื้น  แผ่นดินบริเวณที่ตุ้งกำลังจะลงยืน  แยกออกจากกัน

    ตุ้งคิดอะไรไม่ออก  พอดีรู้สึกว่าร่างกายถูกผลักเบาๆ  มองไปด้านข้างก็ทราบว่าเฮเลนช่วยชีวิตของตนเอาไว้

    เฮเลนมองมือธนูกระดูกด้วยสายตาวิงวอน  คล้ายกับไม่อยากให้ฆ่าเพื่อน  ตุ้งค่อยมีสติขึ้นมาอีกครั้ง  แต่หากจำเป็น  ตุ้งก็คงเลี่ยงไม่ได้  ขณะนั้นร่างก็ลงสู่พื้นอย่างนิ่มนวล

                    กระทิงจอมพลังตวาดก้อง  พลางสะบัดมือไปทางเฮเลน  ก้อนหินก้อนยักษ์บังเกิดขึ้นและพุ่งตรงไปทางจอมเวทเฮเลน

    โบน เฟลทเชอร์เห็นก็รีบปล่อยลูกไฟเข้าสกัดไว้  ก้อนหินและลูกไฟเมื่อกระทบกันก็เกิดระเบิดขึ้น  กระทิงหนุ่มมองไปทางศัตรูอย่างโมโหสุดๆ

                    นายเป็นอะไรไป  ตุ้งร้องดังสุดเสียง

    กระทิงโหดคล้ายไม่ได้ยินคำพูดของตุ้ง  ยกท่อนซุงขึ้นแล้วฟาดลงที่พื้น  บังเกิดดินยกตัวสูงขึ้นเป็นทางยาวไปถึงตุ้ง  จนตุ้งต้องพุ่งตัวหลบไปทางซ้าย

    กระทิงโหดร้องคำรามออกมาด้วยความโมโห  พุ่งตัวเข้าหามือธนูกระดูกสุดแรง  แต่ด้วยร่างกายที่เทอะทะจึงทำให้เคลื่อนไหวได้ช้า  ตุ้งไม่อยากทำร้ายเพื่อนสนิทของตัวเองจึงไม่โจมตีเข้าใส่เท่าใดนัก 

    กระทิงจอมพลังฟาดท่อนซุงเข้าที่กลางกะโหลกของตุ้ง  ตุ้งคิดพุ่งหลบออกไปแต่รู้สึกเจ็บปวดไปทั่วทั้งตัวอย่างรุนแรง  จนแทบทรุดตัวล้มลงกับพื้น

    เมื่อสักครู่ที่เฮเลนใช้เวทมนต์รักษาอาการบาดเจ็บให้  อาการบาดเจ็บภายในยังไม่ทันหายดี  ตุ้งก็พุ่งกลับเข้าค่ายมาช่วยฟิลรอส  ทำให้หลงเหลืออาการบาดเจ็บอยู่  เมื่อขยับเขยื้อนร่างกายมากๆทำให้อาการบาดเจ็บกำเริบขึ้นอีกครั้ง

    อาการบาดเจ็บช่างเกิดขึ้นได้ถูกเวลา  ตุ้งสามารถหลบท่อนซุงได้เพียงส่วนศีรษะเท่านั้น

    ไม้ซุงขนาดยักษ์ฟาดเข้าใส่บ่าของเจ้ากระดูกอย่างจัง  จนขาทั้งสองจมลึกลงดิน  กระดูกที่บริเวณบ่าคอแตกสลาย

    ด้วยเวทมนต์ของกระทิงโหดทำให้ตุ้งมึนงงไปชั่วขณะ  ร้องก็ร้องไม่ได้  ขยับก็ขยับไม่ได้  แววตาปิศาจคู่นั้นจ้องมองตุ้งอย่างพอใจ

    กระทิงหนุ่มยกท่อนซุงเตรียมปลิดชีพของตุ้ง  แต่เฮเลนมาขวางไว้  ทันทีที่เจ้ากระทิงเหลือบไปเห็นสร้อยข้อมือสีขาวในมือของเฮเลน  ก็ถึงกับร้องออกมาอย่างทรมาน  เจ็บปวดจนลงไปนอนดิ้นอยู่ที่พื้น  กลับคืนสภาพเป็นมนุษย์ดังเดิม

    ตรองร้องออกมาอย่างทุรนทุรายสักพักแล้วนิ่งไป  เฮเลนมองไปที่สร้อยข้อมือของตนก็พบว่ามันเปล่งแสงเรืองๆอยู่  พอดีเหลือบไปเห็นตุ้งก็รีบเข้าไปรักษาทันที

                    บุปผาสวรรค์รักษา  มนตราเชื่อมกระดูก  เวทมนต์ทั้งสองถูกร่ายออกมาอีกครั้ง  คราวนี้ตุ้งไม่มีสิทธิ์ขยับเพราะยังตกอยู่ในเวทมนต์ของเอิร์ธเชกเกอร์อยู่  ผ่านไปเนิ่นนานร่างกายจึงคืนสภาพอย่างสมบูรณ์

    เฮเลนขอให้ทหารใกล้ๆมาช่วยยกร่างตุ้งขึ้นจากดิน  ทันทีที่ตุ้งคืนสติก็รีบวิ่งไปดูตรองที่นอนแน่นิ่งอยู่ทันที  พบว่าร่างกายของตุ้งไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ

    แต่ตุ้งยังไม่กล้าคืนร่างเป็นมนุษย์เพราะยังหวั่นเกรงในพฤติกรรมแปลกๆของตรอง  เอื้อมมือเข้าสัมผัสที่บริเวณหน้าผากของตรอง  แล้วเข้าไปสู่มโนจิต

                    ตรอง  นายอยู่ไหน  ตุ้งเรียกหาตรองภายในจิตใจของตรองเอง

                    ตุ้ง นั่นนายใช่มั๊ยเสียงของตรองตอบกลับมา

    ภายในจิตใจของตรองนั้นมืดมิด  ไม่มีแสงสว่างของความหวังเหลืออยู่เลยแม้แต่น้อย  ผิดกับมนุษย์ปกติทั่วไป  จนตุ้งต้องใช้อัคคีเนตรช่วยมองจึงมองเห็นหนทาง

    ตุ้งก็ต้องตกตะลึงสุดขีด  เมื่อพบเห็นจิตวิญญาณของตรอง  ถูกพันธนาการไปด้วยหมอกควันมากมาย  คล้ายถูกอาถรรพ์เข้าครอบคลุม

                    นายเป็นอะไรไป 

                    ช่วยฉันด้วย  ทำลายหมอกพวกนี้ให้หมดเลย  เร็ว  ตรองเร่งเร้า

                    ตุ้งรับคำคราหนึ่ง  ร่ายเวทเรียกเปลวไฟออกมาขับไล่หมอกควันเหล่านี้ออกไป  จิตวิญญาณของตรองจึงเป็นอิสระอีกครั้ง

                    ฉันขอบใจนายมาก

                    ไม่เป็นไรหรอก  ว่าแต่นายเป็นอะไรไป  ทำไมถึงจะฆ่าฉัน  ทำไมถึงจะฆ่าออม  ตุ้งถามตรงประเด็นทันที

                    ที่ฉันเป็นแบบนี้ก็เพราะมัน  เพราะมันคนเดียว  ตรองเปลี่ยนแววตาโมโหโกรธา

                    มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่  บอกฉันที

                    ไว้ออกไปแล้วฉันจะเล่าให้ฟังพูดจบก็หายวับไปทั้งสองคน  จิตใจของตรองจึงค่อยมีแสงสว่างแห่งความหวังเกิดขึ้นเพราะตุ้ง

    ตุ้งออกจากมโนจิตของตรองในทันใด  เมื่อออกมาแล้วก้อคืนร่างเป็นมนุษย์แล้วแบกร่างอันผอมซูบของตรองเข้าไปในกระโจมของแม่ทัพกองกำลังป่าแห่งเฟลวู้ด  ปล่อยให้เฮเลนเข้าไปดูแลรักษาความปลอดภัยให้ฟิลรอสคนเดียว  ตุ้งดูแลตรองอย่างใกล้ชิดอยู่นานด้วยความอยากรู้ถึงต้นสายปลายเหตุ

                    ท่านแม่ทัพของเราดูแปลกไปตั้งแต่วันนั้น  แต่ไม่รู้ว่าทำไม  เสียงทหารสนทนากันเกี่ยวกับตรอง  ตุ้งรีบเดินออกไปนอกกระโจมมุ่งเข้าหาทหารเหล่านั้นทันที

                    เรื่องราวเป็นยังไง  ตอบฉันมาตามตรง  ตุ้งถามด้วยเสียงที่โมโหร้าย  ทำให้ทหารกลุ่มนั้นถึงกับสั่น  แล้วสักพักตุ้งก็สงบลง

    เป็นที่น่าแปลก  เวลาที่ตุ้งเข้าใกล้ตรองคล้ายกับมีพลังบางสิ่งคลืบคลานเข้าสู่จิตใจ  เมื่อออกห่างก็สลายไป  ผิดกับตอนที่มีเฮเลนอยู่ใกล้ๆ

                    ฉันขอโทษ  บอกฉันมาเถอะ  ตุ้งพูดเสียงเรียบลง  ทหารกลุ่มนั้นค่อยคลายใจลง

                    เมื่อสองวันก่อน  ข้าเห็นท่านแม่ทัพเดินออกไปนอกค่ายคนเดียว  และสั่งห้ามมิให้พวกเราติดตามไปแม้แต่คนเดียว  แล้วพวกเราก็ไปพบท่านแม่ทัพนอนสลบไสลอยู่ที่หน้าประตูค่าย  ถามไถ่ถึงเรื่องราวก็ไม่บอกพวกเรา  แต่ว่าท่านแม่ทัพกลับมาคราวนี้ผิดแปลกไปจากเมื่อก่อน  จากที่เคยใจดี  ยิ้มแย้มแจ่มใส  ในบางครั้งก็กลับกลายเป็นคนที่โมโหร้าย  ไม่มีเค้าโครงท่านแม่ทัพคนก่อนอยู่เลย  นายทหารนายหนึ่งตอบอย่างตะกุกตะกักเล็กน้อย  ตุ้งได้ฟังก็ผงกศีรษะอย่างเข้าใจ

                    นี่ก็นานแล้วทำไมตรองยังไม่ได้สติอีกนะ  ตุ้งนึกแปลกใจ  จึงเดินเข้าไปดูในกระโจม

    ตุ้งต้องตกใจอีกครั้งเพราะภาพที่เห็นคือ  ควันสีดำมากมายกำลังซึมซับเข้าสู่ร่างของตรองอย่างรวดเร็ว

    ตุ้งรีบแปลงร่างแล้วเข้าสู่มโนจิตของตรองอีกครั้ง  ปรากฏว่าจากที่เคยมีแสงสว่างเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา  บัดนี้กลับดำมืดลงอีกครั้ง

    มือธนูกระดูกรีบเบิกอัคคีเนตรมองหาทันที  พบว่าจิตวิญญาณของตรองที่ไร้สติ  ถูกพันธนาการด้วยหมอกควันสีดำที่ตุ้งพึ่งจะขับไล่ออกไป

    ตุ้งสร้างไฟเวทมนต์ขึ้นที่มือและพยายามไล่มันออกไปอีกครั้งแต่มันไม่เหมือนครั้งก่อน  หมอกควันสีดำไม่เกรงกลัวสิ่งใดๆ  รวมตัวกันเป็นอสุรกายไล่โจมตีตุ้ง  ตุ้งรีบพุ่งตัวหลบสุดกำลัง ลอบกล่าวกับตัวเองเบาๆว่า

                    ตัวอะไรวะเนี่ย

    ตุ้งหยิบลูกธนูขึ้นจากหลังยิงเข้าไปที่หน้าผากของอสุรกายควันดำ  แต่ลูกธนูพุ่งผ่านไปคล้ายไม่สัมผัสสิ่งใด  ตุ้งเห็นถึงกับอึ้ง

                    แล้วเมื่อไหร่มันจะตายล่ะเนี่ย  ตุ้งพึมพำอีกครั้ง  อสุรกายควันดำวิ่งไล่ขย้ำตุ้งคล้ายจะกัดกินดวงวิญญาณของตุ้งให้ได้

    อสุรกายยักษ์อ้าปากออกกว้างกำลังจะงับร่างทั้งร่างของเพฌฆาตธนูเพลิง  ตุ้งไม่รู้จะต่อสู้อย่างไรจึงรีบออกจากมโนจิตของตรองในทันที

                    ทำไมตอนนั้นควันดำกลุ่มนั้นยังเกรงกลัวเราอยู่เลย  แต่เมื่อกี้มันผิดกัน  ตุ้งพึมพำกับตัวเอง  และนั่งนึกภาพก่อนที่จะเข้าไปในมโนจิตของตรองก็จำได้ว่า  ที่สร้อยข้อมือของเฮเลนส่องแสงตลอดเวลาที่เข้าใกล้ตรอง

    ตุ้งรีบออกจากระโจมเดินเข้าไปหาเฮเลนในกระโจมของฟิลรอสทันที  พอดีเห็นเฮเลนฟุบหลับลงที่เตียงของฟิลรอสก็ปลุกให้ตื่นจากนิทรากาล

                    ออม  สร้อยเส้นนั้นฉันขอยืมหน่อยได้มั๊ย  ตุ้งพูดอย่างรีบเร่งด้วยน้ำเสียงจริงจัง

                    บ้าเหรอ!!!คนสำคัญให้ฉันมานะ  ให้ยืมไม่ได้หรอก

                    ถ้างั้นเธอรอฉันอยู่ในนี้  ตุ้งพูดสั้นๆ  เดินออกไปนอกกะโจมแล้วกลับเข้ามาพร้อมกับหนังสัตว์หนึ่งผืนในมือ  ตุ้งรีบปูลงที่พื้นบริเวณว่างๆอย่างรวดเร็ว  จากนั้นก็วิ่งออกไปจากกระโจม  และกลับมาอีกครั้งพร้อมกับร่างอันไร้สติและเรี่ยวแรงของตรอง 

    ตุ้งค่อยๆวางร่างของตรองลงช้าๆ  เฮเลนเหลือบมามองที่สร้อยข้อมือของตนก็ทราบว่า  มันเปล่งแสงสีขาวเรืองๆขึ้นอีกแล้ว

    ตุ้งแปลงร่างเป็น โบน เฟลทเชอร์  แล้วเข้าไปในมโนจิตของตรองอีกครั้ง  คราวนี้เจ้าอสุรกายควันดำยิ่งขยายกายมโหฬารขึ้นอีก 

    ครั้งนี้ตุ้งจะต้องต่อกรกับอสุรกายร่างยักษ์ใหญ่  แต่ครั้งมีตุ้งมีเปรียบอยู่มาก  เพราะภายนอกมีสร้อยของเฮเลนคอยช่วยเหลืออยู่

    จิตวิญญาณของตรองคล้ายค่อยๆถูกกลืนกินภายใต้ควันดำอย่างช้าๆ  แล้วอสุรกายขนาดมหึมาก็หันหน้ามาทางเพฌฆาตธนูเพลิง

    ตุ้งจ้องหน้ามันด้วยสายตาโกรธเกลียด  เจ้าอสุรกายพุ่งเข้าโจมตีตุ้ง  ตุ้งเบี่ยงตัวหลบทันที  พุ่งทะยานออกไปทางขวา  หยิบธนูออกมายิงออกไป  แต่ก็ไม่ต่างจากครั้งที่แล้ว  ลูกธนูพุ่งผ่านอสุรกายยักษ์ไปคล้ายไม่ได้ต้องกับสิ่งใดๆ

    อสุรกายควันดำถาโถมเข้าโจมตีตุ้งอย่างบ้าคลั่ง  แม้ว่าตุ้งจะหลบได้ทุกครั้ง  แต่ก็ไม่สามารถโต้ตอบกลับไปได้

    ขณะที่ตุ้งกำลังครุ่นคิดถึงวิธีการเอาชนะนั้น  ก็มีแสงสว่างสีขาวยาวประมาณหนึ่งเมตรปรากฏขึ้นที่มือซ้าย  แล้วแสงนั้นก็แปรสภาพกลายเป็นดาบแสงสีขาวบริสุทธิ์  ตุ้งไม่ทราบว่ามันมาได้อย่างไร  แต่ก็พอจะเดาออกว่ามันมีไว้เพื่ออะไร

    ตุ้งคลี่รอยยิ้มพร้อมกับเก็บธนูไว้ที่กลางหลังและย้ายดาบมาที่มือขวา  แล้วใช้เวทมนต์เสกดาบสีเพลิงขนาดยาวเท่ากันขึ้นมาที่มีซ้ายอีกหนึ่งเล่ม  จากที่ตุ้งตั้งรับมาตลอดเวลาที่ต่อสู้  ต่อจากนี้ตุ้งจะเป็นฝ่ายโจมตีบ้าง

    ทั้งสองฝ่ายพุ่งตัวเข้าปะทะกันสุดกำลัง  ตุ้งวาดดาบเพลิงในมือซ้ายออกตั้งรับตามด้วยดาบแสงในมือขวาเข้ารับอีกชั้นหนึ่ง  ผิดกับเจ้าอสุรกายที่ใช้เพียงกรงเล็บในมือเพียงข้างเดียว

    ทั้งสองฝ่ายต้านพลังกันสักครู่ก็ถอยออกมา  แม้ขนาดของร่างกายตุ้งจะเป็นรองอยู่มาก  แต่จิตใจไม่ได้หวาดกลัวแม้แต่น้อย

    จนกระทั่งเมื่อสักครู่ตุ้งค่อยรู้สึกตัวว่าคู่ต่อสู้ค่อนข้างหนักมือพอตัว  แม้จะมีพลังของสร้อยข้อมือวิเศษคอยช่วยเหลือ  แต่ถึงกระนั้น  ก็ยังลำบากแก่การเอาชนะอยู่ดี

                    ยังดีที่เราไม่เข้าสู้ในตอนนั้น  เจ้านี่โหดไม่ใช่เล่นเลย  ตุ้งคิดในใจ

    ทั้งสองก็พุ่งใส่กันอีกครั้ง  แต่ครั้งนี้ตุ้งไม่ปะทะพลัง  ตุ้งโจมตีออกด้วยดาบแสงในมือขวา  อสุรกายนั้นใช้กรงเล็บมือซ้ายป้องกันไว้ได้  จึงเปลี่ยนเป็นทะยานออกไปด้านซ้ายเหวี่ยงตัวสะบัดดาบทั้งสองเล่มเข้าจู่โจม  ครั้งนี้ตุ้งโจมตีโดนศัตรูไปหนึ่งดาบ  เป็นดาบแสงในมือขวา  ดาบในมือตุ้งของตุ้งเฉือนตัดแขนขวาของอสุรกายสลายไป 

    ตุ้งถอยออกไปตั้งตัวอีกครั้ง  เจ้าอสุรกายรองโหยหวนด้วยความเจ็บปวด  คราวนี้มันโมโหสุดขีด  ทั้งสองพุ่งเข้าโจมตีกันอีกครั้ง

    การพุ่งเข้าประทะครั้งนี้รุนแรงกว่าครั้งแรกมากนัก  ทันทีที่ตุ้งกระทบกับเจ้าอสุรกาย  ร่างของตุ้งก็ปลิวว่อนลอยไปด้านหลังคล้ายปุยนุ่นต้องลม

    อสุรกายควันดำพุ่งตามมาโจมตีตุ้ง  แขนซ้ายกางกรงเล็บออกมาโจมตีเข้าที่หัวไหล่ขวาของตุ้ง    เพฌฆาตธนูเพลิงเบี่ยงไหล่หลบการโจมตี  แล้วพลิกแพลงใช้ดาบเพลิงในมือซ้ายเกี่ยวเอาแขนซ้ายของอสุรกายไว้

    ตุ้งพลิกดาบแสงในมือขวาให้ปลายชี้ลงที่พื้น  ปักเข้าที่แขนซ้ายของอสุรกายควันดำ  พลันคลายดาบจากการเกี่ยวแขนมาปักเข้าที่บริเวณสูงขึ้น  ตุ้งหมุนตัวใช้ดาบทั้งสองข้างปักเข้าที่แขนของเจ้าอสุรกายยักษ์  และไต่ขึ้นไปเรื่อยๆ

    เมื่อไต่ไปถึงยอดอกก็ตีเกลียวสามรอบพร้อมกับใช้ดาบเพลิงในมือซ้ายปักเข้าที่ลำคอ  และซัดดาบแสงเข้าที่กลางหน้าผากของอสุรกายยักษ์  ตุ้งตีลังกาอีกสองตลบและลงสู่พื้นอย่างสวยงาม 

    เจ้าอสุรกายร้องโหยหวนออกมาและสลายไปในที่สุด  จิตวิญญาณของตรองเป็นอิสระอีกครั้ง  แสงสว่างแห่งความหวังในมโนจิตค่อยๆเปล่งสว่างขึ้น  ตุ้งออกจากมโนจิตคืนร่างเป็นมนุษย์แล้วพูดกับเฮเลนว่า

                    กางเขตเวทมนต์ไว้ด้วย  อย่าให้ควันสีดำเข้าใกล้เด็ดขาด  แล้วฉันจะรีบกลับมา  ตุ้งสั่งเฮเลนแล้วรีบวิ่งออกไป  หวังจะไปขอความช่วยเหลือจากฟิวเรี่ยนที่นอกป่า  โดยที่ไม่ใช้ม้า  ตุ้งออกไปอย่างรวดเร็วโดยที่เฮเลนยังไม่ทันได้ถามแม้แต่คำเดียว

    ตุ้งวิ่งด้วยความเร็วดั่งทะยานฟ้าไปเรื่อยๆจนกระทั่งรุ่งสาง  รู้สึกเหมือนปอดจะระเบิดออกมา  แต่ก็ยังวิ่งต่อไปด้วยความมุ่งมั่น  แต่ก็ต้องสะดุดเมื่อเสียงที่ผิดปกติเข้าสู่โสตประสาทของตุ้ง

    ตุ้งหยุดวิ่งในทันทีและนิ่งฟังเสียงที่ผิดปกติเหล่านั้น  แต่ทว่าฟังอยู่นานก็ไม่ได้ยินเสียงอะไร 

    จนกระทั่งตุ้งกำลังจะออกวิ่งต่อไปเสียงนั้นก็เกิดขึ้นอีกครั้ง  คราวนี้ตุ้งได้ยินถนัดหูพลันหยิบธนูมาสองดอก  ดอกหนึ่งซัดไปด้านหลัง  อีกลูกขึ้นประทับที่ธนูเตรียมยิงทันที

    ทันใดนั้นตุ้งก็ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวรีบหันหน้าไปในทิศทางต้นเสียงทันที  เห็นเงาดำขนาดเท่าคนวิ่งด้วยความเร็วที่สูงทีเดียว  แต่ไม่สูงพอสำหรับหลบพ้นสายตาของตุ้ง

    ลูกธนูในมือตุ้งถูกปล่อยมุ่งตรงไปในทิศทางของเงามืด  ลูกธนูปักเข้าที่ต้นไม้ด้านข้าง  ห่างจากเงานั้นไม่ถึงนิ้วเพื่อเป็นการขู่  เงานั้นหยุดนิ่งเพราะรู้ตัวดีว่าการวิ่งหนีไม่ทำให้ชีวิตรอดพ้นไปได้  จึงหันหน้ามาทางตุ้ง 

    แสงสว่างยามรุ่งสาง  สาดเข้ามากระทบร่างก่อให้เกิดเงารางๆของบุรุษเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่สูงใหญ่ท่าทางแข็งแรง  ชายคนนั้นคลุมศีรษะด้วยเสื้อคลุมสีน้ำตาลเข้ม

    บุรุษแปลกหน้ายื่นมือเปิดหมวกเสื้อคลุมออก  เผยให้เห็นภาพรางๆของชายผู้มีผมยาวสีทอง  ในมือมีค้อนขนาดใหญ่แสดงให้เห็นว่าเป็น พาลาดิน แห่งเมือง ลอร์แดรอน

    แต่ตุ้งไม่รู้ว่า พาลาดิน คืออะไรจึงยืนมองด้วยสายตาที่ไม่ไว้ใจ  มือขวาเตรียมหยิบลูกธนูพร้อมโจมตีทันที

    การต่อสู้เริ่มขึ้นเมื่อพาลาดินคนนั้นพุ่งเข้าหมายโจมตีใส่ตุ้ง  มือขวาของตุ้งทำงานอย่างรวดเร็ว  ลืมความเหน็ดเหนื่อยที่ประสบมาทั้งสิ้น  เอื้อมมือหยิบลูกธนูจากด้านหลังขึ้นประทับแล้วยิงทันที

    ลูกธนูพุ่งตรงสู่หน้าผากของชายแปลกหน้าคนนั้น  บุรุษแปลกหน้าเบี่ยงตัวหลบเล็กน้อย  พุ่งออกไปด้านข้างพร้อมกับหยิบหนังสือจากข้างเอวขึ้นมาเปิดออกและชูค้อนในมือขึ้นฟ้า

    แสงสว่างสาดจ้ามาที่ตัวของบุรุษคนนั้น  เผยให้เห็นหน้าตาที่หล่อเหลา  ผิวพรรณขาวดั่งหยก  ร่างกายสูงใหญ่ดูสมเป็นชายชาตรี  บุรุษผู้นี้คือ โอมนิไนท์  อัศวินหน้าหล่อ แห่ง DotA

    แสงเปลี่ยนตำแหน่งจากอัศวินคนนั้นไปที่ตุ้งแทน  ตุ้งรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก  แต่ก็ไม่สนใจ

    แสงสว่างจ้าขึ้นแล้วก็หายไป  ทำให้ตุ้งตาพร่ามองไม่เห็นจึงเบิกเนตรอัคคีออก  แต่ทว่าไม่สามารถเบิกเนตรอัคคีได้  ตุ้งถูกเวทมนต์ของอัศวินหน้าหล่อเข้าให้แล้ว

    เพราะมัวแต่ตะลึงกับศัตรูจึงไม่ทันคิด  ตอนนี้คิดได้ก็สายไปเสียแล้ว  ตุ้งหลับตาลงใช้เพียงโสตประสาทในการรับรู้ตำแหน่งของศัตรู

    ที่ผ่านมาตุ้งใช้สายตาแหลมคมในการเล็งยิง  แต่ครั้งนี้ต้องใช้หูแทน  ยามกะทันหันยากจะปรับตัวได้  จึงหยิบธนูจากหลังมาเต็มกำมือ  แล้วซัดขว้างออกไปพร้อมๆกัน  ลูกธนูพุ่งออกไปทั่วทิศทางเป็นที่ยากแก่การหลบ

    ตุ้งนั้นเพราะถูกปิดกั้นพลังเวทแถมยังมองไม่เห็นศัตรู  ทำให้เกิดความหวาดกลัวขึ้นในใจ  อัศวินศักดิ์สิทธิ์ยกค้อนขึ้นปัดลูกธนูจนหมด  แล้วเข้าโจมตีใส่ตุ้ง 

    ได้ยินเสียงลมพุ่งเข้ามาตุ้งก็พุ่งตัวหลบไปด้านข้าง  หยิบลูกธนูมายิงทีละลูก  แม้ว่าความเร็วจะไม่เหมือนก่อน  แต่ก็ยังแม่นยำอยู่ดี

    ลูกธนูถูกปล่อยจากมือตุ้งลูกแล้วลูกเล่า  แต่อัศวินคนนั้นก็หลบได้ทุกครั้ง  แต่แล้วกลับมีธนูลูกหนึ่งพุ่งตรงอย่างรวดเร็วกว่าทุกๆลูกปักเข้าที่กลางอกของอัศวินรูปงาม

    โอมนิไนท์ ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดอย่างสุดแสน  และทรุดคุกเข่าลงกับพื้น  หากเป็นลูกธนูธรรมดาคงไม่ระคายผิวเท่าใดนัก  แต่นี่เป็นลูกธนูไฟพิเศษที่มีเฉพาะโบน เฟลทเชอร์ เท่านั้นที่ทำได้

    ด้วยพลังภายในที่แข็งแกร่งของอัศวินศักดิ์สิทธิ์  ทำให้ความร้อนแผ่เข้าสู่หัวใจช้ากว่าปกติ  ตุ้งลืมตาขึ้นมาก็พบว่าดวงตาสามารถมองเห็นเป็นปกติแล้ว

    ฝ่ายอัศวินเปิดหนังสือเล่มหนาออก  ชูค้อนใหญ่ยักษ์ขึ้นฟ้าบังเกิดแสงสว่างอีกครั้ง  ครั้งนี้ตุ้งรู้ทันชิงหลับตาเอาไว้ทำให้ตาไม่พร่าอีก

    แสงสีทองห่อหุ้มและซึมซาบเข้าสู่ร่างกายของอัศวินศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้น  ตุ้งรู้สึกได้ว่าเวทมนต์ปิดกั้นพลังเวทของอัศวินคนนั้นจะคลายลงแล้วจึงค่อยลืมตาขึ้น

    แต่ตุ้งก็แปลกใจ  เพราะเมื่อสักครู่โดนธนูเข้าไปเต็มๆจนถึงขั้นร้องโอดโอยออกมา  แต่บัดนี้กลับดูท่าไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย  ตุ้งสะกดข่มใจที่สงสัยเอาไว้  แล้วน้าวลูกธนูขึ้นเล็ง

                    นายจะเป็นใครก็ช่าง  แต่ว่าถ้าไม่หลีกฉันยิงไม่เหลือแน่  ตุ้งตะโกนบอก

                    อันเดด อย่างเจ้า  คิดเข้ามาสืบข่าวเรอะ  ข้าไม่ปล่อยเจ้าออกไปแน่  อัศวินศักดิ์สิทธิ์หัวร่อออกมา  แล้วพุ่งโจมตีในทันใด

    ตุ้งหยิบธนูขึ้น  ยิงด้วยความเร็วที่ผิดกับเมื่อสักครู่อย่างลิบลับ  ลูกธนูหลายสิบลูกถูกปล่อยออกมาโดยที่อัศวินศักดิ์สิทธิ์ยังเข้ามาไม่ถึงตัวของตุ้ง  ร่างกายของอัศวินเต็มไปด้วยลูกธนูดูไปแล้วคล้ายเม่น

    อัศวินกลั้นใจวิ่งเข้าโจมตีตุ้งอย่างไม่หยุดยั้ง  ค้อนยักษ์นั้นถูกยกขึ้นสูง  แล้วฟาดลงมาสุดแรง  ตุ้งคิดจะเผด็จศึกจึงไม่หลบ  ยกมือข้างซ้ายขึ้นป้องกันค้อนโดยที่มือนั้นแทบหัก  ตุ้งเสกไฟเวทมนต์ขึ้นที่มือขวา  แล้วชกเข้าที่กลางท้องของอัศวินศักดิ์สิทธิ์  แต่ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด  ตุ้งเกิดความรู้สึกบางอย่างจึงบิดเบือนเป้าหมายกะทันหันกลายเป็นโดนที่หัวไหล่ขวาแทน

    อัศวินศักดิ์สิทธิ์ร้องลั่นป่าด้วยความเจ็บปวด  คลายค้อนศักดิ์สิทธิ์จากมือ  พลังความร้อนแผ่ซ่านเข้าไปทั่วร่างเจ็บปวดอย่างเหลือล้น  ตุ้งรั้งมือกลับแต่ยังอยู่ในท่าเตรียมสู้  อัศวินผู้รอบรู้ทรุดกายนอนหงายลงกับพื้น  ความร้อนทำให้พลังถูกทำลายไปมาก  ส่งผลให้อัศวินผู้รอบรู้คืนร่างกลับเป็นมนุษย์อีกคน

    ตุ้งถึงกับค้างเพราะที่เห็นคือร่างของเด็กหนุ่มผิวขาว ตัวท้วมเล็กน้อย  มีหน้าตาที่ตุ้งจำได้ขึ้นใจ

                    เคน!!!”  ตุ้งร้องลั่นป่าด้วยความตกใจ  เด็กหนุ่มคนนั้นคือเพื่อนสนิทอีกคนของตุ้ง  ผู้มีชื่อว่า  เคน

                    ตุ้งรีบคืนร่างเป็นมนุษย์ทันที  เคนทำอะไรไม่ถูกเมื่อทราบว่าเป็นตุ้ง  ตุ้งเองก็ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน

    พอได้สติกลับคืนจึงแปลงร่างและคลายความร้อนในตัวของเคนออกไปบางส่วน  และใช้ความร้อนเสริมสร้างอวัยวะที่บอบช้ำให้แก่ตนเองซึ่งเป็นการเลียนแบบเวทมนต์ของเฮเลน  เพียงแต่แตกต่างกันตรงที่เวทมนต์ของเฮเลนเป็นการใช้พลังแสงอันบริสุทธิ์  แต่ของตุ้งเป็นการใช้พลังไฟและความร้อนที่อันตราย  แต่ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจทีเดียว

    เคนรู้สึกว่าร่างกายฟื้นสภาพในระดับที่ดีแล้วจึงลุกขึ้นนั่ง  แปลงร่างเป็น โอมนิไนท์  แล้วเปิดหนังสือออกพร้อมกับชูค้อนยักษ์ขึ้น

    แสงที่บริสุทธิ์ส่องสว่างขึ้นที่ร่างของอัศวินศักดิ์สิทธิ์  แล้วก็หายไป  บัดนี้อัศวินหน้าหล่อไม่เหลือบาดแผลและอาการเจ็บปวดใดๆอีก

                    เออ  รู้หน้าที่ตัวเองซะบ้างตุ้งพูดขึ้นท่ามกลางแสงแดดที่เริ่มต้องกระทบต้นไม้ใบหญ้า

                    แล้วใครกัน  ที่ทำให้ฉันเป็นอย่างนี้  เคนประชดประชัน

                    ช่วยไม่ได้  อยาก Noob เอง ตุ้งประชดใส่(Noobมาจากคำว่าNewbie แปลออกมาว่ามือใหม่  หรืออีกนัยน์หนึ่งคือกระจอกนั่นเอง )

                    เออๆ ฉันผิดเอง  ขอโทษ  เคนพูดตัดบท

                    เคน  นายพอจะรู้เรื่องคำสาปหรืออาถรรพ์บ้างมั๊ย  ตุ้งถาม

                    ก็รู้บ้าง  มีอะไร

                    ตรองเหมือนจะโดนคำสาปอะไรซักอย่าง  นายช่วยไปดูให้หน่อยว่ามันเกิดจากอะไร

                    ทำไมไม่ปล่อยมันตายไปเลยวะ  เคนพูดจบตุ้งก็ทำหน้าโกรธ

                    พูดเล่นๆ  ไปเดี๋ยวนี้เลย  ช้าไปจะมีอันตราย

    หลังจากจบการสนทนา  ตุ้งก็นำเคนกลับไปที่ค่ายทหาร เซนติเนลทันที

    นับว่าเป็นโชคดีอย่างมากที่มาเจอกับเคนในเวลาอย่างนี้  ทำให้ลดการใช้เวลาได้มากทีเดียว  ตุ้งและเคนยังคงวิ่งอย่างไม่ลดละ  สิ่งเดียวที่รู้คือ  ...ต้องทราบให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตรอง...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×