ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ชีวิตเด็กทุนก.พ. ในอเมริกา (ตั้ง 10 ปี แน่ะ โหย..)

    ลำดับตอนที่ #24 : 2011 Summer in Vermont: ปิดเทอมแล้ววววว วะฮ่าฮ่าฮ่า

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 636
      0
      30 พ.ค. 54

     (เมื่อกี้อยากจะบอกว่า กด backspace เพื่อจะลบคำผิด แต่มันดันกลายเป็น ย้อนกลับไปยังหน้าเพจอันเก่าซะงั้นอะ  ต้องพิมพ์ใหม่หมดเลย ฮึ่ย เจ้าคอมนี่นะ จะฉลาดไปไหน แต่ไม่โกรธค่ะ เพราะเพิ่งพิมพ์ไปได้สี่ห้าบรรทัดเท่านั้น )

    สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ นักอ่านที่น่ารักทุกคน ไม่ทราบว่าช่วงนี้เป็นไงกันบ้างเอ่ย  หลายคนคงอิ่มหมีพลีมัน
    ไปกับช่วงปิดเทอมหน้าร้อนอันแสนสำราญใจใช่ไหมคะ  แต่ว่าปิดกันมาจนใกล้จะเปิดเทอมแล้วใช่
    ไหมล่ะคะ อิอิ เตรียมตัวเตรียมใจกลับเข้าห้องเรียนหรือยังเอ่ย  ส่วนเรานั้นขอบอกว่าเพิ่งปิดเทอมค่ะ
    ความจริงปิดมาได้ครึ่งเดือนแล้วค่ะ มัวพักผ่อนอยู่เลยมิได้มาอัพเดทข่าวสารให้ฟังกันค่ะ

    และอยากบอกว่า ดีใจมาาาก ถึงมากที่สุดที่ได้ปิดเทอมใหญ่กับเขาสักที แม่เจ้ามันเหมือนกับถูก
    ลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง ได้สามสิบล้านก็ไม่ปาน (ไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้วงเงินเท่าไหร่กันแล้ว เหอๆ) เพราะ
    มันแปลว่าดิฉันหลุดพ้นจากห่วงบ่วงมารทั้งหลายที่อาจารย์ตั้งไว้ดักสอบ ไม่ต้องมานั่งทำงาน
    หรืออ่านหนังสือดึกๆ ดื่น ๆ ถึงตีสามแล้วเว้ยยยย  ชีวิตจะได้เลิกเป็นซอมบี้กลายเป็นโฮโมเซเปียน
    ธรรมดากับเขาสักที  ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ  ฟังดูแล้วอาจจะเวอร์ไป แต่รู้สึกแบบนี้จริง ๆ ค่ะ เพราะเรียนที่นี่
    มันเหนื่อยมากแสนสาหัส อย่างที่เคยบอกไป ว่ามันต้องพยายามอย่างมากมายกว่าคนอื่น ๆ หลาย
    เท่านัก ภาษาตัวเองก็ไม่ใช่ แต่ก็ผ่านมาแล้วค่ะ  ปีต่อไปก็หวังว่าคงจะดีขึ้น ต้องสู้ สู้ เพื่อน ๆ ก็เหมือนกันนะ

    ถ้าวันไหนที่เรียนหนักมากมายเกิดท้อ หมดแรง อยากไปโดดคูน้ำ หรือเอาเส้นหมี่รัดคอ ขอให้นึกว่า
    ยังมีคนอื่นที่เรียนหนักกว่า  เพื่อน ๆ น่ะดีแค่ไหนแล้วที่ได้เรียนเป็นภาษาไทยหมด (ไม่นับพวกเรียนสอง
    ภาษานะคะ อิอิ) เขียนเรียนสื่อสาร ทุกอย่างเป็นไทย ยังพอได้เข้าใจได้ง่ายบ้าง อย่างน้อยมันก็ภาษาเรา
    เองนี่นะ  แต่ลองนึกภาพว่าถ้าต้องให้เปลี่ยนการเรียนทุกอย่างมาเป็นภาษาอังกฤษหมด 100% จะ
    เป็นยังไง  ต้องพูดต้องเขียน และทำทุกอย่างเป็นอีกภาษาหนึ่งหมดเลย เพราะฉะนั้นนับว่ายังโชคดีกว่า
    มากนะ ยังถือว่าเบาและสบายกว่าเยอะ เมื่อเทียบกับคนที่เรียนนอก  เพราะฉะนั้นขอให้สู้ ๆ ค่ะ

    คือว่าตอนนี้เริ่มเขียนไม่ถูกค่ะ เพราะว่าห่างหายจากบทความไปนาน มันก็เลยมีเรื่องอยากจะเล่า
    มากมายเลยค่ะ ไม่รู้ว่าจะเอาเรื่องไหนก่อนดี โอยยย ลำดับไม่ถูก  เอาเป็นเล่าเรื่องก่อนปิดเทอมละกัน
    พวกเรื่องวิชาเรียน  เพราะว่าอย่างที่เคยเล่าว่า เราลงเรียน writing สองตัว ทำเอาหงายหลังชักดิ้น
    ไปเทอมนึงกันเลย  แต่พอมาดูเกรดแล้ว โอ้ววว....อาจารย์ตรวจผิดหรือเปล่า? งง? มันแบบดีเกินคาด
    หรือเขาเห็นใจฉัน เด็กไทยตาดำ ๆ ไม่รู้เหมือนกันค่ะ แต่ก็ต้องขอบคุณมาก ๆ 

    ส่วนอีกสองวิชานี่เป็นเลข Pre Calculus อืมคงเพราะว่ามันเป็นการเตรียมพื้นฐานก่อนเรียนแคลจริง 
    เลยมิได้ยากมากค่ะ  รอดไปนะวิชานี้ จนบางครั้งมันง่ายเกิน จนน่าเบื่อ ทำให้ไอ้นักเรียนคนนี้เกิด
    นิสัยเสียค่ะ แบบว่า ไม่ยอมไปเรียนพักนึง ประมาณเดือนกว่าเลยล่ะ เข้าห้องมาเพื่อสอบเฉย ๆ (ดูมัน)
    อีกเหตุผลคือตื่นไม่ทันด้วยค่ะ เพราะเริ่มเรียน 8.30 ตอนเช้า เห็นแล้วแบบขอสลบนอนต่อเถอะ
    เพราะปกติก็อ่านหนังสือถึงตีสามอยู่แล้ว

    เลยเกเรโดดคาบนั้นไป  แล้วตอนหลังมารู้ว่า อ้าวเฮ้ย มันมี quiz ทุกคาบเลยอะ!!! 
    โอ้พระเจ้า เล่นตลกกับลูก ไม่ยอมบอกก่อนอะว่าเล่นให้ quiz กันแทบทุกคาบ เพราะจำได้ว่าอาจารย์
    บอกว่านาน ๆ ให้ที หลังจบแต่ละบท สรุปเลยพลาด quiz ไปหลายอันเลย นี่แหละนะ ผลของการไม่
    เข้าเรียน  แต่ว่าส่งการบ้านทุกครั้ง แล้วก็จะพยายามทำข้อสอบให้เกินคะแนนเต็ม เพื่อเอาไปโปะของ
    ที่ขาด เล่นเอาเหงื่อตก  วันหลังไม่เอาแล้วค่ะ!

    สรุปว่าเป็นพฤติกรรมการเรียนที่แย่มากเลยค่ะ ไม่น่าทำ ทำไปได้ไงเนี่ย นั่นเป็นการโดดเรียนครั้งแรก
    และยาวนานที่สุดในชีวิตเลยนะเนี่ย ยิ่งเรียนเหมือนยิ่งขี้เกียจอะ ไม่รู้ทำไม ไม่รู้มีใครเป็นบ้างไหม
    พอแก่เข้า ความอยากเรียน ความกระตือรือร้นต่าง ๆ หายไปเยอะเลย นี่ถ้าบอกพ่อแม่เพื่อน ๆ เขาคง
    ตกใจนะ เพราะไม่มีใครคิดหรอกว่าเราจะโดดเรียนได้เยอะขนาดนั้น  นี่ก็ยังมีหน้ามากล้าเล่าให้เพื่อน ๆ 
    ฟังกันอีกนะเนี่ย มันอายบ้างไหมเนี่ย 

    ไม่อายหรอกค่ะ เพราะมันคือความจริง ที่เราก็อยากให้เพื่อน ๆ รับรู้ไว้เป็นข้อคิด ไม่ต้องมาแอ๊บว่าเรียน
    ดี เข้าเรียนทุกครั้ง เรื่องแบบนี้น่ะมันก็มีบ้างกันอยู่แล้วตามภาษานักเรียน แต่ต้องทำให้ถูก (โดดเรียน
    มันมีถูกด้วยเหรอ?) และเหมาะตามแต่ละวิชาไป แต่ก็อยากบอกให้รู้ว่ามันก็ไม่ดี มีผลเสียอย่างที่เรา
    พลาด quiz ไป  และอยากบอกให้รู้ว่าเราไม่ใช่คนดีเลิศเลอเพอร์เฟ็ก ทุกคนต่างมีข้อดีข้อเสียในตัวเอง
    ทั้งนั้น  อย่าไปคาดหวังหรือตั้งความหวังว่าคนนั้น คนนี้จะดีหมด หรือเป็นไปอย่างที่เราคาดไว้ เวลามอง
    อะไรให้มองหลาย ๆ ด้านค่ะ  แล้วก็อย่าไปเหมาว่าเด็กโดดเรียนทุกคนคือพวกไม่ดี เรียนแย่ มันก็ไม่ใช่
    อย่างนั้นเสมอไป ที่พูดนี่แบบอยากให้พวกผู้ใหญ่หลาย ๆ คนน่ะ เปลี่ยนมุมมองความคิด เลิกคาดหวัง
    อะไรมากมายเกินไปกับเด็ก ปล่อยให้เด็กได้มีอิสระบ้าง

    สังคมบางทีเนี่ย พอคนที่ดีมาตลอดทำผิดนิดนึงนะ โอ๊ย จะเป็นจะตายขึ้นมาด่าเขาเสีย ๆ หาย ๆ โดยลืม
    มองไปว่าเขาก็คนธรรมดาคนหนึ่งนะ ไม่ใช่เทวดานางฟ้าที่ไม่เคยทำผิด หรือทำผิดไม่เป็น สังคมชอบ
    มองเหมือนเขาผิดร้ายแรง เหมือนไปฆ่าคนตายกันมาเลยทีเดียวทั้งที่ผิดนิดเดียว ส่วนพวกคนชั่วที่ทำผิด
    พอเขาหันมาทำดีก็ไม่ให้โอกาส ไปว่าเขาอีกว่าทำดีเอาหน้า ไม่มีวันกลับตัวได้หรอก อืม..คิดแบบนี้
    ก็เลยเจริญกันหมดค่ะ..เหอๆๆ

    อ้าวไหงมาออกเรื่องสังคมไทยได้ล่ะ ฮ่า ๆ อย่าให้พูดค่ะ ยิ่งพูดยิ่งมัน มาต่อเรื่องของเราดีกว่า สรุปว่า
    โดดเรียนไม่ดี ถ้าไม่มีเหตุผลจำเป็นจริง ๆ ก็มาเรียนเถอะค่ะ เพราะอย่าลืมว่าเราจ่ายเงินค่าเทอมซื้อวิชา
    มาแล้ว การโดดเท่ากับทำให้ตัวเองขาดทุนย่อยยับ เป็นการลงทุนที่ผิดพลาดมาก มีที่ไหนจ่ายเงินซื้อของ
    มาแล้วไม่ใช้ซะงั้น อีกอย่างเงินนั้นถ้าเป็นเงินคุณพ่อคุณแม่ ก็ขอให้ระลึกว่าเขาทำงานหนักกว่าจะหามาได้
    มันยากลำบากมาก เหนื่อยตัวแทบขาด คนไม่เคยหาเงินเองจะไม่รู้หรอกค่ะ  ส่วนเราก็เหมือนกันใช้เงิน
    ภาษีคนไทยอยู่ทั้งประเทศ ก็ต้องสำนึก ต้องเรียนให้คุ้มค่ากับที่เขาจ่ายเรา  นักเรียนทุนทุกคนควรระลึก
    ถึงบุญคุณของชาวไทยเสมอ  สำหรับคนอื่นเราไม่รู้ แต่ใครมีบุญคุณกับเรา เราก็ต้องตอบแทน (จำประโยค
    นี้ได้ไหม ที่แม่ลำยอง พูดกับเรยา...อ๊ะอ๊ะ เราก็ดูเรยานะ อิอิ ไม่ตกเทรนด์จ้า เหอๆๆ แต่เพิ่งมาดูย้อนหลัง
    จากมันจบไปนานแล้ว เหอๆ เห็นว่าดังมากเรื่องนี้เลยต้องแวะดู แล้วก็พบว่าดีจริง ๆ)

    พูดถึงเรยา เพิ่งดูจบไม่กี่วันมานี้เองค่ะ อยากบอกว่าเป็นละครไทยที่ดีมากเลย คนเขียนบทนี่
    สุดยอดมากเลยอะ เขียนได้ไง แต่ละคำพูดคำจา  แล้วนักแสดงแต่ละคนทุกตัวละครแสดงออกมา
    ได้ดีมาก ๆ เลยค่ะ ขอชื่นชม สมบทบาทมาก ดูจนอินมาก ๆ อยากลุกขึ้นถีบเรยายังไงยังงั้นเลยค่ะ
    หมั่นไส้มาก  แต่ก็สงสารด้วยเหมือนกัน สรุปเป็นละครสะท้อนสังคมได้ดีจริง ๆ และที่ชอบอย่างหนึ่ง
    ไม่มีฉากตบตีกันไปมา จิกหัว บีบคอ หรืออะไรทำนองนั้นเลย จำได้ว่ามีฉากตบฉากเดียวทั้งเรื่องจึง
    รู้สึกว่า เป็นการทะเลาะกันอย่างมีการศึกษาจริง ๆ ผู้ดีมาก คิดว่าเรื่องนี้ต้องกวาดรางวัลเพียบแน่นอน

    กลับมาต่อกันที่ซัมเมอร์กันดีกว่าค่ะ เหอ ๆ บอกแล้วว่าเรื่องที่พูดมันสะเปะสะปะค่ะ ต้องทำใจนะคะ
    คือมีคนบอกเราว่า หน้าร้อนที่เวอร์มอนต์นี่แบบสุดยอดมาก สวยงาม อากาศสบาย เพอร์เฟ็กต์เลย
    ก็ว่าได้ แล้วอยากบอกว่าตอนนี้มันก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ ค่ะ อากาศไม่ร้อน! ไม่อยากจะเชื่อสายตาค่ะว่า
    มันไม่ร้อนเหมือนที่บอสตันที่เราเคยอยู่ปีที่แล้ว เลยประทับใจมาก ๆ แล้วอีกอย่างเมืองนี้ต้นไม้เยอะ
    มองไปทางไหนก็เขียวขจี สดชื่น สวยมาก ๆ ค่ะ รู้สึกดีใจที่อยู่ต่อหน้าร้อนที่เวอร์มอนต์ ไม่ได้กลับไทย
    แต่เอ๊ะ แล้วอยู่ทำอะไร ทำไมไม่กลับไทย เหอๆ จนมีเพื่อนมาสะกิดว่า นี่จะอยู่ทำลายสถิติเป็นนักเรียน
    ทุนที่ไม่กลับบ้านนานที่สุดหรือไง เพราะว่านี่ก็สองปีแล้วค่ะที่ไม่ได้กลับบ้าน

    ก็ความจริงวางแผนไว้แล้วนะว่าจะกลับดูตั๋วไว้เรียบร้อย แต่คิดไปคิดมา อยากลงเรียนซัมเมอร์สักตัว
    เพราะว่าอยากรีบเรียนวิชายาก ๆ ให้จบค่ะ มันเป็นวิชาบังคับที่เราไม่ชอบน่ะพวกเกี่ยวกับประวัติศาสตร์น่ะ
    เห็นแล้วอยากอาเจียน เหอๆ มันก็เหมือนให้เด็กคณะวาดรูปมาเรียนฟิสิกส์ควอนตัมอะไรประมาณนั้นอะ
    สรุปเลยลงไปสามวิชา กลายเป็นว่ายุ่งตลอดหน้าร้อนค่ะ ไม่ได้ว่างกลับบ้านเลยอ่ะ แล้วสรุปฉันได้หยุด
    ไหมเนี่ย ได้ข่าวว่าปิดเทอมได้สิบวัน เรียนต่อเลย เฮ้อ..หน้าร้อนที่ไม่ได้หยุด เหอๆๆๆ แต่มันก็ไม่ได้หนัก
    มากเหมือนตอนเปิดเทอมค่ะ เลยมีเวลาดูเรยาเหมือนชาวบ้านเขา อิอิ สรุปก็ยังรู้สึกมีความสุขนะที่
    ได้อยู่หน้าร้อนที่นี่ คงเพราะอากาศที่ดีด้วยแหละ เลยทำให้จิตใจเบิกบาน

    แต่สงสัยมันยังไม่ใช่หน้าร้อนแบบเต็มที่หรือเปล่า เพราะว่าบางอาทิตย์ฝนตกทุกวันเลย ไอเราก็
    แบบแอบเซ็ง นี่ก็จะให้หนาวตาย จะไม่ให้ได้มีอากาศดีกันเลยใช่ไหม เพราะเพื่อน ๆ ก็รู้ว่าเวอร์มอนต์
    มันหนาวแค่ไหน คงจำที่เราเคยบ่นให้ฟังได้ บ่นไว้เยอะมาก เหอๆ ก็มันหนาวนี่หน่า หนาวเกินไปโหด
    ร้ายเกินไปสำหรับคนไทยอย่างฉัน..กระซิก กระซิก  แล้วหน้าหนาวอะปกติมันสามเดือนกว่า แต่นี่
    อะไรกันของเวอร์มอนต์ปาเข้าไปตั้งหกเดือน บ้าไปแล้ว!  มันเพิ่งมาหายหนาวตอนจะหมดพฤษภาน่ะค่ะ
    ชาวบ้านรัฐอื่น เขาร้อนกันตับแตก แต่เราหนาวอยู่คนเดียว ให้ตายเหอะ  

    แต่ถ้าถามว่าชอบที่นี่ไหม ชอบมาาาาาาาก ถึงมากที่สุด ทุกอย่างดีหมด ดีแบบดีมาก แต่ยกเว้นอากาศ
    หนาวแค่นั้นแหละ นอกนั้นเพอร์เฟ็ก  ก็หวังว่าหน้าร้อนปีนี้จะอากาศร้อนบ้างนะ ให้สมกับชื่อฤดู อย่าง
    น้อยให้ไอคนไทยคนนี้ได้สัมผัสอากาศร้อนกับเขาบ้างนะ ถือว่าเห็นใจกันหน่อยนะ  เพราะฉะนั้นคนที่
    อยู่ไทยจงภูมิใจที่ท่านมีอากาศร้อนให้สัมผัส บางทีแบบอิจฉาคนไทย โหยยย อะไรกันได้มีโอกาสบ่น
    คำว่าร้อนด้วยอะ ฉันไม่เคยไม่แต่จะได้พูดคำว่าร้อนเลย ตั้งแต่มาเวอร์มอนต์  ไม่ยุติธรรรรรรรรม!

    เหอๆ บอกแล้วว่าอากาศหนาวมากทำคนเพี้ยน อย่าไปสนใจค่ะ  คิด ๆ แล้วก็เร็วเหมือนกันนะคะ เรียนมา
    ปีหนึ่งแล้ว นี่ก็จะขึ้นปีสองแล้ว ทำไมเร็วแบบนี้ ยังทำใจไม่ได้ เดี๋ยวก็ปีสามปีสี่ แล้วก็จบป.ตรี โอ๊ย ไม่
    อยากจะคิดเลยค่ะ เพราะยิ่งคิดยิ่งแก่... ฮ่าๆๆ ผู้หญิงนี่ไม่พ้นเรื่องอายุจริง ๆ ก็ไม่อยากแก่อะ เห็นอายุตัวเอง
    ที่เพิ่มขึ้นแล้วมันตกใจน่ะ เคยต่อเหลือสิบห้า แต่เขาไม่ยอม ก็เลยต้องปล่อยเลยตามเลย เหอๆ

    ตอนนี้จะตีหนึ่งแล้วแต่ยังนั่งอัพอยู่ อ้อลืมบอกไปค่ะว่าพอตอนเรียนซัมเมอร์เราต้องย้ายออกมาหาบ้านเช่า
    ข้างนอกน่ะ เพราะขืนพักต่อในมหาลัยมันจะแพงมาาาาก เพราะระบบเงินเดือนที่ก.พ.จ่ายให้มันเป็นแบบนี้
    ถ้าให้เขาออกค่าอาหารให้ เราก็จะได้เงินเดือนแค่ 20% ของจำนวนเต็มเท่านั้นคือ สองร้อยกว่าเหรียญ
    ต่อเดือน แต่ถ้าอยากได้เงินเดือนเต็มอัตรา เราต้องออกค่าอาหาร กับค่าที่พักเอง ซึ่งถ้าออกค่าหอมหาลัยเอง
    นะ ก็คงกินแกลบเป็นอาหารหลักล่ะค่ะ เพราะมหาลัยบังคับให้ซื้อบัตรอาหารกับที่พักของมหาลัยเป็นเวลา
    สองปีแรก  แบบบังคับกันเลยทีเดียว ปกติเขาจะขอแค่ปีเดียวแต่นี่สองปีเลย แล้วแพงอีกต่างหาก เฮ้อ..

    สรุปเงินเก็บก็ไม่มีแบบชาวบ้านเขาหรอกค่ะ แล้วต้องเจียดใช้แบบพอกินพออยู่ ซื้อได้เฉพาะของที่จำเป็น
    เท่านั้น ห้ามซื้อของที่อยากได้แต่ไม่จำเป็นเด็ดขาด จะซื้อแต่ละทีนี่คิดแล้วคิดอีก  แล้วผลเสียของการได้
    เงินเดือนแบบพอดี ๆ ก็คือ มันทำให้เราไม่มีเงินเหลือพอที่จะไปใช้เข้าร่วมทำกิจกรรมอื่น ๆ หรือร่วมแชร์
    กับเพื่อน ๆ ได้เลย  ใครชวนไปกินไหนก็ไม่ค่อยได้ไปหรอกค่ะ แบบต้องประหยัดสุด ๆ จะลงคลับที่อยาก
    ลงเพื่อจะได้หาเพื่อน ก็ต้องอด ต้องไปลงคลับฟรีแทนซึ่งบางครั้งเราไม่ได้ชอบ แต่ก็นะ  มันเหมือนทำให้
    การเข้าสังคมของเราลดลงไป ยังพูดคุยกับเพื่อนปกติดีนะ ถ้าถ้าเมื่อไหร่ชวนไปทำอะไรที่ต้องเสียตังค์ มัน
    ทำให้เราต้องปฏิเสธไปน่ะค่ะ ถ้าเป็นคนอื่นมองเค้าก็คงคิดว่าอีนี่งกจัง ไม่รู้คนอื่นจะมองว่าไงบ้างเนี่ย เหมือน
    มันเห็นแก่เรื่องเงินมากเกินไป ดูเหมือนเป็นคนไม่ดี ไม่แชร์เลย อะไรประมาณนั้น ก็เคยแอบคิดมากนิดนึงนะ
    แต่ทำไงได้ล่ะ ถ้าต้องทำตรงนั้น เพื่อเพื่อน ๆ แล้วตัวเองเดือดร้อน จนต้องไปรบกวนพ่อแม่ ก็คิดว่ามันไม่ถูก
    เหมือนกัน  ทำได้ตามเท่าที่กำลังมีละกัน เหอๆ

    อย่าคิดว่าชีวิตนักเรียนทุกสบายนะคะ  ยกเว้นพ่อแม่ไผรวยอันนั้นก็อีกเรื่องนึง ชีวิตนักเรียนทุนคือ
    ชีวิตที่ต้องประหยัดมัธยัธมาก ถ้าอยากมีเงินเก็บคือต้องทำงานหาเงินเพิ่มเอาเอง ถึงจะมีเหลือให้
    เก็บบ้าง  คงเคยได้ยินว่าบางคนได้ทุนก.พ. มีเงินเหลือเก็บเป็นล้าน อันนั้นก็เพราะว่าส่วนใหญ่ทำงาน
    ด้วยน่ะค่ะ ทำทุกอย่างไม่เกี่ยง แม้ล้างห้องน้ำ ก็มีคนเคยทำมาแล้ว  ก็ไม่รู้ว่าจริงไหม แต่คิดว่าเป็นไปได้
    ค่ะ  ซึ่งความจริงแล้วมันก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยอะไรหลาย ๆ อย่างด้วยนะ ขึ้นกับค่าครองชีพของแต่ละรัฐ
    ภาษีของรัฐ  นิสัยการใช้จ่ายเงินของแต่ละคน  ภาระด้านการใช้จ่ายส่วนตัวของแต่ละคน  เป็นต้น
     
    บอกตรง ๆ ว่าอยากมีเงินเหลือส่งกลับบ้านให้แม่เดือนละสัก ห้าร้อย หรือพันเหรียญก็ยังดี  เพราะตอนนี้
    แม่จะเกษียณละ อีกไม่กี่เดือน ส่วนพ่อนั้นเกษียณแล้ว  คือคิดว่ามันถือเวลาและหน้าที่ของเราแล้วที่ต้อง
    ช่วยเหลือเลี้ยงดูท่าน ไม่อยากให้ท่านลำบาก จะอยู่ยังไงไม่มีเงินเดือนแล้ว ในเมื่อภาระค่าใช้จ่ายยัง
    คงมีอยู่  บางทีก็แอบคิดว่าเรามาอยู่ตรงนี้ แล้วใครจะดูแลพวกเขาสองคน เหมือนดูเป็นลูกที่ไม่ดียังไงยัง
    งั้น  ไม่ได้ดูแลท่านใกล้ชิด เพราะพ่อกับแม่อายุมากแล้วน่ะค่ะ  แอบกังวลเหมือนกัน  คือเลยพยายามหางาน
    ตลอดเวลา  แต่ด้วยข้อจำกัดด้านการเรียน และวีซ่า มันทำให้หางานลำบากเหมือนกัน 

    เปลี่ยนเรื่องดีกว่า เดี๋ยวคนอ่านเครียดตาม เหอๆ  นี่อาทิตย์หน้าก็จะสอบละคะ เป็นสอบครั้งแรกของวิชา
    ที่ลงเรียนไว้  ตื่นเต้นค่ะ เพราะวิชานี้เรียนไม่ค่อยรู้เรื่อง ซะงั้น เหอๆ เลยต้องอ่านหนังสือหนักอีก
    ปัญหาอีกอย่างคือฟังคนสอนพูดไม่รู้เรื่อง เพราะเราไม่คุ้นกับสำเนียงเขาค่ะ  ต้องอัดเสียงทุกคาบ 
    เอาเป็นว่าขอจบการบอกเล่าเรื่องราวเอาไว้เพียงเท่านี้ ขอตัวไปอ่านหนังสืออีกสักหน่อย ก่อนนอน เอ๊ะหรือ
    ไม่นอนดี เหอๆ แล้วก็อาจจะไม่ได้อัพบ่อยนะคะ เพราะว่าเรียนนั่นเอง ยังไงก็เป็นกำลังใจให้นักเรียนทุกคน
    ค่ะ ใครใกล้เปิดเทอม หรือเปิดแล้วก็สู้ ๆ ค่ะ  ออแล้วก็ขอแสดงความยินดีกับน้อง ๆ ที่สอบติดทุนก.พ.
    ด้วยนะคะ เก่งมากเลยค่ะ  ขอให้สู้ ๆ ต่อไปค่ะ  แล้วก็จำไว้ว่ามาเรียนนอกเราต้องลำบากกว่าเขามากมาย
    เพราะฉะนั้นอย่าท้อ ต้องสู้ ค่ะ พี่เชื่อว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้ค่ะ พี่ทำได้ น้อง ๆ ทุกคนก็ทำได้ค่ะ ขอให้
    โชคดีค่ะ  

    ปล. ช่วงนี้เรามีเวลาเล่นเฟซบุ๊คแล้วนะคะ เหอๆๆๆๆ  เหมือนเรื่องประหลาดซะงั้น  ก็ปิดเทอมถึงเรียน
    แต่ก็มีเวลาแวะเข้ามาเฟซมากขึ้น เพราะฉะนั้นถ้าใครสงสัยหรือมีปัญหาอะไรให้ เฟซทิ้งไว้ได้เลยค่ะหรือ
    จะแวะทักทายเราก็ไม่ว่าค่ะ ยินดี ๆ  หรือจะสไกป์ก็ได้ แต่บ้านนี้ที่เราเช่าอยู่เน็ตมันไม่ดีค่ะ ต่อสไกป์ไม่
    ค่อยติด  เฟซน่าจะดีสุดสำหรับช่วงนี้  ยังไงก็ดูแลสุขภาพกันด้วยค่ะเพื่อน ๆ ไปก่อนนะคะ แล้วเจอกันใหม่ค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×