ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ชีวิตเด็กทุนก.พ. ในอเมริกา (ตั้ง 10 ปี แน่ะ โหย..)

    ลำดับตอนที่ #20 : ปีหนึ่งเทอมสอง: ทักทายค่ะ

    • อัปเดตล่าสุด 5 ก.พ. 54


    อิอิ

    มาถึงก็หัวเราะเพราะก็ไม่รู้จะพิมพ์อะไรอะค่ะ แหะๆ หลังจากหายไปนานตั้งแต่ช่วงปิดเทอมหนึ่งนู่นนน เลย ตอนนี้กลับมาแล้วอยู่ที่มหาลัยเรียบร้อยแล้วค่ะ กำลังเรียนภาคเรียนที่สองผ่านมาได้ เอ หนึ่ง..สอง..สาม.. ค่ะประมาณสามสัปดาห์เอง แต่ก็เหนื่อยไม่ใช่เล่นเลยล่ะค่ะ เพราะว่าเทอมนี้ลงไปห้าตัว แล้วเป็นวิชาที่ต้องอ่านเยอะทั้งนั้น ก็ลองดูกันอีกสักตั้งค่ะ ชีวิตมันก็ไม่มีอะไรมาก ก็ต้องสู้เดินหน้าไปเรือย ๆ ถูกไหมคะ แหมวันนี้ดูปรัชญาเนอะว่าไหม ฮ่าๆ คนเขียนก็เพี้ยน ๆ แบบนี้แหละค่ะ อย่าถือสาเนอะ

    วันนี้มีเรื่องมาเล่า กับมาบ่น จะฟังอันไหนก่อนเอ่ย โอเคเล่าก่อนละกัน เพราะไม่มีใครตอบ

    ภูมิใจนำเสนอมากเลยนะเรื่องนี้ ไม่ใช่อะไรหรอก มันคือเรื่องกินนน! ฮ่าๆๆ ชีวิตในเวอร์มอนต์อยู่ได้ด้วยกิน กินเพื่ออยู่ หรืออยู่เพื่อกิน แต่มันไม่ใช่กินเพื่ออยู่แบบธรรมดาแล้วอะค่ะ� คือแบบต้องกินเพื่อให้ร่างกายอบอุ่นพอ มาต่อกรกับไอความหนาวบรรลัย ไอความหนาวไม่บันยะบันยัง พอก่อนเนอะ� สรุปคือว่า ที่ใกล้ ๆ หอพักของเราน่ะ เขาสร้างโรงอาหารใหม่แล้ววว แว้วว แว้วว (ช่วยทำเสียง echo ด้วยนะ เราไม่มีงบพอไปติดตั้งลำโพงที่บ้านคุณ)� มันโอ้โหตระการตา สวยหรูแบบสไตล์โมเดิร์นกันเลยที่เดียว ชอบมาก ๆ เลยค่ะ สีสันดูอุ่นตาดี มีไฟสีส้มให้บรรยากาศโรแมนติก กินข้าวไปสุขใจไป มีเบาะโซฟาให้นั่งสบาย ๆ จะทำการบ้านก็สะดวก แบบว่าทำไปกินไป ฮ่าๆ เดี๋ยวว่าง ๆ จะไปถ่ายรูปมาให้ดูนะคะ ซึ่งไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อไหร่จะว่าง ขณะนี้ก็แอบอู้การบ้านมาเขียนบล็อก เหอะๆ

    หมดแล้วค่ะ เรื่องที่จะเล่า มันยาวมากเลยใช่ไหมคะ เข้าใจค่ะ ขอบคุณค่ะ แหมไม่ต้องชมขนาดนั้น เขินนน (<< เพี้ยน)

    ต่อไปเตรียมทำใจนะ เพราะจะสวดร่ายยาวให้ฟัง


    บทแรก: ร่ายหิมะขาว


    ชื่อฟังดูดี๊ดูดีมากค่ะ โฮะๆ แต่ ฉันเกลียดแกกกกกก ได้ยินม้ายยยยยย� ออกไปให้ไกล ๆ พ้น ๆ จากมหาลัยฉันได้แล้วไอหิมะบ้า ออกไป๊!� โอ๊ยย ก็วัน ๆ นะ คิดดูสิ ต้องตื่นขึ้นมาเรียนตั้งแต่เจ็ดโมงเพื่อจะไปให้ทันคาบแปดโมงครึ้ง ต้องแหกพระเจ้าตาตื่นขึ้นมา น้งน้ามไม่ต้องอาบหรอก หนาว ไม่มีอารมณ์� เฉพาะวันตื่นสายหรอกค่ะที่ไม่อาบฮ่าๆ อย่าตกใจไป หรืออาบกลางคืนมาแล้ว อะไรประมาณนั้น มันเป็นเรื่องปกติมากค่ะ ไม่อาบน้ำไปเรียน นี่กำลังคิดว่าคนเขียนซกมกสกปรกอยู่สิ� อย่านะ รู้นะคิดอะไรอะ หยุดเลย ๆ ขอยืนยัน! .......................ว่าคุณคิดถูกแล้ว เอิ๊ก..� บ้าน่าพูดเล่น

    แต่เนื่องจากสภาพอากาศที่นี่นั้นหนาวคล้ายกับตู้แช่แข็งในตู้เย็นที่บ้านเรา อืมอยากรู้ว่าหนาวแค่ไหน ลองแช่นิ้วในช่องแข็งสักชั่วโมงดู� น่าจะรู้สึกได้เหมือนกัน� ไม่ต้องมาหรอกอเมริกาประหยัดตังค์ด้วย เอานิ้วจิ้มตู้เย็นที่บ้านก็พอละ อยากได้หิมะ ก็ไปซื้อน้ำแข็งใสหน้าปากซอยมาราดหัวเล่น มีหลายสีด้วยนะเออ (มันเพี้ยนจริงเว้ย) เพราะฉะนั้นการอาบน้ำจึงมิใช่เรื่องสำคัญอะไรเท่าไหร่ แต่ยังไงก็คืออาบทุกวันอะค่ะ หรือจะเว้นวันก็แล้วแต่ตัวคุณ แต่ไม่ใช่เว้นสัปดาห์นะ นั่นมัน...(คิดเอง)

    แล้วรู้ไหมว่าแต่ละวันต้องทนหนาวเท่าไหร่ ลบสิบอะ! ลองคิดดูว่าอยู่เค้าไปได้ยังไง ไม่ใช่ไก่ หมู ปลา หรือเนื้อแช่สักหน่อย� แต่ทุกวันนี้สภาพก็ไม่ต่างจากพวกนั้นเท่าไหร่ นี่ถ้าโดดลงน้ำมันได้ คิดว่าคงทำไปแล้ว น่าอิจฉาพวกหมูไก่เนอะ เย็นแป๊บเดียวก็ได้อุ่นละ (อิจฉาไก่ =_=)� แล้วถ้าวันไหนมีพายุหิมะนะ น่าน ลบยี่สิบมันไปเลย เอาให้ตายกันข้างนึงไปเลย พัดมาเลยลม พัดมา อย่าหยุดนะ ถ้าแกไม่ตายฉันก็ตายกันไปข้างนึง� (แต่สรุป ฉันนี่แหละที่ตาย..ทุกรอบ)� แบบเดินไปเช้า ๆ ไปเรียนก็ด่าอากาศไปเรื่อยในใจเพราะไม่มีไรทำ ก็มันหนาวอะ ขอแค่ได้ขยับปากให้เมตาบอลิซึมทำงานสักหน่อยก็ยังดี เผื่อได้อุ่นบ้าง แล้วแต่งตัวแต่ละทีนะ โน่นเหมือนไอ้โม่งย่องเข้าขโมยของบ้านเคนหน่อยไม่มีผิด ปิดหน้าปิดตามิดชิด รักนวลสงวนตัว แม่แต่เศษโมเลกุลลมก็ไม่ได้แอ้มผิวเราหรอกค่ะ ฮ่าๆๆๆ

    แต่เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือหนาวยังมีหนาว เหนืออเมริกา ยังมีแคนาดา ตรงนั้นอะหนาวกว่าที่ที่เราอยู่อีกค่ะ เกือบแล้วเกือบไปเรียนแคนาดาแล้วดีนะ คิดทันก็เลยเปลี่ยนจากหนาวตายแคนาดา มาหนาวตายที่เวอร์มอนต์แทน พอดีว่ามีเพื่อนเรียนอยู่ที่นั่นค่ะ� เป็นโชคของเพื่อนไปนะ ที่ได้หนาวกว่าเรา ให้เค้าได้ไปสัมผัสว่าชีวิตหมีขั้วโลกนั้นเป็นอย่างไร เวลาเห็นหมีจะได้เข้าถึงจิตใจหมีอย่างถ่องแท้ ช่างเป็นปรัชญาที่แยบยลแยบคายมากของหน่วยทุนเพื่อนเรา ส่งไปเรียนชีวะที่แคนาดา (เอ่อ เพื่อนโดนลากมาเกี่ยวได้ไง อิอิ)

    แล้วก็เกิดเหตุการณ์มหัศจรรย์ขึ้นค่ะ มีคนมาซื้อหน้าเรา! เพราะเป็นเหตุการณ์ที่ขายหน้ามาก ๆ ก็แหมหิมะเต็มถนนมันลื่นสิถูกมะ ถึงจะกวาดแล้วแต่มันก็ตกเรื่อย ๆ ตอนลงบันไดค่ะ ก้าวหนึ่งโอเค ก้าวสองโอ ก้าวสาม พลึ่บๆๆ กลิ้งๆ หมุนตัวสามร้อยหกสิบองศา โอ้ราวบันได ฉันคว้าไว้ได้ทัน! ทันตอนที่ถึงพื้นข้างล่างเรียบร้อยแล้วอะค่ะ ขอบคุณนะราวบันไดที่ถูกสร้างมาเพื่อให้ฉันได้รู้ว่า แกไม่ได้ช่วยอะไรฉันเลย แถมยังยืนนิ่งไม่รู้สึกรู้สากับฉันอีก เชอะ!� แล้วที่มากกว่านั้นคือ มีคนเดินอยู่ข้างหลังเราเป็นขบวนเลยค่า สุดยอดไหมล่ะ ดังแล้วเรา ฮ่าๆ แล้วที่แย่กว่านั้นคือ เราเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ กลิ้งตกไปมีคนหยุดยืนดูนะ แต่ไม่ช่วยเลยอะ มีน้ำใจที่สุดในโลกค่ะ ยืนห่างจากเราสองคืบ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ (_/|\_) รู้ไหมคะว่าบันไดมีกี่ขั้นและสูงแค่ไหน !� "สี่ขั้น" ค่ะ� ก็เลยตกไม่เจ็บแถมมีหิมะรองรับนุ่มสบาย (เหมือนโดนหิมะตบหัวลูบหลัง)

    บทสอง: ร่ายตำราพิสดารประหารบัญชี

    เรามาว่ากันด้วยเรื่องของตำราค่ะ� นักเรียนทุกคนจะต้องพกตำราบู๊ตึ้ง เส้าหลินไว้อ่านเสมอ เพราะระบบที่นี่คืออ่านก่อนเข้าห้องสอน ไม่งั้นไม่รู้เรื่องนะเออ งง เหอๆ หมายถึงทุกคนต้องซื้อหนังสือเรียนน่ะค่ะ เพราะแต่ละวิชาจะกำหนดไว้ว่าต้องซื้ออะไรมาอ่านบ้าง มีวิชาหนึ่ง ต้องใช้หนังสือถึงหกเล่มด้วยกัน ก็ปาเข้าไป ถ้าพูดถึงว่าเป็นหนังสือใหม่หมด ก็ประมาณ $200 ค่ะ กินข้าวที่ไทยอร่อยๆ ได้หลายจานเลย� หรือบางวิชา เล่มเดียวก็สองร้อยเหรียญเหมือนกันค่ะ เช่นพวกวิชาเคมี หรือ ฟิสิกส์พวกนี้ แล้วยังต้องซื้อเฉลยเล่มละร้อยกว่ามาเสริมด้วย เพราะไม่ได้รวมเฉลยไว้ในนั้น ก็สามร้อยละ แล้วรัฐบาลบอกว่าให้เงินค่าหนังสือหนู ห้าร้อย ก็ให้เอาไปใช้จ่ายภายในนั้น ก็คิดดูละกันว่ามันพอเนอะ�

    ไม่ได้อยากจะว่าหรอกค่ะ เพราะรู้ว่าไม่มีใครซื้อหนังสือใหม่มาเรียนกันอยู่แล้ว เขามีแต่เช่ามาเรียนกันค่ะ ใช้เสร็จก็ส่งคืนเจ้าของบริษัท มันจะถูกกว่าเยอะมาก หรือว่าซื้อพวกมือสองน่ะค่ะ ก็ได้ราคาต่ำกว่ามาก� แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่ตัวหนังสือไงคะ มันอยู่ที่ระบบการเรียน� คือบางทีเราไม่อยากจะซื้อหนังสือก่อน� เพราะทางมหาลัยกำหนดไว้ว่าวิชาไหนลงแล้ว ถ้าจะถอนก็ทำได้ แต่ทำในสิบวันแรก เผื่อว่าดูแล้วเรียนไม่ชอบ ไม่เข้าท่าก็เปลี่ยนไปเรียนตัวอื่นแทน ดีกว่าทนเรียนไปให้เกรดมันแย่เอาทีหลังจะมาเสียใจทีหลังก็แก้อะไรไม่ได้แล้ว ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดีมากค่ะ ว่าไหมคะ เราก็เลยไม่ควรรีบซื้อหนังสือก่อน เพราะเกิดซื้อมาแล้วมันไม่ได้ใช้ ถามว่าคืนได้ไหม ส่วนใหญ่คืนไม่ค่อยจะได้ด้วยค่ะ ต้องคืนในระยะเวลาที่กำหนด ห้ามเปิดฉีดห่อพลาสติก อะไรประมาณนี้�

    มันก็เลยทำให้พอเรียนจริง ๆ นั้นหนังสือยังไม่พร้อม ก็ต้องสั่งของถูกก็รอนานอีก คือบางทีต้องใช้จริง ๆ ต้องตัดใจสั่งของที่แพงกว่าเพื่อให้ได้มาถึงเร็วกว่าอะไรประมาณนี้ค่ะ นี่คือความลำบากของการสั่งหนังสือเรียนที่อยากจะบ่นมากเลย มันแพง!

    บทสาม...ไม่มีค่ะ เหอๆๆ แค่เนี้ยคนอ่านก็บ่นแล้วล่ะค่ะ มีแต่อะไรไม่รู้บ่นอยู่ได้เรื่อง เดิม ๆ ไม่มีอะไรใหม่เลย ฮ่าๆๆ
    ขอบคุณสำหรับคนที่ยังติดตามนะคะ

    อีกเช่นเคย ถ้ามีคำถามสงสัยไปถามทิ้งไว้ในบอร์ดที่เราตั้งขึ้นมาได้นะคะ

    ขอบคุณค่ะ ดูและสุขภาพกันด้วยนะคะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×