ลำดับตอนที่ #8
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : เขียงสัมภาษณ์..ประสบการณ์ส่วนตัว
ขอโทษนะคะ ที่หายไปนาน เพิ่งจะได้ว่างมาเขียนเนื่องจากเปิดเทอมปีหนึ่งแล้วค่ะ ยุ่งน่าดูทีเดียว ตามประสาเด็กปีหนึ่งเนอะ เดี๋ยววันหลังจะเล่าให้ฟังค่ะ (จะเล่า ๆ ประจำแล้วก็หายย ฟิ้วว..ว)
คือบทความอันนี้จะเกี่ยวกับประสบการณ์ตอนสัมภาษณ์ของเราล้วน ๆ เลยนะ ว่าถามอะไร บ้าง รู้สึกอย่างไร กรรมการหน้าตาเป็นไง แก่แค่ไหน อ๊ะ ไม่เกี่ยวละ มันผ่านมาปีกว่าแล้วนะคะ ต้องมีหลงลืม บ้าง จะกู้ได้เท่าที่กู้ละกันค่ะ (ถ้าขี้เกียจอ่านเราพล่ามบรรยากาศ ก็ข้ามไปอ่านคำถามได้เลยนะ เดี๋ยวจะไฮไลท์สีไว้ให้จ้า )
การสัมภาษณ์ของเรานี่ เป็นสำหรับสาขา Animal Immunology
ก็ต้องมาตึกสัมภาษณ์ตั้งแต่เช้า เพื่อมารอ เป็นชั่วโมง ๆ = =" รอจนหายตื่นเต้นไปเลยล่ะค่ะ จริง ๆ เลยนะ ก.พ. เนี่ย
จากนั้นเขาจะรวบรวมกลุ่มเด็กไปนั่งในห้องประชุมใหญ่เพื่อรออีกสัก ชม. พอเข้าไปปุ๊บก็จะมีการลงชื่อรายงานตัว คนมาสัมภาษณ์
เราก็แบบแอบชะเง้อไง ว่าคู่แข่งตัวเองมาไหม (ฮ่าๆ ไม่ได้เจ้าเล่ห์นะ แค่เตรียมตัวเอ๊ง) เพราะเราอ่านประกาศทางเน็ตมาว่าทุนนี้ติดสัมภาษณ์กันแค่สองคนเอง ปกติจะให้ได้ห้าคน เราก็เลยพอมีลุ้นอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้หวังไกลอะไรมากมาย
ปรากฏว่ายังไม่มาแฮะ เอ๊ะ หรือไม่มาจริง ๆ เนี่ย (เยส!! ในใจเบา ๆ) ทุกคนพอลงชื่อเสร็จก็เข้าไปนั่งประจำที่เรียบร้อย
เตรียมตัวทำข้อสอบเขียนค่ะ แบบที่เคยเล่าไปในบทความอันที่แล้ว ๆ ว่าต้องมีการให้เขียนก่อน จะสัมภาษณ์ด้วยปากจริง
ซึ่งข้อมูลทั้งหมดที่เราเขียนไปเนี่ยจะใช้เป็นฐานข้อมูลให้กับกรรมการที่จะมาสัมภาษณ์เราอีกที ไอข้อสอบเขียนอันนั้นก็มีหลายหน้ามาก
เป็นปึกจนเราตกใจ (นี่จะเก็บคะแนนฉันจากพวกนี้เหรอ แอบเครียดสิคะ แถมให้เวลาจำกัดมาก ๆ ทำไม่ทันอะ เครียดยิ่งกว่าเดิม)
พอเราทำเสร็จ (ไม่เสร็จดีหรอก แต่หมดเวลา - -') เขาก็รวบรวมไป
หลังจากนั้นก็นั่งรอนาน ๆ ในห้องนั้น แล้วสักพักก็จะโดนเรียกตัวไปยังห้องสัมภาษณ์ที่มีกรรมการนั่งประจัญหน้าอยู่ ฮ่าๆ
ตอนไปถึงกรรมการยังไม่พร้อมเลย เจ้าหน้าที่ก็ให้เรารอหน้าห้อง เราก็รอ แล้ว เฮ้ย ! เค้าเอาสำเนาของไอ้กระดาษแผ่นนั้นมาให้เรา
แล้วบอกว่ากรรมการจะมีอีกชุดเหมือนกัน อ้าวตายละหว่า แล้วนี่ถ้าเราตื่นเต้นมาก ตอบไปไม่เหมือนกับที่เขียนอะ โอ๊ะ แม่เจ้า..
ปรากฏว่ารีบเปิดอ่านทบทวนใหญ่เลยค่ะ ตลกตัวเอง เขียนเองแท้ ๆ ทำไมกลัวจำไม่ได้นะ เหอๆ
ทีนี้กรรมการก็พร้อมละ เขาก็เรียกเราเข้าไปในห้อง
มันก็เป็นห้องเล็ก ๆ อะนะคะ จัดโต๊ะเป็นรูปตัวยู มีสามคนนั่งที่ขอบล่างตัวยู ส่วนที่แขนตัวยู ก็มีนั่งประจำฝั่งละคน ส่วนเราก็มีโต๊ะ กับเก้าอี้เล็ก ๆ ตั้งอยู่หน้าโต๊ะตัวยูค่ะ แบบว่า ประจัญหน้าอย่างจัง เราก็เข้าไปสวัสดีตามมารยาทสัมภาษณ์ (กร๊ากก ทุกคนต้องเป็นแน่เลย อาจารย์จะบอกว่าทำอย่างนั้น นู้นนี่ เอาเข้าจริงลืม ปล่อยโก๊ะ อิอิ แต่ไม่ใช่เรานะ)
โอ๊ะ ลืมบอกไปค่ะ ว่าคู่แข่งสัมภาษณ์ไม่มาแล้วว!!!! อิอิ ดีใจได้พักหนึ่งมาเครียดในห้องสัมภาษณ์ต่อ
สรุปคือมีกรรมการห้าคน อายุราว ๆ 20 - 40 ปี ก็แก่อะนะ แก่มะ ไม่รู้สิ (อ๊ากก เดี๋ยวเขาแอบอ่านเจอ เหอๆ)
มาจากมหาวิทยาลัยศิลปากรศูนย์ใหญ่ กับ ศูนย์ที่เพชรบุรีที่ที่เราต้องกลับไปทำงาน แล้วก็มีนักจิตวิทยาหนึ่งคน คนจะไม่บอก
ว่าคนไหน ก็ไปเดากันเองนะคะ แต่เราดูออกจากคำถามที่เขาถาม
กรรมการ -- นั่น ๆ ดูจ้องหน้า มีจ้องหน้ากรรมการด้วย ดู ๆ
นักเรียนตาดำ ๆ ผู้ถูกสัมภาษณ์-- (เอ้า หนูไปจ้องตอนไหน มาถึงมีแอบขู่กันเลย) เราก็แอบตกใจนิดนึง เหอๆ มันตื่นเต้นนี่ แต่ก็ทำหน้า
ยิ้ม ๆ เข้าไว้ คิดไรไม่ออกนี่ ก็ยิ้มไว้ก่อน เหอๆๆ ให้มันดูดี (ไม่รู้ดีไหมนะ ลืมพกกระจก)
กรรมการ -- เริ่มแนะนำตัวเองว่ามาจากนั้นนี้ ชื่อนี้
นักเรียน -- หงึก ๆ พยักหน้ารับรู้ไป พูดไปสิ จำไม่ได้หรอก (เราความจำสั้นน่ะ)
กรรมการ -- หยิบแฟ้มประวัติเราไปดู แล้วก็ถามขึ้นว่า ไหนลองพูดอังกฤษให้ฟังหน่อยสิ
นักเรียน -- เอ้า ไม่ให้หายใจหายคอเลย กรรม.. โหดร้ายอ่ะ ก็พูดเกี่ยวกับตัวเอง พ่อแม่พี่ ทำนองเล่าประวัติครอบครัวน่ะค่ะ
แต่ว่าพูดตะกุกตะกักมากก เพราะเราไม่เก่งภาษานี่นา เบสิคสุดๆ เหอๆ กรรมการคงหนักใจ
กรรมการ -- จบจากโรงเรียนไหน
นักเรียน -- ภูเก็ตวิทยาลัยค่ะ
กรรมการ -- ทำไมถึงมาสอบทุนนี้ รู้จักได้อย่างไร แล้วทำไมเลือกสาขานี้ล่ะ
นักเรียน -- พี่สาวบอกมา แล้วก็อยากเป็นนักวิจัยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เลือกสาขานี้เพราะว่าน่าสนใจ ตัวเองชอบชีววิทยาอยู่แล้ว
เรียนได้หมดถ้าเป็นชีวะ อยากทำงานค้นคว้าศึกษาเกี่ยวกับระดับโมเลกุล เพราะคิดว่ามันน่าทึ่งดี
กรรมการ -- รู้ไหมว่าต้องกลับมาใช้ทุนกี่ปี
นักเรียน -- ทราบค่ะ สองเท่าของระยะเวลาที่เรียนไป
กรรมการ -- มีพี่น้องเรียนที่ไหน หรือทำอะไรอยู่
นักเรียน -- พี่สาวเรียนอยู่... ก็ว่าไป
กรรมการ -- แล้วจบกลับมาต้องทำงานไกลบ้านนะ ทำได้เหรอ ไม่ห่วงบ้าน คิดถึงบ้าน อยากกลับบ้างเหรอ
นักเรียน -- ไม่เป็นไรอยู่แล้ว ขอแค่ได้ทำในสิ่งที่รักก็พอ แค่นั้นก็พอใจแล้ว ไม่เกี่ยงว่าที่ไหน
กรรมการ -- อืม ส่วนใหญ่เด็กต่างจังหวัดจะเป็นแบบนี้แหละ ทำที่ไหนก็ได้ ไม่เหมือนพวกกทม. ต้องติดบ้าน
นักเรียน -- หงึก ๆ ยิ้ม
นักจิตวิทยา -- แล้วไปอยู่ไกลบ้านแบบนั้น ไม่กลัวเหรอ ถ้าเกิดเหงา ท้อแท้ ขึ้นมาจะทำไง คิดว่าจะใช้ชีวิตได้เหรอ
นักเรียน -- ก็ถ้าเป็นแบบนั้นก็ต้องหาวิธีแก้ โทรกลับบ้าน คุยกับเพื่อน อย่าปล่อยให้ตัวเองฟุ้งซ่าน อะไรก็ว่าไปเถอะค่ะ บลา ๆๆ
กรรมการ -- นี่คงไม่เคยออกห่างจากบ้านไกล ๆ เลยใช่ไหม แม่ไม่ว่าเหรอ ไม่ห่วงเหรอ คงคิดถึงแย่
นักเรียน -- ก็บลา ๆๆ
กรรมการ (อยู่ ๆ คนที่นั่งเงียบอีกคนหนึ่งก็ถาม นึกว่าจะไม่พูดซะอีก) -- ไหนลองบอกวิธีแก้โรคติดต่อ หรือ ผลิตวัคซีนหน่อย พูดมาได้เลยนะ ไม่มีถูกผิด เอาตามที่คิด
นักเรียน -- (ความจริงเราแอบทำค้นคว้ามาแล้วแหละ เหอๆๆๆ แต่มันตื่นเต้นนน ก็เลยไม่เหมือนที่เตรียมมา ฮ่าๆ) ก็ร่ายไปตามหลักการทำวัคซีนธรรมดา
กรรมการ -- Genetics กับ Immunology นี่เหมือนกันไหม หรือต่างกัน เกี่ยวกันยังไง
นักเรียน -- (เพราะเราไปบอกเขาว่าเราชอบพันธุศาสร์น่ะ เขาเลยถาม ความจริง เรารู้ว่ามันต่างกัน แต่เราตอบว่าเกี่ยวกัน ออกแนวจะเหมือนกันด้วยซ้ำ ก๊ากกก ฉันทำอะไรลงไปนี่) เราก็ร่ายไปตามที่เรียนมา ไปโยงให้มันเกี่ยวอะนะ แต่ก็ทำได้ไม่ดี
กรรมการ -- ความจริงสองตัวนี้มันก็คนละเรื่องกันอะนะ แต่ก็..(จำไม่ได้ว่าพูดไร)
นักเรียน -- อ๋อค่ะ (ก๊ากก หน้าแตก)
กรรมการ -- จบมานี่ทำงานไรบ้างรู้ไหม
นักเรียน -- เป็นอาจารย์ กับนักวิจัยที่ม.ศิลปากรสาขาบลาๆๆ
กรรมการ -- รักสัตว์ไหม หรือว่าเลี้ยงสัตว์อะไรไหม
กรรมการ -- ให้ทำงานกับสัตว์นี่จะทำได้ไหม
กรรมการ -- แล้วให้มาสอนเด็กนี่สอนได้ไหม
ก็ต้องตอบว่าได้อยู่แล้วอ่ะ แต่ถ้าเป็นงานที่รัก ยังไงก็ทำได้
กรรมการ -- ถ้ามีคนมาซื้อตัวไปจะไปไหม จะแบบว่าหนีทำงานเมืองนอก แล้วไม่กลับไทยอะไรแบบนี้ไหม
นักเรียน -- ไม่ (ตอบอย่างมั่นใจ เพราะเราคนข้างอุดมการณ์หน่อย ๆ ด้วยแหละ เหอๆ) ไม่เด็ดขาด เพราะถ้าทำแบบนั้นก็สูญเปล่า แล้วเมื่อไหร่ประเทศจะพัฒนาสักที ถ้าคนดี ๆ เก่ง ๆ หนีไปหมด จะมีทุนนี้ไว้ทำไม แล้วความตั้งใจจริงที่มาสอบทุนนี้ ก็ตั้งใจมานานแล้วตั้งแต่เด็กว่าอยากช่วยเหลือและพัฒนาประเทศจริงๆ เพราะฉะนั้นจะไม่หันหลังให้ไทยเด็ดขาด (ว๊ายย เหอๆ แต่เราคิดแบบนี้จริงนะเนี่ย )
กรรมการ -- หมดคำถามแล้วล่ะ คราวนี้มีอะไรอยากจะถามกรรมการไหม
นักเรียน -- สภาวะภูมิคุ้นกันในไทยเป็นไง มีสถาบันวิจัยเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันในไทยโดยตรงหรือไม่ จำได้แค่นี้ค่ะ เราไม่รู้เหมือนกันว่าถามไรไปบ้าง ที่เราถามแบบนั้นไปเพราะตั้งใจไว้ไงว่าจะกลับมาทำวิจัยด้านนี้ให้โด่งดัง มีประสิทธิภาพ ไม่น้อยหน้าต่างชาติ ก็เลยต้องรู้ที่มาอะไรหน่อยน่ะ
แล้วพอจบคำถามเสร็จสิ้นกรรมการก็ชม ขอบคุณ ว่าอย่างโน้นอย่างนี้ ตามภาษาแกไป
เราก็โล่งอกเลยล่ะ จบแล้ว ผลเป็นไงไม่รู้ รู้ว่าทำดีสุดแล้วล่ะ
จากนั้นเราก็เดินทางไปสนามบินกับเพื่อน ๆ เตรียมกลับภูเก็ต ระหว่างกินข้าวอยู่ หนึ่งในกรรมการสัมภาษณ์โทรมาหา มาขอเบอร์ติดต่อเรา ก๊ากกกกก ดีใจ โทรมาแปลว่า... ไม่ ๆ ไม่เอา ๆ ไม่เข้าข้างตัวเองนะ อย่าคิดไกล ใจเย็น ๆ (แต่ยิ้มไปถึงหูแล้ว ก๊ากก)
จบละ ก็แค่นี้แหละค่ะ เพราะมันลืม ๆ น่ะ
คือบทความอันนี้จะเกี่ยวกับประสบการณ์ตอนสัมภาษณ์ของเราล้วน ๆ เลยนะ ว่าถามอะไร บ้าง รู้สึกอย่างไร กรรมการหน้าตาเป็นไง แก่แค่ไหน อ๊ะ ไม่เกี่ยวละ มันผ่านมาปีกว่าแล้วนะคะ ต้องมีหลงลืม บ้าง จะกู้ได้เท่าที่กู้ละกันค่ะ (ถ้าขี้เกียจอ่านเราพล่ามบรรยากาศ ก็ข้ามไปอ่านคำถามได้เลยนะ เดี๋ยวจะไฮไลท์สีไว้ให้จ้า )
การสัมภาษณ์ของเรานี่ เป็นสำหรับสาขา Animal Immunology
ก็ต้องมาตึกสัมภาษณ์ตั้งแต่เช้า เพื่อมารอ เป็นชั่วโมง ๆ = =" รอจนหายตื่นเต้นไปเลยล่ะค่ะ จริง ๆ เลยนะ ก.พ. เนี่ย
จากนั้นเขาจะรวบรวมกลุ่มเด็กไปนั่งในห้องประชุมใหญ่เพื่อรออีกสัก ชม. พอเข้าไปปุ๊บก็จะมีการลงชื่อรายงานตัว คนมาสัมภาษณ์
เราก็แบบแอบชะเง้อไง ว่าคู่แข่งตัวเองมาไหม (ฮ่าๆ ไม่ได้เจ้าเล่ห์นะ แค่เตรียมตัวเอ๊ง) เพราะเราอ่านประกาศทางเน็ตมาว่าทุนนี้ติดสัมภาษณ์กันแค่สองคนเอง ปกติจะให้ได้ห้าคน เราก็เลยพอมีลุ้นอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้หวังไกลอะไรมากมาย
ปรากฏว่ายังไม่มาแฮะ เอ๊ะ หรือไม่มาจริง ๆ เนี่ย (เยส!! ในใจเบา ๆ) ทุกคนพอลงชื่อเสร็จก็เข้าไปนั่งประจำที่เรียบร้อย
เตรียมตัวทำข้อสอบเขียนค่ะ แบบที่เคยเล่าไปในบทความอันที่แล้ว ๆ ว่าต้องมีการให้เขียนก่อน จะสัมภาษณ์ด้วยปากจริง
ซึ่งข้อมูลทั้งหมดที่เราเขียนไปเนี่ยจะใช้เป็นฐานข้อมูลให้กับกรรมการที่จะมาสัมภาษณ์เราอีกที ไอข้อสอบเขียนอันนั้นก็มีหลายหน้ามาก
เป็นปึกจนเราตกใจ (นี่จะเก็บคะแนนฉันจากพวกนี้เหรอ แอบเครียดสิคะ แถมให้เวลาจำกัดมาก ๆ ทำไม่ทันอะ เครียดยิ่งกว่าเดิม)
พอเราทำเสร็จ (ไม่เสร็จดีหรอก แต่หมดเวลา - -') เขาก็รวบรวมไป
หลังจากนั้นก็นั่งรอนาน ๆ ในห้องนั้น แล้วสักพักก็จะโดนเรียกตัวไปยังห้องสัมภาษณ์ที่มีกรรมการนั่งประจัญหน้าอยู่ ฮ่าๆ
ตอนไปถึงกรรมการยังไม่พร้อมเลย เจ้าหน้าที่ก็ให้เรารอหน้าห้อง เราก็รอ แล้ว เฮ้ย ! เค้าเอาสำเนาของไอ้กระดาษแผ่นนั้นมาให้เรา
แล้วบอกว่ากรรมการจะมีอีกชุดเหมือนกัน อ้าวตายละหว่า แล้วนี่ถ้าเราตื่นเต้นมาก ตอบไปไม่เหมือนกับที่เขียนอะ โอ๊ะ แม่เจ้า..
ปรากฏว่ารีบเปิดอ่านทบทวนใหญ่เลยค่ะ ตลกตัวเอง เขียนเองแท้ ๆ ทำไมกลัวจำไม่ได้นะ เหอๆ
ทีนี้กรรมการก็พร้อมละ เขาก็เรียกเราเข้าไปในห้อง
มันก็เป็นห้องเล็ก ๆ อะนะคะ จัดโต๊ะเป็นรูปตัวยู มีสามคนนั่งที่ขอบล่างตัวยู ส่วนที่แขนตัวยู ก็มีนั่งประจำฝั่งละคน ส่วนเราก็มีโต๊ะ กับเก้าอี้เล็ก ๆ ตั้งอยู่หน้าโต๊ะตัวยูค่ะ แบบว่า ประจัญหน้าอย่างจัง เราก็เข้าไปสวัสดีตามมารยาทสัมภาษณ์ (กร๊ากก ทุกคนต้องเป็นแน่เลย อาจารย์จะบอกว่าทำอย่างนั้น นู้นนี่ เอาเข้าจริงลืม ปล่อยโก๊ะ อิอิ แต่ไม่ใช่เรานะ)
โอ๊ะ ลืมบอกไปค่ะ ว่าคู่แข่งสัมภาษณ์ไม่มาแล้วว!!!! อิอิ ดีใจได้พักหนึ่งมาเครียดในห้องสัมภาษณ์ต่อ
สรุปคือมีกรรมการห้าคน อายุราว ๆ 20 - 40 ปี ก็แก่อะนะ แก่มะ ไม่รู้สิ (อ๊ากก เดี๋ยวเขาแอบอ่านเจอ เหอๆ)
มาจากมหาวิทยาลัยศิลปากรศูนย์ใหญ่ กับ ศูนย์ที่เพชรบุรีที่ที่เราต้องกลับไปทำงาน แล้วก็มีนักจิตวิทยาหนึ่งคน คนจะไม่บอก
ว่าคนไหน ก็ไปเดากันเองนะคะ แต่เราดูออกจากคำถามที่เขาถาม
กรรมการ -- นั่น ๆ ดูจ้องหน้า มีจ้องหน้ากรรมการด้วย ดู ๆ
นักเรียนตาดำ ๆ ผู้ถูกสัมภาษณ์-- (เอ้า หนูไปจ้องตอนไหน มาถึงมีแอบขู่กันเลย) เราก็แอบตกใจนิดนึง เหอๆ มันตื่นเต้นนี่ แต่ก็ทำหน้า
ยิ้ม ๆ เข้าไว้ คิดไรไม่ออกนี่ ก็ยิ้มไว้ก่อน เหอๆๆ ให้มันดูดี (ไม่รู้ดีไหมนะ ลืมพกกระจก)
กรรมการ -- เริ่มแนะนำตัวเองว่ามาจากนั้นนี้ ชื่อนี้
นักเรียน -- หงึก ๆ พยักหน้ารับรู้ไป พูดไปสิ จำไม่ได้หรอก (เราความจำสั้นน่ะ)
กรรมการ -- หยิบแฟ้มประวัติเราไปดู แล้วก็ถามขึ้นว่า ไหนลองพูดอังกฤษให้ฟังหน่อยสิ
นักเรียน -- เอ้า ไม่ให้หายใจหายคอเลย กรรม.. โหดร้ายอ่ะ ก็พูดเกี่ยวกับตัวเอง พ่อแม่พี่ ทำนองเล่าประวัติครอบครัวน่ะค่ะ
แต่ว่าพูดตะกุกตะกักมากก เพราะเราไม่เก่งภาษานี่นา เบสิคสุดๆ เหอๆ กรรมการคงหนักใจ
กรรมการ -- จบจากโรงเรียนไหน
นักเรียน -- ภูเก็ตวิทยาลัยค่ะ
กรรมการ -- ทำไมถึงมาสอบทุนนี้ รู้จักได้อย่างไร แล้วทำไมเลือกสาขานี้ล่ะ
นักเรียน -- พี่สาวบอกมา แล้วก็อยากเป็นนักวิจัยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เลือกสาขานี้เพราะว่าน่าสนใจ ตัวเองชอบชีววิทยาอยู่แล้ว
เรียนได้หมดถ้าเป็นชีวะ อยากทำงานค้นคว้าศึกษาเกี่ยวกับระดับโมเลกุล เพราะคิดว่ามันน่าทึ่งดี
กรรมการ -- รู้ไหมว่าต้องกลับมาใช้ทุนกี่ปี
นักเรียน -- ทราบค่ะ สองเท่าของระยะเวลาที่เรียนไป
กรรมการ -- มีพี่น้องเรียนที่ไหน หรือทำอะไรอยู่
นักเรียน -- พี่สาวเรียนอยู่... ก็ว่าไป
กรรมการ -- แล้วจบกลับมาต้องทำงานไกลบ้านนะ ทำได้เหรอ ไม่ห่วงบ้าน คิดถึงบ้าน อยากกลับบ้างเหรอ
นักเรียน -- ไม่เป็นไรอยู่แล้ว ขอแค่ได้ทำในสิ่งที่รักก็พอ แค่นั้นก็พอใจแล้ว ไม่เกี่ยงว่าที่ไหน
กรรมการ -- อืม ส่วนใหญ่เด็กต่างจังหวัดจะเป็นแบบนี้แหละ ทำที่ไหนก็ได้ ไม่เหมือนพวกกทม. ต้องติดบ้าน
นักเรียน -- หงึก ๆ ยิ้ม
นักจิตวิทยา -- แล้วไปอยู่ไกลบ้านแบบนั้น ไม่กลัวเหรอ ถ้าเกิดเหงา ท้อแท้ ขึ้นมาจะทำไง คิดว่าจะใช้ชีวิตได้เหรอ
นักเรียน -- ก็ถ้าเป็นแบบนั้นก็ต้องหาวิธีแก้ โทรกลับบ้าน คุยกับเพื่อน อย่าปล่อยให้ตัวเองฟุ้งซ่าน อะไรก็ว่าไปเถอะค่ะ บลา ๆๆ
กรรมการ -- นี่คงไม่เคยออกห่างจากบ้านไกล ๆ เลยใช่ไหม แม่ไม่ว่าเหรอ ไม่ห่วงเหรอ คงคิดถึงแย่
นักเรียน -- ก็บลา ๆๆ
กรรมการ (อยู่ ๆ คนที่นั่งเงียบอีกคนหนึ่งก็ถาม นึกว่าจะไม่พูดซะอีก) -- ไหนลองบอกวิธีแก้โรคติดต่อ หรือ ผลิตวัคซีนหน่อย พูดมาได้เลยนะ ไม่มีถูกผิด เอาตามที่คิด
นักเรียน -- (ความจริงเราแอบทำค้นคว้ามาแล้วแหละ เหอๆๆๆ แต่มันตื่นเต้นนน ก็เลยไม่เหมือนที่เตรียมมา ฮ่าๆ) ก็ร่ายไปตามหลักการทำวัคซีนธรรมดา
กรรมการ -- Genetics กับ Immunology นี่เหมือนกันไหม หรือต่างกัน เกี่ยวกันยังไง
นักเรียน -- (เพราะเราไปบอกเขาว่าเราชอบพันธุศาสร์น่ะ เขาเลยถาม ความจริง เรารู้ว่ามันต่างกัน แต่เราตอบว่าเกี่ยวกัน ออกแนวจะเหมือนกันด้วยซ้ำ ก๊ากกก ฉันทำอะไรลงไปนี่) เราก็ร่ายไปตามที่เรียนมา ไปโยงให้มันเกี่ยวอะนะ แต่ก็ทำได้ไม่ดี
กรรมการ -- ความจริงสองตัวนี้มันก็คนละเรื่องกันอะนะ แต่ก็..(จำไม่ได้ว่าพูดไร)
นักเรียน -- อ๋อค่ะ (ก๊ากก หน้าแตก)
กรรมการ -- จบมานี่ทำงานไรบ้างรู้ไหม
นักเรียน -- เป็นอาจารย์ กับนักวิจัยที่ม.ศิลปากรสาขาบลาๆๆ
กรรมการ -- รักสัตว์ไหม หรือว่าเลี้ยงสัตว์อะไรไหม
กรรมการ -- ให้ทำงานกับสัตว์นี่จะทำได้ไหม
กรรมการ -- แล้วให้มาสอนเด็กนี่สอนได้ไหม
ก็ต้องตอบว่าได้อยู่แล้วอ่ะ แต่ถ้าเป็นงานที่รัก ยังไงก็ทำได้
กรรมการ -- ถ้ามีคนมาซื้อตัวไปจะไปไหม จะแบบว่าหนีทำงานเมืองนอก แล้วไม่กลับไทยอะไรแบบนี้ไหม
นักเรียน -- ไม่ (ตอบอย่างมั่นใจ เพราะเราคนข้างอุดมการณ์หน่อย ๆ ด้วยแหละ เหอๆ) ไม่เด็ดขาด เพราะถ้าทำแบบนั้นก็สูญเปล่า แล้วเมื่อไหร่ประเทศจะพัฒนาสักที ถ้าคนดี ๆ เก่ง ๆ หนีไปหมด จะมีทุนนี้ไว้ทำไม แล้วความตั้งใจจริงที่มาสอบทุนนี้ ก็ตั้งใจมานานแล้วตั้งแต่เด็กว่าอยากช่วยเหลือและพัฒนาประเทศจริงๆ เพราะฉะนั้นจะไม่หันหลังให้ไทยเด็ดขาด (ว๊ายย เหอๆ แต่เราคิดแบบนี้จริงนะเนี่ย )
กรรมการ -- หมดคำถามแล้วล่ะ คราวนี้มีอะไรอยากจะถามกรรมการไหม
นักเรียน -- สภาวะภูมิคุ้นกันในไทยเป็นไง มีสถาบันวิจัยเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันในไทยโดยตรงหรือไม่ จำได้แค่นี้ค่ะ เราไม่รู้เหมือนกันว่าถามไรไปบ้าง ที่เราถามแบบนั้นไปเพราะตั้งใจไว้ไงว่าจะกลับมาทำวิจัยด้านนี้ให้โด่งดัง มีประสิทธิภาพ ไม่น้อยหน้าต่างชาติ ก็เลยต้องรู้ที่มาอะไรหน่อยน่ะ
แล้วพอจบคำถามเสร็จสิ้นกรรมการก็ชม ขอบคุณ ว่าอย่างโน้นอย่างนี้ ตามภาษาแกไป
เราก็โล่งอกเลยล่ะ จบแล้ว ผลเป็นไงไม่รู้ รู้ว่าทำดีสุดแล้วล่ะ
จากนั้นเราก็เดินทางไปสนามบินกับเพื่อน ๆ เตรียมกลับภูเก็ต ระหว่างกินข้าวอยู่ หนึ่งในกรรมการสัมภาษณ์โทรมาหา มาขอเบอร์ติดต่อเรา ก๊ากกกกก ดีใจ โทรมาแปลว่า... ไม่ ๆ ไม่เอา ๆ ไม่เข้าข้างตัวเองนะ อย่าคิดไกล ใจเย็น ๆ (แต่ยิ้มไปถึงหูแล้ว ก๊ากก)
จบละ ก็แค่นี้แหละค่ะ เพราะมันลืม ๆ น่ะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น