คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : ล่องเรือขายก๋วยเตี๋ยววันแรก (1/2)
วันหยุดยาว 3 วันนี้ (21-22-23) รั่วซีจะลงนิยายวันละ 3 parts นะคะ (เพิ่มจากเดิมที่ลง 2 parts) เพื่อให้นักอ่านได้อ่านกันเยอะขึ้นวันหยุดนะคะ ^^
ถ้าอ่านแล้วสนุก อ่านแล้วชอบ สามารถกดหัวใจ กดเพิ่มเข้าชั้น กดติดตามนามปากกา และอุดหนุน Ebook ของรั่วซีได้นะคะ (หาเงินกินก๋วยเตี๋ยวเรือค่ะ 5555) โดย E book รั่วซีกำลังปั่นตอนพิเศษอยู่นะคะ เร็วๆนี้เจอกันค่ะ!
ขอบพระคุณเพื่อนๆนักอ่านที่อยู่กับรั่วซีจนถึงตอนนี้ด้วยค่ะ (อยากให้อยู่ตลอดไปจนจบเลยค่ะ อ้อนนนนนนนนน)
หลินซินอี๋ตื่นแต่เช้าเพื่อตั้งเตาทำน้ำแกงก๋วยเตี๋ยวและเส้นต่างๆ นอกจากนี้ตอนไปจ่ายตลาดนางยังได้ซื้อวัตถุดิบมาทำกากหมูเจียว แคปหมูและเกี๊ยวหมูทอดเอาไว้สำหรับให้ลูกค้ากินกับก๋วยเตี๋ยวเรือด้วย
เมื่อจัดการทำทุกอย่างจนเสร็จเรียบร้อยแล้วร่างบางก็รีบเตรียมตัวเพื่อออกไปขายของวันแรกด้วยความกระตือรือร้น
“ซินอี๋ เจ้าพร้อมแล้วหรือยัง?”
ซูเฟยอวี่นำเตาฟืนไปตั้งลงในช่องสี่เหลี่ยมที่สั่งทำพิเศษบนเรือจากนั้นก็ยกหม้อน้ำแกงไปวางเอาไว้บนนั้น ครั้นพอนำของทั้งหมกลงเรือจึงได้ตะโกนเรียกภรรยาจากข้างนอกเรือน
“มาแล้วเจ้าค่ะๆ”
วันนี้เป็นวันขายของวันแรกนางจึงได้ซื้อเสื้อผ้าสีสันสดใสมาสองสามชุดเพื่อเตรียมเอาไว้สำหรับวันมงคลเช่นนี้ ครั้นเมื่อซูเฟยอวี่เห็นภรรยาวิ่งมาหาตนในชุดกระโปรงสีขาวสลับแดงที่ขับเน้นความงดงามเปล่งปลั่งของนางออกมา ชายหนุ่มก็ถึงกับตกตะลึงอยู่ไม่น้อย
“เหตุใดเจ้าต้องแต่งตัว…งามนัก”
หลินซินอี๋คิดว่าสีแดงคือสีมงคลของนาง หากพายเรือไปชาวบ้านเห็นสตรีชุดแดงจะต้องโดดเด่นชวนให้คนเรียกซื้อของอย่างแน่นอน
“ค้าขายวันแรกก็ต้องแต่งตัวสวยเอาฤกษ์เอาชัยหน่อยสิเจ้าคะ”
ทว่า ยิ่งมองซูเฟยอวี่กลับยิ่งรู้สึกว่าชุดนี้ทั้งงามแต่ก็น่าขัดใจอย่างประหลาด ชายหนุ่มเกรงว่าความงดงามโดดเด่นเช่นนี้จะทำให้ภรรยาตกเป็นเป้าสายตาของบุรุษอื่น
“ท่านพี่ เหตุใดจึงขมวดคิ้วเช่นนั้นล่ะ ข้าไม่งามหรือ?”
หลินซินอี๋รู้สึกใจแป้วขึ้นมาอยู่บ้าง ซูเฟยอวี่สวมหมวกปิดบังใบหน้าแล้วเดินจ้ำขึ้นเรือไปโดยไม่มอง ทิ้งให้หญิงสาวยืนหน้าแดงอยู่ตรงนั้น
“เจ้างามเสียจนข้าเกรงว่าจะได้กอดไหน้ำส้มไปตลอดทางเสียมากกว่า”
หลังจากนั้นทั้งสองก็ล่องเรือออกไปจากหน้าเรือน มุ่งหน้าไปตามกระแสน้ำ หลินซินอี๋นั่งก้นแทบไม่ติดพื้น ความรู้สึกนี้เหมือนกับตอนชาติก่อนที่นางเพิ่งเปิดร้านวันแรกเช่นกัน
ดังนั้นเมื่อนั่งประจำที่และจัดข้าวของจนดีแล้ว หญิงสาวจึงล้วงมือเข้าไปในเสื้อเพื่อหยิบสร้อยคอของตนออกมากำไว้
“นั่นอะไรหรือ?”
ซูเฟยอวี่ไม่เคยเห็นภรรยาเอาสิ่งนี้ออกมาจึงเอ่ยถาม
หลินซินอี๋ก้มลงมองมือตัวเอง
ความจริงแล้วของสิ่งนี้ก็คือนกหวีดที่เจ้าของร่างของนางพกติดกายเอาไว้ตั้งแต่เด็ก ทุกครั้งในยามที่ตื่นเต้นหรือหวาดกลัวก็มักจะนำมันออกมากำไว้ในมือเปรียบเสมือนเป็นเครื่องรางสงบใจ หลินซินอี๋เผลอหยิบมันขึ้นมาตามสัญชาตญานของเจ้าของร่าง
“อ๋อ นี่เป็นเครื่องรางที่ข้าพกไว้ตั้งแต่เด็กเจ้าค่ะ แล้วก็เป็นนกหวีดด้วย”
พูดจบ จู่ๆ หญิงสาวก็นึกอะไรดีๆ ขึ้นมาได้จึงเอ่ยเสริม
“ข้าเห็นว่าเราต้องพายเรือขายของกัน แทนที่จะพายไปเงียบๆ รอให้คนเห็นเรา มิสู้ใช้วิธีการเป่านกหวีดนี่เรียกลูกค้าดีหรือไม่ นกหวีดนี้ถูกทำขึ้นมาเฉพาะไม่ใช่นกหวีดที่วางขายกันทั่วไป เสียงของมันไพเราะและมีเอกลักษณ์มากเจ้าค่ะ ข้าจะเป่าให้ท่านฟังนะเจ้าคะ”
ทันทีที่หลินซินอี๋วางนกหวีดลงบนริมฝีปาก เสียงไพเราะกังวานใสคล้ายกับเสียงของนกตัวน้อยกำลังประสานเสียงร้องเพลงก็ดังสะท้อนไปทั่วคุ้งน้ำ ทำให้ชาวบ้านที่กำลังทำงานอยู่ริมตลิ่งพากันออกจากเรือนเพื่อมองหาที่มาของเสียงเป็นตาเดียว
“นี่ เสียงคนเป่าอะไรกัน ไพเราะเหลือเกิน”
“ข้าก็ได้ยิน เอ๋ ดูนั่นสิ เหมือนจะดังมาจากทางนั้น”
ครั้นเมื่อมองไปไกลก็พบว่าบนเรือลำหนึ่งมีสตรีสวมชุดสีแดงเพลิงผู้หนึ่งนั่งเคียงคู่มากับบุรุษสวมหมวกฟางมุ่งหน้าตรงมาทางนี้ บนเรือบรรทุกข้าวของมาจนเต็ม ทั้งยังมีควันลอยฉุยราวกับเป็นเรือขายอาหารจึงตะโกนถาม
“นี่ แม่นางเจ้าขายอะไรหรือ?”
ได้ผล! หลินซินอี๋หันไปยิ้มแย้มกับซูเฟยอวี่ ก่อนที่ทั้งสองจะชะลอฝีพาย เลี้ยวเรือเข้าไปเทียบท่า
“ข้าขายก๋วยเตี๋ยวเรือเจ้าค่ะ”
หญิงสาวตอบเสียงใส
“ก๋วยเตี๋ยวอย่างนั้นหรือ?”
บนเรือมีหม้อใบใหญ่กับผักสด เนื้อสัตว์ และเส้นหน้าตาแปลกตาอยู่จำนวนหนึ่ง จากตอนแรกที่มีคนกลุ่มเล็กออกมาตามเสียงนกหวีดแปลกหู คราวนี้เมื่อเรือมาจอดใกล้ๆ ก็ค่อยๆ มีคนเดินตามกลิ่นหอมของน้ำแกงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ความคิดเห็น