คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : ทำก๋วยเตี๋ยวเรือชามแรกให้สามีชิม (1/2)
หลังจากนั้นหลินซินอี๋ก็ไม่ปล่อยให้บุรุษผู้นี้ได้มีเวลาคิดนานจึงจัดการรีบลากอีกฝ่ายให้เดินออกจากเรือนเพื่อตรงไปซื้อของในตลาดทันที
ซูเฟยอวี่จับจูงมือภรรยาพากันเดินไปยังตลาดซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พักมากนัก ทั้งสองคนรีบมุ่งหน้าไปยังร้านตีเหล็กก่อนเป็นอันดับแรก
“เถ้าแก่เจ้าคะ ข้าอยากสั่งทำหม้อขนาดพิเศษสักใบ ไม่ทราบว่าร้านของท่านรับทำหรือไม่?”
เดิมทีร้านตีเหล็กพวกนี้นอกจากจะทำอาวุธหรือของใช้อื่นๆ แล้วก็ยังรับทำเครื่องครัวต่างๆ ด้วย เมื่อเถ้าแก่ร้านพยักหน้าหลินซินอี๋จึงนำกระดาษที่วาดรูปหม้อเอาไว้ยื่นให้ดู
“เป็นหม้อน้ำแกงหรือ?”
“ใช่เจ้าค่ะ ข้าต้องการหม้อน้ำแกงก๋วยเตี๋ยวที่มีสามหลุม หลุมหนึ่งมีลักษณะเล็กกว่าอีกสองหลุมเอาไว้ใช้สำหรับลวกเส้น ส่วนอีกสองหลุมขนาดเท่ากันที่ท่านเห็นตามภาพนั้นเอาไว้สำหรับใส่น้ำแกงสองแบบเจ้าค่ะ”
เถ้าแก่พยักหน้าว่าเข้าใจ นอกจากนี้นางยังส่งกระดาษที่วาดกระบวยตักน้ำแกงอีกอันหนึ่งให้เถ้าแก่ไปจัดการด้วย เมื่อทำหนังสือสั่งจองและจ่ายเงินค่ามัดจำเอาไว้เรียบร้อยแล้ว หญิงสาวก็พาสามีไปยังร้านประกอบเรือต่อ
ด้วยเพราะตำบลแห่งนี้มีคลองและแม่น้ำไหลผ่าน ชาวบ้านหลายคนจึงสัญจรไปมาหาสู่กันโดยทางเรือเทียบเท่ากับทางถนนทำให้มีร้านสำหรับต่อเรือโดยเฉพาะอยู่ร้านหนึ่ง หลินซินอี๋เดินนำหน้าเข้าไปจึงเห็นว่าคนงานชายเกือบทั้งหมดของร้านกำลังถอดเสื้อทำงานอยู่
ซูเฟยอวี่เดินตามหลังมา ทันทีที่เห็นภาพนี้เข้าก็รีบดันตัวนางให้ไปหลบด้านหลังก่อนจะเร่งฝีเท้าพาเข้าไปด้านในอย่างรีบเร่งทำเอาหญิงสาวถึงกับหอบแฮ่ก
“คุณชาย ต้องการเรือแบบไหนดีขอรับ?”
เถ้าแก่เจ้าของร้านต่อเรือเมื่อเห็นว่ามีคุณชายผู้หนึ่งดูจากรูปร่างและการแต่งกายคล้ายกับบัณฑิตหนุ่มทรงภูมิจึงออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง ทว่าเมื่อซูเฟยอวี่เขยิบไปด้านข้างเถ้าแก่จึงเพิ่งจะรู้ว่าความจริงแล้วผู้ที่มาเจรจาการค้ากับตนเองกลับเป็นสตรีนางหนึ่งแทน
หลินซินอี๋ระบายรอยยิ้ม
“เถ้าแก่ ข้าอยากได้เรือสักลำเอาไว้สำหรับขายของเจ้าค่ะ วาดแบบมาให้ท่านเรียบร้อยแล้วเชิญดูก่อนได้ หากไม่เข้าใจตรงที่ใดก็ถามข้าได้เลย”
เถ้าแก่จางรับกระดาษที่มีรูปภาพของเรือมาจากมือของหญิงสาว ก่อนจะเตรียมกระดาษกับพู่กันของตนเพื่อจดตาม
“แม่นาง เรือที่เจ้าออกแบบมาดูแปลกกว่าเรือขายของลำอื่นมากนัก ส่วนที่เจ้าวาดต่อเติมขึ้นมาตรงกลางลำเรือนี้คือสิ่งใดกัน?”
เถ้าแก่จางขายเรือมานานนับสิบปี สร้างเรือเพื่อขายของให้กับชาวบ้านมาแล้วหลายลำ แต่ทว่ากลับไม่เคยเห็นเรือลำใดที่ออกแบบมาหน้าตาประหลาดเช่นนี้
เรือของหลินซินอี๋แม้ดูเผินๆ ภายนอกแล้วจะเหมือนเรือแจวทั่วไป แต่พื้นที่ว่างข้างในกลับวาดช่องสี่เหลี่ยมใหญ่เอาไว้ช่องหนึ่งกับช่องเล็กๆ อีกหลายช่องติดกัน
“ข้าตั้งใจจะขายก๋วยเตี๋ยวเรือ ดังนั้นช่องว่างที่ใหญ่ที่สุดตรงส่วนนี้จะเอาไว้เป็นที่สำหรับวางเตาและหม้อน้ำแกงลงไป เพื่อป้องกันไม่ให้หม้อพลิกคว่ำหากเจอกระแสน้ำเชี่ยวเจ้าค่ะ”
เถ้าแก่จางพยักหน้าหงึกๆ เป็นเชิงว่าเข้าใจ จากนั้นจึงชี้ไปยังช่องสี่เหลี่ยมขนาดเล็กและตื้นกว่าที่มีจำนวนหกช่อง “แล้วตรงนี้?”
“ส่วนหกช่องนี้ข้าจะเอาไว้สำหรับใส่ตะกร้าเล็กๆ สำหรับวางพวกเส้นก๋วยเตี๋ยวกับเนื้อสัตว์และผักเจ้าค่ะ เพื่อป้องไม่ให้มันโคลงเคลงไปกับเรือเช่นกัน”
พูดจบหลินซินอี๋ก็อธิบายขนาดและเนื้อไม้ที่ต้องการทั้งหมดให้เถ้าแก่จางฟังอีกสองสามประโยคจนเข้าใจ เมื่อพูดคุยเรื่องแบบเรือกันเสร็จเรียบร้อยแล้วเถ้าแก่จางเห็นว่าทำได้จึงตอบตกลง ก่อนจะพูดถึงเรื่องราคากับระยะเวลาสร้างและทำสัญญาวางเงินมัดจำกันในที่สุด
“เฟยอวี่...วันนี้พวกเราจ่ายเงินออกไปเยอะเหลือเกิน ข้ารู้สึกใจหายอย่างไรก็บอกไม่ถูก”
เมื่อทั้งสองเดินออกมาจากที่แห่งนั้นแล้ว หลินซินอี๋ก็เอาถุงเงินมาชั่งน้ำหนักในมือ พบว่ามันพร่องไปมากโขทีเดียว
แม้เงินถุงนี้จะไม่ใช่เงินของนาง แต่หลินซินอี๋ก็ยังคงปวดใจอยู่ดีที่ต้องวางเงินไปจำนวนมากนัก สมัยก่อนตอนยังอยู่โลกโน้นหญิงสาวเป็นคนติดการใช้บัตรเครดิตมากกว่าเงินสดเพราะมีระบบผ่อน ดังนั้นเมื่อต้องเห็นถุงเงินพร่องลงไปก็ให้รู้สึกกังวลอยู่บ้าง
ทว่า ซูเฟยอวี่กลับไม่มีท่าทีเดือดร้อนแต่อย่างใด
“สิ่งที่เจ้าซื้อหาก็ล้วนเป็นของใช้จำเป็นต่อการค้าขายทั้งนั้นมิใช่หรือไร จะทำการค้าย่อมต้องลงทุนก่อนเช่นนั้นก็อย่าได้คิดมากไปเลย เอาไว้หากเงินถุงนี้ไม่พอ ข้าก็จะหาทางออกไปทำงานอื่นเสริมหรือไม่ก็แค่ขายของมีค่าที่ติดตัวเพื่อให้เจ้าเอาเงินไปใช้เพิ่มก็พอแล้ว”
แต่เดิมเจ้าของร่างของซูเฟยอวี่คือหลี่เฟยหรงที่เป็นถึงอ๋องผู้หนึ่งจากแคว้นอิน เขาเป็นคนมีฐานะสูงดังนั้นนอกจากถุงเงินจะเต็มไปด้วยแผ่นทอง ก้อนทองมากมายแล้ว บนศีรษะยังมีกวานครอบผมกับปิ่นมูลค่าสูงอยู่อีก
หลินซินอี๋มองอีกฝ่ายด้วยความซาบซึ้ง
“อย่างไรของพวกนี้ก็เป็นของที่ติดตัวท่านพี่มา เกิดวันหนึ่งท่านจำความได้แล้วรู้ว่าของชิ้นนั้นสำคัญกับตัวเองมากเพียงใดจะนึกเสียดายเอาได้นะเจ้าคะ”
ความคิดเห็น