ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ทะลุมิติมาขายก๋วยเตี๋ยวเรือ

    ลำดับตอนที่ #11 : ภรรยาข้า เจ้าจะขี้อายเกินไปหรือไม่? (2/2)

    • อัปเดตล่าสุด 18 ต.ค. 66


    วันนี้ทั้งสองต่างก็เหน็ดเหนื่อยจากการทำความสะอาดเรือนทั้งหลังเป็นอย่างมาก หลังจากหลินซินอี๋อาบน้ำเสร็จและกำลังเช็ดผมให้แห้งรอเข้านอน จู่ๆ หญิงสาวก็เพิ่งจะพบว่าก่อนหน้านี้ตนเองได้ลืมอะไรที่สำคัญไปอย่างหนึ่ง

    เรือนนี้มีห้องนอนห้องเดียว!

    ความจริงแล้วจะกล่าวอย่างนั้นก็ไม่ถูก เรือนหลังนี้มีห้องนอนสองห้องแต่เนื่องจากเจ้าของเรือนคนเก่าใช้อยู่อาศัยเพียงห้องเดียวจึงได้ทำห้องนอนอีกห้องให้กลายเป็นห้องเก็บของไปแล้ว ยามนี้ห้องนั้นจึงเต็มไปด้วยฝุ่นกับเหล่าบรรดาเครื่องเรือนเก่าๆ นอนกองทับกันอยู่ในนั้นจนเต็ม

    เช่นนั้น..ก็แปลว่านางกับซูเฟยอวี่...ต้องนอนห้องเดียวกัน!

    หลังจากนึกได้แล้วหลินซินอี๋จึงประสาทค้าง ยังไม่ยอมเดินขึ้นเตียงเอาแต่นั่งทำตัวแข็งทื่อจับจองเก้าอี้ของโต๊ะน้ำชาเอาไว้มั่น ส่วนซูเฟยอวี่เมื่ออาบน้ำเสร็จแล้วก็เดินดุ่มเข้ามาพร้อมทั้งปีนขึ้นเตียงนอนไปราวกับว่าเป็นเรื่องปกติ ชายหนุ่มเห็นภรรยานั่งตาปรือตัวแข็งอยู่บนเก้าอี้ไม่ยอมลงมานอนด้วยสักทีจึงตบลงที่หมอนข้างตัวเบาๆ

    “ซินอี๋เจ้าไปยืนทำอะไรตรงนั้นกัน ก่อนหน้านี้เห็นอยู่ว่าง่วงมิใช่หรือ...มานอนนี่สิ”

    ซูเฟยอวี่พูดจาราวกับว่าการนอนกับภรรยาเป็นเรื่องปกติที่สุดในโลก (ซึ่งก็ควรเป็นอย่างนั้นจริงๆ นั่นแหล่ะ) แต่ทว่าในใจของหลินซินอี๋รู้ดีว่ากฎธรรมชาติข้อนี้ใช้ไม่ได้กับคู่สามีภรรยากำมะลออย่างนางกับเขา!

    ตึกตัก

    หลินซินอี๋หัวใจเต้นแรงขึ้นมา จิตสำนึกส่วนดีกับส่วนเลวกำลังตบตีกันอย่างหนัก

    ไม่ถูก จะทำแบบนี้ไม่ได้

    แม้ว่า ‘ลูกหมี’ ในร่างนี้จะชื่นชอบซูเฟยอวี่ในฐานะดาราในดวงใจมากเพียงใด แต่หากจะให้มานอนอยู่ด้วยกันบนเตียงอย่างสนิทสนมเช่นนี้ก็เกรงว่าจะเอาเปรียบอีกฝ่ายเกินไปแล้ว! อีกอย่างตัวนางเองก็คงจะหลับไม่ลงเช่นกัน

    “ขะ ข้า คือว่าข้ายังไม่ง่วงเลยสักนิด ท่านง่วงท่านก็นอนไปก่อนเถิด”

    หญิงสาวลุกขึ้นเดินไปเดินมาในห้องด้วยความตื่นเต้น กำลังคิดคำนวณว่าตนเองควรจะเอาหมอนกับผ้าห่มไปนอนที่ห้องโถงโล่งๆ ดีหรือไม่ ทว่าซูเฟยอวี่กลับพูดขัดขึ้นมาก่อน

    “ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าเจ้างอแงอยากนอนจนไม่อยากอาบน้ำหรืออย่างไรกัน” 

    หลินซินอี๋อยากจะครวญครางออกมา นางง่วงแล้ว ง่วงมากแล้วจริงๆ! แต่ว่าจะให้ขึ้นเตียงไปนอนกับคนรูปงามเช่นเขาไม่ว่าใครก็คงจะนอนหลับไม่ลงหรอก ในที่สุดหลังจากพยายามขบคิดหาข้ออ้างอยู่นานครู่หนึ่ง หญิงสาวก็ตัดสินใจก้าวแบบรีบๆ ไปยังหน้าเตียงใหญ่ก่อนจะหอบเอาหมอนกับผ้าห่มอีกผืนลงมาปูนอนบนพื้น

    “เอ่อ ท่านพี่เพิ่งหายป่วยเช่นนั้นก็นอนบนเตียงไปคนเดียวจะดีกว่า ปกติข้านอนดิ้นมากหากให้ขึ้นไปนอนด้วยแล้วเผลอเตะท่านขึ้นมา ประเดี๋ยวจะยุ่งยากอีก”

    ซูเฟยอวี่ได้ฟังคำพูดของนางก็หัวเราะออกมาเบาๆ

    “เจ้าตัวเล็กแค่นี้ ต่อให้ดิ้นจนเตะข้าเข้าจริงๆ ก็คงไม่ถึงขั้นซี่โครงหักอีกรอบหรอกกระมัง ช่างเถิด ขึ้นมานอนด้วยกันนี่ มา”

    “ไม่ๆๆ นอกจากนอนดิ้นแล้วข้าก็ยังนอนกรนอีกนะ แล้วข้าก็ยังนอนน้ำลายไหลยืดอีกด้วยเกรงว่าจะทำท่านพี่รังเกียจเอาได้”

    ซูเฟยอวี่เห็นท่าทางตื่นๆ ของนางก็งุนงงระคนสงสัยอย่างยิ่ง ในใจคิดว่าหากหญิงสาวเป็นภรรยาของตนก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าต้องนอนด้วยกันในสภาพนี้มาจนเคยชินแล้วหรืออย่างไร? เหตุใดจึงทำท่าทางราวกับว่าเป็นคนแปลกหน้าที่เพิ่งเคยนอนร่วมเตียงกันเป็นครั้งแรกอย่างไรอย่างนั้น

    หรือว่าจะเป็นเพราะข้าความจำเสื่อม?

    ชายหนุ่มคิดอย่างจริงจัง

    ไม่แน่นางอาจจะยังรู้สึกว่าข้าเป็นเหมือนคนแปลกหน้าที่ต้องทำความรู้จักกันใหม่กระมัง

    สุดท้ายหลังจากที่คิดไปคิดมาแล้ว ชายหนุ่มจึงเป็นฝ่ายลุกขึ้นและเดินไปหา ทำเอาหลินซินอี๋เผลอกระถดกายถอยหลัง

    “มะ มีอะไรหรือ?”

    “ถ้ายังไม่อยากนอนด้วยกัน เช่นนั้นเจ้าก็ไปนอนบนเตียงเถิด ข้าจะนอนพื้นเอง”

    แม้ในใจลึกๆ จะแอบเสียดายอยู่บ้าง แต่ในเมื่อภรรยายังไม่อยากนอนร่วมเตียงกันกับเขา ชายหนุ่มก็ไม่คิดจะบังคับ

    หลินซินอี๋ส่ายหน้า “ไม่เป็นไรๆๆ ท่านกลับไปนอนบนเตียงเถิด ข้านอนพื้นได้จริงๆ”

    “...”

    หลินซินอี๋เห็นซูเฟยอวี่ยืนจ้องหน้านางไม่ยอมเดินกลับจึงกำลังคิดจะอ้าปากปฏิเสธอีกครั้ง แต่ทว่าเมื่อจู่ๆร่างสูงของชายหนุ่มก็ทำท่าทางราวกับกำลังจะช้อนตัวอุ้มนางขึ้นมา หญิงสาวจึงตกใจรีบมุดตัวหลบและกระโดดพุ่งพรวดถึงเตียงภายในครั้งเดียวทันที

    “ข้านอนเตียงก็ได้ นอนก็ได้!”

    เอะอะก็อุ้ม...เอะอะก็อุ้ม จะอันตรายเกินไปแล้วผู้ชายคนนี้!

    นางค้อนขวับใส่ชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนอยู่ ก่อนจะรีบทิ้งตัวลงนอนและเอาผ้าห่มคลุมโปงเพื่อปกปิดอาการหน้าแดงของตัวเองไว้

    ซูเฟยอวี่เมื่อเห็นหญิงสาวยอมนอนลงไปแต่โดยดีแล้วจึงเดินไปดับเทียนที่หัวเตียงให้ ก่อนจะจัดที่นอนของตนและล้มตัวลงนอนบนพื้นห้องอีกฝั่ง

    หลังจากนั้นเมื่อคนทั้งสองตกอยู่ในความเงียบกันอยู่พักใหญ่ ซูเฟยอวี่จึงเอ่ยขึ้นท่ามกลางความมืดเบาๆ

    “เรื่องเมื่อกลางวันนี้ที่เราคุยค้างกันเอาไว้ ตกลงแล้วเจ้าจะต้องล่องเรือขายของให้ได้จริงๆ น่ะหรือ?”

    สตรีในยุคนี้หากแต่งงานแล้วส่วนใหญ่ก็จะเป็นแม่บ้านแม่เรือนคอยดูแลสามีที่ออกไปทำงานข้างนอก น้อยคนนักจะออกไปทำงานนอกบ้านโดยเฉพาะอย่างยิ่งงานใช้แรงงานหรือตากแดดล่องเรือยิ่งมีให้เห็นได้น้อย ซูเฟยอวี่เพ่งทั้งรู้สึกผิดและนึกเป็นห่วง หากทว่าหลินซินอี๋ไม่ได้ล่วงรู้ความในใจของอีกฝ่าย วันนี้นางเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันยามนี้จึงกำลังนอนเคลิ้มฝันหวานถึงรูปเรือในจินตนาการอยู่ 

    “จริงสิเจ้าคะ ข้าอยากทำการค้าจริงๆแต่ว่าที่สัญญาไว้กับท่าน ตอนนี้ข้าง่วงจนเล่าไม่ไหวแล้ว เอาไว้พรุ่งนี้จะเล่าให้ฟังอีกทีแล้วกันนะเจ้าคะ นอนกันเถิดเจ้าค่ะ”

    พูดจบหญิงสาวก็ตะแคงหันหลังให้อีกฝ่ายทันทีและผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ซูเฟยอวี่นอนมองภรรยาอยู่ในความมืดเนิ่นนานก่อนที่จะลุกขึ้นและแอบก้มลงจูบหน้าผากมนของหญิงสาวอย่างแผ่วเบา

    “ฝันดีนะ ภรรยา”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×