ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ทะลุมิติมาขายก๋วยเตี๋ยวเรือ

    ลำดับตอนที่ #9 : พาสามีมาซื้อเรือน (หอ)

    • อัปเดตล่าสุด 17 ต.ค. 66


    หนึ่งเดือนต่อมา หลินซินอี๋ก็สร้างความทรงจำใหม่ๆ กับซูเฟยอวี่อย่างที่บอกเขาเอาไว้จริงๆ

    ทุกวันหลังจากที่นำอาหารและยามาป้อนให้อีกฝ่ายรวมถึงดูแลทำแผลบนร่างกายให้แล้ว หญิงสาวก็จะชวนชายหนุ่มพูดคุยเรื่องราวสัพเพเหระในชีวิตเพื่อทำความรู้จักกันใหม่

    จะว่าไปในใจของนางเริ่มนึกสงสารบุรุษผู้นี้อยู่บ้าง

    ถึงแม้ตอนนี้จะยังไม่รู้ว่าเขาเป็นใครระหว่าง ซูเฟยอวี่ หรืออ๋องห้าแห่งแคว้นอิน หลี่เฟยหรง แต่การที่คนผู้หนึ่งต้องถูกปองร้ายถึงชีวิตอีกทั้งตื่นมายังจำอะไรไม่ได้ ไม่มีบ้านให้กลับและไม่รู้ว่ามีครอบครัวที่รอตัวเองอยู่บ้างหรือไม่ ความรู้สึกพวกนี้ทำให้นางนึกถึงตนเองในตอนที่ต้องทะลุมิติเข้ามาใหม่ๆ

    มันช่างอ้างว้างและเคว้งคว้างยิ่งนัก....

    "ท่านพี่ พวกเราเก็บของพร้อมแล้วก็ออกเดินทางไปดูเรือนด้วยกันเถิดเจ้าค่ะ"

    สุดท้ายเมื่อเริ่มทำใจได้แล้วจึงคิดในแง่ดีว่าหากจะต้องติดอยู่ที่นี่อย่างไม่มีกำหนดกลับ ก็ขอใช้ชีวิตแต่ละวันให้มีความสุขสักหน่อยแล้วกัน  คิดดังนั้นหลินซินอี๋จึงได้ไหว้วานให้ฮูหยินของท่านหมอจางซึ่งรู้จักคนเยอะ ช่วยหาเรือนพักอาศัยใหม่ในตำบลแห่งนี้ให้กับพวกตนด้วยหลังหนึ่ง

    “นี่หรือ เรือนที่เจ้าบอกข้าเอาไว้เมื่อวันก่อน?”

    ยามนี้ซูเฟยอวี่หายดีแล้วดังนั้นจึงรับหน้าที่ ‘สามี’ ที่ดีในการถือถุงย่ามของภรรยารวมถึงบรรดายาสมุนไพรและข้าวของเครื่องใช้ที่ท่านหมอกับฮูหยินช่วยกันแบ่งปันมาให้จนเต็มสองแขน

    “เจ้าค่ะ เป็นอย่างไรบ้างที่นี่สวยหรือไม่?”

    หลินซินอี๋รีบดึงเสื้ออีกฝ่ายให้เดินเข้าเรือนด้วยความกระตือรือร้น ชายหนุ่มวางของในมือลงและมองไปรอบๆ ก็เห็นว่าเรือนหลังนี้ทั้งโครงสร้างและทำเลถือว่าเลือกได้ไม่เลว ตัวเรือนแม้จะเป็นเรือนไม้ชั้นเดียวแต่ก็ถือว่ามีขนาดไม่คับแคบอึดอัด อีกทั้งเพดานยังมีลักษณะสูงโปร่งจึงทำให้ระบายอากาศได้ดีมาก 

    “นี่ๆ ท่านดูด้านข้างของเรือนเราสิ”

    หญิงสาวเรียกให้ซูเฟยอวี่มายืนตรงหน้าต่าง จากนั้นเมื่อชะโงกหน้าออกไปมองก็พบว่าด้านข้างของเรือนหลังนี้ติดกับคลองสายหนึ่งซึ่งเชื่อมเส้นทางไปยังตลาดและสถานที่สำคัญของตำบลนี้อีกหลายที่ หากมีเรือสักลำก็นับว่าสะดวกต่อการเดินทางอย่างยิ่ง

    “เลือกได้ไม่เลวเลย” ชายหนุ่มเดินกลับมาเอ่ยชมหญิงสาว “แต่ภรรยา...เจ้าไม่คิดว่าเรือนนี้จะใหญ่เกินไปสำหรับพวกเราสองคนหรอกหรือ?”

    หลินซินอี๋ถูกอีกฝ่ายเรียกว่า ‘ภรรยา’ จนชินหูเสียแล้ว ยามนี้จึงตอบกลับไปอย่างเป็นธรรมชาติ “ไม่ใหญ่เกินไปหรอกเจ้าค่ะ อีกไม่นานที่นี่ก็จะมีคนอยู่เยอะทีเดียว..เยอะเสียจนท่านอาจจะคิดว่ามันเล็กเกินไปเสียด้วยซ้ำ!”

    “คนอยู่...เยอะ?”

    ไม่รู้เพราะเหตุใดหลังจากที่ซูเฟยอวี่ได้ยินคำนี้ จู่ๆ ก็หน้าแดงขึ้นมาจนถึงคอ

    “ใช่เจ้าค่ะ วันข้างหน้าที่นี่จะต้องครึกครื้นเป็นอย่างมาก!”

    หลินซินอี๋ตอบไปขณะที่สายตามัวแต่มองข้าวของเครื่องใช้รอบตัวจึงไม่ทันได้สังเกตเห็นว่าชายหนุ่มกำลังเอามือเกาหลังคอตัวเองแก้เขิน

    “ชะ เช่นนั้น..เจ้าคิดเอาไว้ว่าพวกเราจะมีลูกกันสักกี่คนล่ะ? สอง? สาม? หรือสี่?”

    “หา!”

    หญิงสาวชะงักไปกับคำพูดของอีกฝ่ายจนทำให้เท้าที่เดินอยู่ พันกันเสียจนเกือบจะสะดุดหกล้มหน้าคว่ำ

    “ก็เจ้าซื้อเรือนกว้างขนาดนี้ มิใช่ว่าเตรียมการเอาไว้สำหรับให้เด็กๆ วิ่งเล่นหรอกหรือ?”

    คราวนี้เป็นหลินซินอี๋ที่ต้องหน้าแดงไปถึงหูบ้าง 

    “คนทะลึ่ง! ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้นเสียหน่อยท่านคิดไปถึงไหนเนี่ย!”

    “อ้าว เจ้าพูดเองเมื่อครู่ว่าที่นี่จะมีคนอยู่เยอะแยะ ถ้าไม่ได้หมายถึงลูกๆ ของเรา อย่างนั้นจะหมายความถึงใครกัน?”

    หญิงสาวกรอกตามองบน

    “ที่ข้าพูดว่าคนเยอะแยะนั่นหมายความว่าข้าจะสร้างที่นี่ให้เป็นร้านขายอาหารต่างหากเล่า!”

    ซูเฟยอวี่ไม่เคยรู้แผนการในใจของหญิงสาวมาก่อน ครั้งนี้จึงเป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินว่านางจะขายอาหาร ชายหนุ่มมองเพดานแก้เก้อ

    “อ้อ เช่นนั้นเองหรอกหรือ? แล้วเจ้าตั้งใจว่าจะขายอะไรล่ะ?”

    หลังจากที่หลินซินอี๋เอามือโบกจนใบหน้าหายเห่อร้อนแล้วจึงพรูลมหายใจออกมาก่อนเอ่ยตอบด้วยความมั่นอกมั่นใจ

    “ข้าจะขายก๋วยเตี๋ยวเรือ!”

    “ก๋วยเตี๋ยว...เรือ?”

    “ใช่เจ้าค่ะ ก๋วยเตี๋ยวเรือก็คือการขายก๋วยเตี๋ยวบนเรืออย่างไรล่ะ”

    เมื่อคิดถึงอาชีพเก่าหญิงสาวก็ดีดนิ้วดังเปาะและตอบออกมาอย่างกระตือรือร้น

    “ก๋วยเตี๋ยวเรือที่ข้าตั้งใจจำทำก็คือจะเอาเตา หม้อน้ำแกง รวมถึงวัตถุดิบทั้งหมดใส่ลงในเรือเพื่อล่องไปในคลองให้กับลูกค้า ความจริงแล้วสาเหตุที่ข้าซื้อเรือนหลังนี้มาก็เพราะ หนึ่งเรือนหลังนี้อยู่ติดคลองทำให้สะดวกต่อการลำเลียงขนข้าวของขึ้น-ลงเรือได้ง่าย และสองเรือนหลังนี้กว้างใหญ่ เพดานสูงระบายอากาศดี เหมาะกับการรองรับลูกค้าหลังจากที่ย้ายก๋วยเตี๋ยวเรือขึ้นมาขายบนบกในอนาคตได้อีกด้วยเจ้าค่ะ!”

    ซูเฟยอวี่ได้ฟังก็ออกจะรู้สึกแปลกประหลาดอยู่บ้าง ถึงแม้เขาจะเป็นคนไข้ความจำเสื่อมที่ไม่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับตัวเองแต่ก็ไม่ได้โง่ถึงขนาดจะลืมว่าในยุคสมัยนั้นก๋วยเตี๋ยวเรือไม่เคยมีปรากฏมาก่อน

    ชายหนุ่มขมวดคิ้ว กอดอกอย่างใช้ความคิดพลางทบทวนสิ่งที่หญิงสาวอธิบาย

    “ข้าไม่เห็นจะเข้าใจว่าการที่คนเราจะขายก๋วยเตี๋ยวสักชามหนึ่งจำเป็นจะต้องสร้างความยุ่งยากวุ่นวายโดยการขนอุปกรณ์ทั้งหมดลงเรือเพื่อไปขายถึงในน้ำด้วยหรือ? ทั้งๆ ที่ตอนนี้เราก็มีเรือนหลังนี้อยู่แล้ว เหตุใดจึงไม่เปิดร้านเลยล่ะ?”

    หลินซินอี๋ส่ายหน้า “ตั้งร้านในเรือนแห่งนี้มันแน่นอนอยู่แล้วเจ้าค่ะ เพียงแต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ เอาไว้เดี๋ยวคืนนี้ข้าจะค่อยๆ เล่าเรื่องแผนการค้าขายของข้าให้ท่านพี่ฟังเองนะเจ้าคะ แต่ว่าตอนนี้พวกเราต้องจัดการทำความสะอาดเรือนหลังนี้เสียก่อน ท่านพี่ช่วยข้าถางหญ้ารกตาพวกนี้เสียหน่อยเถิด อ้อ แล้วก็เติมน้ำในโอ่งให้เต็มด้วยนะเจ้าคะ ส่วนข้าจะทำความสะอาดห้องข้างในรอ”

    พูดจบหญิงสาวก็จัดการดันแผ่นหลังกว้างของสามีขี้สงสัยให้ออกไปยังลานด้านนอก หลังจากที่ซูเฟยอวี่ถูกโยนหน้าที่ให้ไปถางหญ้าแบบงงๆ แล้ว หญิงสาวก็เท้าเอวมองสามีป้ายแดงของตัวเองด้วยความเอ็นดู

    “ไม่ว่าคุณจะเป็นซูเฟยอวี่จริงๆ หรือเป็นหลี่เฟยหรงฉันก็ต้องขอบคุณคุณมากจริงๆที่ให้ยืมเงินซื้อเรือนหลังนี้มา เอาเป็นว่าฉันขายก๋วยเตี๋ยวเรือหาเลี้ยงพวกเราได้เมื่อไหร่ จะรีบคืนเงินให้คุณนะคะ คุณสามี!”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×