ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ทะลุมิติมาขายก๋วยเตี๋ยวเรือ

    ลำดับตอนที่ #17 : ล่องเรือหารัก (2/2)

    • อัปเดตล่าสุด 21 ต.ค. 66


    หญิงสาวเงยหน้ามองท้องฟ้าตาม เห็นว่าเป็นแสงแดดเริ่มแรงแล้วจริงๆจึงเลิกเล่นสนุกและลุกไปอาบน้ำ หนึ่งก้านธูปถัดมาหลังจากที่คนทั้งสองจัดการธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงพากันเดินไปยังตลาดเพื่อรับของที่สั่งทำเอาไว้

    ตลาดยามเช้าของวันกำลังจะวายแล้วยามนี้จึงไม่ค่อยมีผู้คนเดินสวนไปมาเท่าใดนัก คนทั้งคู่เดินเคียงกันไปตามถนนไม่นานก็ไปถึงร้านตีเหล็กที่สั่งทำหม้อเอาไว้

    "หม้อเป็นแบบที่ข้าคิดเอาไว้เลย"

    หลินซินอี๋จ่ายเงินและรับของมาแล้วก็พบว่าเถ้าแก่ร้านเป็นผู้มีประสบการณ์ในการตีเหล็กมากผู้หนึ่ง นอกจากหม้อที่ได้จะมีขนาดเท่ากับที่หญิงสาวต้องการแล้วยังทำออกมาได้น้ำหนักเบาพอสมควรด้วย

    เมื่อเห็นว่าหม้อที่สั่งทำเป็นไปดังใจหวังหลินซินอี๋ก็ยิ่งอยากเห็นเรือเร็วๆว่าจะออกมาเป็นอย่างไร สองสามีภรรยาเร่งฝีเท้าเดินต่อไปไม่นานก็ถึงร้านประกอบเรือในที่สุด

    “เถ้าแก่จางเจ้าคะ เรือที่ข้าสั่งทำไว้เมื่อสามวันก่อนเรียบร้อยดีหรือไม่?”

    “อ้าว ฮูหยินน้อยเจ้ามาแล้วหรือ?”

    เถ้าแก่จางกำลังนั่งคิดบัญชีอยู่ในร้าน เมื่อได้ยินเสียงของหญิงสาวจึงเงยหน้าขึ้นมาก่อนจะเอ่ยอย่างแข็งขัน

    “ข้าเพิ่งจัดการเรือของเจ้าเสร็จเมื่อกี้นี้เอง พวกเจ้ารีบไปดูก่อนเถิดว่าใช่ตามแบบที่ต้องการหรือไม่”

    หลังจากนั้นเถ้าแก่ก็พาพวกนางไปยังลานหลังร้านซึ่งอยู่ติดกับท่าเรือ เมื่อมองไปก็พบว่าบริเวณนั้นมีเรือหลายลำวางจอดอยู่บนพื้นดิน แต่มีเพียงลำเดียวที่ถูกปล่อยให้ลอยอยู่เหนือผิวน้ำพร้อมกับผูกเชือกเอาไว้กับเสาต้นหนึ่ง

    “เมื่อเช้าข้าลองพายไปแถวๆ นี้เพื่อตรวจสอบสภาพรอบหนึ่งแล้วพบว่าไม่มีปัญหาอันใด ประเดี๋ยวพวกเจ้าก็ลองนั่งพายกันเล่นๆ แถวนี้ดูก่อนก็แล้วกัน”

    ชายวัยกลางคนบอกก่อนจะกวักมือเรียกให้ลูกน้องของตนพาคนทั้งคู่ลงเรือไป ทันทีที่หลินซินอี๋กับซูเฟยอวี่ลงนั่งในเรือได้ หญิงสาวก็ยิ้มออกมาอย่างดีอกดีใจยกใหญ่

    “ท่านพี่ เรือของเราดูดีมากเลย ท่านพี่ว่าหรือไม่?”

    หลินซินอี๋สำรวจดูช่องสี่เหลี่ยมลึกที่นางวาดแบบให้เถ้าแก่เอาไว้สำหรับวางหม้อลงไปก็พบว่าทำออกมาได้ตรงตามใจอย่างยิ่ง อีกทั้งช่องเล็กๆ หลายช่องสำหรับใส่วัตถุดิบก็เก็บงานขัดเสี้ยนออกเป็นอย่างดี

    ซูเฟยอวี่พยักหน้า เห็นภรรยาตนเองนัยน์ตาเป็นประกายก็ดีใจจึงลองเอาหม้อที่เพิ่งได้มาหย่อนใส่ลงไปในช่องสี่เหลี่ยมนั้นดู หลินซินอี๋นึกสนุกลองทำไม้ทำมือเป็นท่าทางลวกก๋วยเตี๋ยวและตักเส้นในหม้อราวกับเด็กน้อยเล่นขายของ ชวนให้คนมองเอ็นดูอย่างยิ่ง

    หลังจากนั้นซูเฟยอวี่ก็พายเรือวนไปรอบๆ ร้านครู่หนึ่ง หลังพบว่าไม่มีปัญหาแล้วจึงได้ยื่นเงินส่วนที่เหลือให้เถ้าแก่ไป

    “ท่านพี่ เช่นนั้นพวกเราก็มาลองพายเรือกลับเรือนด้วยกันเถิด!”

    หญิงสาวนั่งประจำตำแหน่งท้ายเรือเพราะอยากพายเรือเอง 

    นางระลึกถึงความทรงจำในวัยเด็กของตนสมัยที่ยังอยู่มัธยมในบ้านสวนของยายที่ต่างจังหวัด ตอนนั้นสวนของยายกว้างใหญ่เสียจนต้องขุดร่องน้ำที่ทั้งลึกและกว้างเพื่อเอาไว้สำหรับผันน้ำไปทำการเกษตร ลูกหมีขอให้ยายซื้อเรือลำเล็กให้ลำหนึ่ง เมื่อถึงวันหยุดก็จะชอบชวนเพื่อนๆ มาพายเรือเล่นชมผลไม้น่ากินจากสวนของยาย

    แม้ว่าตอนนี้เวลาจะผ่านมาหลายสิบปีแล้วแต่เมื่อพายเรือไปสักระยะ หลินซินอี๋ก็พบว่าตัวเองยังคงจดจำทักษะนี้ได้ดี หญิงสาวจึงพายเรือต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่รีบร้อน ชมทัศนียภาพรอบข้างพร้อมทั้งสังเกตจดจำเส้นทางที่จะใช้ค้าขายไปด้วย

    "ร้อนหรือไม่?"

    ก่อนหน้านี้ซูเฟยอวี่เห็นว่านางดูสนุกสนานกับการพายเรืออย่างมากจึงมิได้เอ่ยขัดเพื่อแย่งหน้าที่มา แต่ทว่ายามนี้ดวงอาทิตย์เที่ยงวันเริ่มขึ้นสูงมากแล้วจึงเกรงว่าแสงอาทิตย์จะทำให้ผิวขาวที่สตรีหวงแหนต้องหมองคล้ำลงจึงได้นำร่มที่เตรียมไว้ออกมากางให้

    บุรุษผู้นี้อ่อนโยนยิ่งนัก..หลินซินอี๋เหม่อมองอีกฝ่าย

    จำได้ว่าฉายาของเจ้าของร่างนี้ตามเนื้อหาของซีรี่ย์ก็คือ ‘อ๋องไร้ใจ’ แต่ทว่ายิ่งอยู่กันนานวันเข้านางกลับยิ่งพบว่าเขาไม่เพียงแค่ไม่ไร้หัวใจเท่านั้น กลับยังเป็นคนที่ใส่ใจผู้อื่นยิ่งนัก

    เงาร่มที่แผ่ปกคลุมเรือนร่างเล็กนอกจากจะทำให้หญิงสาวรู้สึกเย็นสบายตัวขึ้นมาไม่น้อยแล้ว ในห้วงคำนึงของนางยังเกิดความรู้สึกอ่อนหวานขึ้นมาเช่นกัน จากนั้นคนทั้งสองต่างนั่งเรืออยู่ด้วยกันเงียบๆจนกระทั่งผ่านไปครู่ใหญ่ ซูเฟยอวี่คิดว่านางคงจะเหนื่อยแล้วจึงเอ่ยทัก

    “ซินอี๋เจ้าหน้าแดงนักเหนื่อยแล้วใช่หรือไม่? มิสู้ให้ข้าสลับเป็นคนพายบ้างดีกว่า”

    “ก็ดีเหมือนกันเจ้าค่ะ เช่นนั้นพวกเรามาสลับที่นั่งกัน ให้ท่านได้ลองนั่งตรงตำแหน่งนี้ดู เผื่อวันหน้าตอนพายเรือไปขายของจะได้ชินด้วย”

    คิดดังนั้นหญิงสาวจึงลุกขึ้นเพื่อเตรียมจะให้อีกฝ่ายขยับมานั่งแทนที่ตน แต่ทว่าเพราะความไม่ทันระวังจึงลุกพรวดพราดจนทำให้เรือเกิดการโคลงเคลงขึ้นมา

    “ว้ายยย”

    ตุบ

    ตอนนั้นเองหลินซินอี๋โงนเงนจนเกือบจะตกน้ำไป โชคดีที่ซูเฟยอวี่รีบเข้ามารับตัวนางเอาไว้ได้ทัน

    “...”

    “เป็นอย่างไรบ้าง เจ็บตรงไหนหรือไม่?”

    หลินซินอี๋กอดอีกฝ่ายเอาไว้แน่น นางเพิ่งจะรู้ว่าซูเฟยอวี่ผู้นี้ซ่อนรูปยิ่งนัก ทั่วทั้งร่างของเขาไม่มีไขมันส่วนเกินเลยแม้แต่น้อยแต่กลับพบว่าเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อหนั่นแน่นเสียจนแข็งปั้กไปทุกส่วน

    หญิงสาวไม่รู้ตัวว่ามือไม้ซุกซนของนางเผลอลูบลงไปเบาๆ บนกล้ามแขนของอีกฝ่ายตั้งแต่เมื่อใด รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงชายหนุ่มเรียกที่ข้างหู

    “อะเอ่อ…คือ….ขะ ข้า ข้า ข้าไม่เป็นไร”

    หญิงสาวรีบถลันตัวออกจากอ้อมอกของเขาทันที ซูเฟยอวี่มองสำรวจไปทั่วร่างบางจนกระทั่งแน่ใจว่าอีกฝ่ายปลอดภัยดีจึงยอมปล่อยมือ 

    เสียงทุ้มของชายหนุ่มดุนางออกมาเบาๆ

    “เวลาจะลุกบนเรือเจ้าก็ค่อยๆ ลุกหน่อย ตอนนี้เรือยังน้ำหนักเบาอยู่มาก หากลุกพรวดพราดเช่นนี้ก็อาจทำให้โคลงเคลงได้ง่าย”

    หลินซินอี๋ทำแก้มป่อง จากนั้นจึงจัดที่นั่งใหม่ให้ตัวเอง รอจนทั้งคู่สลับที่นั่งกันได้เรียบร้อยแล้ว ซูเฟยอวี่ก็ทำหน้าที่นายท้ายเรือ หยิบไม้พายขึ้นมาจุ่มลงน้ำและกวักไปมาเป็นจังหวะช้าๆ ไม่รีบร้อน

    “...”

    บุรุษสง่างามผ่าเผยในชุดจีนโบราณ กำลังนั่งพายเรือด้วยท่าทางสงบนิ่งอ่อนโยนท่ามกลางเวิ้งน้ำใสแจ๋วและแนวพฤกษาสีเขียวชอุ่มตลอดสองข้างทางเช่นนี้ ไม่ว่ามองอย่างไรก็ดูเหมือนกับภาพความฝันเสียมากกว่าจะเป็นจริงได้ หลินซินอี๋เหม่อมองพลางคิดในใจ

    ได้ดาราดังอย่างซูเฟยอวี่มาพายเรือให้ ถ้าเหล่า ‘เฟยเฟย’ รู้ว่าฉันใช้ศิลปินของพวกเขาแบบนี้ล่ะก็ ไม่รู้ว่าพวกเขาจะอิจฉาหรือจะตามมาสาปฉันกันแน่!

    หลินซินอี๋เงียบมองสามีกำมะลอของตนพายเรือด้วยท่าทางคล่องแคล่วอยู่นานครู่ใหญ่ จู่ๆนางก็เอ่ยถามขึ้น

    “ท่านพี่ หลายวันมานี้ท่านจำเรื่องราวในอดีตของตัวเองได้เพิ่มขึ้นบ้างหรือไม่เจ้าคะ?”

    หญิงสาวลองเอ่ยเลียบๆ เคียงๆ ถามดู นางอยู่กับเขามานานนับเดือนแล้วจึงหวังว่าอีกฝ่ายน่าจะพอนึกอะไรขึ้นมาออกบ้าง แต่ครั้นเมื่อเห็นว่าซูเฟยอวี่หยุดชะงักไม้พายในมือไปและนิ่งเงียบ หญิงสาวก็พอเข้าใจ

    “เช่นนั้นหรือ” นางพรูลมหายใจออกมา

    “เจ้าผิดหวังหรือไม่ที่ข้าจดจำอดีตระหว่างเราไม่ได้เลย?”

    ต้องโทษที่เขาเป็นสามีที่ไม่ดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวความรักในอดีตที่ผ่านมาหรือความชอบอื่นใดของภรรยาก็ล้วนแล้วแต่จำไม่ได้ทั้งสิ้น บ่อยครั้งที่ต้องถามเอาจากนางจึงเกรงว่าหลินซินอี๋จะเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจขึ้นมาเสียแล้ว

    ใครจะรู้ว่าคนที่ยิ้มเจื่อนด้วยความรู้สึกผิดกลับเป็นหลินซินอี๋

    เป็นฉันสิที่ต้องรู้สึกแย่…เพราะหนึ่งเดือนกว่าที่ผ่านมานี้ ฉันกุเรื่องโกหกคุณเอาไว้มากมายเหลือเกิน…โดยเฉพาะเรื่องราวความรักที่ไม่เคยมีอยู่จริงของพวกเรา...หากคุณจำได้เมื่อไหร่ก็คงจะโกรธฉันแน่

    เมื่อคิดอย่างนั้นใบหน้างามก็เบือนหน้ามองออกไปข้างทางด้วยความรู้สึกอึดอัดขึ้นมา ซูเฟยอวี่เห็นดังนั้นจึงคิดไปว่าอีกฝ่ายกำลังน้อยใจตนเองอยู่

    ชายหนุ่มรีบวางไม้พายลงก่อนจะตัดสินใจเอื้อมมือมาสัมผัสแก้มใสของนางเบาๆ

    “ที่ผ่านมาล้วนเป็นข้าที่ไม่ดีเอง ทำให้เจ้าต้องเสียใจแล้ว”

    “คือข้าไม่ได้...”

    หลินซินอี๋กำลังจะเอ่ยแก้ตัว แต่ทว่ายังไม่ทันจะพูดจบประโยคดี จู่ๆ ชายหนุ่มก็ชะโงกใบหน้าเข้ามาใกล้ จากนั้นจึงประทับริมฝีปากหยักได้รูปลงบนหน้าผากมนของนางเบาๆ ด้วยความรักใคร่

    “อย่าได้น้อยใจข้าเลยนะ เอาเป็นว่าหลังจากนี้สามีจะชดเชยทุกอย่างให้เจ้าเอง ดีหรือไม่?”

    กรี๊ดดดดดดดดดดดด

    หลินซินอี๋กรีดร้องเสียงดังออกมาในใจ นัยน์ตากลมโตเบิกกว้างมองการกระทำของชายหนุ่มอย่างไม่เชื่อ

    “ขะ ข้า ข้าไม่ได้น้อยใจเสียหน่อย!”

    หญิงสาวเอามือลูบไปตรงบริเวณที่เขาเพิ่งสัมผัสด้วยริมฝีปากเบาๆ หากแต่ยิ่งลูบก็เหมือนยิ่งตอกย้ำการกระทำเมื่อครู่อย่างไรชอบกลจึงสีหน้าปุเลี่ยนเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเสียจนทำให้ซูเฟยอวี่หัวเราะ

    “หากเจ้าไม่น้อยใจก็ดีแล้ว เช่นนั้นพวกเรากลับเรือนไปเตรียมตัวกันเถิด พรุ่งนี้ข้าจะรับหน้าที่เป็นนายท้ายเรือพาเจ้าไปขายของเอง”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×