ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ทะลุมิติมาขายก๋วยเตี๋ยวเรือ

    ลำดับตอนที่ #15 : ทำก๋วยเตี๋ยวเรือชามแรกให้สามีชิม (2/2)

    • อัปเดตล่าสุด 20 ต.ค. 66


    หลินซินอี๋ได้ฟังคำพูดนี้ก็ชะงักไปเล็กน้อย นางเงยหน้าขึ้นสบตาอีกฝ่ายก็เห็นว่านัยน์ตาคมกริบของเขาฉายแววจริงจังมิได้หยอกเย้าแต่อย่างใด

    หญิงสาวรีบหลุบสายตาลง “อย่ามัวแต่พูดเล่นกันเลยเจ้าค่ะ พวกเรารีบซื้อของให้เสร็จแล้วกลับบ้านไปกินข้าวเย็นกันเถิด”

    หลังจากนั้นนางก็พาซูเฟยอวี่เดินเข้าร้านโน้นออกร้านนี้อีกหลายร้าน เพราะยังต้องซื้ออุปกรณ์อีกหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นถ้วยชามกระเบื้องที่เตรียมไว้สำหรับใส่ก๋วยเตี๋ยวขายอีกหลายสิบใบ ตะกร้อลวกก๋วยเตี๋ยวและตะกร้าใบเล็กที่เอาไว้ใส่เนื้อสัตว์กับผักพวกนั้น

    นอกจากนี้ในเมื่อวันนี้จะทำก๋วยเตี๋ยวเรือกินกันจึงยังต้องซื้อวัตถุดิบอีกหลายอย่าง ได้แก่พวกเครื่องเทศ แป้งที่จะนำมาทำเส้น เนื้อสัตว์และผัก ดังนั้นครึ่งชั่วยามถัดมาคนทั้งคู่จึงกลับถึงบ้านพร้อมกับข้าวของที่เต็มสองมือสองไม้ไปหมด

    “เอาล่ะ มาลงมือทำอาหารกันเถิดเจ้าค่ะ!”

    หลังจากที่ทั้งสองอาบน้ำชำระเหงื่อเรียบร้อยแล้ว หลินซินอี๋ก็เริ่มต้นลงมือทำอาหารต่อ

    เริ่มต้นจากขั้นตอนการทำเส้น ในโลกเดิมก๋วยเตี๋ยวเรือนั้นมีหลายเส้นไม่ว่าจะเป็นเส้นใหญ่ เส้นเล็ก เส้นหมี่ หรือบะหมี่ แต่ทว่าในยุคโบราณนี้การจะทำเส้นหมี่ขึ้นมานั้นคงไม่ง่ายเพราะนอกจากที่ขนาดเส้นที่เล็กมากแล้วเส้นหมี่ยังถือเป็นเส้นที่ต้องใช้เวลาในการตากแดดรีดความชื้นมากกว่าเส้นอื่นๆ ดังนั้นสำหรับช่วงเริ่มต้นกิจการนางจึงคิดว่าจะลองขายแค่สามเส้นที่เหลือดูก่อนเพื่อลดความยุ่งยากลง หากผลตอบรับออกมาดีแบบถล่มทลายก็ไม่แน่ว่าในอนาคตนางอาจจะลงทุนออกแบบพิมพ์รีดเส้นให้เถ้าแก่ร้านเหล็กทำเพิ่มอีกสักอันก็เป็นได้

    “มีอะไรให้ข้าช่วยได้บ้างหรือไม่?”

    ระหว่างที่หลินซินอี๋กำลังก่อไฟต้มน้ำและหมักเนื้อหมูเอาไว้ ซูเฟยอวี่ที่ไม่มีความรู้เรื่องการทำครัวมาก่อนก็เดินเข้ามาถาม

    หลินซินอี๋เห็นว่าอีกฝ่ายมีใจอยากจะช่วย ประกอบกับตัวนางเองก็อยากมีลูกมือช่วยทำเส้นพอดีเหมือนกันจึงตัดสินใจค่อยๆ สอนชายหนุ่มทีละขั้นตอน

    “ท่านช่วยข้าทำเส้นก๋วยเตี๋ยวแบบต่างๆ ก็แล้วกันเจ้าค่ะ เส้นที่ข้าจะทำขายมีทั้งหมดสามแบบ เรียกว่าเส้นใหญ่ เส้นเล็กและบะหมี่ เรามาเริ่มจากเส้นใหญ่กันก่อนนะเจ้าคะ”

    พูดจบ หญิงสาวก็สอนวิธีการทำเส้นให้ซูเฟยอวี่ เริ่มจากการนำแป้งมันสำปะหลังมาเทใส่ชามใบใหญ่ จากนั้นก็ใส่แป้งข้าวเจ้าลงไปและเทน้ำร้อนตามในปริมาณที่พอเหมาะ เมื่อค่อยๆ คนให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดีแล้วจึงนำไปกรองด้วยผ้าขาวบางจนได้แป้งที่เนื้อเนียนละเอียด

    “พอท่านพี่ได้เนื้อแป้งที่ละเอียดแบบนี้ก็นำไปเทและวนให้เป็นวงกลมแบนๆ ในจาน จากนั้นก็ยกไปนึ่ง รอจนกระทั่งแป้งสุกได้ที่แล้วก็เอาออกมาตัดเป็นเส้นตามขนาดที่ต้องการก็ได้แล้วเจ้าค่ะ”

    ซูเฟยอวี่พยักหน้าแสดงว่าเข้าใจ หญิงสาวจึงอธิบายเพิ่มอีกเล็กน้อย

    “ส่วนกรรมวิธีการทำเส้นเล็กนั้นเหมือนกันกับเส้นใหญ่ เพียงแต่หลังจากได้แผ่นแป้งแบบนี้มาแล้วก็จะต้องนำไปตากแดดหรือผึ่งแห้งสักครึ่งชั่วยามก่อนเพื่อรีดความชื้นออกไป พอแห้งเราจะนำมาตัดซอยเป็นเส้นเล็กๆ แบบนี้จึงเรียกว่าเส้นเล็กเจ้าค่ะ”

    ซูเฟยอวี่จดจำทุกอย่างที่ภรรยาสอนเอาไว้ในใจแล้ว หลังจากที่หลินซินอี๋ทำเส้นใหญ่ชุดแรกออกมาได้แล้วก็นำไปคลุกน้ำมันเจียวเอาไว้ และเริ่มต้นทำบะหมี่ไข่ให้อีกฝ่ายดูบ้าง

    “ส่วนวิธีการทำเส้นบะหมี่ไข่นั้น เราจะใช้แป้งสาลีมาผสมกับไข่ไก่แบบนี้เจ้าค่ะ จากนั้นใส่น้ำลงไปทีละหน่อยแล้วก็ค่อยๆ นวดให้เข้ากัน ขั้นตอนการนวดนี้สำคัญมากนะเจ้าคะ เพราะว่าหากเรานวดจนนิ่มมากพอก็จะได้เส้นที่เหนียวนุ่มเคี้ยวแล้วอร่อยมาก”

    ซูเฟยอวี่รับชามใส่แป้งมาจากนาง จากนั้นก็นวดแป้งด้วยความตั้งใจอยู่นานราวหนึ่งก้านธูป จนกระทั่งแป้งที่ทำสำเร็จด้วยฝีมือของเขาดูนุ่มนิ่มน่ารักเสียจนดูเหมือนก้อนซาลาเปายักษ์ หลินซินอี๋ก็ยกมือขึ้นหยุด

    “พอแล้วเจ้าค่ะ นวดเท่านี้ก็น่าจะใช้ได้แล้ว เดี๋ยวเราก็จะนำแป้งก้อนใหญ่ที่ได้มาแบ่งให้เป็นก้อนเล็กๆ แบบนี้ ต่อจากนั้นเราจะพักก้อนแป้งพวกนี้เอาไว้ให้ฟูขึ้นมาอีกสักหนึ่งก้านธูป เมื่อครบเวลาก็จะใช้ไม้นวดแป้งรีดแผ่นแป้งให้บางๆ พับเข้าหากันและทบกันเป็นชั้นๆ โดยที่อย่าลืมโรยแป้งเอาไว้แต่ละชั้นด้วยเพื่อไม่ให้ติดกันด้วยนะเจ้าคะ เสร็จแล้วก็เอามีดหั่นซอยให้เป็นเส้นเล็กๆ เพียงเท่านี้เราก็จะได้บะหมี่ไข่เส้นแบนแล้วเจ้าค่ะ”

    พูดจบหลินซินอี๋ก็ปล่อยให้เขาลงมือทำไป ก่อนที่นางจะหันมาทำน้ำแกงก๋วยเตี๋ยวรอ

    น้ำแกงก๋วยเตี๋ยวเรือนั้นวิธีทำคือเริ่มจากนำเครื่องเทศ เช่น อบเชย โป๊ยกั๊ก ชวงเจีย มาคั่วไฟให้หอมแล้วนำผ้าขาวบางห่อไว้ จากนั้นก็ตั้งหม้อน้ำใส่กระดูกเล้งหมูลงไปต้มให้เดือด ใส่ห่อเครื่องเทศตามลงไปพร้อมด้วยรากผักชีและกระเทียมทุบกับหัวไชเท้าเพื่อเพิ่มความหวานให้กับน้ำแกง ก่อนจะปรุงรสชาติและสีสันเพิ่มเติมด้วยการใส่เกลือ น้ำตาลกรวด ซีอิ๊วดำ เต้าหูยี๊ และเต้าเจี้ยว ต้มต่อไปอีกประมาณครึ่งชั่วยามก็เป็นอันเสร็จ

    หลินซินอี๋ปิดฝาหม้อเพื่อต้มน้ำแกงต่อไป ครั้นเมื่อหันมาดูอีกทีก็พบว่าซูเฟยอวี่จัดการกับเส้นก๋วยเตี๋ยวทั้งหมดเรียบร้อยหมดแล้วเช่นกัน
    ชายหนุ่มคนนี้หัวไวมาก เพียงนางบอกวิธีรอบเดียวก็สามารถทำตามออกมาได้อย่างถูกต้องไม่มีผิดพลาดเลยสักขั้นตอนเดียว

    หลินซินอี๋เห็นดังนั้นจึงเอ่ยชื่นชมอีกฝ่าย รอจนกระทั่งทุกอย่างเรียบร้อยดี หญิงสาวก็ลวกเส้นหมูและผัก ราดด้วยน้ำแกงและปรุงรสชาติเพิ่มสักหน่อย

    ก๋วยเตี๋ยวเรือซึ่งเป็นมื้อเย็นของวันนี้ก็เป็นอันเสร็จสมบูรณ์ในที่สุด!

    “ท่านพี่ลองชิมดูสิเจ้าคะ ถูกปากหรือไม่บอกข้าตรงๆ ได้เลยนะ”

    หลินซินอี๋เลื่อนชามก๋วยเตี๋ยวสามชามที่มีเส้นแตกต่างกันไปวางหน้าชายหนุ่ม

    น้ำแกงสีเข้มดูแปลกตาส่งกลิ่นหอมหวนชวนให้น่ากินยิ่งนัก ซูเฟยอวี่ไม่รอช้า เมื่อรับตะเกียบกับช้อนมาได้แล้วก็จัดการคีบก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ขึ้นมาชิมก่อน

    "..."

    เสียงเคี้ยวเส้นเบาๆ และเสียงซดน้ำแกงฟังดูน่าอร่อยเสียจนทำให้หลินซินอี๋อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ ทว่าหลังจากที่ชายหนุ่มเคี้ยวอยู่นานก็ยังไม่ยอมพูดอะไรออกมาสักที หญิงสาวร้อนใจจึงถามซ้ำ

    “เป็นอย่างไร ไม่อร่อยหรือ?”

    ชายหนุ่มวางตะเกียบลงและเงยหน้าขึ้นพูดกับนางด้วยสายตาเป็นประกาย

    “ข้าไม่เคยกินก๋วยเตี๋ยวอะไรที่อร่อยขนาดนี้เลยต่างหาก! น้ำแกงก๋วยเตี๋ยวเรือนี้ถึงแม้สีจะดูเข้มแต่กลับมีรสเค็ม เปรี้ยว หวานกำลังดี อีกทั้งยังมีกลิ่นหอมของสมุนไพรเจืออยู่ด้วยจึงทำให้รสชาติกลมกล่อมยิ่งนัก อีกทั้งหมูชิ้นที่เจ้าหมักนี่ก็ยังทั้งนุ่มและมีรสชาติในตัวด้วยพอกินกับเส้นหนึบเคี้ยวอร่อยแบบเส้นใหญ่แล้ว ทุกอย่างก็เรียกได้ว่าเข้ากันได้อย่างดี ลงตัวไม่มีที่ติ!”

    หลินซินอี๋ได้ฟังจนจบ หัวใจที่แขวนลอยอยู่จนถึงเมื่อครู่ก็ค่อยคลายลง นางชื่นใจอย่างมากจึงดันอีกสองชามที่เหลือไปตรงหน้าเขา

    “เส้นเล็กกับบะหมี่นี้รสชาติอาจจะต่างจากชามแรกที่ท่านกินอยู่เล็กน้อยนะเจ้าคะ เพราะว่าข้าทำเป็นก๋วยเตี๋ยวน้ำตกให้ท่านลองชิมดูว่าแบบนี้จะชอบหรือไม่”

    “น้ำตกหรือ น้ำตกแปลว่าอะไร?”

    ซูเฟยอวี่ไม่เคยได้ยินคำนี้มาก่อน การออกเสียงของนางดูคล้ายกับว่าจะเป็นคำของเผ่าต่างถิ่นอย่างไรอย่างนั้น หลินซินอี๋ยิ้ม

    “น้ำตกก็คือการเติมเลือดหมูลงไปเพื่อชูรสน้ำแกงให้เข้มข้นและอร่อยไปอีกแบบหนึ่งเจ้าค่ะ ท่านลองชิมดูก็จะเข้าใจเอง”

    ชายหนุ่มเห็นสีของน้ำแกงที่เข้มข้นกว่าชามแรกอยู่พอสมควรก็เข้าใจว่าน่าจะเป็นสีของเลือดหมูที่สุกแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ลังเลใจที่จะตักเส้นเล็ก หมูหมัก และน้ำแกงขึ้นมากินในคำเดียว

    “อร่อย!”

    นัยน์ตาคมของซูเฟยอวี่เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ จากนั้นเขาก็กินอีกหลายต่อหลายคำ จนกระทั่งทั้งสองชามหมดเกลี้ยงไม่เหลือแม้กระทั่งน้ำแกงสักหยด ชายหนุ่มจึงเช็ดปากและเอ่ยออกมาในที่สุด

    “ก๋วยเตี๋ยวเรือก็ว่าถูกปากแล้ว แต่ข้ากลับชอบน้ำตกมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกินกับเส้นเล็กที่เหนียวนุ่มแบบนี้ด้วยแล้ว ซินอี๋ ข้าเชื่อว่าหากผู้อื่นได้ชิมก๋วยเตี๋ยวเรือของเจ้าแล้วจะต้องชอบมากเช่นกัน การค้าของเจ้าต้องไปได้สวยอย่างแน่นอน!”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×