ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ทะลุมิติมาขายก๋วยเตี๋ยวเรือ

    ลำดับตอนที่ #12 : อยู่โลกใบใหม่ ข้าก็จะขายก๋วยเตี๋ยวเรือ! (1/2)

    • อัปเดตล่าสุด 19 ต.ค. 66


    “ซินอี๋ ตื่นเร็ว ลุกมากินอะไรสักหน่อยเถิด”

    เสียงทุ้มของบุรุษดังอยู่ข้างหูปลุกให้หลินซินอี๋ที่นอนหลับอุตุอยู่บนเตียงค่อยๆ งัวเงียลืมตาตื่นขึ้น

    หืมมม หอมจัง 

    หลินซินอี๋ลุกขึ้นนั่งอย่างงัวเงีย เมื่อหันไปมองบนโต๊ะน้ำชาก็พบว่าในตอนนี้มีโจ๊กร้อนๆ วางอยู่สองชาม

    โจ๊กปลา ที่ซูเฟยอวี่ไปซื้อมาจากตลาดเช้านี้กลิ่นหอมยวนใจจนดึงดูดให้นางเดินไปนั่งลงหน้าชามอย่างว่าง่าย ควันสีขาวลอยฟุ้งพัดพาเอากลิ่นหอมสดชื่นของขิงอ่อนและกลิ่นหอมนุ่มนวลของข้าว เข้าจมูกของนางจนชวนทำให้คิดไปถึงโลกก่อนที่ตัวเองเคยอยู่ขึ้นมา

    ตอนสมัยที่นางยังเป็น ‘ลูกหมี’ คนเดิม เวลาเช้าเช่นนี้ก็ชื่นชอบการกินโจ๊กหมูสับแทบทุกวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งโจ๊กที่ยายเป็นคนทำให้กินนั้นเรียกได้ว่าเป็นโจ๊กที่อร่อยที่สุดเท่าที่นางเคยกินมา

    คิดถึงยาย คิดถึงโลกโน้น คิดถึงเพื่อนจัง

    “กินสิ รีบกินตอนยังร้อนอยู่”

    ซูเฟยอวี่นั่งลงตรงข้ามนางก่อนยื่นช้อนให้ หลินซินอี๋รีบเก็บน้ำตาที่กำลังจะก่อตัวรื้นขึ้นมาพลางยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน

    ตั้งแต่เกิดมาไม่ว่าจะเป็นความทรงจำของลูกหมีหรือหลินซินอี๋เจ้าของร่างก็ตาม พวกนางทั้งสองต่างมีสิ่งที่เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งนั่นก็คือการเป็นผู้หญิงที่ดูแลตัวเองได้ดี

    ที่ผ่านมาไม่ว่านางจะมีความรักกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่ละครั้งจึงมักจะตกเป็นฝ่ายที่ต้องดูแลผู้อื่นมากกว่าที่จะถูกดูแลเสมอ ดังนั้นเหตุการณ์เล็กๆ อย่างการมีใครสักคนซื้ออาหารมาเตรียมให้ตั้งแต่ยังไม่ทันได้ตื่นนอนจึงเป็นเรื่องที่ยังไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต

    จู่ๆ หัวใจดวงเล็กๆ ของผู้หญิงคนนี้ก็รู้สึกอุ่นวาบขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

    "เป่าด้วยนะ ร้อนๆอยู่เลย"

    ซูเฟยอวี่ตักปลาในชามของตัวเองเพิ่มให้นางอีกสองสามชิ้น หลินซินอี๋เอ่ยขอบคุณก่อนจะลงมือชิมรสอ่อนนุ่มของโจ๊กเป็นคำแรกของวัน

    อืมมมม

    รสชาติของโจ๊กชามนี้แม้จะไม่เหมือนกับที่เคยกินแต่นับว่าไม่เลวทีเดียว เนื้อข้าวที่อยู่ในถ้วยทั้งเนียนและหนาแน่นเสียจนหากนำตะเกียบลงไปปักก็คงจะสามารถตั้งตรงอยู่ได้นาน เนื้อปลาเมื่อกัดลงไปก็ไม่คาวและยังมีกลิ่นพริกไทยเจือปนอยู่เล็กน้อยทำให้รสชาติทั้งอร่อยและอุ่นกระเพาะในยามเช้าได้ดีอย่างยิ่ง

    ซูเฟยอวี่เห็นหลินซินอี๋ได้กินของอร่อยแต่เช้าก็ดีใจจึงก้มหน้าก้มตากินบ้าง

    ทั้งสองใช้เวลากินอาหารด้วยกันราวๆ หนึ่งเค่อ หลังจากนั้นชายหนุ่มจึงไล่ให้นางไปอาบน้ำส่วนตัวเขานอกจากจะเอาชามไปล้างเองจนเสร็จแล้วก็ยังนำเครื่องเรือนชำรุดในห้องเก็บของออกมาซ่อมแซมต่อ

    เวลาผ่านไปครึ่งชั่วยามจึงยกโต๊ะเครื่องแป้งที่ซ่อมเสร็จเรียบร้อยแล้วกลับเข้ามาให้ภรรยาใช้ในห้องนอน

    “เจ้ากำลังเขียนอะไรอยู่หรือ?”

    ทันทีที่เข้ามา บนโต๊ะน้ำชาซึ่งยังว่างอยู่ก่อนหน้านี้ก็มีทั้งกระดาษและพู่กันวางจนเต็มแน่นไปหมด มือเรียวของหลินซินอี๋กำลังเขียนอะไรบางอย่างขยุกขยิกบนกระดาษด้วยสีหน้าจริงจัง

    “ข้ากำลังเขียนสูตรก๋วยเตี๋ยวเรือเจ้าค่ะ แล้วก็จดรายการของที่ต้องใช้ด้วย เดี๋ยวบ่ายนี้พวกเราไปตลาดซื้อของกันนะเจ้าคะ”

    บนกระดาษแผ่นนั้นมีทั้งลายมือภาษาจีนของเจ้าของร่างเดิมผสมปนเปไปกับภาษาไทยและรูปวาด เมื่อมองดีๆ ก็พบว่าหญิงสาวได้วาดรูปเรือที่ออกแบบเองกับหม้อน้ำแกงแบบสามหลุมหน้าตาดูแปลกประหลาดออกมาด้วย

    ซูเฟยอวี่มองแล้วแม้จะเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร เขานั่งลงพักเหนื่อย เช็ดเหงื่อและจิบชาอยู่เงียบๆ นานครู่หนึ่ง ตอนนั้นเองที่หญิงสาวร่างเล็กนึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อคืนนี้นางยังติดค้างเรื่องนี้กับอีกฝ่ายอยู่

    “ที่ท่านถามข้าเมื่อวานว่าเหตุใดต้องขายก๋วยเตี๋ยวในเรือ ทั้งๆ ที่จริงๆ เราสามารถเปิดร้านขายกันที่นี่เลยก็ได้ นั่นเป็นเพราะสินค้าของข้าเป็นของแปลกใหม่สำหรับคนในยุค...เอ่อ หมายถึงคนตำบลนี้น่ะเจ้าค่ะ ดังนั้นจึงต้องมีการโปรโมต...หมายถึงป่าวประกาศให้ผู้คนทั่วทั้งตำบลรู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่”

    ซูเฟยอวี่ขมวดคิ้ว

    “เช่นนั้นมิสู้เช่าแผงหรือร้านในตลาดที่ทำเลดีๆ สักหน่อย วันเปิดร้านก็ค่อยจัดให้มีการแสดงหรือแจกใบปลิวเอา ไม่ดีกว่าหรือ?”

    หลินซินอี๋พยักหน้า

    “ที่ท่านพูดมาก็ไม่ผิด แต่ถ้าทำแบบนั้นเราจะได้ลูกค้าแค่กลุ่มเดียวคือคนในตำบลนี้ที่เดินตลาดนี้ ซึ่งท่านลองคิดดูนะเจ้าคะ ตำบลไฉ่นี้มีขนาดเล็กมาก คนที่เดินสวนกันในตลาดเท่าที่ข้าสำรวจมาตลอดหนึ่งเดือนนี้ก็เรียกได้ว่าแทบจะจำหน้ากันได้ทั้งหมดแล้ว หากเราเปิดร้านเฉยๆ ก็จะได้แค่ลูกค้าขาประจำเพียงไม่กี่คนเท่านั้น อีกทั้งพวกเขาก็คงจะไม่กินแต่ก๋วยเตี๋ยวเรือของข้าทุกวันหรอกกระมัง”

    ชายหนุ่มเข้าใจ

    “ดังนั้นเจ้าก็เลยอยากออกไปหาลูกค้าจากแหล่งอื่นเตรียมไว้ด้วย”

    “ใช่เจ้าค่ะ”

    สมัยชาติก่อนหากเปิดร้านเป็นหลักแหล่งหลินซินอี๋ก็ไม่กังวลเพราะในยุคที่นางจากมามีทั้งอินเตอร์เน็ตและแอปพลิเคชั่นในมือถือมากมายที่ช่วยส่งเสริมการขาย ดังนั้นไม่ว่าร้านของนางจะตั้งอยู่ในพื้นที่แห่งหนตำบลใดห่างไกลแค่ไหนก็ตาม ลูกค้าก็ยังสามารถเห็นหน้าร้านได้เพียงแค่ขยับปลายนิ้ว

    หากทว่ายุคสมัยนี้ถ้าอยากจะให้กิจการเป็นที่รู้จักในวงกว้างโดยส่วนมากก็ต้องอาศัยวิธีการปากต่อปาก

    วิธีนี้ไม่ว่าจะอยู่ในยุคสมัยไหนย่อมดีมาก แต่ก็มีข้อเสียเช่นกันนั่นก็คือใช้เวลานาน

    ดังนั้นระหว่างที่อยู่ดูแลซูเฟยอวี่ในโรงหมอ หญิงสาวจึงได้ตกลงกับตัวเองว่าอยากทดลองวิธีการขายแบบเอาตัวไปบริการลูกค้าถึงที่แทนดูก่อนซึ่งวิธีนี้อาจจะดูเหนื่อยสักหน่อยแต่ก็ทำให้คนรู้จักในวงกว้างได้รวดเร็วและยังสามารถรักษาวัฒนธรรมการขายก๋วยเตี๋ยวเรือแบบดั้งเดิมเอาไว้ได้อีกด้วย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×