ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ Fic Naruto ] April Snow เมื่อหิมะ...หลงฤดู

    ลำดับตอนที่ #45 : Chapter 40 : สิ้นสุดการเดินทาง [END]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.42K
      243
      28 ก.ย. 61



    Chapter 40


    สิ้นสุดการเดินทาง





    CR: ASHURA



    ซาสึเกะหยิบรูปซาราดะในวัยยังไม่ถึงขวบดีขึ้นมาดูใกล้ๆ นิ้วมือไล้ไปที่รูปใบนั้นอย่างแผ่วเบาราวกับว่าเขากำลังสัมผัสใบหน้าของลูกสาวในช่วงเวลานั้นอยู่จริงๆ  


    ตัวเขานั้นไม่เคยมีโอกาสได้เห็นการเจริญเติบโตของลูกสาวเลยตั้งแต่วันที่ต้องออกไปตามหาร่องรอยของคางุยะหลังจากพบหลักฐานของกองทัพเซตสึขาวที่คางุยะบอกว่าจะสร้างไว้เมื่อตอนที่เขากับนารูโตะทำการผนึกคางูยะตอนสงครามนินจาครั้งที่สี่ เขาจำเป็นต้องออกไปสืบหาข้อมูลต่อโดยที่ตอนนั้นเขาเพิ่งสร้างครอบครัวกับซากุระได้ไม่ถึงปี


    คิดไปถึงตอนนั้นเขาก็รู้สึกเจ็บปวดทุกคราที่ต้องทิ้งลูกและภรรยาไป แต่เพื่อความปลอดภัยของหมู่บ้านรวมถึงครอบครัว เขาจึงต้องเป็นคนเสียสละ…




    10 ปีก่อน…


    ซาสึเกะมองภรรยาที่กำลังกล่อมลูกสาววัยหกเดือนอยู่ในอ้อมอก วันนี้สีหน้าของเธอดูไม่ยิ้มแย้มเท่าที่ควรนั่นเป็นเพราะการประชุมคาเงะทั้งห้าแคว้นที่เกิดขึ้นในวันนี้ที่หัวข้อการประชุมเป็นเรื่องของการพบร่องรอยของคางุยะ และเขาเองก็เลือกที่จะเป็นฝ่ายเสียสละในการออกไปสืบหาข้อมูลทั้งหมดเนื่องจากเขาเป็นเพียงคนเดียวเท่านั้นมีเนตรสังสาระซึ่งมีประโยชน์ในการหาหลักฐานทั้งหมดได้


    “คุณจะไปเมื่อไรหรือคะ”


    ซากุระถามเขาเมื่อสัมผัสถึงความอ่อนยวบของโซฟาด้านข้าง ดวงตาสีมรกตจับจ้องเพียงแค่ใบหน้าเล็กๆที่กำลังหลับตาพริ้มอยู่โดยที่ไม่รู้ว่าคนเป็นบิดากำลังจะอยู่กับเธออีกเพียงไม่นาน


    “วันมะรืน”


    ทันทีที่มือหนาแตะลงบนไหล่ของเธอ ซากุระก็ห้ามน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป ต่อให้เธอแข็งแกร่งแค่ไหนก็สามารถอ่อนแอได้เช่นกัน ซาสึเกะเห็นดังนั้นจึงโอบไหล่ภรรยาลงมาซบกับบ่ากว้าง เขารู้สึกเจ็บปวดไม่น้อยไปกว่าเธอ ถ้าเลือกได้เขาก็ไม่อยากจากครอบครัวไปในที่ไกลๆเลย


    “ฮึก…”


    “ฉันขอโทษ”


    “คุณจะขอโทษทำไมคะ ในเมื่อคุณกำลังเพื่อครอบครัวและเพื่อหมู่บ้าน”


    ซากุระบอกขณะยิ้มรับทั้งๆที่มันเป็นเรื่องยากที่จะทำใจ ทว่าต่อจากนี้เธอจะต้องเข้มแข็งเพื่อลูก ซาราดะจะต้องโตมาเป็นเด็กที่เข้มแข็งเหมือนกับพ่อแม่ เธอให้สัญญา...


    “ไม่ต้องห่วงเรื่องลูกนะคะ ฉันจะดูแลแกอย่างสุดความสามารถ”


    “ฝากด้วยนะ...ซากุระ”


    ซาสึเกะเคลื่อนริมฝีปากลงไปจุมพิตที่หน้าผากมนเบาๆแล้วกระชับร่างภรรยาและลูกสาวเข้ามาในอ้อมกอดอีกครั้งอย่างรักใคร่และอาทร การเดินทางร่วมกันของเขาและเธอนั้นสิ้นสุดลงไปแล้ว แต่สำหรับเขานั้นเพิ่งจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง...



    .

    .

    .

    .




    “คิดถึงหรือคะ”



    ซากุระเดินเข้ามาหาซาสึเกะที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะที่วางกรอบรูปของครอบครัวเอาไว้ เสียงของเธอดึงเขาให้หลุดจากภวังค์แห่งความหลังเมื่อสิบปีก่อน


    ตั้งแต่เมื่อวานที่พวกเขาเดินทางกลับมาจากรังของอุจิวะ ชิน เนื่องจากซาราดะอยากจะเจอหน้าบิดา เลยแอบตามนารูโตะไปกับโจโจจนกระทั่งเกิดเหตุการณ์วุ่นวายขึ้นเมื่อชายที่ชื่ออุจิวะ ชิน ซึ่งเป็นผลทดลองความผิดพลาดของโอโรจิมารุคิดจะฆ่าซาสึเกะจนหันมาเล่นงานซาราดะซึ่งเป็นลูกสาว ซากุระจึงต้องตามไปช่วยลูกด้วยความเป็นห่วงจนถูกจับตัวไปแทน ซึ่งกว่าเรื่องทั้งหมดจะจบลงก็ทำเอาเสียเวลาไปพักใหญ่เพราะหลังจากจัดการกับอุจิวะ ชินร่างต้นได้แล้ว ยังต้องรอหน่วยนินจาจากหมู่บ้านเพื่อมาเอาตัวอุจิวะ ชิน รุ่นเด็กกลับไปสอบสวนและตอนนี้ก็ถูกส่งไปอยู่กับคาบูโตะที่สถานรับเลี้ยงเด็กเรียบร้อยแล้ว วันนี้จึงเป็นวันที่ซาสึเกะพอจะมีเวลาอยู่ที่บ้านบ้างเพื่อใช้เวลากับครอบครัวหลังจากที่ไม่ได้เจอกันนานถึงสิบปี



    “ไปถ่ายรูปครอบครัวกันใหม่ดีไหม”



    ซาสึเกะไม่ได้ตอบเธอแต่เอ่ยคำถามขึ้นแทนขณะมองไปที่รูปถ่ายอีกรูปที่มีซากุระและซาราดะ ส่วนรูปตรงช่องตรงกลางหายไปซึ่งเขาคิดว่าน่าจะเป็นรูปทีมเหยี่ยวที่ซาราดะนำติดไปให้เขาดูในตอนนั้น และเขาก็เป็นคนผิดเองที่ไม่คิดจะอธิบายอะไรให้ลูกฟังเพราะคิดว่าเธอยังเด็ก



    “ฉันก็ว่าดีนะ แล้วก็...ถ้าลูกรู้จะต้องดีใจแน่ๆเลยค่ะ”



    ซากุระบอกพลางยิ้มให้กำลังใจผู้เป็นสามี เธอรู้ว่าทั้งซาสึเกะและซาราดะค่อนข้างจะประหม่าในเวลาที่อยู่ด้วยกัน อีกทั้งยังมีบุคลิกหลายๆอย่างที่คล้ายกันทำให้เกิดช่องว่างระหว่างทั้งคู่ เธอผู้เป็นทั้งภรรยาและมารดาจึงต้องเป็นคนคอยเชื่อมพวกเขาเข้าหากัน



    “นี่ลูกก็ใกล้จะกลับมาแล้ว คุณยังไม่เอาของไปวางไว้ให้ลูกอีกหรือคะ”



    ซากุระถามเมื่อเห็นว่าเขายังถือตุ๊กตาแมวสีเทาไว้ในมืออยู่ พอมองดูแล้วก็เหมือนเจ้าสลัด แมวที่เคยติดตามซาสึเกะเมื่อตอนออกเดินทางอยู่ไม่น้อย และเจ้าแมวตัวนั้นก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้กลายเป็นชื่อ ‘ซาราดะ’ ขึ้นมา ซาสึเกะบอกว่าอยากจะให้ของขวัญแก่ลูกบ้างแต่ไม่กล้าพอที่จะให้ตรงๆ เธอเลยแนะนำให้เขาเอาไปวางไว้ในห้องของลูกสาวแทน



    “อืม...จะไปเดี๋ยวนี้แหละ” ซาสึเกะรีบซ่อนสีหน้าเก้อเขินเอาไว้แล้วหมุนตัวไปทางประตูห้องนอนของซาราดะ ทิ้งให้ซากุระยิ้มขันกับความประหม่าของเขาก่อนที่เธอจะหันกลับไปทางครัวเพื่อเตรียมอาหารต่ออย่างอารมณ์ดี






    ซาสึเกะยืนนิ่งอยู่ในห้องของลูกสาวพลางคิดว่าเขาควรจะเอาตุ๊กตาไปวางไว้ตรงไหนดีเพื่อที่จะสะดุดตาพอที่จะทำให้ซาราดะสังเกตเห็น แต่แล้วสายตาก็หันไปเห็นกระบองเพชรต้นเล็กๆที่วางเรียงรายอยู่ริมหน้าต่าง ถัดมาก็เป็นพวกผลึกน้ำแข็งที่ถูกปั้นเป็นรูปต่างๆอยู่ในครอบแก้วทรงกลมซึ่งก็มีมากมายเช่นกัน เขาได้แต่มองอย่างสงสัยว่าทำไมซาราดะถึงได้มีของพวกนี้มากมายนัก แถมยังมีซ้ำๆกันอยู่เต็มชั้นวางไปหมด แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับเด็กสาวผมสีดำ ชุดสีเลือดหมูที่เหมือนกับมารดาเต็มไปด้วยฝุ่นดินเพราะเพิ่งกลับมาจากการฝึกของอาจารย์โคโนฮะมารุ



    “อ๊ะ ป๊ะป๋า เข้ามาทำอะไรที่ห้องหนูงั้นหรือ”


    ซาราดะถามบิดาด้วยความแปลกใจ ซาสึเกะเองก็รีบซ่อนตุ๊กตาเอาไว้ด้านหลังแทบจะในทันทีแล้วรีบปั้นสีหน้าให้เป็นปกติ


    “พ่อ...แค่จะมาตามไปกินมื้อเย็น แต่เพิ่งคิดได้ว่าวันนี้ลูกจะกลับช้า”


    “อย่างงั้นหรือคะ”  ซาราดะขานรับพลางยกแขนขึ้นมากอดอก ดวงตาสีดำสนิทกำลังจ้องมองบิดาอย่างจับผิดเพราะข้ออ้างของซาสึเกะไม่สมเหตุสมผลเท่าไร ซาสึเกะจึงรีบหลบสายตาแล้วหันไปมองที่กระบองเพชรกับผลึกน้ำแข็งแทนเพื่อเฉไฉไปเรื่องอื่น


    “ของพวกนี้ใครให้มาหรือ”


       “อ้อ ถ้าเป็นพวกกระบองเพชร ท่านคาเสะคาเงะให้มา ส่วนผลึกน้ำแข็งนั่นก็เป็นของลุงเซอิจิ เพื่อนของหม่าม๊าที่เป็นเจ้าแคว้นเท็ตซึโนะให้มาค่ะ”


    เมื่อได้ยินชื่อบุคคลที่เอาของมาให้ลูกสาวก็ทำเอาคิ้วเรียวขมวดมุ่น พวกนั้นมันโจทย์เก่าของเขาทั้งนั้น แล้วเจ้าพวกบ้านั่นเอาของมาให้ลูกสาวของเขาทำไม หวังผลอะไรอยู่กันแน่ !


    “ทำไมถึงเยอะขนาดนี้”


    “ก็พวกเขาเอามาให้ทุกปีนี่คะ เห็นหม่าม๊าบอกตั้งแต่หนูยังเด็กเลยมั้ง พวกเขาชอบมาเยี่ยมที่บ้าน บางที...ก็หอบดอกไม้มาให้หม่าม๊าด้วยนะคะ ถ้าหม่าม๊าไม่บอกว่าคุณน้ากาอาระกับคุณลุงเซอิจิเป็นเพื่อนล่ะก็...หนูคงคิดว่าพวกเขามาจีบหม่าม๊าซะอีกนะเนี่ย”


    ซาราดะแสยะยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นใบหน้าเครียดขึงของผู้เป็นบิดา เธอชอบที่จะแกล้งหยอกบิดาของตัวเองอยู่เสมอโทษฐานที่ออกจากบ้านไปถึงสิบปี และเรื่องของหม่าม๊าก็เป็นจุดอ่อนที่สุดของผู้ชายคนนี้


    “แล้วลูกชอบของพวกนี้ไหม”


    “ก็ดีนะคะ ถือว่ามีประโยชน์กว่าพวก ‘ตุ๊กตา’ เยอะเลย”


    คำพูดนั้นของลูกสาวทำเอาซาสึเกะรู้สึกเหมือนกับมีลูกธนูนับพันเสียบเข้าร่างของเขาจนบาดเจ็บสาหัสแต่ก็ยังไม่ตาย สงสัยเจ้าตุ๊กตาแมวในมือคงไม่มีประโยชน์เสียแล้วในเมื่อเจ้าตัวบอกเองว่าไม่ชอบตุ๊กตา เขากำลังคิดว่าบางทีเวรกรรมอาจจะมาในรูปแบบของลูกสาว ซึ่งเขานั้นก็ได้แต่ยอมรับชะตากรรมของตัวเองอย่างเงียบๆ


    “งั้นพ่อ...ไปช่วยแม่เตรียมอาหารก่อนนะ รีบอาบน้ำแล้วไปกินข้าวล่ะ”


    ซาสึเกะบอกกับลูกสาวทิ้งท้ายก่อนจะค่อยๆเดินออกไปจากห้องราวกับร่างไร้วิญญาณ ส่วนซาราดะได้แต่มองตามอย่างสงสัยพลางไหวไหล่เล็กน้อย



    “ป๊ะป๋าเนี่ยพิลึกคนจังเลย”




    .

    .

    .

    .



    “เจ้าสองคนนั้นแวะมาบ่อยๆเหรอ”


    ซาสึเกะถามขึ้นขณะนั่งพิงผนังเตียงนอนโดยที่สายตากำลังอ่านหนังสือในมืออยู่ ซากุระที่กำลังทาครีมบำรุงอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งทำสีหน้าฉงนเมื่ออยู่ๆซาสึเกะก็ถามอะไรขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย


    “หือ สองคนไหนคะ”


    “กาอาระกับเซอิจิ”


    “อ๋อ… พวกเขามาประชุมผู้นำหมู่บ้านทุกปีน่ะค่ะ ปีละสองสามครั้ง ทำไมหรือคะ” ซากุระตอบอย่างเป็นเรื่องปกติ แต่คนไม่ปกติเริ่มที่จะอ่านหนังสือไม่เข้าหัวแล้ว เขาจึงปิดหนังสือในมือลงแล้วนำมันไปวางไว้ที่โต๊ะข้างเตียงอย่างหมดความสนใจ


    “เปล่า ฉันเห็นต้นกระบองเพชรกับผลึกน้ำแข็งในห้องซาราดะเต็มไปหมด”


    “ฮะๆ กาอาระคุงกับเซอิจิให้ของแบบเดิมทุกปีนั่นแหละ ตลกดีเหมือนกัน” ซากุระหัวเราะเล็กน้อยเมื่อนึกไปถึงทุกๆปีที่สองคนนั้นมาเยี่ยมเยียนหมู่บ้านโคโนฮะ พวกเขามักจะนำของมาฝากให้ซาราดะตลอดจนกระทั่งซาราดะโตจนเข้าโรงเรียนนินจาได้ พวกเขาก็ยังให้ของแบบเดิมอยู่ สงสัยว่ายังเห็นลูกสาวของเธอเป็นเด็กเล็กอยู่ตลอดเวลา


    “พวกนั้น....” ‘จีบเธอหรือเปล่า’ เขาไม่ได้ถามคำหลังออกไปเพราะกลัวจะดูออกตัวไปหน่อยว่ากำลังหึงภรรยา แถมสองคนนั้นยังเคยแอบชอบซากุระมาก่อนอีก พวกนั้นอาจจะสบโอกาสตอนเขาไม่อยู่แล้วมาเนียนทำแต้มก็ได้ แค่คิดก็รู้สึกร้อนรุ่มอยู่ในอกแล้ว !


    “หือ”


    “เปล่า ไม่มีอะไร” ซาสึเกะตัดบทก่อนจะล้มตัวลงนอนเพื่อข่มความโกรธงี่เง่าของตัวเองลง แต่แล้วเขาก็ต้องลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเมื่อวงแขนบอบบางกอดรัดลำตัวของเขาไว้หลวมๆ กลิ่นกายหอมๆของเธออบอวลอยู่ทางด้านหลัง


    “คิดถึงคุณจัง”



    ซากุระบอกขณะที่ซุกใบหน้าลงกับแผ่นหลังกว้าง เธอไม่ได้เจอเขามาถึงสิบปี มีเพียงจดหมายที่ส่งข่าวคราวมาให้เรื่องร่องรอยของคางุยะ  เธอรู้ว่าเขาต้องพยายามเป็นอย่างมากที่จะไม่ล้มเลิกภารกิจแล้วกลับมาหาครอบครัว อีกอย่างการที่เขามีเนตรสังสาระทำให้เขาเป็นที่ต้องการของพวกศัตรูเป็นอย่างมากเนื่องจากเป็นขีดจำกัดที่สามารถขโมยได้ง่ายกว่าขีดจำกัดทางสายเลือดรูปแบบอื่น เพราะฉะนั้นจุดอ่อนที่จะทำลายไปได้ง่ายๆก็คือครอบครัวซึ่งซาสึเกะก็ไม่อยากให้มันเกิดขึ้น จึงได้หักดิบด้วยการขาดการติดต่อไปโดยสมบูรณ์


    “ขอโทษนะ”


    ซาสึเกะหันหน้ามาสบตากับภรรยา เป็นครั้งแรกที่ทั้งคู่มีโอกาสได้คุยกันอย่างจริงจังหลังจากที่เขามัวแต่สาละวนอยู่กับข้อมูลของอุจิวะ ชินที่สำนักงานของโฮคาเงะ ส่วนซากุระเองก็มีงานยุ่งที่โรงพยาบาลเช่นกัน


    “หืม เรื่องอะไรคะ”


    “เรื่องที่ให้เธอต้องเลี้ยงซาราดะอยู่คนเดียว”


    “คุณไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอกค่ะ ฉันรู้ว่ามันเป็นหน้าที่ที่เลี่ยงไม่ได้”


    “สุดท้ายฉันก็ทำให้เธอกับลูกต้องลำบากอยู่ดี ฉันรู้สึกว่าฉันเป็นสามีและเป็นพ่อที่ไม่ดีเท่าที่ควร” ซาสึเกะระบายความในใจให้ภรรยาฟัง สีหน้าเขาดูเศร้าหมองเล็กน้อย ไม่บ่อยเท่าไรนักที่เขาจะแสดงสีหน้าออกมาตรงกับความรู้สึก


    “อย่าคิดแบบนั้นสิคะ”


    “อีกอย่างกับซาราดะน่ะ…ฉันก็ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง”


    “คุณรู้ไหมว่าทั้งคุณและซาราดะน่ะเหมือนกันมากแค่ไหน…”  ซากุระบอกพลางลูบที่ข้างแก้มของเขาเบาๆเพื่อปลอบประโลม “ซาราดะน่ะ มีความใฝ่ฝันที่อยากจะเป็นโฮคาเงะแบบนารูโตะ เธอมองนารูโตะเป็นแบบอย่างมาโดยตลอด แต่ว่านะ...คุณไม่ต้องพยายามเปลี่ยนตัวเองเพื่อเข้าหาลูก ขอให้เป็นอย่างที่คุณเป็นก็พอ ช่วงที่คุณไม่อยู่เขามักจะพูดเสมอว่าพ่อของเขาเก่งแค่ไหน ฉันเชื่อว่าลูกคงภูมิใจในตัวคุณมากเพียงแต่ลูกแค่ไม่แสดงออกมาให้คุณเห็นเท่านั้นเอง ฉันถึงได้บอกยังไงล่ะว่าทั้งคุณและลูกเหมือนกันแค่ไหน เพราะฉะนั้นอย่ากังวลไปเลยนะคะ”


    ซาสึเกะได้แต่รับฟังสิ่งที่ซากุระบอกอย่างเงียบๆแต่ในใจเขากำลังรู้สึกอิ่มเอิบกับสิ่งได้ฟัง มันทำให้เขาได้เข้าใจในตัวของซาราดะมากขึ้น และพรุ่งนี้เขาก็มีแผนที่จะฝึกวิชาประจำตระกูลให้ลูกบ้างเหมือนที่พ่อคนอื่นเขาทำกัน


    “ขอบใจนะ” ซาสึเกะบอกโดยที่สายตายังคงจ้องมองภรรยาอยู่ ความวิตกกังวลหายไปจากดวงตาสองสีคู่นั้นแล้วแถมยังถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกบางอย่าง แต่คนเป็นภรรยาคงไม่ทันสังเกตเห็นเพราะเธอหลบสายตาออกไปเสียก่อน จ้องหน้าเขานานๆมันทำให้รู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูก


    “วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ฉันอยากให้คุณพักผ่อน นอนเถอะค่ะ”


    ซากุระว่าพลางเคลื่อนตัวไปจุมพิตที่ริมฝีปากของเขาเบาๆเพื่อให้เขารู้สึกผ่อนคลาย แต่เขากลับยึดท้ายทอยของภรรยาสาวไว้แน่นแล้วแนบริมฝีปากลงมาบนริมฝีปากเธออย่างดูดดื่ม ลิ้นอุ่นค่อยๆสอดเข้าไปชิมความหวานภายในโพรงปากของเธออยู่นานสองนานจนเธอรู้สึกราวกับว่ากำลังถูกช่วงชิงลมหายใจออกไป แม้จะไม่ได้เจอกันเลยถึงสิบปีแต่รสจูบของเขายังไม่เคยเปลี่ยน แถมยังร้อนแรงขึ้นตามวัยที่เข้าสู่ความเป็นผู้ใหญ่อย่างเต็มตัว ทำเอาซากุระถึงกับหน้าเห่อแดงด้วยความวาบหวาม


    “คิดถึง...”

    ประโยคสั้นๆที่ฟังดูห้วนแต่กลับทำให้เธอใจเต้นระรัวเหมือนสมัยตอนเป็นวัยรุ่น เรียกว่าคงเป็นสไตล์ของเขาเห็นจะได้ และเธอก็แพ้ทางการจู่โจมแบบนี้ของเขาทุกที...ให้ตายเถอะ


    “คะ คุณ จะไม่พักผ่อนหน่อยหรือ”


    ซากุระถามเสียงแหบพร่าเมื่อเขาเริ่มกดจูบลงไปที่ซอกคอไล้ลงมายังเนินอก  มือข้างขวาลูบไล้แผ่นหลังขาวเนียนพร้อมกับร่นสายชุดนอนของเธอลงมากองที่ต้นแขน เขาไม่ได้ตอบสิ่งใดออกไปแต่กลับพลิกร่างขึ้นทาบทับร่างกายของเธอแทน


    “ฉันกำลังพักผ่อนอยู่นี่ไง”


    พักผ่อนบ้าอะไรของเขา นี่มันเข้าสู่โหมดออกกำลังกายชัดๆ!


    ไม่ทันที่เธอจะได้คิดอะไรมากไปกว่านั้นเขาก็เคลื่อนริมฝีปากขึ้นมาประกบจูบเธออีกครั้ง รสจูบที่หอมหวานนั้นกระตุ้นให้เธอเริ่มเคลิ้มตามไปกับเขา มือบางลูบไปบนแผ่นอกแข็งแกร่งก่อนจะเริ่มปลดกระดุมเสื้อนอนออกจนครบ จากนั้นซาสึเกะก็หยัดกายขึ้นเพื่อให้ซากุระถอดเสื้อนอนเขาออกไป


    ดวงตาสีมรกตจ้องมองเรือนร่างตรงหน้าโดยไม่กะพริบตา ต้องบอกว่าตอนนี้เขาดูเปลี่ยนไปมากไม่เหมือนสมัยตอนเป็นวัยรุ่นเลยสักนิด ผิวที่เคยขาวจัดคล้ำแดดขึ้นมาเล็กน้อยเนื่องจากต้องออกข้างนอกอยู่บ่อยๆ ส่วนมัดกล้ามบนร่างกายก็เด่นชัดขึ้นจนเห็นซิกแพคและวีเชพชัดเจน นั่นทำเอาซากุระถึงกับใจสั่นไม่น้อยที่เห็นเขามีรูปร่างน่ากิน … ไม่ใช่สิ รูปร่างแข็งแรงขึ้นต่างหาก !


    “คุณดู...เปลี่ยนไปเยอะนะคะ”


    “อะไรเปลี่ยนเหรอ” เขาถามคล้ายกระซิบข้างใบหูด้วยน้ำเสียงที่เธอคิดว่ามันดูเย้ายวนแปลกๆ รู้สึกสั่นสะท้านเมื่อเขาขบกัดไปที่ใบหูของเธอเบาๆ และก่อนที่จะรู้สึกตัว ชุดนอนของเธอก็ถูกเขาดึงออกไปเสียแล้ว

         เขาโน้มใบหน้าลงมาจุมพิตที่ริมฝีปากเธออีกครั้งอย่างไม่รู้เบื่อ การที่ไม่ได้สัมผัสภรรยามาเป็นเวลานานทำให้พละกำลังของเขาเหลือล้น และซากุระก็รับรู้ได้ถึงสิ่งนั้นเมื่อความแข็งขึงที่แนบสนิทอยู่บนต้นขาบอกได้เป็นอย่างดีว่าสำหรับคืนนี้มันเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น...










    ซาราดะเดินออกมาจากห้องนอนในตอนเช้าพลางเช็คอุปกรณ์สำหรับฝึกในกระเป๋าสะพายข้างของตนไปด้วย ครั้นพอเงยหน้าขึ้นเพื่อจะบอกเมนูที่อยากกินกับมารดาก็ต้องเป็นอันหยุดชะงักเมื่อคนที่ยืนทำครัวอยู่ไม่ใช่ซากุระแต่เป็นซาสึเกะที่สวมบทบาทพ่อครัวแทน ผ้ากันเปื้อนสีครีมของซากุระที่เขาใส่อยู่ดูสั้นลงไปถนัดตาเพราะสัดส่วนที่ต่างกันของคนใส่ ภาพที่เห็นทำให้ซาราดะได้แต่กะพริบตาปริบๆแล้วยืนนิ่งค้างอยู่ตรงนั้น


    “ทำไม...เป็นป๊ะป๋า...แล้วหม่าม๊าไปไหนล่ะคะ”

    “ยังไม่ตื่นน่ะ”


    “เห ไม่เคยเห็นหม่าม๊าตื่นสายมาก่อนเลย มีอะไรหรือเปล่าคะ”


    “เมื่อคืนแม่เขามีเคสด่วนเข้ามา เลยนอนดึกมาก ให้เขาพักเถอะ”   ซาสึเกะบอกขณะยกจานมาวางตรงที่ประจำของลูกสาว


    “อย่างนั้นหรือคะ” ซาราดะถามอย่างสงสัย ปกติถ้าแม่มีเคสด่วนเข้ามาจนต้องทำงานดึกแค่ไหน แม่ก็จะลุกมาทำอาหารเช้าให้เธอได้เสมอ  แต่ว่าช่างเถอะ เพราะเธอก็อยากให้แม่ได้พักบ้างเหมือนกัน


    “แม่บอกว่าลูกชอบขนมปังไข่ดาว”


    ซาสึเกะบอกราวกับเชฟที่กำลังอธิบายอาหารจานเด็ดของตัวเองให้ลูกค้าฟัง เมื่อได้ยินเช่นนั้นซาราดะก็ก้มลงมองในจานที่มีไข่ดาวแปะหราอยู่ตรงกลางพร้อมกับศิลปะจากซอสมะเขือเทศจนกลายเป็นรูปพระอาทิตย์ยิ้มแฉ่ง ขนมปังปิ้งที่ถูกตัดเรียงเป็นชิ้นพอดีคำวางคู่กับมินิไส้กรอก ตบท้ายด้วยท็อปปิ้งมะเขือเทศราชินีเกือบๆสิบลูกที่โรยอยู่ข้างผักสลัดก็ทำเอาเด็กสาวก้มหน้าลงอย่างสะกดกลั้นอารมณ์บางอย่าง


    “มันก็ชอบอยู่แหละค่ะ แต่ป๊ะป๋าไม่ต้องแต่งจานให้เป็นรูปการ์ตูนก็ได้ หนูไม่ใช่เด็กสามขวบแล้วนะคะ อีกอย่าง...หนูก็ไม่ชอบมะเขือเทศด้วย”


    ซาราดะบอกด้วยใบหน้าแดงก่ำที่เกิดจากความรู้สึกทั้งโกรธทั้งอายที่บิดายังเห็นเธอเป็นเด็กเล็กอยู่ ซาสึเกะยังคงยืนนิ่งพลางคิดไปถึงเนื้อหาในหนังสือเรื่องการรับมือลูกสาวแต่ละช่วงวัยที่อ่านค้างไว้เมื่อคืน


    “วัยต่อต้านงั้นเหรอ”


    “อะไรนะ!”


    “ทำไมลูกไม่ชอบมะเขือเทศล่ะ”


    “มันต้องมีเหตุผลด้วยหรือคะ!”


    เมื่อบรรยากาศเริ่มมาคุขึ้นเรื่อยๆ ซาสึเกะจึงไม่พูดอะไรต่อ เขาเพียงแค่นั่งลงแล้วยกถ้วยกาแฟขึ้นมาจิบ สายตาหันไปให้ความสนใจกับหนังสือพิมพ์โคโนฮะตรงหน้าแทน ส่วนซาราดะก็เริ่มลงมือจัดการกับอาหารที่บิดาทำให้อย่างเงียบๆพลางใช้ส้อมจิ้มมะเขือเทศทั้งหมดไปใส่ไว้ในจานของซาสึเกะ เธอพอจะรู้ว่าบิดาพยายามจะเอาใจเธอเพื่อทดแทนช่วงเวลาที่หายไป  และด้วยความรู้สึกผิดนั้นทำให้เธอเริ่มที่จะเป็นฝ่ายชวนคุยก่อน


    “เมื่อคืน...หนูฝันประหลาด”


    “ฝันว่าอะไร”


    “ฝันว่า...มีอสูรร้ายออกอาละวาดทั้งคืนเลยค่ะ”  คำอธิบายของซาราดะทำให้เขาแทบจะสำลักกาแฟที่ถืออยู่ในมือทันที เขารีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วตอบรับลูกสาวออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ


    “งั้นเหรอ วันหลังอย่าอ่านหนังสือสยองขวัญก่อนนอนล่ะ”


    “หนูไม่มีหนังสือแบบนั้นซะหน่อย!”


    “วันนี้มีเรียนวิชากับแม่เขาใช่ไหม”  ซาสึเกะรีบเบี่ยงประเด็นหัวข้อสนทนาใหม่ก่อนที่ซาราดะจะสงสัยอะไรไปมากกว่านี้ และดูเหมือนจะเรียกความสนใจจากลูกสาวได้เป็นอย่างดี


    “ก็ใช่ ทำไมหรือคะ”


    “เปล่า พ่อจะสอนแทนน่ะ”


    “เห จริงหรือคะ?!” ดวงตาสีดำสนิทเบิกกว้างด้วยความดีใจอย่างปิดไม่มิด เธอได้เห็นฝีมือของบิดามาแล้วในตอนที่เขาสู้กับอุจิวะ ชิน นั่นทำให้รู้ว่าพ่อของเธอเป็นนินจาที่แข็งแกร่งอันดับต้นของหมู่บ้านโคโนฮะ


    “อือ ช่วงบ่ายเจอกันที่ริมแม่น้ำก็แล้วกัน พ่อออกไปทำงานก่อนนะ” ซาสึเกะทิ้งท้ายก่อนทำท่าจะลุกเอาจานไปเก็บ แต่ซาราดะก็ยกมือห้ามไว้พร้อมกับยิ้มกว้างให้กับบิดา


    “ไม่ต้องหรอกค่ะ เดี๋ยวหนูเก็บให้เอง”


    ซาสึเกะที่ได้เห็นซาราดะยิ้มให้ก็ยิ้มตอบกลับไปให้บางๆ แต่สิ่งที่เเสดงออกชัดมากที่สุดคือสายตาที่ทอประกายอบอุ่นยามมองลูกสาว มือข้างขวาของเขาลูบไปที่ศีรษะเล็กๆน้่นก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน



    “งั้นเหรอ ขอบใจนะ”








    ………………………………………..





    ช่วงเวลาที่ได้ฝึกวิชากับบิดานั้นช่างแสนสั้นเพราะหลังจากนั้นไม่นานซาสึเกะก็ออกเดินทางต่ออีกครั้ง ตอนนั้นเธอแสดงสีหน้าเศร้าสร้อยออกไปเพราะเธออยากจะใช้เวลาอยู่กับบิดาให้นานกว่านี้ ซาสึเกะจึงดึงเธอเข้าไปกอดเอาไว้พร้อมกับจิ้มหน้าผากแทนคำสัญญาว่าจะกลับมาใหม่ และเธอก็ได้เข้าใจความหมายที่มารดามักจะสื่อออกมาผ่านการจิ้มหน้าผากว่าบิดารักเธอแค่ไหน  


    หลังจากนั้นซาสึเกะก็กลับมาบ้านอีกครั้งหลังจากได้คัมภีร์มาจากปราสาทคางุยะเพื่อให้ทางหน่วยนินจาของโคโนฮะนำไปถอดความ ซึ่งตรงกับช่วงที่ซาราดะกำลังสอบจูนินพอดี เป็นโชคร้ายที่โมโมชิกิกับคินชิกิบุกเข้ามาทำลายการทดสอบเสียก่อน ทำให้การสอบต้องถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด ทว่าในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีอยู่ เพราะเหตุการณ์ที่โมโมชิกิกับคินชิกิที่เป็นคนในตระกูลเดียวกับคางุยะ ทำให้ซาสึเกะต้องช่วยนารูโตะสืบหาข้อมูลอยู่นาน เธอจึงมีเวลาได้อยู่กับบิดานานขึ้นกว่าครั้งไหนๆ





    ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ !



    ชูริเคนสามอันที่ถูกปาเป็นวงโค้งรอบต้นไม้ก่อนที่มันจะฝังเข้าเป้าที่ต้นไม้อีกต้นอย่างแม่นยำทำให้ดวงตาสีฟ้าสดใสของโบรูโตะมองอย่างชื่นชม ตอนนี้เป็นเวลาว่างของทีมเจ็ดที่คุมโดยอาจารย์โคโนฮะมารุ พวกเขาจึงมารวมตัวกันฝึกวิชาอยู่ริมแม่น้ำซึ่งเป็นสถานที่ประจำ


    “แม่นชะมัดเลยซาราดะ”


    “ไม่หรอก ยังทิ้งห่างกับป๊ะป๋าอยู่อีกไกลเลย”


    “นั่นสินะ คิดถึงอาจารย์ซาสึเกะชะมัด...นี่ เมื่อไรพ่อของเธอจะกลับมาอีกงั้นเหรอ”


    “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”


    ซาราดะบอกขณะถอดชูริเคนออกมาจากต้นไม้แล้วเก็บเข้ากระเป๋า ซาสึเกะไม่เคยบอกสักครั้งว่าจะกลับมาเมื่อไร คิดจะมาก็มา คิดจะไปก็ไป เอาแน่เอานอนอะไรกับคนๆนั้นไม่ได้สักอย่าง แต่ตอนนี้เธอเริ่มจะชินเสียแล้ว


    “อ๊ะ หิมะตกเฉยเลยแฮะ”


    เสียงของโบรูโตะที่เอ่ยขึ้นทำให้ซาราดะเงยหน้าขึ้นไปมองบนฟ้าที่ตอนนี้กำลังมีละอองหิมะโปรยลงมา ถึงว่า...ทำไมวันนี้มันถึงหนาวกว่าปกติทั้งๆที่ตอนนี้เป็นช่วงเวลาของฤดูใบไม้ผลิ ซากุระเคยบอกว่าเธอเองก็เกิดในช่วงที่มีหิมะหลงฤดูเหมือนกัน


    “เมื่อกี้ที่นายถามน่ะ ฉันกำลังคิดว่าป๊ะป๋าใกล้จะกลับมาแล้วล่ะ”


    “ไหนบอกไม่รู้ไง” โบรูโตะทำหน้าบูดเล็กน้อยจนซาราดะหัวเราะออกมาเบาๆ ให้กับท่าทางนั่น


    “ฉันไปก่อนนะ โบรูโตะ มิทซึกิ ช่วงนี้หม่าม๊าไม่ค่อยสบาย ต้องกลับไปดูหน่อย”


    “ขอให้แม่ของเธอหายไวๆนะซาราดะ” มิทซึกิที่นั่งอยู่บนต้นไม้บอกพลางยิ้มกว้างให้เหมือนอย่างเคย เธอจึงเอ่ยขอบคุณมิทซึกิก่อนจะวิ่งกลับไปยังบ้านของตน



    .

    .

    .

    .



    “หม่าม๊า ออกมายืนตากหิมะทำไมคะ เดี๋ยวก็ไม่สบายเอาหรอก”


    ซาราดะบอกพลางยื่นถ้วยชาร้อนๆส่งให้มารดา ซากุระมองลูกสาวแล้วรู้สึกคล้ายกับเดจาวูเพราะมันช่างเหมือนตอนที่เธอตั้งท้องซาราดะแล้วซาสึเกะก็พูดประโยคเดียวกับซาราดะเปี๊ยบเลย ตอนนั้นเขาก็ชงชามาให้เธอดิ่มคลายหนาวเช่นกัน

    “ขอบใจนะซาราดะ”


    “หม่าม๊าเคยบอกว่าป๊ะป๋าเป็นเหมือนกับหิมะที่หลงฤดู ถ้าเป็นแบบนั้นจริง...ก็หมายความว่าป๊ะป๋าใกล้จะกลับมาแล้วใช่ไหมคะ”


    ซาราดะถามขณะที่เหม่อมองดูหิมะที่โปรยปรายอยู่นอกหน้าต่าง ซากุระมักจะบอกว่าซาสีเกะเปรียบเหมือนกับหิมะที่หลงฤดูที่ดันมาตกในฤดูใบไม้ผลิเช่นนี้ นั่นเป็นเพราะว่าครั้งหนึ่งเส้นทางของเธอกับเขาเหมือนกับต้นซากุระที่มักจะเบ่งบานในช่วงฤดูใบไม้ผลิและหิมะที่มักจะตกในฤดูหนาว ไม่มีทางที่สองสิ่งนี้จะมาพบเจอกัน หากแต่ว่าหิมะนั้น...จะเป็นหิมะที่หลงฤดู


    “ฮื่อ แน่นอนจ้ะ”


    ซากุระตอบรับลูกสาว แต่ไม่นานเธอก็ยกมือขึ้นปิดปากก่อนจะวิ่งตรงไปยังห้องน้ำ ซาราดะเห็นเช่นนั้นจึงตามเข้าไปลูบหลังให้มารดาที่กำลังอาเจียนอย่างหนักอยู่หน้าชักโครก ดวงตาสีดำสนิทฉายแววกังวล ถึงซากุระจะชอบหน้ามืดบ่อยๆ แต่พักหลังมานี้มักจะมีอาการอย่างอื่นพ่วงมาด้วยอย่างเช่นการอาเจียนอยู่ตอนนี้


    “ตกลงว่าหม่าม๊าเป็นอะไรกันแน่คะ”


    ซาราดะถามแล้วยื่นผ้าขนหนูให้มารดาที่กำลังบ้วนปากอยู่ตรงอ่างล้างหน้า สีหน้าซากุระดูอิดโรยอย่างเห็นได้ชัดแต่ริมฝีปากกลับคลี่ยิ้มออกมาด้วยความยินดี นั่นทำให้ซาราดะทำสีหน้าฉงนสงสัยออกมาว่าทำไมแม่ของเธอถึงได้ดูมีความสุขทั้งๆที่ป่วยอยู่ ทว่าคำตอบของมารดาก็ทำให้หัวใจของเด็กสาวเต้นระรัวจนดวงตาแทบจะแปรเปลี่ยนเป็นเนตรวงแหวนในทันที



    “สงสัยว่าซาราดะ...จะได้น้องแล้วล่ะจ้ะ”




    -THE END-







    เย้ ! ในที่สุดก็จบแล้ว ! แถมยังจบได้แบบโคตรเลวด้วย แต่ก็ถือว่า Happy Ending ตามสไตล์ SasuSaku แล้วนะ หวานมากไม่ได้ มันต้องมึนๆ แบบไม่ต้องพูดเยอะ เจ็บคอ 5555+ ถ้ามีเวลาเขียนตอนเสริมไว้จะมาบอกนะว่าหญิงหรือชาย หัวสีอะไร (ขอย้ำว่าถ้ามี T0T) ตอนนี้ก็ไปจิ้นกันเองตามกำลังศรัทธาก่อนเด้อ

    สุดท้ายขอขอบคุณทุกคนมากนะคะที่ติดตามมาอย่างทรหดอดทนตลอดสี่ปี เพราะโดนวิกฤติหมักดอง แต่มันจบแล้วจริงๆ ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ทั้งขาประจำและขาจรรวมถึงคุณนักอ่านเงาทุกคน รักเด้อ จุ๊บๆ

    ปล. ถ้ามีโอกาสอยากจะเขียน SasuSaku อีกสักเรื่อง มีแพลนไว้ในหัว แต่กลัวจบปี 2030 นี่สิ เอาไว้ว่าถ้ามีจะมาบอก คงเป็นเรื่องโลกปัจจุบันนี่แหละ ไม่เอาโลกนินจาแล้ว เหนื่อยหาข้อมูลมาก 555+





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×