ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ Fic Naruto ] April Snow เมื่อหิมะ...หลงฤดู

    ลำดับตอนที่ #37 : Chapter 33 : สัญลักษณ์ประจำตระกูล [100%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.86K
      136
      5 ต.ค. 60




    Chapter 34


    สัญลักษณ์ประจำตระกูล










                ไม่เจอกันนานนะ ซาสึเกะ


                ชายผิวเข้มร่างใหญ่เอ่ยทักขึ้นขณะนั่งอยู่บนเก้าอี้ภายในห้องประชุมของสำนักงาน เขาคืออดีตไรคาเงะแห่ง

    แคว้นคามินาริโนะที่ตอนนี้เปลี่ยนตำแหน่งมาเป็น ดารุย อดีตมือขวาของตนได้ก้าวขึ้นมารับหน้าที่แทน 

    แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเป็นที่เคารพของคนหมู่มากอยู่เช่นเดิมรวมถึงตัวไรคาเงะคนปัจจุบันด้วย


                อือ


                ซาสึเกะตอบรับเพียงสั้นๆก่อนจะย้ายตัวเองมานั่งเก้าอี้ที่ว่างอยู่พร้อมกับซากุระ แม้ว่าจะครบองค์ประชุม

    แล้ว แต่ทั้งคู่ก็สังเกตได้ว่าคนทั้งห้องกำลังมองมาทางพวกเขาอย่างไม่วางตาเหมือนกับว่ามีคำถามอยู่ในใจ


                เธอสองคน...คบกันอยู่งั้นเหรอ


                ในที่สุดก็เป็นอดีตไรคาเงะคนเดิมเป็นตัวแทนเอ่ยถามขึ้น ซากุระเบิกตากว้าง ใบหน้าแดงก่ำอย่างเขินอาย

    ระคนตกใจที่คนอื่นสังเกตถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอและเขา ส่วนเขายังคงมีสีหน้านิ่งเฉยก่อนจะตัดบทด้วยน้ำ

    เสียงราบเรียบ


                นี่มันไม่ใช่ประเด็น ฉันขอไม่ตอบ


                ปากแข็งจริงๆนะไอ้บ้า ขืนแกยังชักช้าอุจิวะได้ล่มสลาย...”


                “บี!!” 


                   อดีตไรคาเงะรีบปรามคิลเลอร์บีผู้เปรียบเสมือนน้องชายของตนอย่างรวดเร็วก่อนจะพูดอะไรที่มันเริ่มติดเรท

    และออกนอกประเด็นไปมากกว่านี้  ชายวัยกลางคนมองไปยังสองหนุ่มสาวอีกครั้ง ขอโทษด้วยที่เสียมารยาท 

    ยังไงก็มาเริ่มประชุมกันเถอะ

     

         .

         .

         .

         .

         .


                สรุปแล้ว...เราจะนำเด็กคนนั้นไปยังแคว้นโอนิเพื่อให้มิโกะทำพิธีปิดผนึกความสามารถ


                ไรคาเงะรุ่นที่ห้าเอ่ยบทสรุปขึ้นมาหลังจากที่หารือกันมาพักใหญ่และยังกินเวลาไปหลายชั่วโมง เพราะทุกคน

    ต่างแตกความคิดเห็นออกเป็นเสี่ยงๆ มีหลายครั้งที่เหมือนจะร้อนระอุเป็นไฟ แต่ก็เย็นลงด้วยเสียงห้ามปรามจาก

    ดารุย เขาผู้นี้มีความเคร่งขรึมมาตั้งแต่สมัยเป็นมือขวาให้ไรคาเงะรุ่นที่สี่ และยิ่งวางตัวได้น่าเกรงขามเพิ่มขึ้นไปอีก

    หลังจากที่ได้ก้าวขึ้นมาเป็นไรคาเงะรุ่นที่ห้า


                ในระหว่างทำพิธีอาจจะเกิดเหตุการณ์ไม่ดีขึ้น เพราะฉะนั้นเราก็ควรจะส่งคนคุ้มกันไปมากพอสมควร


                “แบบนั้นมันจะไม่เป็นจุดสนใจเกินไปเหรอผู้บริหารสูงวัยคนหนึ่งเอ่ยแย้งขึ้น


                “แล้วถ้าคนคุ้มกันน้อย เด็กนั่นก็จะเป็นอันตรายน่ะสิ” 


                “คิดดีแล้วแน่เหรอท่านไรคาเงะ ความสามารถนั่นใช่ว่าจะมีกันได้ง่ายๆ ไม่ว่ายังไงฉันก็อยากให้ท่านอย่า

    เพิ่งด่วนตัดสินผู้บริหารอีกคนเสนออย่างไม่ยอมแพ้ ความสามารถในการทำนายมีประโยชน์ต่อแคว้นเป็น

    อย่างมาก ถ้าปล่อยให้หายไปก็น่าเสียดายแย่


                “ฉันคิดมาดีแล้ว ยังไงฮิเซ็นก็ยังเป็นเด็ก เขาไม่ควรต้องมาแบกรับอะไรที่เกินตัวแบบนี้หรอก


                ดารุยบอกเหตุผลด้วยใบหน้าเรียบเฉย แต่นั่นก็ทำให้ซากุระนึกเคารพเขาอยู่ในใจ ถึงเขาจะดูเป็นคนดุดันแต่

    ความจริงแล้วก็มีความเมตตาอยู่มากเช่นกัน


                “แล้วเรื่องนินจาคุ้มกันล่ะครับ ทางเราก็ไม่ค่อยจะมีนินจาที่เก่งเรื่องภารกิจคุ้มกันเท่าไรนัก


                งั้นฉันจะไปเอง


                คิลเลอร์บีเอ่ยแทรกขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มกระชากใจ เขาว่างเว้นจากภารกิจมาซักพักแล้วตั้งแต่สงครามโลก

    นินจาครั้งที่สี่จบลง บางทีก็อยากจะหาอะไรทำแก้เบื่อซักหน่อย


                มะ ไม่ได้นะคะท่านบี!เลขาฯสาวของไรคาเงะรุ่นที่ห้ารีบห้ามปรามขึ้นมาโดยไว เธอขยับแว่นให้เข้าที่ก่อน

    จะเปิดแฟ้มเอกสารแล้วยื่นแผ่นกระดาษใบหนึ่งมาวางตรงกลางโต๊ะประชุม


                นี่เป็นคำทำนายที่เขียนโดยซูซูเมะ ผู้ดูแลฮิเซ็นคุงค่ะ เขาบอกว่าท่านบีไม่ควรจะเดินทางออกไปนอกแคว้น

    ช่วงนี้เพราะจะทำให้เกิดอันตรายจนถึงแก่ชีวิตได้ค่ะ


                อะไรฟะเนี่ย !! ฉันเนี่ยนะจะตาย โน ไม่มีทาง!”


                “แต่เด็กนั่นทำนายถูกเก้าสิบแปดเปอร์เซ็นเลยนะบี


                อดีตไรคาเงะเสริมประโยคเข้าไปอีก เด็กคนนั้นให้ผู้ดูแลส่งคำทำนายมาให้กับไรคาเงะทุกครั้งที่แคว้นต้อง

    เผชิญกับอันตรายเพื่อที่จะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ทัน และที่ผ่านมาก็ค่อนข้างตรงตามคำทำนายเป็นส่วนใหญ่เลย

    ทีเดียว


                “ก็ยังมีอีกสองเปอร์เซ็นนี่ท่านพี่


                “ไม่ ยังไงฉันก็ไม่ให้นายไป


                สถานการณ์ในห้องประชุมเริ่มมีเสียงดังเซ็งแซ่ขึ้นมาอีกครั้ง เพราะไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะเป็นใครที่ต้อง

    พาฮิเซ็นไปส่งยังแคว้นโอนิ เพราะบางคนก็กลัวเสียนินจาในหน่วยไป บางคนก็ยังคงเสนอประเด็นที่จะให้เก็บตัว

    ฮิเซ็นเอาไว้ ซาสึเกะที่นั่งมองสถานการณ์มานานก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะเอ่ยขึ้น


                งั้นฉันกับซากุระ จะพาเด็กคนนั้นไปส่งยังแคว้นโอนิเอง




    ……………………………………….




                   ภายในป่าอันกว้างใหญ่ดูนิ่งสงัด บนท้องนภาถูกทาบทับไปด้วยสีรัตติกาลแต่กลับไร้ซึ่งมวลหมู่ดาว มีเพียง

    ดวงจันทร์สีแดงฉานที่เหมือนถูกชโลมไปด้วยเลือดลอยเด่นอยู่อย่างโดดเดี่ยวเท่านั้น ซากุระมองภาพดวงจันทร์อย่าง

    เคร่งเครียด เธอกระชับร่างเด็กน้อยที่อยู่บนหลังไว้แน่นก่อนจะกระโดดไปตามต้นไม้ใหญ่อย่างรวดเร็วเพื่อหนีให้พ้น

    จากการไล่ล่าของกลุ่มบุคคลหนึ่ง


                พี่ซากุระ ปล่อยผมลงเถอะฮะ ไม่งั้นพี่จะเป็นอันตรายนะ!”


                “ฉันไม่มีวันทิ้งเธอแน่ฮิเซ็นคุง อย่าห่วงไปเลย


                เมื่อพูดจบเบื้องหน้าของเธอก็มีเงาตะคุ่มสีดำพุ่งเข้ามาขวางไว้ อาวุธสังหารมากมายพุ่งตรงเข้ามาใส่คนทั้งคู่

    ราวกับห่าฝน ซากุระรีบรวบตัวเด็กน้อยเข้ามากอดไว้แน่นแล้วเอาตัวเองเป็นโล่มนุษย์เพื่อกันไม่ให้เด็กน้อยได้รับ

    อันตราย


                ฉึก! ฉึก! ฉึก!


                คมมีดแหลมแทงทะลุร่างของหญิงสาวจนพรุนไปทั่วร่างกาย บาดแผลที่ถูกแทงมีเลือดไหลทะลักออกมา

    ราวกับเขื่อนแตก เธอกระอักเลือดออกมาทางปากเมื่อคมมีดแทงโดนอวัยวะสำคัญ แต่ถึงกระนั้นดวงตาสีมรกตที่

    เหมือนกับฮิเซ็นก็มองมายังเด็กน้อยอย่างโล่งใจ


                ฮิเซ็นคุง...ปลอดภัย...สินะ


                เมื่อซากุระพูดจบ ร่างของเธอก็ร่วงลงสู่พื้นเบื้องล่างต่อหน้าต่อตาของฮิเซ็น ความเสียใจถาโถมเข้าสู่หัวใจ

    ดวงน้อยจนแทบจะรับไม่ไหว


                “พี่ซากุระ ม่ายยยยยยย !!!”


                เด็กน้อยสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกพร้อมกับหยาดเหงื่อเต็มใบหน้าเล็กนั่น ดวงตาสีมรกตฉายความตื่น

    ตระหนกออกมาอย่างชัดเจน ริมฝีปากที่สั่นระริกเอ่ยชื่อของพี่สาวผู้ใจดีออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ


                “พี่ซากุระ…




    ...................................................




                ซากุระเดินออกมาจากห้องน้ำพลางเช็ดผมที่ยังคงชื้นให้แห้งก่อนที่เธอจะเข้านอน หลังจากการประชุมอัน

    แสนยาวนาน ซาสึเกะก็ถูกดึงตัวไปคุยธุระกับทางบรรดาผู้บริหารของแคว้นนามินาริโนะต่อ ส่วนเธอก็ถูกเชิญให้ไป

    เยี่ยมโรงพยาบาลของแคว้นเช่นกัน เพราะฉะนั้นเวลาของทั้งคู่จึงหมดไปอย่างรวดเร็วจนกระทั่งเขามารับเธอที่

    โรงพยาบาลเพื่อกลับที่พักพร้อมกัน


                “นี่กล่องอะไรงั้นหรือ ซาสึเกะคุง


                เธอถามขึ้นเมื่อเห็นกล่องกระดาษทรงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่วางอยู่บนเตียงนอน คนที่ถูกถามวางมือจากการ

    เขียนหนังสือแล้วเงยหน้าขึ้นมามองเธอพลางยิ้มเล็กน้อย


                ลองเปิดดูสิ


                ซากุระเลิกคิ้วขึ้นสูงอย่างประหลาดใจก่อนมือเรียวของเธอจะเปิดฝากล่องออก สิ่งที่อยู่ภายในทำให้เธอ

    เบิกตากว้าง


                นี่มัน...


                สิ่งที่อยู่ภายในคือชุดกี่เพ้าสีเลือดนกแบบที่เธอชอบใส่ เพียงแต่ว่าตรงกลางหลังเสื้อนั้นไม่ได้เป็นสัญลักษณ์

    รูปวงกลมสีขาวซึ่งเป็นของตระกูลฮารุโนะอย่างที่เคยเป็น มันถูกแทนที่ด้วยสัญลักษณ์รูปใบพัดสีแดงขาวที่เมื่อใครๆ

    เห็นก็รู้ได้ทันทีว่านี่เป็นสัญลักษณ์ของตระกูลใด


                “ฉันอยากให้เธอ...เปลี่ยนมาใช้สัญลักษณ์ตระกูลอุจิวะ...ได้หรือเปล่า


                เสียงทุ้มดังขึ้นจากข้างหลังเธอก่อนเจ้าตัวจะเดินเข้ามาใกล้ ดวงตาสองสีทอดมองไปที่เธออย่างคาดหวัง 

    เขาไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนในชีวิต แม้ว่าใบหน้ายังคงสงบนิ่งแต่หัวใจของเขากลับเต้นโครมครามไม่หยุดซึ่งมัน

    แสดงให้เห็นว่าเขาตื่นเต้นมากแค่ไหน


                “ธะ เธอ...แน่ใจแล้วงั้นเหรอ” ซากุระถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ มือของเธอลูบไล้ไปบนสัญลักษณ์รูปใบพัด

    อย่างแผ่วเบา ความรู้สึกของเธอตอนนี้ตีกันมั่วไปหมดระหว่างความดีใจ ความตื้นตัน รวมถึงความใจหาย

    ด้วย เพราะถ้านี่เป็นเรื่องจริง... เธอจะต้องเปลี่ยนสัญลักษณ์มาเป็นอุจิวะหลังจากที่เธอใช้สัญลักษณ์ตระกูลฮารุโนะ

    มาทั้งชีวิต


                “อือ ฉันอยากให้เธอกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของฉัน ทุกครั้งที่เธอใส่มันเธอจะได้รู้ว่าเธอก็คืออุจิวะคนหนึ่ง 

    และยิ่งไปกว่านั้น...มันเป็นสิ่งที่แสดงว่าเธอคือภรรยาของฉัน


                ซากุระมองเขาอย่างนิ่งอึ้งเมื่อได้ฟังความหมายทั้งหมดจากปากของเขาเอง ตอนนี้หัวสมองเธอขาวโพลนไป

    หมด ริมฝีปากบางไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อยเพราะเธอพูดไม่ออก แต่นั่นกลับทำให้ซาสึเกะเริ่มใจไม่ดี เขากลัวคำตอบ

    ของเธอเหลือเกิน ตอนที่ถูกพาไปยังห้องพิพากษายังไม่รู้สึกกลัวคำตัดสินเท่าตอนนี้เลยด้วยซ้ำ


                ซากุระ...ตกลงว่าเธอ...อุก!”


                ยังไม่ทันที่เขาจะทวงคำตอบจากเธอเสร็จ หญิงสาวก็โถมตัวเข้ามากอดเขาไว้แน่นอย่างเต็มรักจนทั้งคู่ล้มลง

    ไปบนเตียงกว้าง ซากุระที่นอนทับอยู่บนตัวซาสึเกะเงยหน้าขึ้นมาสบกับดวงตาสองสีอย่างดีใจและตื้นตัน


                “ฉันตกลง! เธอบอกอย่างหนักแน่นพร้อมกับจุมพิตลงบนแก้มเขาเบาๆ ขอบคุณนะซาสึเกะคุง


                “คำนั้นฉันต้องเป็นคนพูดต่างหาก


                เขาบอกด้วยใบหน้าที่ขึ้นสีเล็กน้อยด้วยความเขิน เขารวบรวมความกล้าอยู่ตั้งนานสองนานกว่าจะเดินเข้า

    มาบอกกับเธอเรื่องสัญลักษณ์ประจำตระกูล ในใจกลัวไปหมดว่าเธอจะปฎิเสธหรือเปล่า เพราะตระกูลของเขาถึงแม้

    จะเป็นตระกูลใหญ่ แต่ก็เป็นตระกูลที่สร้างเรื่องเอาไว้มากรวมถึงตัวเขาเองด้วย


                แต่ถึงแบบนั้น...เธอก็เลือกที่จะแบกรับมันไปพร้อมกับเขา...



                ผมเธอยาวแล้วนะ


                เขาบอกกับเธอเมื่อได้สังเกตเธอใกล้ๆอีกครั้ง มือข้างขวายกขึ้นไปลูบเส้นผมสีชมพูสลวยที่ตอนนี้มันยาวจน

    ไปถึงหัวไหล่กลมมนของเธอทั้งที่ปกติเธอจะไว้ผมสั้นเสมอ นั่นก็คงเป็นเพราะตั้งแต่เธอออกเดินทางมากับเขาก็ไม่ได้

    ตัดมันอีกเลย ซากุระตรงหน้าเขาทำให้นึกไปถึงสมัยที่เธอเป็นเกะนิน เขาจำได้ว่าเธอไว้ผมยาวมาตลอดจนกระทั่ง

    เกิดเหตุการณ์ที่นินจาโอโตะบุกเข้ามาทำร้าย ตอนนั้นเมื่อเขาฟื้นขึ้นมาก็เห็นเธอที่ผมสั้นไม่เป็นทรง 

    สภาพสะบักสะบอมเพราะปกป้องเขาและนารูโตะ นั่นทำให้เขาเกิดความโกรธบวกกับฤทธิ์อักขระของโอโรจิมารุ 

    เขาจึงเล่นงานพวกนั้นจนปางตาย หรืออาจจะตายไปแล้วก็ได้ถ้าเธอไม่เข้ามาห้ามเขาไว้เสียก่อน


                และหลังจากเหตุการณ์วันนั้น...เขาก็ไม่เคยเห็นเธอไว้ผมยาวอีกเลย


                “อือ ไม่ชอบเหรอ


                เสียงของเธอทำให้เขาดึงตัวเองกลับมาจากความหลังสมัยยังเป็นเกะนิน ดวงตาสีมรกตฉายแววแปลกใจจน

    เขาเองก็อดแปลกใจตามไปด้วยไม่ได้


                “ทำไมถึงถามแบบนั้น


                “ก็ตอนสมัยเกะนิน มีข่าวลือว่าเธอชอบผู้หญิงผมยาวนี่ ตกลงมันไม่ใช่เรื่องจริงหรอกหรือ


                “ไปเอามาจากไหน ฉันไม่เห็นจะเคยได้ยินมาก่อน


                “อ้าว! ฉันก็อุตส่าห์ไว้ผมยาวอยู่ตั้งนาน


                เธอทำบูดอย่างผิดหวังเล็กน้อย เห็นเด็กผู้หญิงในหมู่บ้านเขาลือกัน ตั้งแต่นั้นเธอก็เริ่มที่จะไว้ผมยาวเพื่อให้

    เขาหันมาสนใจ แต่แล้วเขาก็ไม่สนใจเธอเลยซักนิดเดียว


                “เธอมันเด็กแก่แดดจริงๆ


                เขานึกขันเธออยู่ไม่น้อย เพิ่งจะมารู้เหตุผลที่เธอไว้ผมยาวก็ตอนนี้นี่แหละ แต่เอาเข้าจริงๆแล้วไม่ว่าเธอจะผม

    ยาวหรือผมสั้น เขาก็ชอบเธออยู่ดี


                แน่สิ เธอเป็นหนุ่มเนื้อหอมก็พูดได้นี่เธอบ่นอุบอย่างหมั่นไส้คนตรงหน้าก่อนทำท่าว่าจะลุกออกไปจากตัว

    เขา ทว่าเขากลับเลื่อนมือไปกอดเอวเธอไว้แน่นไม่ยอมให้ลุกจนเธอต้องเงยหน้าขึ้นไปมองเขาด้วยความขุ่นเคือง

    เล็กน้อย


                “นี่!! ซาสึเกะคุง อ๊ะ เธอ..ซากุระหยุดประโยคไว้แค่นั้นเมื่อเห็นดวงตาที่มักจะแสดงความเย็นชาอยู่เสมอ

    เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำใสๆ


              เขา...ร้องไห้งั้นเหรอ...


                แต่เหมือนเขาจะไม่อยากให้เธอเห็นจึงกดศีรษะเธอลงมาแนบกับอกกว้าง ไม่บ่อยนักหรอกที่เขาจะแสดง

    ความอ่อนแอออกมาให้ใครเห็น


                 ขอบคุณนะ...ซากุระ ขอบคุณที่ยังมั่นคงต่อฉัน แม้ว่าฉัน...


                “แม้ว่าเธอจะแย่แค่ไหนก็ตาม...


                ซากุระต่อประโยคให้เขาเสร็จสรรพก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองเขาอีกครั้งด้วยสายตาที่อ่อนลง เมื่อพูดถึง

    ความหลังทีไรเขาจะนึกโทษตัวเองอยู่ตลอดเวลา


                “ฟังนะ ซาสึเกะคุง... ต่อไปนี้เธอไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นฉันจะยืนอยู่

    ข้างเธอเสมอ เพราะว่าฉัน...คือครอบครัวของเธอ


                คำว่า ครอบครัวทำให้เกิดความอบอุ่นแผ่ซ่านเข้าไปในหัวใจ คำๆนี้เขาไม่ได้ยินมันมานานมากแล้วตั้งแต่

    สูญเสียพ่อแม่และพี่ชายคนเดียวไป ทว่าต่อจากนี้มันจะเป็นเพียงแค่อดีต ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถลืมมันได้  

    แต่เขาจะเลือกเก็บความทรงจำส่วนที่ดีไว้และจะขอทดแทนด้วยการสร้างครอบครัวขึ้นมาใหม่กับเธอ...


                “ซากุระ…”


                “ฉันรักเธอนะ...ซาสึเกะคุง


                “...


                จะไม่บอกรักฉันซักหน่อยเหรอ


                เธอทำสีหน้าคาดคั้นเขาอย่างเอาจริงเอาจังจนซาสึเกะหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ วันนี้เป็นวันที่เขาแสดง

    อารมณ์ออกมาหลากหลายจนตัวเองยังแปลกใจ มือขวาที่จับท้ายทอยของเธออยู่กดศีรษะเธอลงมาอีกครั้งจน

    กระทั่งริมฝีปากของทั้งคู่ประกบกันจนแนบสนิท เขาจูบเธออย่างลึกซึ้งและเต็มไปด้วยความอ่อนโยน รสสัมผัสอัน

    แสนหวานเติมเชื้อไฟให้กับคนหนุ่มสาวได้เป็นอย่างดี  ไม่นานเขาก็จัดการพลิกร่างของเธอที่อยู่ด้านบนลงมาด้าน

    ล่างแทนก่อนจะเริ่มถ่ายทอดความรักเป็นภาษากายไปให้เธอจวบจนเกือบรุ่งเช้าของวันใหม่...




    ...............................................................


    -TO BE CONTINUED-


    Ps1..ฮัลโหลลล ! ลืมเค้าหรือยังเอ่ยย เค้ายังไม่ลืมทุกคนนะ แต่แค่รู้สึกขี้เกียจ+งานเยอะ ไม่ค่อยมีเวลาแต่งเลย เวลาว่างก็หมดไปกับการไล่ดู GOT ตั้งแต่ SS1 5555+ แต่จะพยายามกลับมาอัพเท่าที่ทำได้ค่ะ 

    Ps2. ตอนนี้มันก็หวานเลี่ยนหน่อยๆ ข้าวใหม่ปลามันก็งี้ ต่อจากนี้นุ้งซากุระก็จะเปลี่ยนสัญลักษณ์แล้วนะคะทุกคน  อิเกะหลังๆมาก็จะเริ่มมุ้งมิ้งละ(เฉพาะเวลาอยู่ด้วยกันสองคน) ยังไงก็ติดตามอ่านต่อไปนาจา 

    Ps3. เชื่อว่าหลายคนลืมเนื้อเรื่องไปละรวมถึงเค้าด้วย นี่ต้องไปย้อนอ่านนิยายตัวเองใหม่ จำไม่ได้แม้กระทั่งชื่อตัวละคร ยังไงก็...ย้อนไปอ่านใหม่กันเถิดนะ 55555+




    เอ้า ! ส่งรอยยิ้มกระชากใจไป เผื่อนักอ่านจะให้อภัย อิอิ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×