คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #26 : Chapter 24 : แตกหัก (1) [100%]
“ฉันอยากจ้างให้พวกแกไปถล่มงานเลี้ยงซักหน่อย”
เสียงของชายคนหนึ่งพูดกับกลุ่มโจรซึ่งอดีตเคยเป็นซามูไรปลายแถวที่ทำงานให้กับตระกูลทากะฮาชิ เมื่อได้ยินแบบนั้น พวกมันก็ทำตาวาวโรจน์ เพราะถ้าหากรับงานนี้นอกจากจะได้ค่าตอบแทนสูงลิบแล้วยังจะได้ ‘ แก้แค้น ‘ ทากะฮาชิ เซอิจิ ที่เคยไล่พวกมันออกจากการเป็นซามูไรเมื่อนานมาแล้วจนต้องมากลายเป็นโจรเพราะไม่มีใครรับเข้าทำงาน
“ด้วยความยินดีขอรับ”
ชายผู้เป็นหัวหน้าตอบรับคำสั่ง
รอยยิ้มเหี้ยมปรากฎขึ้นบนใบหน้าของมัน
จากนั้นมันก็ยื่นมือไปรับค่าตอบแทนก้อนแรกจากมือของคนที่สวมฮู้ดปิดบังใบหน้า
“แต่ถ้าทำให้มันหายไปจากโลกใบนี้ได้ฉันจะให้แกเพิ่มอีกสามเท่า”
“หายไป...หมายถึงให้ฆ่างั้นหรือขอรับ!”
“มันเป็นสิ่งที่พวกแกปรารถนาอยู่แล้วไม่ใช่หรือ...หึหึ”
ชายสวมฮู้ดพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินหายเข้าไปในความมืด
กลุ่มโจรมองตามเขาไปอย่างนึกอยากที่จะรู้ว่าชายผู้นั้นเป็นใคร
แต่พอเห็นจำนวนธนบัตรในกำมือแล้วพวกมันก็สะบัดความอยากรู้อยากเห็นทิ้งไปโดยสิ้นเชิง...
“เรื่องที่เกิดเป็นแผนการทำลายชื่อเสียงอย่างที่คาด”
ซาสึเกะบอกหลังจากที่เขาผละออกมาจากความทรงจำของชายผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มก่อการร้ายผ่านเนตร
วงแหวน
ดวงตาที่เคยมีสีแดงแปรเปลี่ยนเป็นสีนิลตามเดิม
“เธอเห็นหรือเปล่าว่าไอ้คนว่าจ้างมันเป็นใคร”
เก็นจิโร่ถามอย่างร้อนรน เขาพาซาสึเกะมายังห้องคุมขังที่อยู่นอกเมืองเพื่อให้ชายหนุ่มช่วยสืบเบื้องหลังผู้ก่อเหตุถล่มงานเลี้ยง
“ไม่…คนๆนั้นสวมฮู้ดปิดบังใบหน้า
แม้แต่คนพวกนี้ก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร”
“น่าเสียดายจังนะ…” ชายวัยกลางคนพูดด้วยน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความผิดหวัง ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาเขาพยายามส่งคนไปสืบแต่ก็สูญเปล่าทุกรอบ รวมถึงครั้งนี้ด้วย
“ท่านสงสัยใครบ้างพอจะบอกได้ไหมครับ”
“มันก็หลายกลุ่มอยู่ พวกผู้บริหารก็ไม่พอใจความมุทะลุของลูกชายฉัน แล้วก็…” เก็นจิโร่มีสีหน้าลังเลเล็กน้อยที่จะต้องพูด ซาสึเกะเห็นอย่างนั้นจึงเอ่ยขึ้นมาแทน
“พวกตระกูลรองของทากะฮาชิ”
“เฮ้อ..ฉันก็ไม่ได้อยากจะสงสัยคนในตระกูล”
“แต่ยังไงก็ไม่ควรตัดประเด็นส่วนนั้นออกไป”
“นั่นสินะ ถ้าอย่างนั้นฉันฝากเธอสืบเรื่องนี้ให้หน่อยได้ไหม...ซาสึเกะคุง”
“ผมไม่รับปาก” เขาบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบและแฝงไปด้วยความเย็นชา แต่เก็นจิโร่ไม่ได้สังเกตในน้ำเสียงนั่น เขายังคิดว่าการที่ชายหนุ่มไม่รับปากเป็นเพราะเรื่องค่าตอบแทน
“ถะ ถ้างั้นเธอต้องการอะไร
ฉันจะหามาให้หมดเลย”
“บอกไปแล้วว่าผมไม่ต้องการอะไร ...แล้วก็อย่าพยายามใช้สิ่งของซื้อใจคนอื่น ไม่อย่างนั้นคนอย่างท่านจะไม่รู้จักคำว่า ‘มิตรภาพ’ ที่แท้จริงเลย”
เมื่อพูดจบ ซาสึเกะก็เคลื่อนตัวออกไปจากห้องคุมขังนักโทษโดยทิ้งให้ชายวัยกลางคนที่โดนตอกหน้าด้วยคำ พูดของชายหนุ่มที่มีอายุน้อยกว่ายืนนิ่งอึ้งอยู่เพียงลำพัง
......................................................................
“รออีกซักหน่อยนะคะท่านอา...อีกซักครู่ท่านพ่อคงจะกลับมาแล้วล่ะค่ะ”
อายากะบอกกับชายวัยกลางคนคนหนึ่ง เขามีหน้าตาคล้ายคลึงกับเก็นจิโร่ ดวงตาสีสนิมมองหญิงสาวตรง
หน้าด้วยความเอ็นดู
เขาคือน้องชายของผู้ปกครองแคว้นคนปัจจุบัน...
‘ทากะฮาชิ คิจิโร่’
“ไม่เป็นหรอกอายากะ อาเองก็มาโดยไม่ได้บอกล่วงหน้า เห็นเกิดเรื่องที่งานเลี้ยงก็เลยอยากมาเยี่ยม”
คิจิโร่ว่าก่อนจะชะเง้อคอหาใครบางคน “ว่าแต่เซอิจิไม่อยู่หรอกเหรอ”
“อ๋อ
รายนั้นไม่เคยอยู่ติดบ้านหรอกค่ะ เขาขี่ม้าออกไปนอกเมืองเป็นประจำ”
“ขยันทำหน้าที่จังเลยนะ”
“แล้ว...ท่านพี่ยูมะไม่มาด้วยหรือคะ” อายากะถามถึงชายผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องของเธอ เขาเป็นบุตรชายของ
คิจิโร่และมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเซอิจิ
“มาสิ...แต่เขาบอกว่าอีกเดี๋ยวจะตามเข้ามา
คงเดินเล่นอยู่แถวนี้ล่ะนะ”
……………………………………………………...
ในเรือนเพาะเลี้ยงของคฤหาสน์ ซากุระกำลังบดยารักษาอาการของเซอิจิอีกครั้ง และรอบนี้เธอก็ไม่มีผู้ช่วย
เหมือนครั้งก่อนเพราะเขาติดธุระ ดวงตาสีมรกตเลื่อนสายตาไปยังตำราที่พกติดตัวมาจากโคโนฮะแล้วพลิกเปิดอ่าน
อย่างเบามือเพราะมันมีลักษณะค่อนข้างเก่าแถมหน้ากระดาษบางแผ่นยังหลุดลุ่ยออกมา นั่นเป็นเพราะเจ้าของคน
ก่อนคือซึนาเดะ
กว่าจะมาถึงมือเธอก็ผ่านสมรภูมิมามากมายจนดูยับเยินอย่างที่เห็น
“เอ...ที่นี่จะมีหรือเปล่าน้า”
ซากุระเปรยเบาๆกับตัวเองพร้อมกับหยิบตำราขึ้นมา เธอเดินออกไปด้านนอกเรือนเพื่อหาสมุนไพรตามที่
ระบุไว้ในหน้ากระดาษ หญิงสาวสอดสายตาสำรวจหาอยู่ซักพักก่อนจะเห็นว่ามันขึ้นกระจุกตัวกันอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่
ต้นหนึ่ง เธอจึงเดินเข้าไปแล้วย่อเข่าลงตัดสมุนไพรทันที
สายลมที่ลอยพัดเข้ามาทำให้ตำราที่เธอวางไว้ข้างตัวเปิดกางออกก่อนหน้าหนังสือที่ขาดอยู่แล้วจะลอยปลิวกระจายออกไปในอากาศ ดวงตาสีมรกตเบิกตากว้างอย่างตกใจแล้วลุกขึ้นไปเก็บหน้ากระดาษของตัวเองก่อนมันจะปลิวไปไกลมากกว่านี้
ขณะที่เธอกำลังก้มหน้าก้มตาเก็บกระดาษ ก็มีมือเรียวบางของใครคนหนึ่งยื่นกระดาษมาให้เธอ ซากุระไล่
สายตาขึ้นไปมองก่อนจะเห็นว่าใบหน้าสวยกำลังส่งยิ้มให้เธอบางๆ ดวงตาสีสนิมทอประกายอ่อนโยน เส้นผมยาว
สีดำขลับนั้นปลิวสยายไปตามลมจนทำให้เขาดูเหมือนหลุดออกมาจากภาพวาดชิ้นเอก
สะ สวยชะมัด!
“ขอบคุณที่ช่วยเก็บนะคะ” เธอบอกหลังจากหลุดออกมาจากภวังค์ มือบางยื่นไปรับกระดาษคืนมาแล้วยืด
ตัวขึ้นยืน เขาเองก็ลุกขึ้นยืนตามเธอเช่นกัน
และตอนนี้เธอก็ได้เห็นว่าคนตรงหน้าตัวสูงกว่าเธอเสียอีก
“เรื่องเล็กน้อยน่ะครับ”
เอ๊ะ ! แต่เดี๋ยวก่อน...
ดวงตาสีมรกตเบิกกว้างเป็นครั้งที่สองเมื่อได้ยินเสียงทุ้มหลุดออกมาจากริมฝีปากบางเฉียบ
คนที่เธอเข้าใจว่าเขาเป็นผู้หญิง...
“คะ คุณเป็นผู้ชาย...?”
“ฮะๆๆ นึกแล้วเชียวว่าคุณต้องพูดแบบนี้ ” เขามองเธออย่างขบขัน “ผมเป็นผู้ชายจริงๆ ถึงคนส่วนใหญ่จะ
ชอบคิดว่าผมเป็นผู้หญิงก็เถอะ”
“ขอโทษนะคะที่เสียมารยาท”
เธอว่าพลางค้อมตัวลงเล็กน้อย
“ไม่เป็นไรหรอกครับ
ว่าแต่...คุณผู้หญิงเป็นใครหรือ ทำไมผมไม่เคยเห็นคุณหน้ามาก่อนเลย”
“อ๋อ ฉันชื่อฮารุโนะ ซากุระค่ะ เป็นนินจามาจากโคโนฮะ ตอนนี้ฉันรับภารกิจคุ้มกันคุณหนูอายากะอยู่ก็เลย
มาอยู่ที่นี่ได้เกือบเดือนแล้ว ...แล้วคุณล่ะคะ”
“อืม...ผมชื่อยูมะ
...ทากะฮาชิ ยูมะ ท่านพ่อของผมเป็นน้องชายของท่านเก็นจิโร่น่ะครับ”
“ฮะ ฉันไม่รู้มาก่อนเลยว่าท่านเก็นจิโร่มีน้องชายด้วย ในใบประวัติก็ไม่ได้บอกไว้ เอ่อ...ขอโทษที่เสียมารยาท
อีกครั้งค่ะ”
“จะไม่รู้ก็ไม่แปลกหรอกครับ พวกเรานับว่าเป็นตระกูลรองน่ะ”เขาว่าอย่างไม่ถือโทษก่อนจะมองไปยัง
สมุนไพรที่วางอยู่บนพื้น
”แล้วนี่คุณกำลังทำอะไรอยู่หรือครับ”
“อ๋อ
ฉัน...เอ่อ...กำลังเก็บสมุนไพรไปปรุงยาน่ะค่ะ”
“หืม...คุณเป็นนินจาแพทย์สินะครับ อ๊ะ เหมือนจะเคยได้ยินชื่อของคุณว่าเป็นหนึ่งในผู้กอบกู้สงครามโลก
นินจาครั้งที่สี่สินะ...เป็นผู้หญิงที่เท่จริงๆนะครับ”
“แหะๆ ขอบคุณค่ะ”
ซากุระกล่าวพลางยิ้มเขินเล็กน้อย เขาเองก็ยิ้มให้เธอเช่นกัน ทว่ายังไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้ทำความรู้จักกันไป
มากกว่านี้
เสียงทุ้มห้าวของใครคนหนึ่งก็แทรกขึ้นมา และซากุระก็คุ้นเคยกับเสียงนั้นเป็นอย่างดี
“นายมาทำอะไรที่นี่...ยูมะ”
“อ้าว เซอิจิ
ไม่เจอกันนาน สบายดีใช่หรือเปล่า”
ยูมะหันไปมองคนที่เดินเข้ามาใหม่ ใบหน้าที่ดูไม่สบอารมณ์มองเขาด้วยแววตาไม่เป็นมิตรเหมือนเช่น
ทุกครั้งที่เจอกัน
“สบายดี
ฉันยังไม่ตายง่ายๆหรอก”
“พูดอะไรของนายกันน่ะ”
“เหอะ! ไอ้นิสัยชอบตีหน้าซื่อนี่เหมือนกับพ่อของนายไม่มีผิด”
“อะ เอ่อ อย่างนั้นฉันขอตัวก่อนนะ” เมื่อเห็นเค้าลางแห่งความวุ่นวาย ซากุระก็เลือกที่จะพาตัวเองออกไป
จากจุดนี้โดยเร็วที่สุด
เซอิจิเข้ามาทีไรเธอก็ไม่เคยได้อยู่อย่างสงบเลยซักครั้ง
“หยุดเลยนะยัยเถิก เธอไม่ต้องไป
ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ...แค่สองคน”
เซอิจิรีบดักทางไว้ก่อนหญิงสาวจะเดินจากไป ดวงตาสีมรกตมองสลับเซอิจิกับยูมะอย่างรู้สึกอึดอัดที่ต้องมา
อยู่กลางสงครามระหว่างทั้งคู่
ส่วนยูมะยังมีสีหน้ายิ้มแย้มแม้จะรู้ตัวว่าโดนเซอิจิกำลังไล่ทางอ้อมอยู่ คำว่า ‘ แค่สองคน ‘ คงเป็นประโยค
ขับไล่เขาตามแบบฉบับของเจ้าตัว
“ถ้าอย่างนั้น
ผมขอตัวก่อนนะ หวังว่าเราจะได้พบกันอีกนะครับ...คุณซากุระ”
“ฝันไปเถอะ” เขาพูดไล่หลังมาแทบจะในทันที ร่างสูงที่เคลื่อนตัวออกไปแล้วหยุดชะงักไปชั่วครู่แล้วออกเดิน
ต่อด้วยรอยยิ้มที่ไม่บ่งบอกความหมาย
“เป็นอะไรของนายน่ะ
ทำไมต้องไปหาเรื่องเขาด้วยล่ะ เขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของนายไม่ใช่หรือ”
ซากุระถามขึ้นหลังจากตอนนี้เหลือเธอยืนอยู่กับเซอิจิเพียงแค่สองคน วันนี้ชายหนุ่มดูหงุดหงิดกว่าทุกครั้ง
เพราะปกติที่เขาเจอเธอมักจะชอบมากวนประสาทเสียมากกว่า
“ฉันไม่นับมันเป็นญาติหรอก”
“เอาแต่ใจชะมัด”
“เธอว่าอะไรนะ”
“ช่างเหอะ
แล้วมีอะไรคุยกับฉันล่ะ”
“ไม่มี”
“อ้าว!”
“ทำไม ถ้าจะมาเจอเธอต้องมีธุระอะไรด้วยงั้นหรือ” เขาพูดอย่างหน้าตายจนซากุระถึงกับหงุดหงิด
“ฉันไม่คุยกับนายแล้ว ปวดหัว!”
“ปวดหัวเหรอ...แล้วกินยาหรือยังอ่ะ”
“…”
ซากุระพยายามสะกดกลั้นอารมณ์อย่างเต็มที่กับความกวนประสาทของเขา จากนั้นเธอก้มลงเก็บตำรา
กับสมุนไพรขึ้นมากอดไว้แนบอกแล้วเดินออกไป
“เธอจะไปไหนอ่ะยัยเถิก”
“ไปปรุงยาชุดใหม่ให้นายนั่นแหละ! ถ้าจะให้ดีก็ช่วยเก็บสมุนไพรที่เหลือมาให้ด้วย”
“นี่เธอใช้ฉันเรอะ!”
ถึงปากจะพูดไปแบบนั้นแต่ว่าที่เจ้าแคว้นหนุ่มก็ก้มลงเก็บสมุนไพรที่เหลือแล้วเดินตามซากุระเข้าไปใน
โรงเพาะเลี้ยงอย่างไม่อิดออดโดยไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเขาต้องทำตามคำสั่งเธอด้วย
………………………………………………………….
หลังจากผ่านเหตุการณ์ที่งานเลี้ยงมาได้เกือบอาทิตย์ เซอิจิก็ถูกบิดาบีบบังคับให้ไปเดินทางไปขอโทษแขก เหรื่อพร้อมกับนำของทำขวัญไปมอบให้ จะไม่ทำก็เลี่ยงไม่ได้เพราะเขารับรู้ได้ว่าพวกตระกูลรองอย่างคิจิโร่กำลังคิดส่งยูมะขึ้นมาเรียกคะแนนจากชาวบ้านแทนเขา นั่นทำให้สีหน้าของเจ้าตัวตอนนี้บูดบึ้งยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด แถมการเดินทางครั้งนี้ยังมีอายากะติดสอยห้อยตามมาด้วยพร้อมกับนินจาของโคโนฮะ อายากะให้เหตุผลว่าจะมาช่วยเขาเจรจา เมื่อเห็นแบบนั้นเก็นจิโร่จึงอนุญาตทันทีเพราะกลัวว่าเขาจะทำเสียเรื่องอีก
“เดี๋ยวอีกไม่ไกลก็ถึงเรียวกังที่เราจะพักระหว่างทางแล้วขอรับนายน้อย”
ไดสุเกะที่รับหน้าที่เป็นสารถีขับเคลื่อนรถม้าตะโกนบอกเซอิจิที่ขี่ม้าคู่มากับซาสึเกะ
ดวงตาสีสนิมมองเข้าไปภายในเกี้ยวที่มีอายากะนั่งอยู่กับซากุระอยู่สักครู่ก่อนจะหันกลับมามองทางด้านหน้าต่อ
“ถ้าอย่างนั้นก็เร่งขบวนหน่อยแล้วกัน
เดี๋ยวฟ้ามืดแล้วจะเดินทางลำบาก”
...........................................................................
“คุณซาสึเกะ ลองทานอันนี้ดูสิคะ”
อายากะบอกพลางคีบหมูทงคัตสึที่ราดด้วยซอสแกงกะหรี่ไปใส่ในชามข้าวของซาสึเกะ พวกเขาเดินทางกันมาถึงเรียวกังในเวลาเกือบเย็น ซึ่งทางสถานที่ก็ได้จัดเตรียมที่พักพร้อมอาหารเย็นไว้ให้เรียบร้อยแล้ว
“อืม...ขอบใจ แต่ฉันตักเองได้”
เขาบอกก่อนที่เธอจะตักอาหารให้เขาไปมากกว่านี้
ส่วนซากุระก็เลือกที่จะนั่งรับประทานอาหารอย่างเงียบๆ ข้างๆซาสึเกะ เธอไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรออกมาทั้งสิ้น
“ดิฉันรู้มาว่าคุณซาสึเกะชอบมะเขือเทศ
ก็เลย...สั่งซุปมะเขือเทศมาให้ด้วยนะคะ”
คราวนี้เป็นซาสึเกะที่หันสายตามาทางซากุระอย่างคาดโทษ
ซึ่งเธอก็ทำได้แต่ยิ้มแห้งๆพลางหลบเลี่ยงที่จะสบตากับเขาแล้วหันมามองคนตรงข้ามแทน
เซอิจิที่นั่งอยู่ตรงข้ามซากุระไม่ได้ฟังสิ่งที่น้องสาวพูดเท่าไรนักเพราะเจ้าตัวกำลังมุ่งมั่นกับการเขี่ยผักออกจากเนื้อแล้วคืบไปวางไว้บนจานของไดสุเกะ
ซึ่งนั่นทำให้ผู้ติดตามหนุ่มมองอย่างเหนื่อยใจเล็กน้อย นี่เขาต้องเอ่ยขอร้องเป็นครั้งที่เท่าไรกันเจ้าตัวถึงจะเลิกนิสัยแบบนี้
“นายน้อย...ควรจะกินผักบ้างนะขอรับ”
“เรื่องของฉันน่า!”
เซอิจิสวนกลับแต่ก็ยังไม่หยุดที่จะเขี่ยผักต่อไป เห็นแล้วมันรำคาญลูกตา
ทำไมเมนูของทางเรียวกังถึงได้มีแต่ผักแบบนี้ เขานึกอย่างหงุดหงิด
“ทำไมนายถึงไม่กินผักล่ะ” ซากุระถามขึ้นหลังจากมองการกระทำของเซอิจิ
“ก็ฉันไม่ชอบ”
“เหตุผลแค่นี้น่ะเหรอ”
“เออเด่ะ”
“เด็กจริงๆนะนายเนี่ย”
ซากุระว่าอย่างขบขันที่เขาเป็นถึงว่าที่เจ้าแคว้นแต่ดันมีนิสัยไม่กินผักเหมือนเด็ก
และนั่นทำให้เซอิจิเริ่มเกิดความไม่พอใจที่ถูกสบประมาท
“เธอว่าใครเด็กฟะ! ฉันแก่กว่าเธอตั้งหลายปีนะ”
“ก็แค่สามปีเองย่ะ!”
“ฉันก็เกิดก่อนเธออยู่ดีนั่นแหละ!”
สงครามไร้สาระของเซอิจิกับซากุระเรียกรอยยิ้มขันให้กับอายากะจนเธออดที่จะเอ่ยแซวพี่ชายของตัวเองกับหญิงสาวเรือนผมสีชมพูไม่ได้
“คิกๆ ท่านพี่กับคุณซากุระดูน่ารักดีนะคะ”
“หยุดพูดไปเลยอายากะ!”
เซอิจิว่าพลางก้มหน้ากินข้าวต่อไป
เขาไม่ชอบให้ใครมาแซวเล่นแล้วก็ไม่ชอบที่จะถูกใช้เป็น ‘เครื่องมือ’ ของใคร ถึงแม้ว่าคนนั้นจะเป็นน้องสาวแท้ๆของเขาก็เถอะ ทว่าอายากะก็เมินเฉยกับสิ่งที่เซอิจิพูด
เธอหันสายตากลับมายังซาสึเกะที่เริ่มจะไม่แตะต้องอาหารพร้อมกับถามความคิดเห็น
“คุณซาสึเกะเห็นด้วยกับดิฉันไหมคะ”
ในที่สุดเขาก็วางตะเกียบลงพร้อมกับลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
“ฉันขอตัวก่อน”
หลังจากเอ่ยจบ เขาก็เดินไปออกไปจากห้องอาหาร
อายากะเห็นแบบนั้นจึงมองไปยังซากุระที่กำลังมองตามร่างสูงออกไปเช่นกันพร้อมกับถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล
“นี่ดิฉันไปทำอะไรให้เขาโกรธหรือเปล่าคะ”
“ไม่หรอกจ้ะ
เขาเป็นพวกกินน้อยอยู่แล้ว คงจะอิ่มจริงๆน่ะ อายากะอย่าคิดมากเลยนะ”
ซากุระพูดปลอบใจเธอไปพลางยิ้มให้น้อยๆ
อายากะจึงยิ้มตอบเธอเช่นกันแล้วลงมือทานข้าวต่อโดยมีสายตาของไดสุเกะจับจ้องอยู่อย่างสงสัย
นี่เขาคงพลาดอะไรไปหลายๆเรื่อง เห็นทีเขาคงต้องทำอะไรบางอย่างบ้างเสียแล้ว...
.................................................................
“คุณซากุระ...ดิฉันคิดว่าจะยอมแพ้เรื่องคุณซาสึเกะจริงๆแล้วล่ะค่ะ”
อายากะพูดขึ้นหลังจากที่ทั้งคู่กลับเข้ามาในห้องพักเรียบร้อยแล้ว
ประโยคนั้นทำให้ดวงตาสีมรกตถึงกับเบิกกว้างทันที
“หะ หา!”
“ทำไมต้องตกใจขนาดนั้นล่ะคะ”
“ขอโทษทีจ้ะ” ซากุระเอ่ยด้วยความเบาใจแต่ก็ยังสงสัย “ว่าแต่ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะ”
“ก็คุณซาสึเกะเขาไม่สนใจดิฉันเลยน่ะค่ะ
...คุณซาสึเกะเนี่ย...เคยรักใครบ้างหรือเปล่าคะ”
“อืม...มะ ไม่รู้สิจ๊ะ”
“คุณซาสึเกะน่ะ...มองแว่บเดียวก็รู้แล้วว่าเขารักสันโดษมาก คงไม่ยอมให้ใครเข้าไปยุ่มย่ามกับชีวิตเขาได้
ง่ายๆหรอกค่ะ ไม่ว่าจะเป็น ‘คนสนิท ‘แค่ไหน...”
อายากะบอกพลางมองไปที่ซากุระด้วยสายตาที่แปลกไปเพียงชั่วแวบหนึ่งซึ่งเธอไม่ได้สังเกตเห็นเพราะกำลัง
จัดข้าวของในมืออยู่ อายากะจึงเอ่ยถามขึ้นต่อ
“ว่าแต่คุณซากุระคะ ดิฉันขอปรึกษาอะไรหน่อยสิคะ”
“เรื่องอะไรหรือ”
เธอเงยหน้าขึ้นมาถาม
“ที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องของฉันหรอกค่ะ แต่เป็นของเพื่อนดิฉันเอง เธอมาระบายให้ดิฉันฟังว่าเธอได้เจอผู้ชายคน
หนึ่ง
เขาดีกับเธอมาก แต่ว่าเขาไม่เคยที่จะบอกรักเธอเลย
เธอจึงไม่แน่ใจว่าเขารักเธอจริงๆหรือเปล่า...”
“อืม...ฉันคิดว่าการกระทำสำคัญกว่าคำพูดนะ
ถึงเขาจะไม่บอกเราก็รู้สึกได้ไม่ใช่หรือ”
ซากุระบอกไปแบบนั้นเพราะก็คงคล้ายๆกับซาสึเกะ
เขาเองก็ไม่เคยบอกรักเธอซักครั้งแต่สิ่งที่เขาแสดงกับเธอก็ทำให้เธอพอจะรับรู้ได้ว่าเขาคิดเช่นไร
“งั้นเหรอคะ แบบนั้น...มันเหมือนกับหลอกตัวเองอยู่หรือเปล่าคะ
บางทีผู้ชายเขาไม่เคยบอกรักอาจจะเป็นเพราะว่าเขาไม่แน่ใจก็ได้นะคะ”
ไม่แน่ใจงั้นเหรอ...
“แล้วเพื่อนของอายากะกับเขาคนนั้น...เป็นยังไงบ้าง”
“ก็เลิกกันไปน่ะสิคะ
เพราะสุดท้าย... ผู้ชายคนนั้นก็ไม่ได้รักเพื่อนของฉันจริงๆ เขาแค่ให้ความหวังเธอ ถ้าเป็นดิฉันก็รู้สึกเจ็บปวดน่าดูเลยล่ะค่ะ”
“…”
ซากุระนิ่งเงียบไปอย่างขบคิด แม้ว่าสิ่งที่อายากะบอกจะทำให้รู้สึกไขว้เขว แต่พอนึกถึงสิ่งดีดีที่ซาสึเกะแสดงต่อเธอ เธอก็กลับมามั่นใจเหมือนเดิม
“อ๊ะ ขอโทษนะคะที่ดิฉันเผลอพูดอะไรไร้สาระ”
“เอ่อ...จ้ะ”
“งั้นเดี๋ยวดิฉันไปรอที่หน้าห้องทางเข้าน้ำพุร้อนนะคะ
พอดีฉันมีธุระที่ต้องไปแวะนิดหน่อย แล้วเจอกันค่ะ”
เมื่อเอ่ยจบคุณหนูสาวก็ฉีกยิ้มให้ซากุระก่อนเจ้าตัวจะลุกขึ้นเดินถือข้าวของที่เตรียมตัวจะไปอาบน้ำออกไป
นอกห้องพัก ส่วนซากุระก็จัดเตรียมเสื้อผ้าต่อไปอย่างไม่คิดอะไร
……………………………………………………..
อายากะเดินเข้ามาที่หน้าทางเข้าบ่อน้ำพุร้อนหลังจากทำธุระเสร็จ
เมื่อไม่เห็นวี่แววของซากุระ
เธอก็เดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าป้ายบอกทางไปห้องสำหรับเปลี่ยนชุดซึ่งจะแบ่งเป็นสองฝั่งคือชายและหญิง
ดวงตาสีเฮเซลนัทมองไปยังเค้านท์เตอร์ที่ควรจะมีพนักงานเฝ้าอยู่แต่เวลานี้กลับว่างเปล่า
ริมฝีปากบางแสยะยิ้มน้อยๆ แล้วจัดการสลับตำแหน่งป้ายก่อนจะเดินเข้าไปทางบ่อน้ำพุร้อนฝั่งหญิงด้วยใบหน้าเรียบเฉย
ทางด้านซากุระที่จัดเตรียมข้าวของเครื่องใช้สำหรับเปลี่ยนตอนลงไปแช่น้ำเสร็จแล้ว
เธอก็เดินออกจากห้องพักไปยังส่วนที่เป็นบ่อน้ำพุร้อน
”อ้าว อายากะจังไปไหนแล้วนะ”
เธอเปรยออกมาเบาๆเมื่อไม่เห็นคุณหนูสาวที่บอกกับเธอว่าจะรออยู่ด้านหน้าทางเข้า
เมื่อมองไปทางเค้านท์เตอร์เพื่อจะสอบถามก็ไม่เห็นพนักงาน
เธอจึงเดินเลี้ยวเข้าไปทางที่บอกว่าไปบ่อน้ำพุร้อนฝั่งผู้หญิงด้วยสีหน้าที่ยังงงๆอยู่โดยหารู้ไม่ว่าด้านที่เธอกำลังไปเป็นฝั่งของผู้ชาย...!
คล้อยหลังซากุระไปไม่นาน
พนักงานที่ไปเข้าห้องน้ำก็เดินกลับเข้ามาประจำหน้าที่ตัวเอง แต่แล้วเธอก็มีสีหน้าตกใจเมื่อสังเกตเห็นว่าป้ายบอกทางถูกใครบางคนสลับตำแหน่ง
“ใครมาเล่นพิเรนทร์บ้าอะไรเนี่ย!”
เธอบ่นอุบอิบอย่างไม่พอใจแล้วจัดการสลับป้ายให้เป็นเหมือนเดิมพลางสอดสายตามองหาตัวการแต่ก็พบความว่างเปล่า
…………………………………………..
บ่อน้ำพุร้อนในเวลานี้ไม่มีใครอยู่นอกจากเจ้าของเรือนผมน้ำเงินเข้มที่เปียกลู่จนแนบชิดใบหน้าหล่อเหลา
ดวงตาสองสีมองบรรยากาศโดยรอบอย่างต้องการความผ่อนคลายจากความหงุดหงิดที่เกิดขึ้นในห้องอาหาร
นี่เขาต้องทนกับบรรยากาศน่าอึดอัดแบบนี้ไปถึงเมื่อไร
ถ้าไม่ติดว่าคาคาชิขอร้องให้รับภารกิจนี้ไว้ เขาคงยกเลิกแล้วพาเธอกลับไปนานแล้ว
ขณะที่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เสียงฝีเท้าของใครบางคนก็เดินย่ำเข้ามา
แต่เขาไม่คิดจะหันไปมองเพราะเขาคิดว่าคงเป็นแขกคนอื่นๆ ที่จะมาใช้บริการน้ำพุร้อน
“ อ๊ะ ! ซะ
ซาสึเกะคุง !!!”
เสียงหวานใสที่คุ้นเคยทำให้เขาถึงกับหันสายตาไปมองก่อนจะพบกับร่างบางที่มีเพียงแค่ผ้าขนหนูผืนเดียวปิดบังร่างกายอยู่อย่างตกตะลึง
และดูเหมือนเธอเองก็ตกใจไม่แพ้กัน
“เธอ...เข้ามาทำอะไรที่นี่!”
“เอ๋...! นี่ไม่ใช่บ่อของฝั่งผู้หญิงงั้นหรือ!”
เธอถามพร้อมกับเบิกตากว้าง
“จะบ้าหรือไง! เธอได้อ่านป้ายบ้างหรือเปล่า”
“ถะ ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวก่อนนะ!”
ซากุระว่าอย่างตื่นตระหนกผสมงงงวยก่อนเคลื่อนฝีเท้ากลับออกไปอย่างรวดเร็ว
แต่ยังไม่ทันที่ซาสึเกะจะหายตกใจหญิงสาวก็วิ่งกลับเข้ามาอีกรอบพร้อมกับใบหน้าตื่นกว่าเดิม
“มะ มีคนมา ทำไงดี!”
“ให้ตายสิ!”
ซาสึเกะสบถออกมาขณะคว้าผ้าขนหนูสีขาวที่พาดอยู่ตรงโขดหินมาผูกกับเอวแล้วลุกขึ้นมาจากบ่อด้วยความรวดเร็ว
จากนั้นเขาก็ตรงเข้าไปคว้ามือของเธอเดินเลี้ยวเข้าไปยังห้องซาวน่าก่อนที่คนอื่นจะเข้ามาเห็น
ปัง!
“ เฮ้อ เกือบไปแล้ว!”
ซากุระถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อซาสึเกะปิดประตูห้องซาวน่าได้อย่างทันท่วงที
แต่ไม่นานเธอก็รู้สึกใจเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อเลื่อนสายตาขึ้นไปมองคนตรงหน้าที่อยู่ในสภาพเปลือยเปล่าโดยมีเพียงแต่ผ้าขนหนูพันไว้ที่ท่อนล่างอย่างหมิ่นเหม่
และเหมือนเขาจะรู้ตัวว่าถูกเธอจ้องมอง เขาจึงหันมามองหญิงสาวที่ตอนนี้กำลังมีสีหน้าแดงซ่านเช่นกัน
“ตกลงว่าเธอเข้าบ่อผิดฝั่งจริงๆงั้นหรือ”
“คะ คือ ฉัน...”
ซากุระพูดอย่างติดขัดด้วยความเขินก่อนจะค่อยๆเขยื้อนตัวออกไปให้ไกลจากเขาทว่าเขากลับเคลื่อนฝ่ามือหนาขึ้นมายันผนังไว้ซึ่งเป็นการปิดช่องทางหนีของเธอไว้อย่างสมบูรณ์ จากนั้นใบหน้าคมคายเลื่อนเข้ามาใกล้แล้วเริ่มเค้นคำตอบจากคนตัวเล็กกว่า
“ตอบ”
“กะ ก็ป้ายข้างหน้าเขียนว่าฝั่งนี้เป็นฝั่งของผู้หญิงนี่!”
“นี่เธอเมาเหล้าหรือไง”
“เปล่านะ!
ฉันไม่ได้เมาซักหน่อย แต่ช่างเหอะ ฉันอาจจะจำผิดก็ได้”
เธอว่าก่อนจะยกมือขึ้นกุมผ้าขนหนูไว้แน่นด้วยความรู้สึกประหม่า
ใบหน้าหวานมองต่ำลงไปที่พื้นอย่างต้องการหลบเลี่ยงสายตา ซาสึเกะเองก็มองเธอด้วยความนิ่งงัน
ภาพตรงหน้าทำให้เขากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ตอนคารินบุกเข้ามาหาเขาที่บ่อน้ำพุร้อนฝั่งชายด้วยผ้าขนหนูผืนเดียวยังไม่ได้ทำให้เขารู้สึกรู้สาอะไรเลย
แต่ทำไมตอนนี้เขากลับ...
ซาสึเกะขับไล่ความคิดอกุศลของตัวเองแล้วผละตัวออกมาให้ห่างจากเธอก่อนที่สมาธิของเขาจะแตกกระเจิง
“ฉัน...จะออกไปดูข้างนอกให้
รออยู่ในนี้ก่อนแล้วกัน”
“ถ้าอย่างนั้น ฉันฝากไปเอาเสื้อผ้าที่ล็อกเกอร์มาให้หน่อยสิ
น้า~ “
เธอบอกด้วยน้ำเสียงออดอ้อนแกมขอร้องแล้วเข้ามาเกาะแขนเขาไว้อย่างลืมตัว เพราะในล็อกเกอร์มีของใช้สำหรับ'ผู้หญิง' อยู่ หากใครไปเจอเข้าเธอคงได้อายจนเอาหัวมุดดินแน่ๆ ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาพลางยื่นมือมาผลักศีรษะเธอเบาๆ
คล้ายกับเป็นการลงโทษที่เธอสร้างความวุ่นวายให้กับเขา
“เธอนี่...จริงๆเลยนะ”
.........................................................................
บริเวณส่วนที่เป็นห้องครัวของเรียวกัง พนักงานสาวกำลังจัดขวดเหล้าลงบนถาดเพื่อนำมันไปเสิร์ฟให้กับ
แขก แต่แล้วความสนใจของเธอก็ถูกดึงไปเมื่อเห็นว่ามีแมวตัวหนึ่งกำลังเข้ามาขโมยปลาที่ย่างไว้บนเตาก่อนมันจะ
คาบออกไป
เธอจึงวิ่งไล่ตามมันออกไปอย่างเสียไม่ได้เพราะกลัวว่ามันจะไปสร้างความเลอะเทอะด้านนอก
และเมื่อไม่มีใครอยู่ในครัว บุคคลลึกลับที่แอบอยู่หลังฝาผนังก็เดินมาหยุดหน้าถาดที่มีขวดเหล้าวางอยู่พร้อมกับจัดการเปิดฝาแล้วเทผงยาสีขาวป่นละเอียดลงไป
จากนั้นก็เคลื่อนตัวออกไปอย่างเงียบเชียบเมื่อเห็นว่าผงยาละลายลงไปในเหล้าเรียบร้อยแล้ว
พอดีกับที่พนักงานสาวกลับเข้ามา เธอก็ยกถาดเหล้าขึ้นมาแล้วเดินไปยังห้องพักของว่าที่เจ้าแคว้นหนุ่มโดยไม่ได้สังเกตว่ามีคนกำลังมองตามไปด้วยรอยยิ้มที่พึงพอใจ...
............................................................
-TO BE CONTINUED-
Ps1.จบตอนแล้วจ้า ! นี่เราควรขอบใจอายากะดีไหมอ่ะ 555555+ แต่อย่าเพิ่งเลย เรามีมาม่ามาแจกอีกแยะดูได้จากชื่อตอน พาร์ทเดียวไม่จบ เชิญเสพต่อตอนหน้า ทีมเป็ดน้อยใจแล้วเลยเซอร์วิสให้ก็ได้ อิอิ
Ps2.เราลองตั้งเพจเอาไว้ในเฟซบุ๊กนะ แต่เดี๋ยวชี้แจงอีกทีตอนหน้า เพจนี้มีไว้อัพตอน...นั่นแหละ ใกล้ได้ฤกษ์ละ หลังจากหลอกล่อให้อ่านมาเกือบ 3 ปี 555555+ ขอบคุณที่ติดตามค่ะ จุ๊บ
Update : 2.11.17
อันนี้ตอนคารินไปยั่วพร้อมขโมยเเปรงสีฟันอิเกะ แต่หยิบผิดเอาของซุยเงสึไปแทน ดูแล้วฮา 55555555+
ความคิดเห็น