คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #23 : Chapter 21 : ข้อเสนอ [100%]
Chapter 23
ข้อเสนอ
“ยัยบ้าเอ้ยยย!
ฉันจะ...ฆ่าเธอแน่ๆ”
เซอิจิคาดโทษซากุระเอาไว้ก่อนจะเดินหนีออกไปอย่างรวดเร็วเพราะเม็ดผื่นเริ่มลามขึ้นสู่ใบหน้าของเขาแล้ว
หากไม่รีบกลับไปกินยาล่ะก็อาการคงจะหนักกว่านี้
“เดี๋ยวสิ !” ซากุระเรียกเขาเอาไว้แต่ชายหนุ่มก็เดินลิ่วออกไปโดยไม่หันหลังกลับมาแม้แต่นิด เธอจึงวิ่งตาม
หลังเขาไปอย่างทิ้งระยะห่างพอสมควร
เมื่อถึงเขตบ้านพักของเซอิจิ เธอจึงชะงักฝีเท้าเอาไว้เพราะมีซามูไรที่คอยอารักขายืนทำหน้าที่อยู่ด้านหน้า
ทางเข้า เธอเห็นว่าไดสุเกะเดินออกมารับผู้เป็นนายก่อนสีหน้าของเขาจะตกตะลึงไปชั่วขณะเมื่อเห็นสภาพของเซอิจิ
เขาจึงรีบพาเจ้าตัวเข้าไปในบ้านพักทันที ซากุระกัดริมฝีปากพร้อมกับขมวดเข้าหากันทุกครั้งยามที่กำลังคิดอะไร
บางอย่าง
ไม่นานนักเธอก็เดินตรงไปยังซามูไรที่ยืนอยู่ด้านหน้าทางเข้า
“เขตนี้เป็นเขตหวงห้ามของนายน้อยนะขอรับ คุณผู้หญิงไม่ควรมาแถวนี้” ซามูไรหนุ่มบอกกับซากุระเมื่อเธอ
เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าพวกเขา
“ฉันทราบดีค่ะ
แต่ช่วยเข้าไปบอกคุณไดสุเกะให้หน่อยได้ไหมคะว่าฉันอยากพบเขา”
“ตะ แต่ว่า...”
“นะคะ ไปบอกเขาเถอะค่ะว่าฉัน เอ่อ ซากุระ มีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย”
.”ถ้าอย่างนั้น รอซักครู่นะขอรับ”
ซากุระยืนรอเพียงไม่นานก็เห็นคนที่เธอต้องการพบเดินออกมาจากตัวบ้านพัก ไดซุเกะมองเธอพลางยิ้มให้
บางๆ
เธออดแปลกใจไม่ได้ที่เขาดูไม่โกรธเธอเลยทั้งที่นายน้อยของเขาน่าจะบอกเรื่องทุกอย่างไปหมดแล้ว
“คุณไดสุเกะคะ
คือว่าฉัน...”
“เดี๋ยวเราไปคุยด้านในกันดีกว่าขอรับ ข้างนอกอากาศมันหนาว
เดี๋ยวคุณจะไม่สบายเอา”
“ข้างในหรือคะ แต่ว่าที่นี่...”
“ไม่เป็นไรหรอกขอรับ มาเถอะ”
ไดสุเกะทำท่าจะเดินนำเธอเข้าไปด้านใน ทว่าซามูไรอารักขาทั้งสองนายเอ่ยเสียงค้านขึ้นมาอย่างพร้อม
เพรียงกัน ที่นี่เป็นบ้านพักของนายน้อยของพวกเขา และไม่เคยได้รับอนุญาตให้ผู้หญิงคนไหนเข้าไปเลยซักครั้ง
นอกจากคุณหนูอายากะซึ่งเป็นน้องสาวแท้ๆ แต่ตอนนี้ไดสุเกะกำลังจะพาผู้หญิงเข้าไปด้านใน แถมยังเป็นผู้หญิงที่
เคยมีเรื่องกับนายน้อย สำหรับไดสุเกะที่เป็นคนสนิทคงจะไม่เท่าไร แต่พวกเขาที่เป็นแค่ซามูไรอารักขาจะไม่โดน
ทำโทษขั้นรุนแรงเลยงั้นเหรอ
!
“ท่านไดสุเกะขอรับ
ท่านจะพาคุณผู้หญิงท่านนี้เข้าไปด้านในจริงๆหรือ กระผมเกรงว่า…”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า พวกนายไม่ต้องห่วง เรื่องนี้ฉันจะรับผิดชอบเอง”
……………………………………........
ไดสุเกะพาซากุระเข้ามายังส่วนที่เป็นห้องรับรองแขกที่มีขนาดเล็กกว่าเรือนใหญ่ ส่วนการจัดวางดูเรียบง่าย
เพราะเจ้าของเรือนไม่ชอบให้ประดับประดาอะไรมาก อีกฝั่งของห้องมองเห็นสวนหย่อมที่อยู่ติดกับบ่อปลาคาร์ฟ
ขนาดใหญ่
นั่นทำเอาซากุระตื่นตะลึงไปกับทิวทัศน์ด้านนอกจนลืมเรื่องที่จะมาคุยไปชั่วขณะ
“คุณซากุระ
คงรู้เรื่องของนายน้อยแล้วใช่ไหมขอรับ”
เสียงของไดสุเกะเรียกความสนใจให้เธอหันมาเผชิญหน้ากับเขา
“ค่ะ ฉันขอโทษนะคะที่ทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น”
“ไม่เป็นไรขอรับ...นายน้อยมีอาการแบบนี้ตั้งแต่สมัยเด็กๆแล้ว แต่เรื่องเหตุผลนั้น กระผมขออนุญาตไม่พูด
ถึง...” ไดสุเกะเงียบไปชั่วอึดใจก่อนจะสนทนาต่อด้วยน้ำเสียงที่จริงจังมากขึ้น “ยังไงคุณซากุระ...ช่วยเก็บเรื่องวันนี้ไว้
เป็นความลับได้ไหมขอรับ”
“เอ๋...หมายความว่าคนที่นี่ก็ยังไม่รู้งั้นหรือคะว่าเขาเป็น...”
“ขอรับ ที่รู้ก็มีแค่ท่านเก็นจิโร่ คุณหนู บิดาของกระผม และตัวของกระผมเอง”
“เป็นไปได้หรือคะที่จะไม่มีใครรู้ไปมากกว่านี้” ซากุระถามอย่างสงสัย
“ขอรับ ที่ผ่านมานายน้อยระวังตัวเองเป็นอย่างดี ถึงได้สร้างกฎที่ไม่ให้พวกผู้หญิงเข้ามาในเขตนี้ จะว่าเป็น
เขตหวงห้ามก็ได้นะขอรับ”
ประโยคของไดสุเกะทำเอาซากุระแอบหวั่นใจเล็กๆ จะว่าไปเธอก็เข้ามาในดงเสือชัดๆ หากพวกเขาจะ
ปิดปากเธอข้อหาล่วงรู้ความลับละก็คงจะทำได้ไม่ยากเย็น
“แล้วตอนนี้เขา...เป็นยังไงบ้างคะ”
“ทานยาที่แพทย์เคยให้ไว้แล้วล่ะขอรับ พวกผื่นของจะลดลงในไม่ช้า ส่วนอาการไข้พรุ่งนี้น่าจะดีขึ้น”
“คุณไดสุเกะคะ...คือฉัน” เธอเว้นประโยคอย่างต้องการสังเกตอากัปกิริยาของอีกฝ่าย เมื่อเห็นว่าเขากำลัง
ตั้งใจฟังเรื่องที่เธอจะพูดจึงได้เอ่ยขึ้นต่อ “ฉันขอเป็นคน ‘รักษา’ เขาได้ไหมคะ”
“คุณซากุระ...ว่ายังไงนะขอรับ?!” ไดสุเกะเบิกตากว้าง ไม่ใช่ไม่รู้มาก่อนว่าเธอเป็นนินจาแพทย์ แต่ว่าเธอกับ
นายน้อยของเขานั้นเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาโดยตลอด แล้วตอนนี้...เธอบอกว่าจะขอเป็นคนรักษานายน้อย คนที่เธอ
เกลียดขี้หน้าอย่างนั้นเหรอ
?
“ค่ะ เคสแบบนี้ฉันยังไม่เคยเจอมาก่อน แต่เคยได้ยินมาบ้าง ไม่คิดว่าจะมีคนที่เป็นอยู่จริงๆ”
“คุณซากุระจะให้นายน้อยเป็นหนูทดลองอย่างนั้นหรือขอรับ!”
ไดสุเกะถามขึ้นอีกรอบ เธอบอกว่าไม่เคยเจอมาก่อน นั่นแสดงว่าเซอิจิจะเป็นเคสแรกที่เธอจะทำการรักษา
แล้วถ้าเกิดมีอะไรผิดพลาด เขาก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรเช่นกัน เพราะเซอิจินั่นไม่ใช่ตาสีตาสาทั่วไป แต่เป็นถึงคนที่จะ
ขึ้นปกครองแคว้นเท็ตซึโนะในเร็วๆนี้
“ฉันไม่ปฏิเสธค่ะถ้าคุณไดสุเกะจะบอกแบบนั้น ...แต่ช่วยไว้ใจฉันเถอะนะคะ ถ้าวิธีของฉันได้ผลมันน่าจะดี
ต่อวงการแพทย์เป็นอย่างมาก”
“ทำไมคุณซากุระถึงอยากจะช่วยรักษานายน้อยล่ะขอรับ” ไดสุเกะถามอย่างสงสัย
“เพราะว่าฉันเป็นนินจาแพทย์ยังไงล่ะคะ แล้วก็อาจารย์ของฉัน...ท่านบอกเสมอว่าอย่าเพิกเฉยคนที่เจ็บป่วย
แม้ว่าคนๆนั้นจะเป็นคนต่างหมู่บ้าน ต่างแคว้น เป็นพันธมิตรหรือเป็นศัตรู ถ้าฉันปล่อยผ่านเรื่องแบบนี้ฉันคงไม่กล้า
บอกว่าเป็นลูกศิษย์ของท่านได้อีกต่อไปหรอกค่ะ”
คำตอบของซากุระเรียกรอยยิ้มบางจากไดสุเกะได้เป็นอย่างดี เขาเชื่อว่าเธอพูดออกมาด้วยความสัตย์จริง
และเขาก็อยากให้เธอรักษานายน้อยมานานแล้วตั้งแต่รู้ว่าเธอเป็นนินจาแพทย์มือฉมังของหมู่บ้านโคโนฮะ
น่าเสียดายที่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่นั้นไม่ดีจนค่อนไปทางแย่ ทำให้เขาไม่กล้าที่จะขอร้องเธอให้มาช่วยรักษานาย
น้อยของเขา แต่ตอนนี้กลับเป็นเธอที่เสนอมาเอง มันทำให้เขามีความหวังขึ้นมาว่าเซอิจิอาจจะกลับมาเป็นปกติ
เหมือนคนทั่วไป
แต่ทว่า...
“เรื่องแบบนั้น...กระผมตัดสินใจเองไม่ได้หรอกขอรับ คนที่จะตัดสินใจได้ ก็มีเพียงแค่นายน้อยเท่านั้น “
เขาบอกเสียงอ่อน “คุณซากุระ...พร้อมที่จะเสนอเขาด้วยตัวเองไหมขอรับ”
………………………………………..
“ไม่ ! ฉันจะไม่ยอมให้เธอมารักษาอะไรฉันแน่ ! ไสหัวออกไปซะ !”
นั่นคือประโยคแรกที่พ่นออกมาจากปากชายหนุ่มผู้นอนเป็นผักนึ่งอยู่บนเตียงนอน ใบหน้าของเขาเป็นสีแดง
เข้มเพราะพิษไข้ ผิวของเขายังมีเม็ดผื่นขึ้นให้เห็นอยู่ประปรายไม่ได้เยอะเท่าตอนแรก แต่ถึงกระนั้น ดวงตาสีสนิม
ก็ยังคงมองมายังเธออย่างเดือดดาล นี่เขาอดทนฟังสิ่งที่เธอพูดโดยไม่ลุกไปขย้ำเธอก็ดีถมไปแล้ว!
“นี่ ! ฉันมาคุยด้วยดีดีนะ หยุดใช้อารมณ์ซักพักจะตายไหม!”
“เธอนั่นแหละที่จะต้องตายถ้ายังไม่ออกไปจากห้องของฉัน!”
ไม่พูดเปล่าแต่กลับขว้างหมอนอิงที่หนุนแขนอยู่มาทางเธออย่างแรงจนเกือบกระแทกหน้าถ้าเธอไม่คว้ามัน
เอาไว้ทัน
“นายกล้าโยนของใส่ผู้หญิงงั้นหรือ ไอ้คนเลว!”
“ฉันไม่ขว้างแจกันไปก็บุญหัวเธอแล้ว! นี่! ไดสุเกะ เอาตัวยัยนี่ออกไป ไม่เห็นหรือว่ายัยนี่ทำอะไรกับฉันไว้
นายยังจะให้เข้ามาหาฉัน
พูดข้อเสนอปัญญาอ่อน บ้าไปแล้วหรือไง!”
“แต่กระผม...”
“หุบปากไปซะ รีบพายัยนี่ออกไปก่อนที่นายจะโดนคาดโทษไปมากกว่านี้!”
“นอนเป็นผักอยู่แบบนั้นแล้วยังจะไปขู่คนอื่นอีก”
ซากุระแอบบ่นเขาเบาๆ แต่เจ้าตัวกลับได้ยินชัดเต็มสองรูหู
“เธอว่ายังไงนะ!”
“คุณซากุระ ...ไว้วันหลังค่อยมา...”
“นายจะไม่มีวันขึ้นครองแคว้นได้ ถ้านายจะยังเป็นโรคนี่!”
“...!!!”
“คุณซากุระ...!”
“หึ...ฉันพูดถูกใช่ไหม คุณสมบัติของผู้ปกครองแคว้นต้องสืบทอดให้รุ่นลูกต่อตามธรรมเนียมของแคว้นเท็ต
ซึโนะ แต่สำหรับนาย...ที่เป็นโรคแพ้เพศตรงข้ามแบบนี้ มันคงจะยากที่นายจะหาใครซักคนมาเป็นภรรยาแล้ว
สืบทอดทายาทต่อไป
เอ...เขาเรียกว่าขาดคุณสมบัติหรือเปล่า”
“เธอ...!”
“ถ้าคนอื่นรู้จะเป็นยังไงนะ ที่ผู้สืบทอดแคว้นคนใหม่ไม่สามารถมีทายาทได้ อาจจะต้องเปลี่ยนผู้สืบทอดเพื่อ
ให้สายตระกูลทากะฮาชิไม่สั้นกุดอยู่แค่นี้ใช่ไหมล่ะ และที่ฉันสงสัยอีกอย่างคือพ่อของนายก็รู้เรื่องนี้ แต่ยังยอมที่จะ
ให้นายที่สืบทอดต่อ
เท่ากับว่าตระกูลของนายกำลังหลอกลวงประชาชนอยู่นะ ”
“หุบปากไปซะ! อุ๊บ แค่กๆ”
เซอิจิเปล่งเสียงไปได้แค่นั้นก็ยกมือขึ้นปิดปากจากอาการไอ ดูเหมือนเขาจะใช้เสียงมากไปจนทำให้ลำคอ
เกิดความระคายเคือง
เวลานี้ร่างกายเขาช่างอ่อนแอจนน่าหงุดหงิด
“เอาล่ะ เรื่องนั้นฉันจะไม่ถามเหตุผล และอีกอย่างฉันก็ไม่ได้อยากจะรังแก ‘คนป่วย’ แบบนายด้วย แต่ยังไงก็
เอาข้อเสนอของฉันไปคิดดูแล้วกัน ด้วยจรรยาบรรณนินจาแพทย์ของฉันขอรับรองว่าฉันจะรักษานายอย่างไร้อคติ
ขอเพียงแค่นายให้ความร่วมมือกับฉันก็พอ”
“เธอจะมาช่วยฉันทำไม” เซอิจิถามด้วยน้ำเสียงอ่อนลง แต่นั่นไม่ใช่ว่าเขายอมคุยกับเธอดีดีหรอกนะ
เป็นเพราะว่าเขาเจ็บคอเพราะตะเบงเสียงมากไปต่างหาก
“ก็ไม่มีเหตุผลอะไรนักหรอก
ฉันอยากช่วยก็เพราะอยากช่วยน่ะ”
“เหอะ ฉันไม่ไว้ใจเธอเลยจริงๆ”
“ก็แล้วแต่นายเถอะ อีกไม่นานชาวบ้านก็จะรู้ว่านายมันไม่สามารถมีทายาทได้ แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือนายจะ
ไม่ได้สัมผัสกับคำว่าครอบครัว การมีลูกน่ะมันวิเศษขนาดไหนคนแบบนายคงไม่เคยรู้”
“แล้วเธอเคยมีลูกมีผัวมาแล้วหรือไงถึงได้รู้ดีขนาดนั้น”
“กรี๊ดดดด ! หยาบคาย ฉันยังไม่มีย่ะ!“ ซากุระแว้ดเสียงใส่เขาแทบจะในทันที ใบหน้าเธอขึ้นสีแดงเข้มไม่แพ้
เซอิจิที่กำลังป่วย แต่สำหรับเธอนั้นเป็นเพราะความโกรธและความอายเสียมากกว่า
“อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าเธอกับไอ้หมอนั่น..."
“มะ ไม่ต้องมายุ่งเรื่องของฉัน!” เธอรีบตัดบทเสียงเข้ม “ว่าแต่นายน่ะ ตัดสินใจได้หรือยัง ฉันต้องเตรียมการ
รักษาหลายอย่างนะ!”
เมื่อซากุระพูดจบ เซอิจิจึงใช้เวลาในการตัดสินใจอยู่ซักพัก เขากำลังคิดถึงผลดีผลเสียหลายอย่าง
ส่วนไดสุเกะที่เพิ่งจะเก็บอาการกลั้นหัวเราะจากคนทั้งคู่ได้ก็หันไปทางเจ้านายหนุ่มอย่างลุ้นในการตัดสินใจ
ในที่สุดดวงตาสีสนิมก็มาหยุดที่ผู้หญิงคนเดียวในห้องนี้แล้วเอ่ยขึ้นกับเธอ
“ก็ได้...แต่ถ้าฉันเป็นอะไรไป
รับรองว่าเธอจะไม่มีชีวิตกลับไปหมู่บ้านเธอแน่นอน!”
................................................................
กลับมาอัพแล้วค่ะ 50% หายหัวไปอีกตามเคย งานเยอะจริงๆค่ะ ไม่รวมความขี้เกียจนะ ฮ่าๆๆ แฟนคลับเป็ดรอก่อนนะเดี๋ยวมันมา ตอนนี้ให้คู่กิ๊กพริกกะเกลือเปิดฉากไปก่อน อิอิ ชอบแต่งคู่นี้ ตลกดี
อ้อ เดี๋ยวจะขออนุญาตรีไรท์บางบทที่เคยอัพไปนะคะ เพราะรู้สึกอยากให้คงคาร์แรกเตอร์จริงๆไว้มากกว่านี้ พวกเลิฟซีนคงหลุดหายไปเยอะอย่าว่าเค้านะ เดี๋ยวไถ่โทษให้ตอนอื่น T.T
ถ้าไม่เบื่ออ่านซ้ำได้นะ 5555+
20.11.16
.........................................................
ต่อจ้า
.
.
.
“วันนี้ต้องขอบคุณคุณซาสึเกะมากเลยนะคะที่ออกไปเป็นเพื่อนดิฉัน”
อายากะเอ่ยกับร่างสูงที่เดินเคียงคู่มากับเธอเมื่อพวกเขาเดินทางกลับมาถึงคฤหาสน์ในเวลาเย็น ริมฝีปาก
บางที่เคลือบลิปสติกสีสวยคลี่ยิ้มให้เขาอย่างอ่อนหวาน รอยยิ้มของเธอที่บุรุษคนไหนเห็นเป็นต้องละลายกลับไม่ได้
ทำให้คนตรงหน้ารู้สึกสะทกสะท้านเท่าไรนัก
เขายังคงมีสีหน้าที่สงบนิ่งเหมือนเช่นทุกครั้ง
“ไม่เป็นไร มันเป็นหน้าที่ของฉัน”
เขาบอกเสียงราบเรียบ
“แหม
คุณพูดอย่างกับว่าบันทึกประโยคนี้ไว้อย่างนั้นล่ะค่ะ”
“…”
เมื่อเห็นว่าเขาเงียบไปเธอจึงหัวเราะออกมาเล็กน้อยราวกับต้องการเปลี่ยนให้เป็นเรื่องตลกขบขัน
“คิกๆ ฉันล้อเล่นค่ะ ว่าแต่...ฉันอยากเรียนวิชาการต่อสู้ของนินจาบ้าง คุณซาสึเกะพอจะสอนให้ฉันหน่อยได้
ไหมคะ” เธอถามพลางเอียงคออย่างน่ารัก
“ฉันไม่ถนัดสอนวิชาให้ใครน่ะ
ขอโทษด้วย”
“น่าเสียดายจังเลยนะคะ”
“แต่ซากุระน่าจะสอนให้เธอได้ ถ้าเธอขอ...ยัยนั่นคงไม่ปฏิเสธ”
“จริงสิคะ ลืมไปเลยว่าคุณซากุระก็เป็นนินจาแพทย์ที่เก่งกาจ”
“อืม...”
ให้ตายเถอะ...เป็นครั้งแรกที่อายากะคิดว่าซาสึเกะเป็นผู้ชายที่รับมือยากที่สุดเท่าที่เธอเคยเจอมา
เขาแทบไม่หลงเสน่ห์ในตัวของเธอเหมือนอย่างที่ผู้ชายส่วนใหญ่เป็น
หรืออาจจะเป็นเพราะว่าเธอเดินเกมเร็วเกินไปกันแน่
เห็นทีว่าจะต้องถอยไปตั้งหลักมาใหม่เสียก่อน...
“ถ้าอย่างนั้น
เชิญคุณซาสึเกะไปพักผ่อนได้เลยนะคะ วันนี้ฉันไม่มีอะไรต้องทำแล้วล่ะค่ะ”
อายากะบอกก่อนจะหันไปพยักหน้าให้กับคาซุโกะ สาวรับใช้คนสนิทแล้วทั้งคู่ก็พากันเดินออกไปเพื่อกลับ
เรือนรับรองของอายากะ แวบนึงที่เธอหันไปมองเขาเผื่อว่าเขายังคงมองเธออยู่บ้าง ทว่าชายหนุ่มกลับเดินตรงลิ่วไป
ยังเรือนรับรองฝ่ายชาย เธออดที่จะแปลกใจไม่ได้ที่เห็นเขาดูเร่งรีบขนาดนั้น แต่จะให้ตามไปก็คงจะดูไม่งาม
สำหรับเธอ
“มีอะไรหรือคะคุณหนู”
คาซุโกะหันมาถามเจ้านายสาวเมื่อเห็นว่าดวงตาคู่สวยยังมองไปยังร่างสูงของชายหนุ่มที่กำลังเดินหายออก
ไปอย่างสงสัย
“เปล่า...ไม่มีอะไรหรอก
ไปเถอะ”
......................................................
ซากุระกำลังเดินผ่านสวนที่เป็นคอร์ทตรงกลางที่เชื่อมระหว่างเรือนรับรองฝั่งชายและฝั่งหญิงหลังจากที่เธอ
ได้ข้อตกลงระหว่างเซอิจิเรียบร้อย ขณะก้าวเท้าเดินภายในหัวเธอก็ยังคงคิดถึงอาการของชายหนุ่มที่เธอเพิ่งเจอมา
จนไม่ทันได้สังเกตเห็นว่ามีใครบางคนกำลังเดินตามหลังเธอก่อนที่เขาคนนั้นจะเอื้อมมือมาปิดปากเธอเอาไว้พร้อม
กับลากเธอมายังส่วนที่เป็นตรอกแคบๆระหว่างเรือนรับรองกับโรงฝึกธนูที่ไม่ค่อยมีคนสัญจรผ่านมาเท่าไรนัก
เนื่องจากเป็นจุดที่คนมักจะทำอุปกรณ์สำหรับฝึกที่ใช้การไม่ได้แล้วมาทิ้งไว้
“ซะ ซาสึเกะคุง !” เธอเรียกชื่อเขาเมื่อเห็นหน้าบุคคลที่ลากเธอมาที่นี่“กลับมาแล้วงั้นหรือ”
“เธอมาทำอะไรแถวนี้...ซากุระ”
“คือฉันมา...”
ซากุระกำลังบอกว่าเธอมายื่นข้อเสนอเรื่องการรักษาอาการของเซอิจิ แต่แล้วคำกำชับสุดท้ายที่เขาบอกกับ
เธอก่อนออกมาก็แล่นเข้ามาในหัวทันที
‘อย่าบอกเรื่องนี้กับใครแม้กระทั่งกับไอ้คนจากอุจิวะนั่น...ไม่งั้นฉันจะเล่นงานเธอแน่ยัยเถิก!!!’
“อะ อ้อ ฉันออกมาเดินเล่นน่ะ อยู่แต่ในห้องมันน่าอึดอัดจะตายไป”
“เลยออกมาเดินเล่นแถวเรือนฝั่งผู้ชายงั้นหรือ” เขาถามแกมจับผิดเธอ
“คะ คือ...ฉันมารอซาสึเกะคุงนั่นแหละ!”
เธอโกหกคำโต แต่มันดูเหมือนจะได้ผลเมื่อเขาคลายสีหน้าคาดคั้นเธอลง ทำเอาซากุระแอบถอนหายใจด้วย
ความโล่งอก
“เธอมารอฉันทำไม”
“ก็เราไม่ค่อยได้คุยกันเลย ฉันก็อยากจะหาเวลามาคุยกับเธอบ้าง แต่กลับเป็นเธอที่ลากฉันมาแบบนี้
แสดงว่าอยากคุยกับฉันสองต่อสองใช่ม้า”
เธอหยอกเหย้าเขา ทว่าเจ้าตัวกลับทำหน้านิ่งซึ่งเป็นบุคลิกที่เห็นบ่อยๆตั้งแต่เขาเป็นเกะนิน แต่แตกต่างกัน
นิดหน่อยตรงที่สายตาของเขามองเธอด้วยสถานะที่ไม่ใช่เพื่อนร่วมทีมเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว
“แผลเธอเป็นยังไงบ้าง”
เขาไม่ตอบคำถามเธอแต่เลือกที่จะเปลี่ยนเรื่องคุยแทน
“อ้อ
ไม่เป็นอะไรมากหรอกจ้ะ เหลือแค่รอยฟกช้ำ พรุ่งนี้ก็คงหายแล้วล่ะ”
“งั้นเหรอ...”
“อื้อ แล้ววันนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับอายากะจังใช่ไหม”
“ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอก”
“ดีแล้วล่ะ”
“…”
"อะไรกัน แค่นี้เหรอ"
เธอถามเมื่อเขาจบการสนทนาไปแบบดื้อๆทั้งที่มีโอกาสได้คุยกันตามลำพังแล้วแท้ๆ
"แล้วเธอมีอะไรจะถามฉันล่ะ"
ก็เรื่องคุณหนูอายากะ...
ไม่สิ... เธอไม่ควรถามเขาแบบนั้น
แบบนั่นมันจะ...ทำให้เธอดูงี่เง่าในสายตาของเขา
“นี่...ฉันเชื่อใจซาสึเกะคุงนะ”
เธอบอกพร้อมกับเลื่อนมือไปกุมมือใหญ่ของเขาไว้แล้วบีบมันเบาๆ ดวงตาสีเขียวมรกตสบกับดวงตาสองสี
อย่างลึกซึ้งและเขาก็รู้ว่าเธอหมายถึงอะไร ใช่ว่าเขาเองจะดูไม่ออกว่าอายากะคิดอย่างไรกับเขา หากแต่ว่าเขาไม่ใช่
คนที่สนใจผู้หญิงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ต่อให้สวยแค่ไหนเขาก็คงไม่รู้สึกหวั่นไหวได้ง่ายๆ
จะยกเว้นให้ก็แต่ผู้หญิงตรงหน้าเท่านั้นแหละ แถมตอนนี้เธอยังมองมาที่เขาด้วยสายตาวิบวับก่อนจะ
หลับตาพริ้มพลางยื่นใบหน้ามาใกล้เขาราวกับว่ากำลังรอจุมพิตจากเขาอยู่
แล้วแบบนี้เขาควรจะ...
เป๊าะ !
“โอ๊ย!”
ความเจ็บบริเวณหน้าผากทำให้ซากุระถึงกับอวดครวญออกมา ซาสึเกะดีดหน้าผากเธอเสียเจ็บจี๊ดจน
ทำลายความโรแมนติกที่(คาดว่า)จะเกิดขึ้นเสียจนหมดสิ้น
“ไปเถอะ...เดี๋ยวคนอื่นมาเห็นเข้า”
เขาบอกก่อนจะยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยแล้วเดินออกไปโดยทิ้งให้หญิงสาวที่กำลังสัมผัสกับคำว่า ‘หน้าแตก’
ยืนนิ่งเป็นตอไม้อยู่คนเดียว ตอนนี้เธอทั้งโกรธทั้งอายจนใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงจัด ริมฝีปากบางบ่นอุบถึงคนที่เดิน
ออกไปอย่างขุ่นเคือง
“ซาสึเกะคุง...บ้าที่สุดเลย!”
.................................................................
- TO BE CONTINUED -
Ps1. มาต่อให้จบ 100 % จ้า มาน้อยแต่ฟิน(?)นะจ๊ะ จะเห็นได้ว่าอิเกะชอบแกล้งเมียตั้งแต่วัยสะรุ่นละ(อันนี้มโนเอานะ) เพราะภาคไกเด็นมันก็หันหลังให้เมียอย่างนี้แหละ ฮ่าๆๆๆๆ
Ps2. ครั้งต่อไปคงมาอัพเร็วขึ้นแล้วนะเพราะส่งงานไฟนอลไปแล้ว พอจะมีเวลาว่างมากขึ้นเพราะปิดเทอมสั้นๆ น่าจะได้ซักสองสามตอนอยู่นา(เหรอวะ!) เอาล่ะ มือที่สามเริ่มรุกและ จะมาม่าไหมโปรดติดตามตอนต่อไป อิอิ
05.12.16
- Thank you for reading-
Sasuke Shinden : อิเกะเป็นทาสเเมว....น่าร้ากกกก ! >..<
ความคิดเห็น