คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : Chapter 18 : ภารกิจคุ้มกัน [100%]
Chapter 18
ภารกิจคุ้มกัน
ห้องทำงานโฮคาเงะ, หมู่บ้านโคโนฮะ
คาคาชิกำลังนั่งเขียนรายละเอียดเกี่ยวกับการประชุมห้าคาเงะที่กำลังจะมีขึ้นในอีกสอง
อาทิตย์ข้างหน้าอย่างขมักเขม้นเพราะเขาต้องเตรียมข้อมูลต่างๆตั้งแต่เนิ่นๆเพื่อยื่นเสนอในที่
ประชุม แต่แล้วเขาก็มีเหตุต้องวางมือจากเอกสารเมื่อนินจารับใช้นายหนึ่งเข้ามาแจ้งธุระบางอย่าง
ให้ทราบ
“ขอโทษนะครับท่านโฮคาเงะ
มีคนจากแคว้นเทะซึโนะคุนิมาขอเข้าพบครับ”
“เทะซึโนะคุนิงั้นเหรอ...”
“ครับ” คาคาชิมีสีหน้าฉงน เพราะไม่เคยมีคนจากแคว้นนี้มาเข้าพบมาก่อน นอกจากชายที่ชื่อ
มิฟุเนะที่เป็นตัวกลางในการประสานงานของฝ่ายเทะซึโนะคุนิในครั้งสงครามโลกนินจาที่ผ่านมา
แต่ถ้าจะให้มีเรื่องเกี่ยวข้องกันล่ะก็...คงต้องเป็นเรื่องของอดีตลูกศิษย์เขาที่ตอนนี้กำลังปักฐาน
อยู่ที่นั่น เขาหวังว่าการเข้าพบครั้งนี้คงไม่ใช่เรื่องของซาสึเกะ
ชายวัยกลางคนในชุดกิโมโนสีเข้มเดินเข้ามาพร้อมกับคนติดตามอีกสี่คน พวกเขาเป็นซามูไร
อย่างที่คาด คาคาชิผายมือเพื่อเชิญให้เขานั่งก่อนฝ่ายนั้นจะเริ่มบทสนทนาขึ้นมาก่อน
“สวัสดีครับท่านโฮคาเฮะ กระผมมีชื่อว่า 'มาบุจิ' เป็นคนสนิทของท่านเก็นจิโร่ ผู้ปกครองแคว้น
เทะซึโนคุนิ
ที่มาวันนี้กระผมแค่อยากจะมาขอความช่วยเหลือหน่อยน่ะครับ”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณมาบุจิ ...มีเรื่องอะไรงั้นหรือครับ” เขาถามอย่างสุภาพ นึกชอบใจที่
ชายตรงหน้าพูดรวบรัดได้ดีไม่อ้อมค้อมเหมือนแขกบางจำพวกที่เขาเคยพบปะ
“ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่าอันที่จริงแล้วซามุไรชอบความสันโดษและไม่ยุ่งเกี่ยวกับพวกนินจา
....ทว่าหลังจากช่วงสงครามโลกนินจาครั้งที่สี่ พวกเราก็ได้ท่านมิฟุเนะเป็นสะพานเชื่อมระหว่างนินจา
กับซามูไร นั่นทำให้พวกเราได้ตระหนักถึงความเก่งกาจของพวกนินจา “ มาบุจิกล่าวอย่างชื่นชมด้วย
ความจริงใจจากนั้นเขาก็เอ่ยขึ้นต่อ
“ในอีกไม่ถึงสองเดือน...ที่แคว้นของเราก็จะมีพิธีแต่งตั้งผู้ปกครองแคว้นคนใหม่ซึ่งก็คือลูกชาย
ของท่านเก็นจิโร่ แต่พวกเราเกรงว่าจะมีการลอบทำร้ายเกิดขึ้นก่อนจะถึงวันพิธี จึงอยากจะมาขอความ
ช่วยเหลือจากนินจาให้ช่วยคุ้มกันหน่อยน่ะครับ”
“คุ้มกันให้ลูกชายของผู้ปกครองแคว้นหรือครับ” คาคาชิถามอย่างสงสัย
“เปล่าครับ รายนั้นไม่ต้องเป็นห่วง แต่ที่กระผมอยากจะให้คุ้มกันคือคุณหนูอายากะ ผู้เป็น
ลูกสาวเพียงคนเดียวของท่านเก็นจิโร่ครับ เธอเป็นหญิงสาวบอบบาง เรียบร้อยและเป็นกุลสตรี เธอไม่
เคยฝึกวิชาการต่อสู้มาก่อน เธอจึงเป็นจุดอ่อนที่ศัตรูหมายปองเอาไว้ อันที่จริงแล้วเราก็มีคนที่ทำหน้าที่
คุ้มกันคุณหนูนะครับ แต่นายท่านอยากได้นินจามาคุ้มกันมากกว่าเพราะเรากำลังสงสัยว่าจะมีหนอน
บ่อนไส้อยู่ในสำนัก
อ้อ...แล้วไม่ต้องห่วงเรื่องค่าจ้างนะครับ
ทางเรายินดีจ่ายอย่างเต็มที่"
“เรื่องค่าจ้างเป็นเรื่องเล็กน้อยครับ งั้นทางเราจะรับเรื่องนี้ไว้ เดี๋ยวผมจะติดต่อหานินจาระดับ
โจนินส่งไปที่แคว้นเทะซึโนะคุนิ รับรองว่าพวกเขาจะคอยคุ้มกันคุณหนูได้เป็นอย่างดีแน่นอนครับ”
คาคาชิกล่าวอย่างยินดีเพราะเห็นว่าเป็นภารกิจที่จะนำมาซึ่งความเป็นพันธมิตรกับแคว้นใหม่ๆ และ
การสร้างมิตรไว้ย่อมดีกว่าสร้างศัตรูแน่นอน
ทว่าคงไม่มีสิ่งใดได้มาง่ายๆอย่างที่เขาคิด...
“ไม่ครับท่านโฮคาเงะ นายท่านของเรามีความประสงค์อยากจะได้ ‘อุจิวะ ซาสึเกะ’ มารับหน้าที่
นี้น่ะครับ”
“อะไรนะครับ” เขาถามอีกครั้งอย่างประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นอดีตลูกศิษย์ของตน
“อุจิวะ ซาสึเกะ ท่านโฮคาเงะก็น่าจะรู้จักดีที่สุดไม่ใช่หรือครับ และเท่าที่เราสืบมา เขาก็กำลัง
อาศัยอยู่ที่แคว้นของเราในตอนนี้ด้วย
แหม...ช่างเหมาะเจาะจริงๆนะครับ”
“อันนี้ผมต้องขอโทษด้วยจริงๆครับ เพราะซาสึเกะเขาปลดระวางจากภารกิจชั่วคราว แต่ผม
มั่นใจว่ามีนินจาฝีมือดีคนอื่นๆสามารถทำหน้าที่นี้แทนได้”
“น่าเสียดายจังนะครับ แล้วท่านโฮคาเงะ....พอจะมีทางช่วยให้เขารับภารกิจนี้ได้หรือเปล่า”
“ผมไม่สามารถบังคับให้เขารับภารกิจได้หรอกครับ เพราะเขาจะทำหรือไม่มันก็ขึ้นอยู่กับเขาเอง
ผมตัดสินใจแทนเขาไม่ได้จริงๆ” ที่คาคาชิพูดคือความจริงทั้งหมด เขาไม่ได้พูดโกหกแต่อย่างใด
ที่ผ่านมาเขาก็แค่ยื่นเสนอภารกิจให้ซาสึเกะ แต่เขาจะทำหรือไม่มันก็เป็นการตัดสินใจของเจ้าตัว
“คืออย่างนี้นะครับ...ผมพอจะทราบมาว่าอดีตลูกศิษย์ของคุณเคยเป็นอาชญากรที่มีระดับ
ความอันตรายสูงสุด แม้ว่าเขาจะลบภาพนั้นไปแล้วด้วยการเป็นตัวหลักที่ช่วยในสงครามโลกนินจาครั้ง
สำคัญ ทว่าผู้บริหารทั่วทุกแคว้นยังคงไม่ไว้วางใจเขามาจนถึงตอนนี้ ดังนั้นฝ่ายบริหารจึงถูกแบ่งออก
เป็น 2 ฝ่ายคือพวกที่ยอมปล่อยให้เขาไปกับพวกที่ยังต้องการให้เขาเข้ารับการลงโทษอยู่ ท่านโฮคาเงะ
เองก็คงกำลังคิดไม่ตกอยู่สินะครับ ว่าจะช่วยลูกศิษย์ของคุณให้หลุดพ้นจากเรื่องพวกนี้ได้อย่างไร”
“พวกคุณต้องการอะไรกันแน่” คาคาชิถามด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้นมาถนัดตา เขาไม่อยากจะ
อ้อมค้อมถามอะไรฝ่ายตรงข้ามมากให้เสียเวลา
ไหนๆฝ่ายนั้นก็รู้ข้อมูลทั้งหมดมาอยู่แล้ว
ส่วนมาบุจิที่เห็นว่าทุกอย่างดูจะเป็นไปตามแผนที่วางไว้
เขาก็ลอบยิ้มอย่างพอใจ
“อย่างที่บอกไป... ทางเราต้องการให้เขารับภารกิจคุ้มกันคุณหนู แล้วเราจะช่วยเป็นฝ่าย
สนับสนุนให้คุณเอง ขอรับรองว่าแคว้นซามูไรของเราจะมีส่วนช่วยในเรื่องนี้ได้อย่างแน่นอนครับ...”
.................................................................
ซากุระลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนเช้าเมื่อรู้สึกถึงความยุบยับบริเวณจมูก ดวงตาสีมรกตหรี่ตามอง
ตัวต้นเหตุที่กำลังเอาหัวที่มีขนสีดำนุ่มนิ่มเข้ามาคลอเคลียอย่างออดอ้อน เธอหัวเราะเสียงเบาก่อนจะ
พยุงตัวขึ้นเพื่อลุกไปเข้าห้องน้ำ แต่แล้วสีหน้าก็แปรเปลี่ยนเป็นตกใจเมื่อเห็นชายผู้มีเรือนผมสีดำ
ประกายน้ำเงินกำลังนอนหลับอยู่ข้างๆที่นอนของเธอ
มะ
ไม่จริง ! ฉันนอนดิ้นขนาดนี้เลยงั้นเหรอ ?!
เธอนึกอย่างแคลงใจแล้วมองไปรอบๆห้องอีกครั้งหนึ่ง เธอพบว่าตัวเองนั้นก็ยังคงอยู่ที่มุมเดิม
และจุดเดิม
แต่ทำไม...ผู้ชายข้างๆถึงมานอนหลับปุ๋ยอยู่ตรงนี้ได้เล่าในเมื่อที่นอนของเขาอยู่ตรงนั้น!
ซากุระพับเก็บความสงสัยไว้ในใจแล้วท้าวมือลงบนพื้นห้อง เธอยื่นใบหน้าไปมองเขาใกล้ๆ
อย่างต้องการซึมซับภาพยามเขาหลับให้เต็มที่ เธอไม่ได้เห็นภาพแบบนี้มานานมากแล้ว ซาสึเกะตอน
ที่นอนหลับดูไม่มีพิษสงเลยซักนิด ใบหน้าหล่อเหลานั่นดูคมคายขึ้นเพราะกำลังก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่
นึกไม่ถึงว่าผู้ชายคนนี้จะเคยเป็นอาชญากรโลกนินจาที่ทางการต้องการตัวมากที่สุดเพราะมองเผินๆ
แล้วเขาเหมือนนินจาหนุ่มหล่อผู้เป็นที่หลงใหลในหมู่คุโนะอิจิเสียมากกว่า
และแล้วเธอก็อมยิ้มอย่างมีแผน นิ้วเรียวยื่นออกไปหมายจะลองจิ้มแก้มขาวๆของอาชญากรตัว
ร้ายดูซักครั้ง แต่แล้วโชคก็ไม่เคยเข้าข้างเธอเมื่อดวงตาสองสีลืมตาตื่นขึ้นมาโดยไว ซึ่งนั่นทำให้เธอถึง
กับผงะตกใจจนรีบดีดตัวถอยอย่างไม่ทันระวังจนเขาต้องดึงมือเธอไว้ก่อนที่เธอจะหงายหลัง แต่เหมือน
ว่าเขาจะดึงแรงไปเสียหน่อย ร่างบอบบางเลยถลาลงมาทับบนแผ่นอกของเขาแทน
“ว้ายยย ! ขอโทษจ้ะซาสึเกะคุง” ซากุระร้องบอกเสียงหลงเมื่อใบหน้าเธอฝังอยู่กับซอกคอ
ของเขา เธอรีบดันตัวเองออกอย่างรวดเร็วแต่ก็ไม่เร็วเท่าฝ่ามือใหญ่ของเขาที่เปลี่ยนมาล็อกศีรษะเธอ
เอาไว้แน่น
“เธอคิดจะทำมิดีมิร้ายฉันเหรอ” เขาเอ่ยขึ้นมาขณะเพิ่มแรงกดไปที่ฝ่ามือมากขึ้นเมื่อเธอ
พยายามที่จะเงยหน้าขึ้นมาให้ได้
“ปะ เปล่าซักหน่อย! “เธอปฏิเสธแทบไม่ทัน “ปล่อยฉันนะซาสึเกะคุง!”
“บอกก่อนสิว่าเธอคิดจะทำอะไร” เขาถามเสียงเรียบ แต่มันกลับทำให้เธอรู้สึกขนลุกซู่เพราะ
ริมฝีปากของเขาอยู่ใกล้กับลำคอของเธอ และเหมือนว่าเขาจะไม่ต้องการคำตอบของเธออีกต่อไปเมื่อได้
กลิ่นหอมกรุ่นจากซอกคอขาวเนียน เขากดจมูกแนบลงบนลำคอของเธอแล้วซุกไซร้เบาๆอย่าง
เพลิดเพลินทั้งที่ตอนแรกเพียงแค่อยากจะแกล้งเธอเล่นเท่านั้น
“อ๊ะ ซาสึเกะคุง!”
ดวงตาสีมรกตเบิกโพรงอย่างตกใจ เธอพยายามที่จะผงกศีรษะขึ้นมาอีกครั้งแต่ก็ไม่เป็นผล
เพราะคนข้างล่างยังใช้ฝ่ามือกดเอาไว้แน่นแถมยังรุกเธอหนักขึ้นด้วยการกดจูบพร้อมกับขบกัดลงบน
ลำคอเธออย่างหมั่นเขี้ยวจนเกิดรอยแดง เธอจะต้องทำอะไรซักอย่างที่จะหยุดการกระทำของเขาตอนนี้
ได้ ว่าแล้วก็เลื่อนมือสะเปะสะปะลงไปบริเวณสีข้างของเขาก่อนจะ...
“โอ๊ยยย!”
เขาร้องโอดครวญออกมาด้วยความเจ็บเมื่อถูกมือเล็กๆนั่นหยิกเข้าที่เอวเต็มแรง จากนั้นเธอก็
รีบลุกพรวดจากตัวเขาทันทีที่มีโอกาส
“ฉะ ฉันจะไปแต่งตัวแล้ว ไว้เจอกันข้างล่างจ้ะ!” เธอบอกอย่างรวดเร็วพลางคว้าเจ้าสลัดที่กำลัง
นั่งมองตาแป๋วขึ้นมากอดไว้แนบอกก่อนจะเดินไปหยิบของใช้ส่วนตัวแล้วเลื่อนประตูออกไปทิ้งให้เขา
นั่งหน้าง้ำด้วยความเจ็บปวดอยู่เพียงลำพัง
..........................................................................................
30%
เดี๋ยวมาต่อค่ะ แค่นี้ก็เห็นเค้ารางความมาม่าแล้วใช่ไหม แล้วก็เห็นความหื่นเงียบของอิเป็ดแล้วใช่ไหม อิอิ =,.=
.
.
.
“อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่ชาย”
เด็กหญิงที่อยู่ในชุดเสื้อกันหนาวตัวหนาเอ่ยทักซาสึเกะขณะที่เขาเดินลงมาจากบันไดบ้าน เขาคลี่ยิ้มบางให้
เด็กหญิงก่อนจะเดินมายังที่โต๊ะอาหารที่หญิงชรากำลังทยอยนำอาหารเช้ามาวาง
“ไงจ๊ะพ่อหนุ่ม...หลับสบายดีไหม”
“ดีครับ...” เขาตอบรับเพียงสั้นๆ ดวงตาสองสีมองหาหญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีชมพูที่บังอาจมาทำร้าย
ร่างกายเขาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว
ทว่าตอนนี้เธอไม่ได้อยู่ภายในบ้าน
“ถ้าจะถามว่าแม่หนูซากุระไปไหนล่ะก็...เธอไปช่วยตาเขาขนฟืนเข้ามาก่อเตาไฟน่ะจ้ะ” หญิงชราบอกอย่าง
รู้ทัน “…ผู้หญิงสมัยนี้ก็แปลกนะ
ชอบทำงานของผู้ชาย แต่เรื่องอาหารกลับไม่ได้เรื่องเอาซะเลย โฮะๆๆ”
ซาสึเกะได้ยิ้มรับบางๆ ถ้าจะให้พูดตรงๆก็มีแต่ซากุระนี่แหละที่แปลก ผู้หญิงบ้าอะไรมีพลังอย่างกับช้างสาร
ส่วนเรื่องอาหารนี่เรียกว่าพอจะประทังชีวิตได้
“นี่น้ำชาค่ะพี่ชาย” มากิวางถ้วยชาร้อนลงบนโต๊ะด้านหน้าเขาก่อนเด็กหญิงจะเขย่งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัว
ตรงข้าม
“ขอบคุณที่ช่วยแบกหนูมานะคะ”
“ไม่เป็นไร...อาการเป็นยังไงบ้าง”
“ดีขึ้นแล้วค่ะ เมื่อเช้าพี่สาวก็นำยาบำรุงมาให้กินอีกครั้ง ไม่รู้ว่าเป็นยาวิเศษหรือเปล่า ร่างกายหนูเลยฟื้นตัว
เร็วมากๆเลยค่ะ” มากิตอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เธอดูร่าเริงขึ้นผิดกับเมื่อวานที่เหมือนกับผู้ป่วยอาการโคม่า
ไม่นานนักประตูบ้านก็ถูกเปิดเข้ามาพร้อมกับชายชราและหญิงสาวที่กำลังแบกฟืนกองโตที่สูงเกือบจะ
ท่วมหัว ทว่ามือบอบบางคู่นั้นกลับรับน้ำหนักของฟืนได้อย่างสบาย
“โอ้! อรุณสวัสดิ์นะพ่อหนุ่ม” ชายชราทักเขาอย่างร่าเริง เสียงนั่นทำให้ขาของซากุระที่กำลังนำฟืนไปวางไว้
ใกล้เตาผิงถึงกับสะดุดล้มจนหน้าคะมำ
กองฟืนที่แบกมากระจายลงบนพื้นทันที
“ตายแล้ว! เป็นอะไรไหมแม่หนู” หญิงชราร้องขึ้น ซาสึเกะลุกขึ้นไปช่วยชายชราพยุงร่างที่กำลังคลำหัวป้อยๆ
ขึ้นมา
ดวงตาสีมรกตมองเขาอย่างประหม่า เหตุการณ์ในห้องนอนแล่นเข้ามาในสมองทันที
“ขอบคุณค่ะคุณตา” ชายชราหัวเราะเสียงดังลั่นให้กับความตลกของเธอก่อนจะก้มลงเก็บฟืนต่อ
“ข...ขอบคุณจ้ะซาสึเกะคุง” เธอบอกเขาเสียงสั่น
พยายามเบี่ยงตัวออกจากการประคองของเขา
“เดี๋ยวก่อนซากุระ...” เขาปล่อยแขนเธอแล้วเปลี่ยนมากระชับผ้าพันคอที่คลายออกจนเห็นรอยแดงเป็นจ้ำที่
ลำคอให้แน่นเหมือนเดิม ตอนนี้ใบหน้าของเธอเหมือนกับกาต้มน้ำที่กำลังเดือดจัดจนควันพวยพุ่งออกมา เขากระตุก
ยิ้มให้เธอก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะตามเดิม
………………………………………….
หลังจากอาหารมือเช้าผ่านพ้นไป ซากุระก็ขออนุญาตปู่ย่าของมากิพาเธอไปเคารพหลุมศพพ่อแม่เพราะเมื่อ
วานนี้เด็กหญิงยังไม่ทันไปถึงก็หมดสติไปเสียก่อน คราวแรกพวกเขาจะไม่ให้เด็กหญิงออกมาเพราะข้างนอกอากาศ
หนาวจัด ร่างกายเด็กหญิงอาจจะล้มป่วยได้อีก แต่ซากุระบอกพวกเขาไปว่าเธอมีความรู้ด้านการแพทย์ เธอจะดูแล
เด็กหญิงให้เป็นอย่างดี พวกเขาจึงยอมในที่สุด
“พี่ซากุระ ดูนี่สิคะ!”
มากิร้องตะโกนบอกเธอขณะที่เจ้าตัวกำลังก้มลงมองดอกหยาดหิมะที่กำลังเบ่งบานแม้ว่าสภาพอากาศจะ
เย็นจัดจนไม่ควรที่จะมีพืชชนิดไหนทนอยู่ได้
ซากุระที่เดินมาคู่กับซาสึเกะจึงขยับฝีเท้าเข้ามาหาเด็กหญิง มือบางลูบศีรษะน้อยๆอย่างเบามือด้วย
ความเอ็นดู
“นี่ดอกอะไรเหรอคะ”
“ดอกหยาดหิมะน่ะจ้ะ
เจ้าต้นนี้มันทนต่อสภาพอากาศหนาวเย็นได้เป็นอย่างดีเลยนะ”
“ว้าว! วิเศษไปเลยค่ะ แถมชื่อก็เพราะด้วย”
“ใช่จ้ะ แต่มันจะสวยมากกว่านี้ถ้าได้รับแสงแดด”
“แย่จังเลยค่ะ ที่นี่ไม่ค่อยมีแสงแดด...” เด็กหญิงบอกพลางยิ้มเศร้า ไม่ใช่แค่ดอกไม้ที่ไม่ได้เจอแสงแดด
ตัวเธอเองก็เช่นกัน เธอฝันว่าอยากจะวิ่งเล่นท่ามกลางทุ่งหญ้าและแสงแดดดูซักครั้ง แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ในเมื่อ
เธอยังป่วยบ่อยๆอยู่แบบนี้
“ถ้ามีโอกาส
พี่จะพามากิไปเที่ยวที่แคว้นบ้านเกิดของพี่นะจ๊ะ ที่นั่นอากาศดีนะ
มากิจะต้องชอบแน่ๆเลย”
“จริงเหรอคะ!” เด็กหญิงตาโตด้วยความดีใจ
“อื้อ แต่ต้องสัญญากับพี่นะ ว่ามากิจะกินยาที่พี่ให้อย่างเคร่งครัด
พอมากิหาย พี่จะกลับมารับมากินะ”
“ได้ค่ะ สัญญากันนะคะ” เด็กหญิงยื่นนิ้วก้อยมาให้เธอ ซากุระยิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วยื่นนิ้วก้อยไปเกี่ยวเพื่อ
แสดงคำสัญญา
ดวงตาสองสีของซาสึเกะมองไปยังผู้หญิงต่างวัยสองคนที่กำลังคุยอะไรกันอยู่นั้นเขาก็มิอาจทราบได้
ทว่าความอ่อนโยนที่แผ่ออกมาจากซากุระทำให้หัวใจของเขารู้สึกอบอุ่น นับวันเขายิ่งหลงเสน่ห์ของเธอเข้าไปทุกที
ถึงแม้จะไม่ได้แสดงมันออกมาให้เห็นบ่อยๆแต่เขารู้ตัวดีว่าตัวเองคิดอย่างไรกับเธอ
ขายาวขยับเข้าไปหาซากุระที่กำลังนั่งมองเด็กหญิงที่ปลีกตัวขอไปชมดอกไม้อีกด้านหนึ่ง ดวงตาสีมรกต
ของเธอทอประกายอ่อนโยน
“มากิจังนี่น่ารักเนอะว่ามั้ย” เธอเปรยออกมาเมื่อสัมผัสถึงฝีเท้าที่เข้ามาใกล้ “ถ้าฉันมีลูกฉันก็อยากได้เด็ก
ผู้หญิงแบบมากิจังล่ะ”
พอสิ้นประโยค เธอก็นึกขึ้นได้ว่าเธอกำลังพูดอยู่กับใคร ดวงตาสีมรกตเบิกกว้างก่อนจะผุดลุกขึ้นยืนตัวตรง
ทันที ใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำในรอบที่สามของวัน
ให้ตายเถอะ...เธอพูดอะไรออกไปยัยซากุระ!
“อะ เอ่อ คือฉันก็พูดไปเรื่อย…ไม่ต้องไปสนใจนะจ๊ะซาสึเกะคุง!” เธอรีบแก้ตัวอย่างร้อนรนเพราะกลัวว่าเขา
จะเข้าใจผิด
“…”
เขาไม่ได้ตอบอะไรเธอกลับ ดวงตาสองยังคงสงบนิ่งเหมือนเคย เขาหมุนตัวเดินนำหน้าเธอไปพร้อมกับกด
รอยยิ้มบางโดยที่ซากุระไม่มีโอกาสได้เห็นเพราะเธอยังคงบีบมือไปมาพร้อมกับบ่นอุบอิบถึงความขายหน้าของตัว
เองอยู่ด้านหลัง แต่หารู้ไม่ว่าประโยคที่เธอพูดมันได้สร้างความสุขใจให้กับเขาอยู่ไม่น้อย
....................................................................
“พวกเราต้องไปแล้วค่ะ ขอบคุณที่ให้ที่พักอาศัยนะคะคุณตาคุณยาย”
ซากุระเอ่ยกับสองตายายหลังจากที่ทุกคนพากันออกมาส่งเธอและซาสึเกะที่หน้าประตูบ้าน
“เล็กน้อยมากจ้ะแม่หนู
ต้องขอบคุณพวกเธอมากกว่าที่ช่วยเหลือหลานของเรา”
“พี่ซากุระ...อย่าลืมสัญญานะคะ” มากิเอ่ยขึ้นพร้อมกับเอื้อมมือไปจับมือของซากุระ เธอย่อตัวลงจนอยู่
ในระดับความสูงเดียวกัน
ยกมืออีกข้างขึ้นลูบหัวเด็กหญิงตัวน้อยเบาๆ
“จ้า เป็นเด็กดีนะ...มากิจัง”
“นี่พ่อหนุ่ม...ถ้าเข้าไปในเมืองล่ะก็...ดูแลซากุระจังดีดีนะ ฉันมีลางสังหรณ์ว่าจะมีคนเข้ามายุ่งวุ่นวายกับ
ความรักของพวกเธอล่ะ โฮ่ๆๆ” ชายชรากระซิบบอกเขาเสียงเบาพลางหัวเราะ ซาสึเกะยังคงมีสีหน้านิ่งราวกับว่า
ไม่ใช่เรื่องทุกข์ร้อนอะไรทั้งที่ในใจเริ่มรู้สึกหวั่นอยู่เหมือนกัน แต่ไม่นานเขาก็สลัดความรู้สึกนั่นทิ้งเพราะนั่นอาจจะ
เป็นมุกตลกตามประสาคนแก่ขี้เล่น
“มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ ซาสึเกะคุง” ซากุระหันไปถามเมื่อเห็นเขามีสีหน้าตึงเครียดเล็กน้อย
“เปล่า...เราไปกันเถอะ” พวกเขาโค้งตัวเคารพสองตายายเป็นครั้งสุดท้ายแล้วเดินออกมาจากบ้านหลังเล็ก
มุ่งหน้าสู่เส้นทางเป้าหมาย แต่เพียงไม่กี่ก้าวซากุระก็หันกลับมาโบกมือให้กับเด็กหญิงพร้อมกับรอยยิ้มกว้างก่อนจะ
เร่งฝีเท้าไปเดินเคียงคู่กับซาสึเกะ
............................................................
สองอาทิตย์ถัดมา...
ฝูงสุนัขนินจาที่นำทีมโดยปั๊กคุงของคาคาชิกำลังมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกของป่าในแคว้นเท็ตซึโนะ
พวกมันถูกส่งมาเพื่อแจ้งภารกิจด่วนให้ซาสึเกะกับซากุระได้ทราบ อุ้งเท้าหนาวิ่งลัดเลาะไปตามต้นไม้ที่ปกคลุมด้วย
หิมะอย่างคล่องแคล่ว ปั๊กคุงหยุดฝีเท้าแล้วดมกลิ่นอันคุ้นเคยของใครบางคนก่อนจะมุ่งหน้าต่อไปอีกครั้ง
ใช้เวลาถึงสามชั่วโมงกว่าๆพวกมันก็เจอกับคนทั้งคู่พร้อมกับแมวสีดำตัวหนึ่งบริเวณต้นไม้ใหญ่กลางป่า
ปั๊กคุงที่นำทัพมาวิ่งตรงไปหาพวกเขาทันที เวลาสองอาทิตย์ที่ผ่านมาพวกมันใช้เวลาเดินทางมายังแคว้นเท็ตซึโนะ
โดยไม่ค่อยได้หยุดพัก
จึงสามารถร่นระยะเวลาเดินทางจากปกติไปได้เยอะถึงสองเท่า
“ซากุระจังงงง !”
“ปั๊กคุง !“
ทันทีที่เห็นสุนัขนินจาวิ่งมากันเป็นฝูง แมวน้อยสลัดถึงกับขนลุกซู่ไปทั้งตัวก่อนจะกระโจนเข้าไปซุกอยู่ใน
กระเป๋าสัมภาระของซาสึเกะตามสัญชาตญาณของแมวส่วนใหญ่ที่มักจะไม่ค่อยถูกชะตากับสุนัข
“มาที่นี่ได้ยังไงกันน่ะ!” ซากุระร้องถามด้วยความตกใจระคนแปลกใจ ปั๊กคุงเป็นสุนัขนินจาของคาคาชิ
ซึ่งนั่นหมายความว่าจะต้องมีเรื่องสำคัญที่คาคาชิต้องการให้พวกเธอทราบโดยด่วนอย่างแน่นอนถึงได้ส่งปั๊กคุง
มาแทนที่จะเป็นข้อความอนาล็อกเหมือนเช่นทุกครั้ง
“อ้อ ฉันก็ตามกลิ่นแชมพูเธอมานั่นแหละซากุระจัง ยังใช้กลิ่นเดิมเหมือนกับฉันไม่เปลี่ยน เธอนี่รสนิยมดี
จังนะ~” ว่าแล้วก็ยื่นขวดแชมพูสระขนสุนัขกลิ่น ‘ฟลอรัล กรีน’ มาตรงหน้าเธอที่กำลังทำหน้าสะเทือนใจอย่างปิด
ไม่อยู่ เธอว่าเธอลืมเรื่องที่ใช้แชมพูกลิ่นเดียวกับปั๊กคุงไปแล้วเชียวและก็ไม่คิดจะเปลี่ยนด้วยเพราะเธอชอบกลิ่นนี้
แต่ไม่คิดว่าเจ้าหมาน้อยหน้าย่นจะยังคงใช้กลิ่นเดิมอยู่เช่นกัน
“เลิกพูดเรื่องแชมพูแล้วรีบเข้าเรื่องมาได้แล้วย่ะ!”
………………………………………………….
“ภารกิจคุ้มกันคุณหนูอย่างนั้นเหรอ”
ซากุระอุทานออกมาหลังจากฟังรายละเอียดเบื้องต้นจากปั๊กคุงจบ ส่วนซาสึเกะกำลังใช้ความคิดพิจารณา
เกี่ยวกับภารกิจครั้งนี้
เขาคิดว่ามันค่อนข้างแปลก...
“คาคาชิฝากมาขอร้องให้ช่วยรับไว้หน่อย
เพราะมันขึ้นอยู่กับความเป็นอิสระของนายนะซาสึเกะ”
“หมายความว่ายังไง” เป็นซากุระที่ถาม
ดูเหมือนซาสึเกะพอจะรู้อยู่แล้วว่าอิสระที่ปั๊กคุงว่าหมายถึงอะไร
“ถ้าย้อนกลับไปเมื่อสองปีก่อน ซาสึเกะซึ่งเคยเป็นอดีตอาชญากรโลกนินจาได้รับการอภัยโทษเพราะได้ให้
ความร่วมมือในการคลายคาถาอ่านจันทรานิรันดร์เอาไว้ แต่ก่อนที่จะได้รับการอภัยโทษ ก็มีเสียงแบ่งออกเป็นสอง
ฝ่ายคือฝ่ายเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย และในที่สุดการลงมติจากพวกผู้ใหญ่ก็ได้ปล่อยให้ซาสึเกะเป็นอิสระ
แต่ก็นะ...ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยก็ยังกัดไม่ปล่อย ล่าสุดคือพวกเขารื้อคดีเรื่องที่นายเคยก่อมาให้พิจารณาใหม่
การลงความเห็นเรื่องคดีของนายจึงจะมีขึ้นในเร็วๆนี้”
“ปั๊กคุงจะบอกว่าคนที่ว่าจ้างเขาสามารถทำให้ซาสึเกะคุงหลุดพ้นจากคดีทั้งหมดได้งั้นเหรอ”
“ใช่แล้วสาวน้อย แต่ฉันก็คิดว่ามันแปลกๆอย่างที่คาคาชิว่าจริงๆนั่นแหละ...”
เสียงของซากุระที่กำลังสนทนากับปั๊กคุงไม่ได้เข้าไปในโสตประสาทของเขาอีกต่อไปเพราะสมองของเขา
กำลังใช้ความคิดอย่างต่อเนื่อง เรื่องคดีของเขาจะเป็นยังไงก็ช่าง เขาไม่สนใจอยู่แล้ว ถ้าจะโดนตัดสินว่าต้องกลับไป
ติดคุกตลอดชีวิตเขาก็ยอม แต่นารูโตะกับซากุระคงไม่ยอมแน่และปัญหาก็จะตามมาอีกไม่รู้จักจบ ทางเดียวที่ตัด
ปัญหาคือยอมรับภารกิจอันแปลกประหลาดนี่ซะ เขาคิดว่าคาคาชิคงมีข้อสงสัยอยู่มากมายไม่ต่างจากเขา
การทำงานให้กับแคว้นที่ไม่เคยเป็นพันธมิตรมาก่อนอาจจะทำให้ได้คำตอบอะไรบางอย่างก็ได้
“ฉันจะรับภารกิจนี้” ซาสึเกะเอ่ยออกมาในที่สุด ดวงตาสองสีก้มลงมองสุนัขนินจาตัวน้อย “โดยมีซากุระ
ร่วมด้วย...ได้ใช่หรือเปล่า”
“ไม่มีปัญหา คาคาชิก็ตั้งใจให้เป็นแบบนั้น”
ปั๊กคุงส่งรายละเอียดปลีกย่อยที่คาคาชิเขียนมาแล้วยื่นให้กับซาสึเกะ ส่วนซากุระกำลังอมยิ้มเพราะกำลัง
ปลาบปลื้มกับประโยคที่ซาสึเกะพูดออกมาเมื่อครู่ นี่เป็นครั้งแรกที่ซาสึเกะเอ่ยปากว่าเขาต้องการให้เธอร่วมทำ
ภารกิจไปกับเขาด้วย ทั้งที่เป็นเรื่องเล็กน้อยแต่มันทำให้เธอดีใจอย่างกับถูกรางวัลที่หนึ่ง นี่เธอได้รับความไว้วางใจ
จากเขาแล้วใช่ไหม
“อ้อ
มีเรื่องสำคัญจะบอกอีกเรื่องนึง”
“มีอะไรอีกงั้นเหรอจ๊ะปั๊กคุง”
ซากุระถามเสียงใสพร้อมกับใบหน้าที่เบิกบาน
“เจ้านารูโตะกับฮินาตะจัง...” ปั๊กคุงเว้นจังหวะไปช่วงนึงเพื่อสังเกตใบหน้าของคนทั้งคู่พร้อมกับยิ้มขำขัน
"...?"
"..."
"...??"
“พวกเขา...กำลังมีทายาทด้วยกันแล้วนะ”
“...!!!”
.................................................................
Ps1.ในที่สุดฝั่งโน้นก็เริ่มมีทายาทแล้ว ส่วนฝั่งนี้...ยังไม่ไปถึงไหนเลย 5555+ นี่เป็นสัญญาณบอกความล่าช้าถึงความสัมพันธ์ของอิคู่นี้ -__-'' รีบเร่งสปีดซะนะอิเกะ !! เจ้าโตะมันทำประตูไปแล้วเฟ้ยยย !
Ps2.รอบหน้าเข้าสู่เรื่องวุ่นแล้ว เตรียมตัวพบกับตัวละครใหม่(ที่จะมาสร้างความวุ่นวาย)ได้เลยค่ะ !
Ps3.. มาลงให้จบแล้วครบ 100% ค่ะ หายไปนานตามเคย เที่ยวบ่อย ขอโทษค่ะ 55555+
'ปั๊กคุง' สุนันนินจาของคาคาชิ....น่าร้ากกกกก ! >_<
Thank you for reading !
4.08.16
ความคิดเห็น