ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ Fic Naruto ] April Snow เมื่อหิมะ...หลงฤดู

    ลำดับตอนที่ #20 : Chapter 18 : ภารกิจคุ้มกัน [100%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.51K
      94
      4 ส.ค. 59






    Chapter 18


    ภารกิจคุ้มกัน

     













    ห้องทำงานโฮคาเงะ, หมู่บ้านโคโนฮะ


                คาคาชิกำลังนั่งเขียนรายละเอียดเกี่ยวกับการประชุมห้าคาเงะที่กำลังจะมีขึ้นในอีกสอง

    อาทิตย์ข้างหน้าอย่างขมักเขม้นเพราะเขาต้องเตรียมข้อมูลต่างๆตั้งแต่เนิ่นๆเพื่อยื่นเสนอในที่

    ประชุม แต่แล้วเขาก็มีเหตุต้องวางมือจากเอกสารเมื่อนินจารับใช้นายหนึ่งเข้ามาแจ้งธุระบางอย่าง

    ให้ทราบ


                ขอโทษนะครับท่านโฮคาเงะ มีคนจากแคว้นเทะซึโนะคุนิมาขอเข้าพบครับ


                “เทะซึโนะคุนิงั้นเหรอ... 


                ครับคาคาชิมีสีหน้าฉงน เพราะไม่เคยมีคนจากแคว้นนี้มาเข้าพบมาก่อน นอกจากชายที่ชื่อ

    มิฟุเนะที่เป็นตัวกลางในการประสานงานของฝ่ายเทะซึโนะคุนิในครั้งสงครามโลกนินจาที่ผ่านมา


                แต่ถ้าจะให้มีเรื่องเกี่ยวข้องกันล่ะก็...คงต้องเป็นเรื่องของอดีตลูกศิษย์เขาที่ตอนนี้กำลังปักฐาน

    อยู่ที่นั่น เขาหวังว่าการเข้าพบครั้งนี้คงไม่ใช่เรื่องของซาสึเกะ


                ชายวัยกลางคนในชุดกิโมโนสีเข้มเดินเข้ามาพร้อมกับคนติดตามอีกสี่คน พวกเขาเป็นซามูไร

    อย่างที่คาด คาคาชิผายมือเพื่อเชิญให้เขานั่งก่อนฝ่ายนั้นจะเริ่มบทสนทนาขึ้นมาก่อน


                สวัสดีครับท่านโฮคาเฮะ กระผมมีชื่อว่า 'มาบุจิ' เป็นคนสนิทของท่านเก็นจิโร่ ผู้ปกครองแคว้น

    เทะซึโนคุนิ ที่มาวันนี้กระผมแค่อยากจะมาขอความช่วยเหลือหน่อยน่ะครับ


                “ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณมาบุจิ ...มีเรื่องอะไรงั้นหรือครับเขาถามอย่างสุภาพ นึกชอบใจที่

    ชายตรงหน้าพูดรวบรัดได้ดีไม่อ้อมค้อมเหมือนแขกบางจำพวกที่เขาเคยพบปะ


                “ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่าอันที่จริงแล้วซามุไรชอบความสันโดษและไม่ยุ่งเกี่ยวกับพวกนินจา 

    ....ทว่าหลังจากช่วงสงครามโลกนินจาครั้งที่สี่ พวกเราก็ได้ท่านมิฟุเนะเป็นสะพานเชื่อมระหว่างนินจา

    กับซามูไร นั่นทำให้พวกเราได้ตระหนักถึงความเก่งกาจของพวกนินจา มาบุจิกล่าวอย่างชื่นชมด้วย

    ความจริงใจจากนั้นเขาก็เอ่ยขึ้นต่อ


                ในอีกไม่ถึงสองเดือน...ที่แคว้นของเราก็จะมีพิธีแต่งตั้งผู้ปกครองแคว้นคนใหม่ซึ่งก็คือลูกชาย

    ของท่านเก็นจิโร่ แต่พวกเราเกรงว่าจะมีการลอบทำร้ายเกิดขึ้นก่อนจะถึงวันพิธี จึงอยากจะมาขอความ

    ช่วยเหลือจากนินจาให้ช่วยคุ้มกันหน่อยน่ะครับ


                คุ้มกันให้ลูกชายของผู้ปกครองแคว้นหรือครับ” คาคาชิถามอย่างสงสัย


                “เปล่าครับ รายนั้นไม่ต้องเป็นห่วง แต่ที่กระผมอยากจะให้คุ้มกันคือคุณหนูอายากะ ผู้เป็น

    ลูกสาวเพียงคนเดียวของท่านเก็นจิโร่ครับ เธอเป็นหญิงสาวบอบบาง เรียบร้อยและเป็นกุลสตรี เธอไม่

    เคยฝึกวิชาการต่อสู้มาก่อน เธอจึงเป็นจุดอ่อนที่ศัตรูหมายปองเอาไว้ อันที่จริงแล้วเราก็มีคนที่ทำหน้าที่

    คุ้มกันคุณหนูนะครับ แต่นายท่านอยากได้นินจามาคุ้มกันมากกว่าเพราะเรากำลังสงสัยว่าจะมีหนอน

    บ่อนไส้อยู่ในสำนัก  อ้อ...แล้วไม่ต้องห่วงเรื่องค่าจ้างนะครับ ทางเรายินดีจ่ายอย่างเต็มที่"


                เรื่องค่าจ้างเป็นเรื่องเล็กน้อยครับ งั้นทางเราจะรับเรื่องนี้ไว้ เดี๋ยวผมจะติดต่อหานินจาระดับ

    โจนินส่งไปที่แคว้นเทะซึโนะคุนิ รับรองว่าพวกเขาจะคอยคุ้มกันคุณหนูได้เป็นอย่างดีแน่นอนครับ” 

    คาคาชิกล่าวอย่างยินดีเพราะเห็นว่าเป็นภารกิจที่จะนำมาซึ่งความเป็นพันธมิตรกับแคว้นใหม่ๆ และ

    การสร้างมิตรไว้ย่อมดีกว่าสร้างศัตรูแน่นอน


                ทว่าคงไม่มีสิ่งใดได้มาง่ายๆอย่างที่เขาคิด...


                “ไม่ครับท่านโฮคาเงะ นายท่านของเรามีความประสงค์อยากจะได้ อุจิวะ ซาสึเกะ มารับหน้าที่

    นี้น่ะครับ


                “อะไรนะครับเขาถามอีกครั้งอย่างประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นอดีตลูกศิษย์ของตน


                “อุจิวะ ซาสึเกะ ท่านโฮคาเงะก็น่าจะรู้จักดีที่สุดไม่ใช่หรือครับ และเท่าที่เราสืบมา เขาก็กำลัง

    อาศัยอยู่ที่แคว้นของเราในตอนนี้ด้วย แหม...ช่างเหมาะเจาะจริงๆนะครับ


                “อันนี้ผมต้องขอโทษด้วยจริงๆครับ เพราะซาสึเกะเขาปลดระวางจากภารกิจชั่วคราว แต่ผม

    มั่นใจว่ามีนินจาฝีมือดีคนอื่นๆสามารถทำหน้าที่นี้แทนได้


                “น่าเสียดายจังนะครับ แล้วท่านโฮคาเงะ....พอจะมีทางช่วยให้เขารับภารกิจนี้ได้หรือเปล่า


                “ผมไม่สามารถบังคับให้เขารับภารกิจได้หรอกครับ เพราะเขาจะทำหรือไม่มันก็ขึ้นอยู่กับเขาเอง

    ผมตัดสินใจแทนเขาไม่ได้จริงๆ ที่คาคาชิพูดคือความจริงทั้งหมด เขาไม่ได้พูดโกหกแต่อย่างใด 

    ที่ผ่านมาเขาก็แค่ยื่นเสนอภารกิจให้ซาสึเกะ แต่เขาจะทำหรือไม่มันก็เป็นการตัดสินใจของเจ้าตัว


                คืออย่างนี้นะครับ...ผมพอจะทราบมาว่าอดีตลูกศิษย์ของคุณเคยเป็นอาชญากรที่มีระดับ

    ความอันตรายสูงสุด แม้ว่าเขาจะลบภาพนั้นไปแล้วด้วยการเป็นตัวหลักที่ช่วยในสงครามโลกนินจาครั้ง

    สำคัญ ทว่าผู้บริหารทั่วทุกแคว้นยังคงไม่ไว้วางใจเขามาจนถึงตอนนี้ ดังนั้นฝ่ายบริหารจึงถูกแบ่งออก

    เป็น 2 ฝ่ายคือพวกที่ยอมปล่อยให้เขาไปกับพวกที่ยังต้องการให้เขาเข้ารับการลงโทษอยู่ ท่านโฮคาเงะ

    เองก็คงกำลังคิดไม่ตกอยู่สินะครับ ว่าจะช่วยลูกศิษย์ของคุณให้หลุดพ้นจากเรื่องพวกนี้ได้อย่างไร


                “พวกคุณต้องการอะไรกันแน่คาคาชิถามด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้นมาถนัดตา เขาไม่อยากจะ

    อ้อมค้อมถามอะไรฝ่ายตรงข้ามมากให้เสียเวลา ไหนๆฝ่ายนั้นก็รู้ข้อมูลทั้งหมดมาอยู่แล้ว


                ส่วนมาบุจิที่เห็นว่าทุกอย่างดูจะเป็นไปตามแผนที่วางไว้ เขาก็ลอบยิ้มอย่างพอใจ


                “อย่างที่บอกไป... ทางเราต้องการให้เขารับภารกิจคุ้มกันคุณหนู แล้วเราจะช่วยเป็นฝ่าย

    สนับสนุนให้คุณเอง ขอรับรองว่าแคว้นซามูไรของเราจะมีส่วนช่วยในเรื่องนี้ได้อย่างแน่นอนครับ...



     

    .................................................................



     

                ซากุระลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนเช้าเมื่อรู้สึกถึงความยุบยับบริเวณจมูก ดวงตาสีมรกตหรี่ตามอง

    ตัวต้นเหตุที่กำลังเอาหัวที่มีขนสีดำนุ่มนิ่มเข้ามาคลอเคลียอย่างออดอ้อน เธอหัวเราะเสียงเบาก่อนจะ

    พยุงตัวขึ้นเพื่อลุกไปเข้าห้องน้ำ แต่แล้วสีหน้าก็แปรเปลี่ยนเป็นตกใจเมื่อเห็นชายผู้มีเรือนผมสีดำ

    ประกายน้ำเงินกำลังนอนหลับอยู่ข้างๆที่นอนของเธอ


                มะ ไม่จริง ! ฉันนอนดิ้นขนาดนี้เลยงั้นเหรอ ?!


              เธอนึกอย่างแคลงใจแล้วมองไปรอบๆห้องอีกครั้งหนึ่ง เธอพบว่าตัวเองนั้นก็ยังคงอยู่ที่มุมเดิม

    และจุดเดิม 

                   

                 แต่ทำไม...ผู้ชายข้างๆถึงมานอนหลับปุ๋ยอยู่ตรงนี้ได้เล่าในเมื่อที่นอนของเขาอยู่ตรงนั้น!


                ซากุระพับเก็บความสงสัยไว้ในใจแล้วท้าวมือลงบนพื้นห้อง เธอยื่นใบหน้าไปมองเขาใกล้ๆ 

    อย่างต้องการซึมซับภาพยามเขาหลับให้เต็มที่ เธอไม่ได้เห็นภาพแบบนี้มานานมากแล้ว ซาสึเกะตอน

    ที่นอนหลับดูไม่มีพิษสงเลยซักนิด ใบหน้าหล่อเหลานั่นดูคมคายขึ้นเพราะกำลังก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ 

    นึกไม่ถึงว่าผู้ชายคนนี้จะเคยเป็นอาชญากรโลกนินจาที่ทางการต้องการตัวมากที่สุดเพราะมองเผินๆ

    แล้วเขาเหมือนนินจาหนุ่มหล่อผู้เป็นที่หลงใหลในหมู่คุโนะอิจิเสียมากกว่า


                และแล้วเธอก็อมยิ้มอย่างมีแผน นิ้วเรียวยื่นออกไปหมายจะลองจิ้มแก้มขาวๆของอาชญากรตัว

    ร้ายดูซักครั้ง แต่แล้วโชคก็ไม่เคยเข้าข้างเธอเมื่อดวงตาสองสีลืมตาตื่นขึ้นมาโดยไว ซึ่งนั่นทำให้เธอถึง

    กับผงะตกใจจนรีบดีดตัวถอยอย่างไม่ทันระวังจนเขาต้องดึงมือเธอไว้ก่อนที่เธอจะหงายหลัง แต่เหมือน

    ว่าเขาจะดึงแรงไปเสียหน่อย ร่างบอบบางเลยถลาลงมาทับบนแผ่นอกของเขาแทน


                ว้ายยย ! ขอโทษจ้ะซาสึเกะคุงซากุระร้องบอกเสียงหลงเมื่อใบหน้าเธอฝังอยู่กับซอกคอ

    ของเขา เธอรีบดันตัวเองออกอย่างรวดเร็วแต่ก็ไม่เร็วเท่าฝ่ามือใหญ่ของเขาที่เปลี่ยนมาล็อกศีรษะเธอ

    เอาไว้แน่น


                เธอคิดจะทำมิดีมิร้ายฉันเหรอเขาเอ่ยขึ้นมาขณะเพิ่มแรงกดไปที่ฝ่ามือมากขึ้นเมื่อเธอ

    พยายามที่จะเงยหน้าขึ้นมาให้ได้


                “ปะ เปล่าซักหน่อย! เธอปฏิเสธแทบไม่ทัน ปล่อยฉันนะซาสึเกะคุง!”


                “บอกก่อนสิว่าเธอคิดจะทำอะไรเขาถามเสียงเรียบ แต่มันกลับทำให้เธอรู้สึกขนลุกซู่เพราะ

    ริมฝีปากของเขาอยู่ใกล้กับลำคอของเธอ และเหมือนว่าเขาจะไม่ต้องการคำตอบของเธออีกต่อไปเมื่อได้

    กลิ่นหอมกรุ่นจากซอกคอขาวเนียน เขากดจมูกแนบลงบนลำคอของเธอแล้วซุกไซร้เบาๆอย่าง

    เพลิดเพลินทั้งที่ตอนแรกเพียงแค่อยากจะแกล้งเธอเล่นเท่านั้น


                อ๊ะ ซาสึเกะคุง!”

     

                ดวงตาสีมรกตเบิกโพรงอย่างตกใจ เธอพยายามที่จะผงกศีรษะขึ้นมาอีกครั้งแต่ก็ไม่เป็นผล

    เพราะคนข้างล่างยังใช้ฝ่ามือกดเอาไว้แน่นแถมยังรุกเธอหนักขึ้นด้วยการกดจูบพร้อมกับขบกัดลงบน

    ลำคอเธออย่างหมั่นเขี้ยวจนเกิดรอยแดง เธอจะต้องทำอะไรซักอย่างที่จะหยุดการกระทำของเขาตอนนี้

    ได้ ว่าแล้วก็เลื่อนมือสะเปะสะปะลงไปบริเวณสีข้างของเขาก่อนจะ...


                โอ๊ยยย!”


                เขาร้องโอดครวญออกมาด้วยความเจ็บเมื่อถูกมือเล็กๆนั่นหยิกเข้าที่เอวเต็มแรง จากนั้นเธอก็

    รีบลุกพรวดจากตัวเขาทันทีที่มีโอกาส


                ฉะ ฉันจะไปแต่งตัวแล้ว ไว้เจอกันข้างล่างจ้ะ!” เธอบอกอย่างรวดเร็วพลางคว้าเจ้าสลัดที่กำลัง

    นั่งมองตาแป๋วขึ้นมากอดไว้แนบอกก่อนจะเดินไปหยิบของใช้ส่วนตัวแล้วเลื่อนประตูออกไปทิ้งให้เขา

    นั่งหน้าง้ำด้วยความเจ็บปวดอยู่เพียงลำพัง

                


    ..........................................................................................



    30%

    เดี๋ยวมาต่อค่ะ แค่นี้ก็เห็นเค้ารางความมาม่าแล้วใช่ไหม แล้วก็เห็นความหื่นเงียบของอิเป็ดแล้วใช่ไหม อิอิ =,.=

    .

    .

    .




                อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่ชาย


                เด็กหญิงที่อยู่ในชุดเสื้อกันหนาวตัวหนาเอ่ยทักซาสึเกะขณะที่เขาเดินลงมาจากบันไดบ้าน เขาคลี่ยิ้มบางให้

    เด็กหญิงก่อนจะเดินมายังที่โต๊ะอาหารที่หญิงชรากำลังทยอยนำอาหารเช้ามาวาง


                ไงจ๊ะพ่อหนุ่ม...หลับสบายดีไหม


                “ดีครับ...เขาตอบรับเพียงสั้นๆ ดวงตาสองสีมองหาหญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีชมพูที่บังอาจมาทำร้าย

    ร่างกายเขาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว ทว่าตอนนี้เธอไม่ได้อยู่ภายในบ้าน


                ถ้าจะถามว่าแม่หนูซากุระไปไหนล่ะก็...เธอไปช่วยตาเขาขนฟืนเข้ามาก่อเตาไฟน่ะจ้ะหญิงชราบอกอย่าง

    รู้ทัน “…ผู้หญิงสมัยนี้ก็แปลกนะ ชอบทำงานของผู้ชาย แต่เรื่องอาหารกลับไม่ได้เรื่องเอาซะเลย โฮะๆๆ


                ซาสึเกะได้ยิ้มรับบางๆ ถ้าจะให้พูดตรงๆก็มีแต่ซากุระนี่แหละที่แปลก ผู้หญิงบ้าอะไรมีพลังอย่างกับช้างสาร 

    ส่วนเรื่องอาหารนี่เรียกว่าพอจะประทังชีวิตได้


                นี่น้ำชาค่ะพี่ชายมากิวางถ้วยชาร้อนลงบนโต๊ะด้านหน้าเขาก่อนเด็กหญิงจะเขย่งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัว

    ตรงข้าม


                ขอบคุณที่ช่วยแบกหนูมานะคะ


                “ไม่เป็นไร...อาการเป็นยังไงบ้าง


                “ดีขึ้นแล้วค่ะ เมื่อเช้าพี่สาวก็นำยาบำรุงมาให้กินอีกครั้ง ไม่รู้ว่าเป็นยาวิเศษหรือเปล่า ร่างกายหนูเลยฟื้นตัว

    เร็วมากๆเลยค่ะมากิตอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เธอดูร่าเริงขึ้นผิดกับเมื่อวานที่เหมือนกับผู้ป่วยอาการโคม่า


                ไม่นานนักประตูบ้านก็ถูกเปิดเข้ามาพร้อมกับชายชราและหญิงสาวที่กำลังแบกฟืนกองโตที่สูงเกือบจะ

    ท่วมหัว ทว่ามือบอบบางคู่นั้นกลับรับน้ำหนักของฟืนได้อย่างสบาย


                โอ้! อรุณสวัสดิ์นะพ่อหนุ่มชายชราทักเขาอย่างร่าเริง เสียงนั่นทำให้ขาของซากุระที่กำลังนำฟืนไปวางไว้

    ใกล้เตาผิงถึงกับสะดุดล้มจนหน้าคะมำ กองฟืนที่แบกมากระจายลงบนพื้นทันที


                “ตายแล้ว! เป็นอะไรไหมแม่หนูหญิงชราร้องขึ้น ซาสึเกะลุกขึ้นไปช่วยชายชราพยุงร่างที่กำลังคลำหัวป้อยๆ

    ขึ้นมา ดวงตาสีมรกตมองเขาอย่างประหม่า เหตุการณ์ในห้องนอนแล่นเข้ามาในสมองทันที


                ขอบคุณค่ะคุณตาชายชราหัวเราะเสียงดังลั่นให้กับความตลกของเธอก่อนจะก้มลงเก็บฟืนต่อ

    ข...ขอบคุณจ้ะซาสึเกะคุงเธอบอกเขาเสียงสั่น พยายามเบี่ยงตัวออกจากการประคองของเขา


                เดี๋ยวก่อนซากุระ...เขาปล่อยแขนเธอแล้วเปลี่ยนมากระชับผ้าพันคอที่คลายออกจนเห็นรอยแดงเป็นจ้ำที่

    ลำคอให้แน่นเหมือนเดิม ตอนนี้ใบหน้าของเธอเหมือนกับกาต้มน้ำที่กำลังเดือดจัดจนควันพวยพุ่งออกมา เขากระตุก

    ยิ้มให้เธอก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะตามเดิม


     

    ………………………………………….



                หลังจากอาหารมือเช้าผ่านพ้นไป ซากุระก็ขออนุญาตปู่ย่าของมากิพาเธอไปเคารพหลุมศพพ่อแม่เพราะเมื่อ

    วานนี้เด็กหญิงยังไม่ทันไปถึงก็หมดสติไปเสียก่อน คราวแรกพวกเขาจะไม่ให้เด็กหญิงออกมาเพราะข้างนอกอากาศ

    หนาวจัด ร่างกายเด็กหญิงอาจจะล้มป่วยได้อีก แต่ซากุระบอกพวกเขาไปว่าเธอมีความรู้ด้านการแพทย์ เธอจะดูแล

    เด็กหญิงให้เป็นอย่างดี พวกเขาจึงยอมในที่สุด


                พี่ซากุระ ดูนี่สิคะ!”


                มากิร้องตะโกนบอกเธอขณะที่เจ้าตัวกำลังก้มลงมองดอกหยาดหิมะที่กำลังเบ่งบานแม้ว่าสภาพอากาศจะ

    เย็นจัดจนไม่ควรที่จะมีพืชชนิดไหนทนอยู่ได้

     

                ซากุระที่เดินมาคู่กับซาสึเกะจึงขยับฝีเท้าเข้ามาหาเด็กหญิง มือบางลูบศีรษะน้อยๆอย่างเบามือด้วย

    ความเอ็นดู


                นี่ดอกอะไรเหรอคะ


                “ดอกหยาดหิมะน่ะจ้ะ เจ้าต้นนี้มันทนต่อสภาพอากาศหนาวเย็นได้เป็นอย่างดีเลยนะ


                “ว้าว! วิเศษไปเลยค่ะ แถมชื่อก็เพราะด้วย


                “ใช่จ้ะ แต่มันจะสวยมากกว่านี้ถ้าได้รับแสงแดด


                “แย่จังเลยค่ะ ที่นี่ไม่ค่อยมีแสงแดด...เด็กหญิงบอกพลางยิ้มเศร้า ไม่ใช่แค่ดอกไม้ที่ไม่ได้เจอแสงแดด 

    ตัวเธอเองก็เช่นกัน เธอฝันว่าอยากจะวิ่งเล่นท่ามกลางทุ่งหญ้าและแสงแดดดูซักครั้ง แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ในเมื่อ

    เธอยังป่วยบ่อยๆอยู่แบบนี้


                ถ้ามีโอกาส พี่จะพามากิไปเที่ยวที่แคว้นบ้านเกิดของพี่นะจ๊ะ ที่นั่นอากาศดีนะ มากิจะต้องชอบแน่ๆเลย


                “จริงเหรอคะ!” เด็กหญิงตาโตด้วยความดีใจ


                “อื้อ แต่ต้องสัญญากับพี่นะ ว่ามากิจะกินยาที่พี่ให้อย่างเคร่งครัด พอมากิหาย พี่จะกลับมารับมากินะ


                “ได้ค่ะ สัญญากันนะคะเด็กหญิงยื่นนิ้วก้อยมาให้เธอ ซากุระยิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วยื่นนิ้วก้อยไปเกี่ยวเพื่อ

    แสดงคำสัญญา


                ดวงตาสองสีของซาสึเกะมองไปยังผู้หญิงต่างวัยสองคนที่กำลังคุยอะไรกันอยู่นั้นเขาก็มิอาจทราบได้ 

    ทว่าความอ่อนโยนที่แผ่ออกมาจากซากุระทำให้หัวใจของเขารู้สึกอบอุ่น นับวันเขายิ่งหลงเสน่ห์ของเธอเข้าไปทุกที

     ถึงแม้จะไม่ได้แสดงมันออกมาให้เห็นบ่อยๆแต่เขารู้ตัวดีว่าตัวเองคิดอย่างไรกับเธอ


                ขายาวขยับเข้าไปหาซากุระที่กำลังนั่งมองเด็กหญิงที่ปลีกตัวขอไปชมดอกไม้อีกด้านหนึ่ง ดวงตาสีมรกต

    ของเธอทอประกายอ่อนโยน


                “มากิจังนี่น่ารักเนอะว่ามั้ยเธอเปรยออกมาเมื่อสัมผัสถึงฝีเท้าที่เข้ามาใกล้ ถ้าฉันมีลูกฉันก็อยากได้เด็ก

    ผู้หญิงแบบมากิจังล่ะ” 


     

                พอสิ้นประโยค เธอก็นึกขึ้นได้ว่าเธอกำลังพูดอยู่กับใคร ดวงตาสีมรกตเบิกกว้างก่อนจะผุดลุกขึ้นยืนตัวตรง

    ทันที ใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำในรอบที่สามของวัน


                ให้ตายเถอะ...เธอพูดอะไรออกไปยัยซากุระ!


                “อะ เอ่อ คือฉันก็พูดไปเรื่อยไม่ต้องไปสนใจนะจ๊ะซาสึเกะคุง!” เธอรีบแก้ตัวอย่างร้อนรนเพราะกลัวว่าเขา

    จะเข้าใจผิด


                “…”


                เขาไม่ได้ตอบอะไรเธอกลับ ดวงตาสองยังคงสงบนิ่งเหมือนเคย เขาหมุนตัวเดินนำหน้าเธอไปพร้อมกับกด

    รอยยิ้มบางโดยที่ซากุระไม่มีโอกาสได้เห็นเพราะเธอยังคงบีบมือไปมาพร้อมกับบ่นอุบอิบถึงความขายหน้าของตัว

    เองอยู่ด้านหลัง แต่หารู้ไม่ว่าประโยคที่เธอพูดมันได้สร้างความสุขใจให้กับเขาอยู่ไม่น้อย



                 

    ....................................................................


     

                พวกเราต้องไปแล้วค่ะ ขอบคุณที่ให้ที่พักอาศัยนะคะคุณตาคุณยาย


                ซากุระเอ่ยกับสองตายายหลังจากที่ทุกคนพากันออกมาส่งเธอและซาสึเกะที่หน้าประตูบ้าน


                เล็กน้อยมากจ้ะแม่หนู ต้องขอบคุณพวกเธอมากกว่าที่ช่วยเหลือหลานของเรา


                “พี่ซากุระ...อย่าลืมสัญญานะคะมากิเอ่ยขึ้นพร้อมกับเอื้อมมือไปจับมือของซากุระ เธอย่อตัวลงจนอยู่

    ในระดับความสูงเดียวกัน ยกมืออีกข้างขึ้นลูบหัวเด็กหญิงตัวน้อยเบาๆ


                “จ้า เป็นเด็กดีนะ...มากิจัง


                “นี่พ่อหนุ่ม...ถ้าเข้าไปในเมืองล่ะก็...ดูแลซากุระจังดีดีนะ ฉันมีลางสังหรณ์ว่าจะมีคนเข้ามายุ่งวุ่นวายกับ

    ความรักของพวกเธอล่ะ โฮ่ๆๆ ชายชรากระซิบบอกเขาเสียงเบาพลางหัวเราะ ซาสึเกะยังคงมีสีหน้านิ่งราวกับว่า

    ไม่ใช่เรื่องทุกข์ร้อนอะไรทั้งที่ในใจเริ่มรู้สึกหวั่นอยู่เหมือนกัน แต่ไม่นานเขาก็สลัดความรู้สึกนั่นทิ้งเพราะนั่นอาจจะ

    เป็นมุกตลกตามประสาคนแก่ขี้เล่น  


                “มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ ซาสึเกะคุงซากุระหันไปถามเมื่อเห็นเขามีสีหน้าตึงเครียดเล็กน้อย


                “เปล่า...เราไปกันเถอะ พวกเขาโค้งตัวเคารพสองตายายเป็นครั้งสุดท้ายแล้วเดินออกมาจากบ้านหลังเล็ก

    มุ่งหน้าสู่เส้นทางเป้าหมาย แต่เพียงไม่กี่ก้าวซากุระก็หันกลับมาโบกมือให้กับเด็กหญิงพร้อมกับรอยยิ้มกว้างก่อนจะ

    เร่งฝีเท้าไปเดินเคียงคู่กับซาสึเกะ




    ............................................................




    สองอาทิตย์ถัดมา...


                ฝูงสุนัขนินจาที่นำทีมโดยปั๊กคุงของคาคาชิกำลังมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกของป่าในแคว้นเท็ตซึโนะ 

    พวกมันถูกส่งมาเพื่อแจ้งภารกิจด่วนให้ซาสึเกะกับซากุระได้ทราบ อุ้งเท้าหนาวิ่งลัดเลาะไปตามต้นไม้ที่ปกคลุมด้วย

    หิมะอย่างคล่องแคล่ว ปั๊กคุงหยุดฝีเท้าแล้วดมกลิ่นอันคุ้นเคยของใครบางคนก่อนจะมุ่งหน้าต่อไปอีกครั้ง


                ใช้เวลาถึงสามชั่วโมงกว่าๆพวกมันก็เจอกับคนทั้งคู่พร้อมกับแมวสีดำตัวหนึ่งบริเวณต้นไม้ใหญ่กลางป่า 

    ปั๊กคุงที่นำทัพมาวิ่งตรงไปหาพวกเขาทันที เวลาสองอาทิตย์ที่ผ่านมาพวกมันใช้เวลาเดินทางมายังแคว้นเท็ตซึโนะ

    โดยไม่ค่อยได้หยุดพัก จึงสามารถร่นระยะเวลาเดินทางจากปกติไปได้เยอะถึงสองเท่า


                ซากุระจังงงง !”  


                “ปั๊กคุง !“


                ทันทีที่เห็นสุนัขนินจาวิ่งมากันเป็นฝูง แมวน้อยสลัดถึงกับขนลุกซู่ไปทั้งตัวก่อนจะกระโจนเข้าไปซุกอยู่ใน

    กระเป๋าสัมภาระของซาสึเกะตามสัญชาตญาณของแมวส่วนใหญ่ที่มักจะไม่ค่อยถูกชะตากับสุนัข


                มาที่นี่ได้ยังไงกันน่ะ!” ซากุระร้องถามด้วยความตกใจระคนแปลกใจ ปั๊กคุงเป็นสุนัขนินจาของคาคาชิ 

    ซึ่งนั่นหมายความว่าจะต้องมีเรื่องสำคัญที่คาคาชิต้องการให้พวกเธอทราบโดยด่วนอย่างแน่นอนถึงได้ส่งปั๊กคุง

    มาแทนที่จะเป็นข้อความอนาล็อกเหมือนเช่นทุกครั้ง


                “อ้อ ฉันก็ตามกลิ่นแชมพูเธอมานั่นแหละซากุระจัง ยังใช้กลิ่นเดิมเหมือนกับฉันไม่เปลี่ยน เธอนี่รสนิยมดี

    จังนะ~” ว่าแล้วก็ยื่นขวดแชมพูสระขนสุนัขกลิ่น ฟลอรัล กรีนมาตรงหน้าเธอที่กำลังทำหน้าสะเทือนใจอย่างปิด

    ไม่อยู่ เธอว่าเธอลืมเรื่องที่ใช้แชมพูกลิ่นเดียวกับปั๊กคุงไปแล้วเชียวและก็ไม่คิดจะเปลี่ยนด้วยเพราะเธอชอบกลิ่นนี้ 

    แต่ไม่คิดว่าเจ้าหมาน้อยหน้าย่นจะยังคงใช้กลิ่นเดิมอยู่เช่นกัน


                เลิกพูดเรื่องแชมพูแล้วรีบเข้าเรื่องมาได้แล้วย่ะ!”



    ………………………………………………….


     

                ภารกิจคุ้มกันคุณหนูอย่างนั้นเหรอ


                ซากุระอุทานออกมาหลังจากฟังรายละเอียดเบื้องต้นจากปั๊กคุงจบ ส่วนซาสึเกะกำลังใช้ความคิดพิจารณา

    เกี่ยวกับภารกิจครั้งนี้ เขาคิดว่ามันค่อนข้างแปลก...


                “คาคาชิฝากมาขอร้องให้ช่วยรับไว้หน่อย เพราะมันขึ้นอยู่กับความเป็นอิสระของนายนะซาสึเกะ


                “หมายความว่ายังไงเป็นซากุระที่ถาม ดูเหมือนซาสึเกะพอจะรู้อยู่แล้วว่าอิสระที่ปั๊กคุงว่าหมายถึงอะไร


                ถ้าย้อนกลับไปเมื่อสองปีก่อน ซาสึเกะซึ่งเคยเป็นอดีตอาชญากรโลกนินจาได้รับการอภัยโทษเพราะได้ให้

    ความร่วมมือในการคลายคาถาอ่านจันทรานิรันดร์เอาไว้ แต่ก่อนที่จะได้รับการอภัยโทษ ก็มีเสียงแบ่งออกเป็นสอง

    ฝ่ายคือฝ่ายเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย และในที่สุดการลงมติจากพวกผู้ใหญ่ก็ได้ปล่อยให้ซาสึเกะเป็นอิสระ

                  แต่ก็นะ...ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยก็ยังกัดไม่ปล่อย ล่าสุดคือพวกเขารื้อคดีเรื่องที่นายเคยก่อมาให้พิจารณาใหม่

     การลงความเห็นเรื่องคดีของนายจึงจะมีขึ้นในเร็วๆนี้


                “ปั๊กคุงจะบอกว่าคนที่ว่าจ้างเขาสามารถทำให้ซาสึเกะคุงหลุดพ้นจากคดีทั้งหมดได้งั้นเหรอ


                “ใช่แล้วสาวน้อย แต่ฉันก็คิดว่ามันแปลกๆอย่างที่คาคาชิว่าจริงๆนั่นแหละ...


                เสียงของซากุระที่กำลังสนทนากับปั๊กคุงไม่ได้เข้าไปในโสตประสาทของเขาอีกต่อไปเพราะสมองของเขา

    กำลังใช้ความคิดอย่างต่อเนื่อง เรื่องคดีของเขาจะเป็นยังไงก็ช่าง เขาไม่สนใจอยู่แล้ว ถ้าจะโดนตัดสินว่าต้องกลับไป

    ติดคุกตลอดชีวิตเขาก็ยอม แต่นารูโตะกับซากุระคงไม่ยอมแน่และปัญหาก็จะตามมาอีกไม่รู้จักจบ ทางเดียวที่ตัด

    ปัญหาคือยอมรับภารกิจอันแปลกประหลาดนี่ซะ เขาคิดว่าคาคาชิคงมีข้อสงสัยอยู่มากมายไม่ต่างจากเขา 

    การทำงานให้กับแคว้นที่ไม่เคยเป็นพันธมิตรมาก่อนอาจจะทำให้ได้คำตอบอะไรบางอย่างก็ได้


                “ฉันจะรับภารกิจนี้ซาสึเกะเอ่ยออกมาในที่สุด ดวงตาสองสีก้มลงมองสุนัขนินจาตัวน้อย โดยมีซากุระ

    ร่วมด้วย...ได้ใช่หรือเปล่า


                “ไม่มีปัญหา คาคาชิก็ตั้งใจให้เป็นแบบนั้น”  

             

                ปั๊กคุงส่งรายละเอียดปลีกย่อยที่คาคาชิเขียนมาแล้วยื่นให้กับซาสึเกะ ส่วนซากุระกำลังอมยิ้มเพราะกำลัง

    ปลาบปลื้มกับประโยคที่ซาสึเกะพูดออกมาเมื่อครู่ นี่เป็นครั้งแรกที่ซาสึเกะเอ่ยปากว่าเขาต้องการให้เธอร่วมทำ

    ภารกิจไปกับเขาด้วย ทั้งที่เป็นเรื่องเล็กน้อยแต่มันทำให้เธอดีใจอย่างกับถูกรางวัลที่หนึ่ง นี่เธอได้รับความไว้วางใจ

    จากเขาแล้วใช่ไหม


                อ้อ มีเรื่องสำคัญจะบอกอีกเรื่องนึง” 


                มีอะไรอีกงั้นเหรอจ๊ะปั๊กคุงซากุระถามเสียงใสพร้อมกับใบหน้าที่เบิกบาน


                เจ้านารูโตะกับฮินาตะจัง...ปั๊กคุงเว้นจังหวะไปช่วงนึงเพื่อสังเกตใบหน้าของคนทั้งคู่พร้อมกับยิ้มขำขัน


                 "...?"


                "..."


                "...??"


                พวกเขา...กำลังมีทายาทด้วยกันแล้วนะ


               “...!!!” 




    .................................................................





    Ps1.ในที่สุดฝั่งโน้นก็เริ่มมีทายาทแล้ว ส่วนฝั่งนี้...ยังไม่ไปถึงไหนเลย 5555+ นี่เป็นสัญญาณบอกความล่าช้าถึงความสัมพันธ์ของอิคู่นี้ -__-''  รีบเร่งสปีดซะนะอิเกะ !! เจ้าโตะมันทำประตูไปแล้วเฟ้ยยย ! 

    Ps2.รอบหน้าเข้าสู่เรื่องวุ่นแล้ว เตรียมตัวพบกับตัวละครใหม่(ที่จะมาสร้างความวุ่นวาย)ได้เลยค่ะ ! 

    Ps3.. มาลงให้จบแล้วครบ 100% ค่ะ หายไปนานตามเคย เที่ยวบ่อย ขอโทษค่ะ 55555+ 







    'ปั๊กคุง' สุนันนินจาของคาคาชิ....น่าร้ากกกกก ! >_<





    Thank you for reading ! 

              4.08.16


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×