คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Chapter 6 : ความเปลี่ยนแปลง
เวลาผ่านไปสองอาทิตย์หลังจากที่ซาสึเกะและซากุระได้เจอกัน ชายหนุ่มยังคงไม่ได้กลับมาที่หมู่บ้าน
ส่วนหญิงสาวเองก็กลับไปทำหน้าที่ดูแลศูนย์ฟื้นฟูฯต่อไป โดยจากเหตุการณ์วันนั้น โฮคาเงะก็ได้จัดตั้งหน่วยต่างๆ
เพิ่มขึ้นเพื่อป้องกันการเกิดการลักพาตัวเด็กๆในหมู่บ้านอีก ซากุระเองก็ถูกเรียกตัวไปให้ปากคำเพิ่มเติมพร้อมกับ
บอกสิ่งที่ซาสึเกะบอกกับเธอ
คาคาชิเองก็คาดเดาไว้แล้วต้องเป็นคนในหน่วยลับ เพราะชายหนุ่มได้ส่งคนไปสืบมาเช่นกัน เขาจึงนำเรื่อง
นี้แจ้งต่อผู้บริหารระดับสูงจนคิโดต้องกลายเป็นบุคคลที่ถูกจับตามองตลอดทั้งสองอาทิตย์ที่ผ่านมา หากครบกำหนด
หนึ่งเดือนแล้วยังไม่มีเหตุร้ายเกิดขึ้น เขาจะกลายเป็นผู้ก่อเหตุโดยสมบูรณ์แบบ
“นี่ ซากุระ
เราไปกินข้าวกันเถอะ”
อิโนะเอ่ยขึ้นหลังจากร่วมกันตรวจเอกสารกับซากุระมานานเกือบสี่ชั่วโมง และตอนนี้ก็เป็นเวลาใกล้เที่ยง
แล้ว ซากุระเงยหน้าขึ้นมาจากกองเอกสารก่อนจะหันมาหาเพื่อนรักเพื่อเตรียมตัวปฏิเสธ แต่อิโนะดันรู้ทันจึงดึง
ปากกาออกจากมือของเธอแล้วลากแขนเพื่อนรักไปด้านนอกห้องทำงานโดยไม่ฟังเสียงร้องโวยวายของซากุระเลยซัก
นิด
“ยัยอิโนะ! แขนฉันจะหลุดอยู่แล้วนะยะ!”
“อย่างเธอน่ะ
ไม่สะเทือนหรอกย่ะยัยโหนก ยังไงวันนี้เธอต้องไปกินข้าวกับฉันให้ได้ เข้าใจมั้ยยะ!”
“ก็ได้ๆ เฮ้อ ทำไมเจ้าซาอิถึงหลงมาชอบผู้หญิงเผด็จการอย่างเธอได้นะ”
“ยังไงก็ชอบไปแล้วล่ะ
แบร่!”
“แหม
เดียวนี้ยอมรับเชียวนะยะ!”
ซากุระเอ่ยกับอิโนะอย่างหมั่นไส้กับคำพูดของเพื่อนสาว แต่เธอหาได้แคร์ไม่ อิโนะยังคงดึงมือซากุระไป
เรื่อยๆด้วยสีหน้าที่ดูเป็นสุขเมื่อได้พูดถึงแฟนหนุ่มของเธอ
ภายในร้านอาหารแห่งหนึ่งในหมู่บ้านโคโนฮะ มีชายหนุ่มผิวสีขาวซีด เรือนผมสีดำสนิทกำลังนั่งรอใครบาง
คนอยู่ที่โต๊ะ ใบหน้าของเขานิ่งสนิทราวกับว่ามีเพียงสีหน้าเดียว ไม่นานนักเสียงกระดิ่งของประตูร้านก็ดังขึ้นพร้อม
กับร่างของหญิงสาวสองคนที่กำลังมองหาใครบางคนอยู่
“ทางนี้ครับ อิโนะ”
เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยของแฟนหนุ่ม อิโนะก็ดึงมือซากุระไปทางโต๊ะที่ซาอินั่งอยู่แล้วทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามกับ
เขาโดยมีซากุระนั่งอยู่ข้างๆ
“ฉันว่าอยู่แล้วเชียวยัยหมูเอ๊ย!”
“อะไรยะ! ฉันไม่ได้นัดซักหน่อย แต่ซาอิเขาอยากคุยกับเธอน่ะเลยบอกให้ลากเธอมาด้วย ฮิฮิ”
“เฮอะ นายมีอะไรล่ะซาอิ”
“สั่งอาหารก่อนก็ได้ครับ
เดี๋ยวเราค่อยคุยกัน”
หลังจากรับประทานกันเสร็จแล้ว ทั้งสามก็เริ่มเข้าประเด็นในเรื่องที่เกริ่นไว้ตอนช่วงแรก และเป็นชายหนุ่มผิว
ขาวซีดที่เป็นคนเริ่มประโยคก่อน
“อย่างที่คุณรู้ไปว่าตอนนี้ท่านคิโดกำลังตกเป็นผู้ต้องสงสัยที่ก่อเรื่องทั้งหมดอยู่ ก่อนหน้านั้นเอง อาจารย์คา
คาชิก็ได้ให้ผมไปคอยคุ้มกันท่านไดเมียว
แต่ยังไม่ทันได้เริ่มภารกิจ ผมก็โดนโจมตีเข้าเสียก่อน”
“ว่ายังไงนะ ทำไมนายถึงไม่บอกเรื่องนี้กับฉันเลยล่ะซาอิ!” อิโนะพูดขึ้นก่อนจะมองไปยังซาอิด้วยแววตา
ตกใจ
“ขอโทษนะครับ แต่ในหนังสือมันบอกว่าถ้าไม่อยากให้ผู้หญิงเป็นห่วงต้องเลี่ยงที่จะพูดเรื่องที่มันไม่ดีน่ะ
ครับ”
“ตะ ตาบ้า! คิดอะไรอย่างนั้นเล่า” ถึงจะด่าแต่ก็หน้าขึ้นสีด้วยความเขินจนซากุระที่นั่งอยู่ข้างๆรู้สึกว่าตัวเอง
กำลังจะเป็นส่วนเกินขึ้นมาทันที
แต่หญิงสาวไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้นแน่นอน!
“อย่าเพิ่งมาจีบกันได้ไหมยะ!
นี่ซาอิ ฉันขอเนื้อๆเลยได้มั้ยฮะ อย่ามานอกประเด็นเซ่!”
“อ่า ครับ หลังจากที่ผมโดนโจมตี ผมก็ต่อสู้กับพวกมันจนจับตัวมันได้คนหนึ่ง ผมเลยถามว่าใครส่งพวกมัน
มา พอมันจะพูดอะไรซักอย่างก็เหมือนกับว่าเป็นอัมพาตไปชั่วขณะ หลังจากนั้นร่างของมันก็ระเบิดเลยล่ะครับ ผม
กำลังคิดว่า...”
“เหมือนกับโดนอักขระสาปใช่มั้ย?”
ซากุระตอบ
“ครับ เหมือนกับที่ท่านดันโซเคยทำกับผมตอนอยู่หน่วยราก เพราะฉะนั้น...เรื่องนี้จึงทำให้อาจารย์คาคาชิ
ค่อนข้างแน่ใจว่าเป็นฝีมือท่านคิโดอย่างแน่นอน ผมเลยอยากให้คุณระวังตัวเอาไว้ ผมคิดว่าจะต้องมีเรื่องร้ายๆเกิด
ขึ้นอีก
ถึงแม้ว่าตอนนี้เหตุการณ์มันยังสงบอยู่ก็เถอะ”
“ขอบใจนะซาอิที่บอก
ซาสึเกะก็บอกให้ฉันระวังตัวเอาไว้เหมือนกัน”
“ว่าไงนะ ซากุระ! นี่เธอเจอกับซาสึเกะคุงแล้วหรือ?!” อิโนะเอ่ยขึ้นมาอย่างตกใจพร้อมกับหันไปมองเพื่อน
สาว
“อะ อือ เมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วน่ะ
เขาเป็นคนช่วยฉันเอาไว้”
“ถึงว่าสิ พอฉันบอกเรื่องเธอกับท่านโฮคาเงะ เขากลับนิ่งเฉยแล้วบอกแค่ว่ามีคนไปช่วยเธอแล้ว ไม่นึกเลยว่า
จะเป็นซาสึเกะคุงน่ะ กรี๊ดดด!” อิโนะกรีดร้องออกมาอย่างดีใจแทนซากุระที่ในที่สุดก็ได้เจอหน้าคนที่รักอีกครั้งจนซา
อิต้องหันมามอง
“คุณยังชอบเขาอยู่อีกหรือครับ?”
“อ๊ะ เปล่านะซาอิ
แค่ดีใจกับยัยโหนกที่ได้เจอซาสึเกะคุงน่ะ!”
“ผมก็ว่าอย่างนั้นแหละครับ โดนทิ้งไปตั้งสองปีกว่า ได้เจอกันแล้วก็ดีใจด้วยนะครับ อย่างน้อยคุณซากุระก็
ไม่ได้ขึ้นคานเหมือนที่ผมคิดไว้”
“…”
ซากุระที่ได้ฟังอย่างนั้นถึงกับเงียบแล้วเริ่มแผ่รังสีอำมหิตออกมา อิโนะที่สัมผัสได้เป็นคนแรกก็หันไปทำสัญลักษณ์ให้ซาอิหุบปากแต่ชายหนุ่มยังคงแสดงสีหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาว
“อะ เอ่อคือ ซาอิจ๊ะ...ฉันเพิ่งนึกได้ว่าลืมของไว้ที่บ้าน
นายช่วยไปเป็นเพื่อน...”
“ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น! วันนี้นายอย่าหวังว่าจะมีชีวิตรอดกลับไปนะไอ้บ้าซาอิ!!!”
หลังจากนั้นไม่นาน ร่างของซาอิก็ถูกอิโนะหามไปส่งโรงพยาบาลพร้อมกับขอลางานที่ศูนย์ฟื้นฟูฯช่วงบ่ายเพื่อไปดูใจแฟนหนุ่มเป็นครั้งสุดท้าย(?) ส่วนตัวการอย่างซากุระก็กลับไปทำงานอย่างมีความสุขหลังจากได้ออกแรงเพื่อระบายความโกรธไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“เอาล่ะ วันนี้พอแค่นี้ก่อนแล้วกัน”
หญิงสาวเรือนผมสีชมพูบอกกับตัวเองหลังจากลุยกับงานมาตั้งแต่บ่ายจนค่ำ ร่างบางยืดตัวขึ้นเพื่อบิดไล่ ความเมื่อยล้าออกไป เธอหันไปคว้ากระเป๋าแล้วเดินไปปิดไฟห้องทำงาน วันนี้ซากุระวางแผนไว้ว่าจะเลิกงานเร็วเพื่อไปซื้อของเข้าตู้เย็นเนื่องจากวัตถุดิบในตู้เย็นเริ่มพร่องลงไปเยอะแล้ว
ร่างบางเดินไปตามถนนอย่างไม่รีบร้อน เมื่อมาถึงร้านสะดวกซื้อเธอจึงเข้าไปจัดการซื้อของตามที่ลิสต์รายการไว้ ก่อนจะออกมาด้วยข้าวของที่เต็มไม้เต็มมือ หญิงสาวเดินต่อไปเพื่อจะกลับไปยังอพาร์ทเม้นท์ แต่ไม่นานฝีเท้าของเธอก็หยุดลงที่ตึกแห่งหนึ่งซึ่งในอดีตเคยเป็นที่พักของซาสึเกะก่อนที่เขาจะออกจากหมู่บ้านไป ชายหนุ่มเลือกที่จะย้ายตัวเองออกมาอาศัยอยู่ข้างนอกเพราะบ้านอุจิวะที่เคยอาศัยอยู่เมื่อครั้งยังเด็กนั้น กลายเป็นบ้านที่รวมเหตุการณ์อันไม่น่าจดจำของเขาไปตลอดกาลเสียแล้ว
หญิงสาวยังคงมองขึ้นไปบนช่องหน้าต่างที่มืดสนิทเพราะไม่มีคนอาศัยอยู่มานาน ภายในใจเธอกำลังคิดว่าตอนนี้เขากำลังอยู่ที่ไหนและทำอะไรอยู่ ซากุระยิ้มเศร้าให้กับตัวเองที่ต้องกลับมารอชายหนุ่มอีกครั้ง แต่มันก็ไม่ได้เจ็บเท่ากับเมื่อก่อนหลังจากที่ได้พบเขาเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว
ฉันคิดถึงนายอีกแล้วซาสึเกะคุง...
“เธอมายืนทำอะไรตรงนี้น่ะ…” เสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นมาจากบนระเบียงห้องพักก่อนที่เจ้าตัวจะกระโดดลงมายังพื้นเบื้องล่าง
“ซะ ซาสึเกะคุง!”
ซากุระยืนมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างตกตะลึง ส่วนซาสึเกะเองก็ยิ้มบางๆให้กับเธอ เจอกันทีไร ดวงตาสีเขียวมรกตคู่นั้นก็เบิกกว้างให้เขาตลอด
“อืม กลับมาถึงหมู่บ้านค่ำน่ะ”
“นาย...ทำภารกิจเสร็จแล้วหรือ?”
“ใช่...”
“แล้วนี่...นายจะกลับมาพักที่ห้องนายหรือ?”
“ตอนแรกก็คิดเอาไว้อย่างนั้น แต่ฝุ่นมันเกาะหนาเกินไปแถมยังไม่มีอุปกรณ์ทำความสะอาด ฉันคงนอน ไม่ได้”
“แล้วโรงแรมล่ะ”
“เหมือนว่าวันพรุ่งนี้จะมีเทศกาล
โรงแรมเลยเต็มไปหมด”
“แล้วนายจะไปพักที่ไหน?”
“ฉันคงไม่นอนแล้ว”
“…เอ่อ ถ้าไม่รังเกียจ
นายจะไปพักที่ห้องฉันก่อนไหม?”
ซากุระถามพร้อมกับเงยหน้าสบตากับดวงตาสองสี ใช่ว่าเธอจะไม่เคยนอนด้วยกับเขาเสียเมื่อไร เมื่อตอนอยู่ทีมเจ็ด พวกเขาทั้งสามคนก็นอนในป่าด้วยก่อนออกจะบ่อย
แต่แล้วก็คิดได้ว่าเธอเป็นผู้หญิงที่กำลังชวนผู้ชายไปห้องอยู่นี่นา...
“คะ คือว่า ฉันไม่ได้คิดอะไรเลยนะ
แบบว่า...ฉะ ฉัน เอ่อ...”
ให้ตายเถอะ...จะติดอ่างทำไมเนี่ย!
“ไม่ต้องหรอก รบกวนเธอเปล่าๆ”
คำปฏิเสธนั่นทำเอาหญิงสาวถึงกับคอตก... เขาคงไม่ได้คิดว่าเธอเป็นผู้หญิงใจกล้าไปแล้วหรอกนะ
“เราเป็น... เอ่อ
เพื่อนกันนะซาสึเกะคุง เธอไม่ต้องเกรงใจฉันหรอก ไปเถอะน่า นะ...”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซาสึเกะก็อ่อนใจ เขาไม่ได้อยากรบกวนเธออย่างที่พูดจริงๆ เพราะเธอทำดีกับเขามามาก
พอแล้ว
แต่ถ้าปฏิเสธไปมากกว่านี้คงจะทำให้หญิงสาวคิดมากไปใหญ่ เพราะฉะนั้น...
“รบกวนหน่อยนะ...ซากุระ”
..................................................................
“ยินดีต้อนรับสู่ห้องของฉันจ้าซาสึเกะคุง
มันค่อนข้างเล็กไปหน่อย เธอไม่อึดอัดใช่ไหม”
หลังจากที่พาร่างสูงโปร่งมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้อง หญิงสาวก็จัดการไขประตูเข้าไปพร้อมกับผายมือเชิญให้เขาเข้าไปด้านใน
ซาสึเกะมองไปรอบๆห้องด้วยสายตาเรียบๆ หากเขาจะบอกว่าเคยแอบขึ้นมาห้องเธอแล้วครั้งหนึ่ง เธอจะโกรธเขาหรือเปล่า
“ไม่หรอก ...ขอบคุณอีกครั้ง
แล้วพรุ่งนี้ฉันจะออกไปแต่เช้า”
“เฮ้อ~ เธอเป็นคนขี้เกรงใจขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกันนะ”
“…”
“เอาเถอะ ว่าแต่เธอหิวหรือเปล่า ฉันจะทำกับข้าวให้เอาไหม
เอ่อ ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่ามันจะกินได้หรือเปล่านะ แหะๆ”
“ไม่เป็นไรซากุระ ฉัน...”
“เอาเป็นว่า
ฉันจะทำข้าวปั้นให้นายกินแล้วกันนะ ระหว่างนี้นายก็ไปอาบน้ำก่อนเถอะ”
ซากุระพูดตัดบทก่อนที่ชายหนุ่มจะพูดจบ ขืนให้เขาพูดต่อไปคงไม่เรื่องความเกรงใจอะไรนั่นอีก หญิงสาวยิ้มให้กับชายหนุ่มที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ก่อนจะเอามือดุนหลังเขาไปยังห้องน้ำ
..........................................................
ข้าวปั้นห่อสาหร่ายที่มีขนาดเล็กใหญ่คละกันถูกจัดเรียงอยู่ในจานอย่างสวยงาม(?)
ซากุระมองมันก่อนจะย่นคิ้วเล็กน้อย
น่าจะพอกินได้อยู่ล่ะมั้ง...นะ?
เมื่ออาหารเสร็จ
หญิงสาวก็มองไปยังห้องน้ำที่ตอนนี้ยังปิดสนิท
เธอจึงเดินไปยังหน้าห้องน้ำแล้วเคาะเรียกชายหนุ่มที่อยู่ด้านใน
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ซาสึเกะคุง
ข้าวปั้นของนายเสร็จแล้วนะ”
“อ่ะ อืม ขอบใจ”
เมื่อได้ยินเสียงตอบกลับ
เธอก็หมุนตัวจะกลับไปยังห้องรับแขก
แต่เสียงของอะไรบางอย่างที่เหมือนจะตกลงพื้นก็หยุดขาของเธอไว้เสียก่อน
ตุ๊บ!
“เอ่อ ซาสึเกะคุง
มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า?!”
“ไม่มีอะไรหรอก
แค่ขวดแชมพูมันตกน่ะ”
เขาตอบกลับมาก่อนจะมีเสียงเสียดสีของผ้าตามมาทีหลัง
ซากุระเองก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิม เธอกำลังนึกอะไรขึ้นได้บางอย่าง
จริงสิ! เขามีแขนขวาข้างเดียวนี่นา...
“ซาสึเกะคุง…ให้ฉันช่วยอะไรไหม?”
“…”
ความเงียบที่เกิดขึ้นคงเป็นสัญญาณบอกว่าเขาไม่ต้องการให้เธอช่วย หญิงสาวมองไปยังประตูด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะเตรียมเคลื่อนฝีเท้าออกไป
แกร๊ก!
เสียงกลอนประตูบานเลื่อนถูกปลดออกมาก่อนคนข้างในจะเลื่อนมันออกไปข้างๆ
ร่างสูงโปร่งของซาสึเกะเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยกางเกงขายาว
ส่วนท่อนบนของเขา...เปลือยเปล่า
“ช่วยสวมเสื้อตัวนี้ให้หน่อยได้ไหม?
มันเป็นเสื้อใส่นอน เลยไม่มีซิปน่ะ”
ซากุระที่ตอนนี้หันมาเผชิญหน้ากับร่างสูงด้วยความตกใจที่อยู่ๆเขาก็เปิดประตูออกมาหลังจากที่เธอเดินไปได้เพียงหนึ่งก้าว
ดวงตาสีมรกตมองไปยังชายหนุ่มด้วยอาการประหม่าเล็กน้อย
เขินบ้าอะไรเนี่ย...
ตอนสมัยเป็นนักเรียนนินจาแพทย์ก็เคยเห็นร่างกายผู้ชายมาแล้ว
แล้วยิ่งตอนเป็นนินจาแพทย์เต็มตัวก็ได้ตรวจร่างกายผู้ชายมามากเช่นกัน แต่ทำไม...กับร่างสูงที่อยู่ตรงหน้ากลับสร้างความประหม่าให้เธอมากถึงเพียงนี้
“อะ อื้อ ส่งเสื้อมาสิ”
ซาสึเกะส่งเสื้อยืดสีน้ำเงินเข้มให้กับหญิงสาวก่อนจะก้มหัวลงเล็กน้อยเพื่อให้เธอสวมมันให้ ซากุระที่จับเสื้อด้วยมือสั่นเล็กน้อยบรรจงสวมเสื้อลงบนหัวชายหนุ่ม ปลายเท้าของเธอเขย่งขึ้นจนสุดเนื่องจากเขาสูงเกินไป
“นี่
ซาสึเกะคุง...นายสูงขึ้นอีกหรือเปล่าเนี่ย”
“อืม คงเป็นอย่างนั้น”
เมื่อสวมเสื้อเรียบร้อย
หญิงสาวก็จับแขนเสื้อไว้เพื่อให้ชายหนุ่มสอดแขนเข้ามา ระหว่างนั้นเธอก็สนทนากับเขาไปด้วยเพื่อไม่ให้เกิดความเก้อเขิน
แต่นัยน์ตาสีเขียวมรกตกลับมองพื้นตลอดเวลา เพราะตอนนี้เธออยู่ใกล้เขาเกินไป
ขืนมองหน้ามีหวังสติของเธอคงหลุดเป็นแน่
“ทำไมนายไม่ยอมต่อแขนซักทีล่ะ
แขนเทียมที่ทำขึ้นเพื่อนายยังคงเก็บรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลอยู่เลยนะ”
“คงไม่จำเป็นแล้วล่ะ
ฉันไม่อยากต่อมัน เพราะนี่จะเป็นเครื่องหมายว่าฉันเคยสู้กับหมอนั่นจนเสียแขนไป
ปล่อยมันไว้อย่างนี้ล่ะดีแล้ว...”
เกิดความเงียบขึ้นสักพักหลังจากชายหนุ่มพูดจบ
ซากุระรู้สึกว่าเขากำลังเข้าสู่โลกความคิดของตัวเองอยู่ เธอได้แต่หวังว่าเขาคงจะไม่คิดมากกับเรื่องในอดีต
“อืม ถ้านั่นเป็นเหตุผลของนาย
ฉันคงขัดอะไรไม่ได้...จริงไหม?”
หญิงสาวว่าพลางเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้กับชายหนุ่ม ดวงตาสีมรกตของเธอสบกับดวงตาสองสีของเขาอย่างเข้าใจความรู้สึก
.............................................................
“เธอจะนอนที่โซฟาอย่างนั้นหรือ?”
ซากุระร้องถามหลังจากเห็นชายหนุ่มขนผ้าห่มและหมอนที่เธอเตรียมไว้ให้ไปวางไปบนโซฟาขนาดเล็กภายในห้องรับแขกของเธอ
“อืม ฉันนอนได้”
“แต่มันเล็กนะ ตัวเธอใหญ่อย่างกับอะไร
ฉันว่ามันจะทำให้เธอปวดเมื่อยแน่ๆ มานอนบนเตียงด้วยกันเถอะ”
“...”
“คะ คือ
ซาสึเกะคุงไม่ต้องกังวลหรอกนะ ฉันจะไม่ทำมิดีมิร้ายเธอแน่นอนจ้ะ!”
“…”
พูดอะไรน่าอายชะมัด ยัยซากุระเอ้ย !
เธอก้มหน้าซ่อนใบหน้าเคอะเขินแล้วเดินไปหยิบหมอนและผ้าห่มของเขาไปวางไว้บนเตียง
ซาสึเกะจึงเดินตามไปอย่างรู้สึกร้อนวูบวาบที่ใบหน้าเล็กน้อยเช่นกัน
เธอจะรู้หรือเปล่าว่าหัวสมองเขากำลังคิดอะไรต่อมิอะไรเยอะแยะไปหมด
“ฉันจะปิดไฟแล้วนะ ซาสึเกะคุง”
เธอบอกทันทีที่ชายหนุ่มทิ้งตัวลงมาที่ด้านข้าง
ซากุระยกมือป้องปากก่อนจะหาวจนน้ำตาซึมออกที่หางตา
เธอกำลังง่วงจัดเพราะวันนี้ตื่นไปทำงานเช้ากว่าปกติ
“อืม ปิดเถอะ”
ไม่นานนัก แสงไฟภายในห้องนอนก็ดับลง
เหลือไว้เพียงแสงจากพระจันทร์ที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาพอให้เห็นอะไรอยู่บ้าง
“ราตรีสวัสดิ์นะซาสึเกะคุง”
หญิงสาวว่าพร้อมกับหลับตาลงแล้วพลิกตัวไปอีกด้าน
“ราตรีสวัสดิ์...”
เขาบอกเธอตอบ แต่ดวงตาสองสียังคงกระพริบอยู่
ชายหนุ่มเลื่อนตัวลงนอนแล้วหันไปตัวไปอีกด้านเช่นกัน
สายลมที่พัดผ่านเข้ามาทำให้กลิ่นกายหอมๆของหญิงสาวข้างๆลอยมาเตะจมูกเขา
สมองของชายหนุ่มคล้ายกับว่ามีใครมาเปิดสวิทช์มันทันที
เขานอนไม่หลับเสียแล้ว...
เวลาผ่านไปนานเท่าไรไม่รู้ที่เขายังตื่นอยู่
นอกจากต้องอดทนไม่ให้เคลื่อนเข้าไปใกล้กลิ่นหอมข้างๆแล้ว เขายังต้องอดทนที่จะไม่หันไปมองใบหน้าหวานของเธอที่หันมาทางเขา
เหมือนเธอจะเป็นพวกนอนดิ้น เขานึกอิจฉาเธอที่สามารถนอนหลับได้อย่างสบายใจ...
หญิงสาวคงไว้ใจเขามาก
แต่เขากำลังจะไม่ไว้ใจตัวเอง!
ซาสึเกะไม่รู้ว่าเขาให้ความสนใจเรื่องพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไร
คงเป็นเพราะแต่ก่อนเขาเอาแต่ฝึกวิชาและหลงความแค้นจนไม่สนใจสิ่งใดทั้งนั้น แม้แต่คารินที่พยายามจะใกล้ชิดเขาทุกครั้งที่มีโอกาส
เขายังไม่เคยรู้สึกอะไรแม้แต่นิด
แต่ตอนนี้...จิตใต้สำนึกบางอย่างกำลังถูกปลุกขึ้นมา
ซาสึเกะที่พ่ายแพ้ต่อความอดทนพลิกตัวหันไปเผชิญหน้ากับหญิงสาวที่กำลังหลับสนิท มือขวาของเขาเอื้อมไปสัมผัสใบหน้าเธอเบาๆ
ก่อนจะใช้นิ้วเกลี่ยไปมาอย่างเพลิดเพลิน จากนั้นเขาก็เลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้เธออย่างลืมตัวแล้วจุมพิตลงไปบนหน้ากว้างนั่นอย่างแผ่วเบา...
พรวด!
ซาสึเกะดึงตัวเองออกจากเตียงนอนทันทีก่อนจะคว้าหมอนกับผ้าห่มตรงไปยังห้องรับแขก
ร่างกายของเขากำลังร้อนผ่าวอย่างน่าประหลาด ขืนยังร่วมเตียงกับเธอต่อไป
เขาคงเป็นฝ่ายทำมิดีมิร้ายเธอเสียเอง การที่ชายหนุ่มตัดสินใจลุกออกมาคงเป็นทางออกที่ดีที่สุด
ซากุระในตอนนี้เป็นอันตรายต่อเขาอย่างมาก ซึ่งเขาเองก็ไม่รู้เหตุผลเช่นกันว่าทำไม
เช้าอันสดใสของวันใหม่
ร่างบางที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงก็ตื่นขึ้นมาด้วยความสะลึมสะลือ
ดวงตาของเธอมองไปที่ว่างข้างๆที่ควรจะมีร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งอยู่
เขาออกไปแล้วอย่างนั้นหรือ?
ซากุระดันตัวเองขึ้นจากที่นอนแล้วเดินไปยังห้องรับแขก
ก่อนจะพบว่าบนโต๊ะอาหารขนาดเล็กมีข้าวปั้นหน้าตาบู้บี้กว่าที่เธอทำอยู่ในจานสามก้อน
แถมยังตกแต่งด้วยมะเขือเทศสไลด์อีกหลายชิ้นซึ่งคนส่วนใหญ่คงไม่กินข้าวปั้นกับมะเขือเทศนอกจากชายที่ชื่อซาสึเกะแน่ๆ
และข้างๆกันนั้นก็มีกระดาษโน้ตแผ่นหนึ่งวางอยู่ เธอจึงยื่นมือเรียวไปหยิบมันขึ้นมาอ่านทันที
‘ฉันทำเอง มันกินได้
แล้วเจอกันใหม่ ’
-ซาสึเกะ-
ซากุระอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้กับหน้าตาอาหารของเขา
จะว่าเขินก็เขินแต่มีความขันกับฝีมือทำอาหารของเขามากกว่า และเธอก็รู้สึกดีอยู่ไม่น้อยที่เห็นเขาพยายามทำในสิ่งที่ไม่ถนัดเพื่อเธอขนาดนี้
ซาสึเกะคุงน่ะ...เปลี่ยนไปแล้วจริงๆนะ
.........................................................
Ps.ตอนที่หกยกมาเสิร์ฟแล้วจ้าาาา ! เป็นไงบ้างคะ รู้สึกเขินกันบ้างไหม?! อยากบอกว่าตอนเขียนบทนี้นั่งยิ้มเป็นบ้าเป็นบออยู่คนเดียว มโนมาเต็มมาก ฮ่าๆๆ แต่! ... แกยังไม่ได้กินซากุระหรอกนะ เสียใจด้วยอิเกะ! เพราะฉะนั้น จงลักกินขโมยกินแบบนี้ต่อไปเถิด ฮ่าๆๆ รู้สึกว่าเอาอิเกะออกมาเยอะไปละ เริ่มคิดถึง 'ผู้ใหญ่บ้าน' ขึ้นมาตะหงิดๆ อิอิอิ จบการเม้าท์เรื่องฟิคละ เดี๋ยวหลุดสปอยล์มาหมด XD มาเรื่องการอัพดีก่า คือเรารู้สึกว่าเขียนช้าจัง พล็อตมีในหัว แต่ทำไมขี้เกียจพิมพ์ยังไงไม่รู้ ฮ่าๆๆ เอาเป็นว่าต่อไปจะขยันพิมพ์ให้เป็นสองตอนต่อสัปดาห์ละกันเน้อ (หมายเหตุ : อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงได้เนื่องจากเราเรียนซัมเมอร์ อิอิ)
ความคิดเห็น