คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #37 : Chapter 33 : สัญลักษณ์ประจำตระกูล [100%]
Chapter 34
สัญลักษณ์ประจำตระกูล
“ไม่เจอกันนานนะ ซาสึเกะ”
ชายผิวเข้มร่างใหญ่เอ่ยทักขึ้นขณะนั่งอยู่บนเก้าอี้ภายในห้องประชุมของสำนักงาน เขาคืออดีตไรคาเงะแห่ง
แคว้นคามินาริโนะที่ตอนนี้เปลี่ยนตำแหน่งมาเป็น ‘ ดารุย ‘ อดีตมือขวาของตนได้ก้าวขึ้นมารับหน้าที่แทน
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเป็นที่เคารพของคนหมู่มากอยู่เช่นเดิมรวมถึงตัวไรคาเงะคนปัจจุบันด้วย
“อือ “
ซาสึเกะตอบรับเพียงสั้นๆก่อนจะย้ายตัวเองมานั่งเก้าอี้ที่ว่างอยู่พร้อมกับซากุระ แม้ว่าจะครบองค์ประชุม
แล้ว
แต่ทั้งคู่ก็สังเกตได้ว่าคนทั้งห้องกำลังมองมาทางพวกเขาอย่างไม่วางตาเหมือนกับว่ามีคำถามอยู่ในใจ
“เธอสองคน...คบกันอยู่งั้นเหรอ”
ในที่สุดก็เป็นอดีตไรคาเงะคนเดิมเป็นตัวแทนเอ่ยถามขึ้น ซากุระเบิกตากว้าง ใบหน้าแดงก่ำอย่างเขินอาย
ระคนตกใจที่คนอื่นสังเกตถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอและเขา ส่วนเขายังคงมีสีหน้านิ่งเฉยก่อนจะตัดบทด้วยน้ำ
เสียงราบเรียบ
“นี่มันไม่ใช่ประเด็น
ฉันขอไม่ตอบ”
“ปากแข็งจริงๆนะไอ้บ้า
ขืนแกยังชักช้าอุจิวะได้ล่มสลาย...”
“บี!!”
อดีตไรคาเงะรีบปรามคิลเลอร์บีผู้เปรียบเสมือนน้องชายของตนอย่างรวดเร็วก่อนจะพูดอะไรที่มันเริ่มติดเรท
และออกนอกประเด็นไปมากกว่านี้ ชายวัยกลางคนมองไปยังสองหนุ่มสาวอีกครั้ง “ขอโทษด้วยที่เสียมารยาท
ยังไงก็มาเริ่มประชุมกันเถอะ”
.
.
.
.
.
“สรุปแล้ว...เราจะนำเด็กคนนั้นไปยังแคว้นโอนิเพื่อให้มิโกะทำพิธีปิดผนึกความสามารถ”
ไรคาเงะรุ่นที่ห้าเอ่ยบทสรุปขึ้นมาหลังจากที่หารือกันมาพักใหญ่และยังกินเวลาไปหลายชั่วโมง เพราะทุกคน
ต่างแตกความคิดเห็นออกเป็นเสี่ยงๆ มีหลายครั้งที่เหมือนจะร้อนระอุเป็นไฟ แต่ก็เย็นลงด้วยเสียงห้ามปรามจาก
ดารุย เขาผู้นี้มีความเคร่งขรึมมาตั้งแต่สมัยเป็นมือขวาให้ไรคาเงะรุ่นที่สี่ และยิ่งวางตัวได้น่าเกรงขามเพิ่มขึ้นไปอีก
หลังจากที่ได้ก้าวขึ้นมาเป็นไรคาเงะรุ่นที่ห้า
“ในระหว่างทำพิธีอาจจะเกิดเหตุการณ์ไม่ดีขึ้น
เพราะฉะนั้นเราก็ควรจะส่งคนคุ้มกันไปมากพอสมควร”
“แบบนั้นมันจะไม่เป็นจุดสนใจเกินไปเหรอ” ผู้บริหารสูงวัยคนหนึ่งเอ่ยแย้งขึ้น
“แล้วถ้าคนคุ้มกันน้อย เด็กนั่นก็จะเป็นอันตรายน่ะสิ”
“คิดดีแล้วแน่เหรอท่านไรคาเงะ ความสามารถนั่นใช่ว่าจะมีกันได้ง่ายๆ ไม่ว่ายังไงฉันก็อยากให้ท่านอย่า
เพิ่งด่วนตัดสิน” ผู้บริหารอีกคนเสนออย่างไม่ยอมแพ้ ความสามารถในการทำนายมีประโยชน์ต่อแคว้นเป็น
อย่างมาก ถ้าปล่อยให้หายไปก็น่าเสียดายแย่
“ฉันคิดมาดีแล้ว ยังไงฮิเซ็นก็ยังเป็นเด็ก
เขาไม่ควรต้องมาแบกรับอะไรที่เกินตัวแบบนี้หรอก”
ดารุยบอกเหตุผลด้วยใบหน้าเรียบเฉย แต่นั่นก็ทำให้ซากุระนึกเคารพเขาอยู่ในใจ ถึงเขาจะดูเป็นคนดุดันแต่
ความจริงแล้วก็มีความเมตตาอยู่มากเช่นกัน
“แล้วเรื่องนินจาคุ้มกันล่ะครับ
ทางเราก็ไม่ค่อยจะมีนินจาที่เก่งเรื่องภารกิจคุ้มกันเท่าไรนัก”
“งั้นฉันจะไปเอง”
คิลเลอร์บีเอ่ยแทรกขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มกระชากใจ เขาว่างเว้นจากภารกิจมาซักพักแล้วตั้งแต่สงครามโลก
นินจาครั้งที่สี่จบลง
บางทีก็อยากจะหาอะไรทำแก้เบื่อซักหน่อย
“มะ ไม่ได้นะคะท่านบี!“ เลขาฯสาวของไรคาเงะรุ่นที่ห้ารีบห้ามปรามขึ้นมาโดยไว เธอขยับแว่นให้เข้าที่ก่อน
จะเปิดแฟ้มเอกสารแล้วยื่นแผ่นกระดาษใบหนึ่งมาวางตรงกลางโต๊ะประชุม
“นี่เป็นคำทำนายที่เขียนโดยซูซูเมะ ผู้ดูแลฮิเซ็นคุงค่ะ เขาบอกว่าท่านบีไม่ควรจะเดินทางออกไปนอกแคว้น
ช่วงนี้เพราะจะทำให้เกิดอันตรายจนถึงแก่ชีวิตได้ค่ะ”
“อะไรฟะเนี่ย !!
ฉันเนี่ยนะจะตาย โน ไม่มีทาง!”
“แต่เด็กนั่นทำนายถูกเก้าสิบแปดเปอร์เซ็นเลยนะบี”
อดีตไรคาเงะเสริมประโยคเข้าไปอีก เด็กคนนั้นให้ผู้ดูแลส่งคำทำนายมาให้กับไรคาเงะทุกครั้งที่แคว้นต้อง
เผชิญกับอันตรายเพื่อที่จะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ทัน และที่ผ่านมาก็ค่อนข้างตรงตามคำทำนายเป็นส่วนใหญ่เลย
ทีเดียว
“ก็ยังมีอีกสองเปอร์เซ็นนี่ท่านพี่”
“ไม่ ยังไงฉันก็ไม่ให้นายไป”
สถานการณ์ในห้องประชุมเริ่มมีเสียงดังเซ็งแซ่ขึ้นมาอีกครั้ง เพราะไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะเป็นใครที่ต้อง
พาฮิเซ็นไปส่งยังแคว้นโอนิ เพราะบางคนก็กลัวเสียนินจาในหน่วยไป บางคนก็ยังคงเสนอประเด็นที่จะให้เก็บตัว
ฮิเซ็นเอาไว้
ซาสึเกะที่นั่งมองสถานการณ์มานานก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะเอ่ยขึ้น
“งั้นฉันกับซากุระ
จะพาเด็กคนนั้นไปส่งยังแคว้นโอนิเอง”
……………………………………….
ภายในป่าอันกว้างใหญ่ดูนิ่งสงัด บนท้องนภาถูกทาบทับไปด้วยสีรัตติกาลแต่กลับไร้ซึ่งมวลหมู่ดาว มีเพียง
ดวงจันทร์สีแดงฉานที่เหมือนถูกชโลมไปด้วยเลือดลอยเด่นอยู่อย่างโดดเดี่ยวเท่านั้น ซากุระมองภาพดวงจันทร์อย่าง
เคร่งเครียด เธอกระชับร่างเด็กน้อยที่อยู่บนหลังไว้แน่นก่อนจะกระโดดไปตามต้นไม้ใหญ่อย่างรวดเร็วเพื่อหนีให้พ้น
จากการไล่ล่าของกลุ่มบุคคลหนึ่ง
“พี่ซากุระ
ปล่อยผมลงเถอะฮะ ไม่งั้นพี่จะเป็นอันตรายนะ!”
“ฉันไม่มีวันทิ้งเธอแน่ฮิเซ็นคุง อย่าห่วงไปเลย”
เมื่อพูดจบเบื้องหน้าของเธอก็มีเงาตะคุ่มสีดำพุ่งเข้ามาขวางไว้ อาวุธสังหารมากมายพุ่งตรงเข้ามาใส่คนทั้งคู่
ราวกับห่าฝน ซากุระรีบรวบตัวเด็กน้อยเข้ามากอดไว้แน่นแล้วเอาตัวเองเป็นโล่มนุษย์เพื่อกันไม่ให้เด็กน้อยได้รับ
อันตราย
ฉึก! ฉึก! ฉึก!
คมมีดแหลมแทงทะลุร่างของหญิงสาวจนพรุนไปทั่วร่างกาย บาดแผลที่ถูกแทงมีเลือดไหลทะลักออกมา
ราวกับเขื่อนแตก เธอกระอักเลือดออกมาทางปากเมื่อคมมีดแทงโดนอวัยวะสำคัญ แต่ถึงกระนั้นดวงตาสีมรกตที่
เหมือนกับฮิเซ็นก็มองมายังเด็กน้อยอย่างโล่งใจ
“ฮิเซ็นคุง...ปลอดภัย...สินะ”
เมื่อซากุระพูดจบ ร่างของเธอก็ร่วงลงสู่พื้นเบื้องล่างต่อหน้าต่อตาของฮิเซ็น ความเสียใจถาโถมเข้าสู่หัวใจ
ดวงน้อยจนแทบจะรับไม่ไหว
“พี่ซากุระ ม่ายยยยยยย !!!”
เด็กน้อยสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกพร้อมกับหยาดเหงื่อเต็มใบหน้าเล็กนั่น ดวงตาสีมรกตฉายความตื่น
ตระหนกออกมาอย่างชัดเจน ริมฝีปากที่สั่นระริกเอ่ยชื่อของพี่สาวผู้ใจดีออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“พี่ซากุระ…”
...................................................
ซากุระเดินออกมาจากห้องน้ำพลางเช็ดผมที่ยังคงชื้นให้แห้งก่อนที่เธอจะเข้านอน หลังจากการประชุมอัน
แสนยาวนาน ซาสึเกะก็ถูกดึงตัวไปคุยธุระกับทางบรรดาผู้บริหารของแคว้นนามินาริโนะต่อ ส่วนเธอก็ถูกเชิญให้ไป
เยี่ยมโรงพยาบาลของแคว้นเช่นกัน เพราะฉะนั้นเวลาของทั้งคู่จึงหมดไปอย่างรวดเร็วจนกระทั่งเขามารับเธอที่
โรงพยาบาลเพื่อกลับที่พักพร้อมกัน
“นี่กล่องอะไรงั้นหรือ
ซาสึเกะคุง”
เธอถามขึ้นเมื่อเห็นกล่องกระดาษทรงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่วางอยู่บนเตียงนอน คนที่ถูกถามวางมือจากการ
เขียนหนังสือแล้วเงยหน้าขึ้นมามองเธอพลางยิ้มเล็กน้อย
“ลองเปิดดูสิ”
ซากุระเลิกคิ้วขึ้นสูงอย่างประหลาดใจก่อนมือเรียวของเธอจะเปิดฝากล่องออก สิ่งที่อยู่ภายในทำให้เธอ
เบิกตากว้าง
“นี่มัน...”
สิ่งที่อยู่ภายในคือชุดกี่เพ้าสีเลือดนกแบบที่เธอชอบใส่ เพียงแต่ว่าตรงกลางหลังเสื้อนั้นไม่ได้เป็นสัญลักษณ์
รูปวงกลมสีขาวซึ่งเป็นของตระกูลฮารุโนะอย่างที่เคยเป็น มันถูกแทนที่ด้วยสัญลักษณ์รูปใบพัดสีแดงขาวที่เมื่อใครๆ
เห็นก็รู้ได้ทันทีว่านี่เป็นสัญลักษณ์ของตระกูลใด
“ฉันอยากให้เธอ...เปลี่ยนมาใช้สัญลักษณ์ตระกูลอุจิวะ...ได้หรือเปล่า”
เสียงทุ้มดังขึ้นจากข้างหลังเธอก่อนเจ้าตัวจะเดินเข้ามาใกล้ ดวงตาสองสีทอดมองไปที่เธออย่างคาดหวัง
เขาไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนในชีวิต แม้ว่าใบหน้ายังคงสงบนิ่งแต่หัวใจของเขากลับเต้นโครมครามไม่หยุดซึ่งมัน
แสดงให้เห็นว่าเขาตื่นเต้นมากแค่ไหน
“ธะ เธอ...แน่ใจแล้วงั้นเหรอ” ซากุระถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ มือของเธอลูบไล้ไปบนสัญลักษณ์รูปใบพัด
อย่างแผ่วเบา ความรู้สึกของเธอตอนนี้ตีกันมั่วไปหมดระหว่างความดีใจ ความตื้นตัน รวมถึงความใจหาย
ด้วย เพราะถ้านี่เป็นเรื่องจริง... เธอจะต้องเปลี่ยนสัญลักษณ์มาเป็นอุจิวะหลังจากที่เธอใช้สัญลักษณ์ตระกูลฮารุโนะ
มาทั้งชีวิต
“อือ ฉันอยากให้เธอกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของฉัน ทุกครั้งที่เธอใส่มันเธอจะได้รู้ว่าเธอก็คืออุจิวะคนหนึ่ง
และยิ่งไปกว่านั้น...มันเป็นสิ่งที่แสดงว่าเธอคือภรรยาของฉัน”
ซากุระมองเขาอย่างนิ่งอึ้งเมื่อได้ฟังความหมายทั้งหมดจากปากของเขาเอง ตอนนี้หัวสมองเธอขาวโพลนไป
หมด ริมฝีปากบางไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อยเพราะเธอพูดไม่ออก แต่นั่นกลับทำให้ซาสึเกะเริ่มใจไม่ดี เขากลัวคำตอบ
ของเธอเหลือเกิน ตอนที่ถูกพาไปยังห้องพิพากษายังไม่รู้สึกกลัวคำตัดสินเท่าตอนนี้เลยด้วยซ้ำ
“ซากุระ...ตกลงว่าเธอ...อุก!”
ยังไม่ทันที่เขาจะทวงคำตอบจากเธอเสร็จ หญิงสาวก็โถมตัวเข้ามากอดเขาไว้แน่นอย่างเต็มรักจนทั้งคู่ล้มลง
ไปบนเตียงกว้าง ซากุระที่นอนทับอยู่บนตัวซาสึเกะเงยหน้าขึ้นมาสบกับดวงตาสองสีอย่างดีใจและตื้นตัน
“ฉันตกลง!” เธอบอกอย่างหนักแน่นพร้อมกับจุมพิตลงบนแก้มเขาเบาๆ “ขอบคุณนะซาสึเกะคุง”
“คำนั้นฉันต้องเป็นคนพูดต่างหาก”
เขาบอกด้วยใบหน้าที่ขึ้นสีเล็กน้อยด้วยความเขิน เขารวบรวมความกล้าอยู่ตั้งนานสองนานกว่าจะเดินเข้า
มาบอกกับเธอเรื่องสัญลักษณ์ประจำตระกูล ในใจกลัวไปหมดว่าเธอจะปฎิเสธหรือเปล่า เพราะตระกูลของเขาถึงแม้
จะเป็นตระกูลใหญ่
แต่ก็เป็นตระกูลที่สร้างเรื่องเอาไว้มากรวมถึงตัวเขาเองด้วย
แต่ถึงแบบนั้น...เธอก็เลือกที่จะแบกรับมันไปพร้อมกับเขา...
“ผมเธอยาวแล้วนะ”
เขาบอกกับเธอเมื่อได้สังเกตเธอใกล้ๆอีกครั้ง มือข้างขวายกขึ้นไปลูบเส้นผมสีชมพูสลวยที่ตอนนี้มันยาวจน
ไปถึงหัวไหล่กลมมนของเธอทั้งที่ปกติเธอจะไว้ผมสั้นเสมอ นั่นก็คงเป็นเพราะตั้งแต่เธอออกเดินทางมากับเขาก็ไม่ได้
ตัดมันอีกเลย ซากุระตรงหน้าเขาทำให้นึกไปถึงสมัยที่เธอเป็นเกะนิน เขาจำได้ว่าเธอไว้ผมยาวมาตลอดจนกระทั่ง
เกิดเหตุการณ์ที่นินจาโอโตะบุกเข้ามาทำร้าย ตอนนั้นเมื่อเขาฟื้นขึ้นมาก็เห็นเธอที่ผมสั้นไม่เป็นทรง
สภาพสะบักสะบอมเพราะปกป้องเขาและนารูโตะ นั่นทำให้เขาเกิดความโกรธบวกกับฤทธิ์อักขระของโอโรจิมารุ
เขาจึงเล่นงานพวกนั้นจนปางตาย หรืออาจจะตายไปแล้วก็ได้ถ้าเธอไม่เข้ามาห้ามเขาไว้เสียก่อน
และหลังจากเหตุการณ์วันนั้น...เขาก็ไม่เคยเห็นเธอไว้ผมยาวอีกเลย
“อือ ไม่ชอบเหรอ”
เสียงของเธอทำให้เขาดึงตัวเองกลับมาจากความหลังสมัยยังเป็นเกะนิน ดวงตาสีมรกตฉายแววแปลกใจจน
เขาเองก็อดแปลกใจตามไปด้วยไม่ได้
“ทำไมถึงถามแบบนั้น”
“ก็ตอนสมัยเกะนิน มีข่าวลือว่าเธอชอบผู้หญิงผมยาวนี่ ตกลงมันไม่ใช่เรื่องจริงหรอกหรือ”
“ไปเอามาจากไหน ฉันไม่เห็นจะเคยได้ยินมาก่อน”
“อ้าว! ฉันก็อุตส่าห์ไว้ผมยาวอยู่ตั้งนาน”
เธอทำบูดอย่างผิดหวังเล็กน้อย เห็นเด็กผู้หญิงในหมู่บ้านเขาลือกัน ตั้งแต่นั้นเธอก็เริ่มที่จะไว้ผมยาวเพื่อให้
เขาหันมาสนใจ
แต่แล้วเขาก็ไม่สนใจเธอเลยซักนิดเดียว
“เธอมันเด็กแก่แดดจริงๆ”
เขานึกขันเธออยู่ไม่น้อย เพิ่งจะมารู้เหตุผลที่เธอไว้ผมยาวก็ตอนนี้นี่แหละ แต่เอาเข้าจริงๆแล้วไม่ว่าเธอจะผม
ยาวหรือผมสั้น เขาก็ชอบเธออยู่ดี
“แน่สิ เธอเป็นหนุ่มเนื้อหอมก็พูดได้นี่” เธอบ่นอุบอย่างหมั่นไส้คนตรงหน้าก่อนทำท่าว่าจะลุกออกไปจากตัว
เขา ทว่าเขากลับเลื่อนมือไปกอดเอวเธอไว้แน่นไม่ยอมให้ลุกจนเธอต้องเงยหน้าขึ้นไปมองเขาด้วยความขุ่นเคือง
เล็กน้อย
“นี่!! ซาสึเกะคุง อ๊ะ เธอ..” ซากุระหยุดประโยคไว้แค่นั้นเมื่อเห็นดวงตาที่มักจะแสดงความเย็นชาอยู่เสมอ
เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำใสๆ
เขา...ร้องไห้งั้นเหรอ...
แต่เหมือนเขาจะไม่อยากให้เธอเห็นจึงกดศีรษะเธอลงมาแนบกับอกกว้าง ไม่บ่อยนักหรอกที่เขาจะแสดง
ความอ่อนแอออกมาให้ใครเห็น
“ขอบคุณนะ...ซากุระ ขอบคุณที่ยังมั่นคงต่อฉัน
แม้ว่าฉัน...”
“แม้ว่าเธอจะแย่แค่ไหนก็ตาม...”
ซากุระต่อประโยคให้เขาเสร็จสรรพก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองเขาอีกครั้งด้วยสายตาที่อ่อนลง เมื่อพูดถึง
ความหลังทีไรเขาจะนึกโทษตัวเองอยู่ตลอดเวลา
“ฟังนะ ซาสึเกะคุง... ต่อไปนี้เธอไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นฉันจะยืนอยู่
ข้างเธอเสมอ เพราะว่าฉัน...คือครอบครัวของเธอ”
คำว่า ‘ครอบครัว’ ทำให้เกิดความอบอุ่นแผ่ซ่านเข้าไปในหัวใจ คำๆนี้เขาไม่ได้ยินมันมานานมากแล้วตั้งแต่
สูญเสียพ่อแม่และพี่ชายคนเดียวไป ทว่าต่อจากนี้มันจะเป็นเพียงแค่อดีต ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถลืมมันได้
แต่เขาจะเลือกเก็บความทรงจำส่วนที่ดีไว้และจะขอทดแทนด้วยการสร้างครอบครัวขึ้นมาใหม่กับเธอ...
“ซากุระ…”
“ฉันรักเธอนะ...ซาสึเกะคุง”
“...”
“จะไม่บอกรักฉันซักหน่อยเหรอ”
เธอทำสีหน้าคาดคั้นเขาอย่างเอาจริงเอาจังจนซาสึเกะหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ วันนี้เป็นวันที่เขาแสดง
อารมณ์ออกมาหลากหลายจนตัวเองยังแปลกใจ มือขวาที่จับท้ายทอยของเธออยู่กดศีรษะเธอลงมาอีกครั้งจน
กระทั่งริมฝีปากของทั้งคู่ประกบกันจนแนบสนิท เขาจูบเธออย่างลึกซึ้งและเต็มไปด้วยความอ่อนโยน รสสัมผัสอัน
แสนหวานเติมเชื้อไฟให้กับคนหนุ่มสาวได้เป็นอย่างดี ไม่นานเขาก็จัดการพลิกร่างของเธอที่อยู่ด้านบนลงมาด้าน
ล่างแทนก่อนจะเริ่มถ่ายทอดความรักเป็นภาษากายไปให้เธอจวบจนเกือบรุ่งเช้าของวันใหม่...
...............................................................
-TO BE CONTINUED-
Ps1..ฮัลโหลลล ! ลืมเค้าหรือยังเอ่ยย เค้ายังไม่ลืมทุกคนนะ แต่แค่รู้สึกขี้เกียจ+งานเยอะ ไม่ค่อยมีเวลาแต่งเลย เวลาว่างก็หมดไปกับการไล่ดู GOT ตั้งแต่ SS1 5555+ แต่จะพยายามกลับมาอัพเท่าที่ทำได้ค่ะ
Ps2. ตอนนี้มันก็หวานเลี่ยนหน่อยๆ ข้าวใหม่ปลามันก็งี้ ต่อจากนี้นุ้งซากุระก็จะเปลี่ยนสัญลักษณ์แล้วนะคะทุกคน อิเกะหลังๆมาก็จะเริ่มมุ้งมิ้งละ(เฉพาะเวลาอยู่ด้วยกันสองคน) ยังไงก็ติดตามอ่านต่อไปนาจา
Ps3. เชื่อว่าหลายคนลืมเนื้อเรื่องไปละรวมถึงเค้าด้วย นี่ต้องไปย้อนอ่านนิยายตัวเองใหม่ จำไม่ได้แม้กระทั่งชื่อตัวละคร ยังไงก็...ย้อนไปอ่านใหม่กันเถิดนะ 55555+
เอ้า ! ส่งรอยยิ้มกระชากใจไป เผื่อนักอ่านจะให้อภัย อิอิ
ความคิดเห็น