คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Ep.1
รถเบนซ์สปอร์ตเปิดประทุน ขับเคลื่อนด้วยความเร็วสูง ทำไมถึงขับมาเร็วนะหรอ ฮะๆ ก็เพราะว่าต้องรีบมาส่งไอ้เตี้ยเพื่อนรักผมนะสิ
เอี๊ยดดด... เสียงรถล้อเสียดสีกับพื้นถนน เพื่อหยุดรถ ทำให้ทุกสายตาต้องจ้องมาที่รถเบนซ์คันสีขาวนั้น
“อ้าวเฮ้ย มึง... รีบๆมาสิครับแหม... นัดสตาฟคนอื่นไว้ตี4ครึ่ง แต่นี่มันตี5แล้ว เวรนี่” ชายหนุ่มท่าทางนักเลงทักผมเดรดร็อกเดินมาหาก่อนจะที่บ่นรัว
“เออๆ กูขอโทษมันเหตุฉุกเฉินจริงๆ ดูสิกูยังให้ไอ้เท็ดมาส่งเลย” คนตัวเตี้ยชี้ไปที่รถคันขาว
“เอ้าไอ้เท็ด ดีเลยๆมานี่ๆ จินเรียกเท็ดที่นั่งอยู่บนรถ”
“ฮะ? เรียกกูหรอ มีอะไร?” เท็ดตะโกนตอบแต่ยังไม่ยอมลุกจากเบาะรถ
“เฮ่ยเบ็ค ตอนนี้ขาดสต๊าฟอีก1คนหว่ะ ถ้าไม่คบมันจะลงรายชื่อเข้ารับน้องไม่ได้ มึงช่วยเอาไอ้เท็ดมาหน่อยดิวะ” จินกระซิบไม่ให้เท็ดได้ยิน
“ฮะ อะไรนะ ตายห่า ไม่เอาหรอกกูยังไม่อยากโดนหมีควายกระทืบตายนะเว้ย” เบ็คหันไปมอง นี่แค่ให้มาส่งมันนี่ ไอ้เท็ดก็จะตกมันตายห่าละ นี่ถ้าให้มันมาเป็นสต๊าฟด้วยมันไม่ฆ่าพวกเราตายหรอว่ะเนี้ย ยิ่งเหมือนหมีควายตกมันอยู่
“โห ไอ้เตี้ย นี่มึงไม่มีสปิริทของประธานเชียร์เลยหรอ นี่ถ้าคณะแพทย์รู้ว่าประธานเชียร์คณะวิดวะไม่มีความกล้าทำเพื่อคณะขนาดนี้นะ รู้ถึงไหน อายถึงนั้น!” มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยหรอว่ะเนี้ย
“เออๆ ก็ได้ว่ะ” เอาว่ะ เพื่อคณะของเรา คนตัวเตี้ยสูดลมหายใจรวบรวมความกล้า
“เท็ด... คือ.. กู...”
“ไอ้ห่า มีอะไรก็พูดมา กูง่วง กูจะกลับแล้วเนี้ย”
“คือ... มึงช่วยมาเป็นสตาฟตำแหน่งพี่ว๊ากให้กูหน่อยดิ”
“ไอ้เหี้ย ไม่เอา ไม่เป็น”
“นะๆเท็ดนะ ให้กูกราบก็ได้ ไม่งั้นประเพณีที่สืบสานมาของคณะเราแย่แน่ๆ ไม่ผ่านรายชื่อแน่ๆเลยมึง” เบ็คเล่นบทแหลสุดชีวิตตั้งแต่เกิดมานี่ยังไม่เคยทำงี้กะใครเลยนะเออ
“เออๆก็ได้วันเดียวนะ”
“โครตร๊ากกก มึงเลยหว่ะ ไม่เสียงแรงมีมึงเป็นเพื่อน”
“ป่าวกูทำเพื่อคณะ!” แป๋ววว ปล่อยให้เบ็คยืนแห้วอยู่คนเดียว
“วิดวะปี1ทุกคน! มารวมตัวก่อนแบ่งเป็นแถวละ10คน ปฏิบัติ!” เสียงสตาร์ฟคนนึงตะโกนสั่ง
“เอาหล่ะ เราจะเช็คชื่อ นี่ก็เลยมาครึ่งชั่วโมงแล้ว” เสียงห้าวของจินพูด ขณะเดินเอามือไพ่หลังไปด้วย
“หมายเลข1 ควอน จียง... ฮะ เฮ่ยมึงมานี่สิๆ” จินกวักมือเรียกเพื่อนๆมาพร้อมกับชี้ไปที่ชื่อ
“ทำไมชื่อมันแปลกๆว่ะ ลูกครึ่งหรอว่ะ”
“เออ กูก็คิดว่างั้น”
“สงสัยจะเหมือนไอ้โจละมั้ง อย่างมันยังชื่อ โจ ซองมินเลย ไรงี้ป่ะ อย่างกูก็ปาร์คไง” เท็ดดี้ชี้มาที่ตัวเอง
“อ้าวแล้วนี่มึงครึ่งอะไรอ่ะ ถึงใช้สกุลปาร์ค” จินถามเท็ด
“อ้าวกูครึ่งมาเก๊า ไทย เกาหลีไง แม่กูไทยเกาหลี ส่วนพ่อกูมาเก๊าไง”
“หรอ.. กูนึกว่ามึงครึ่งคน ครึ่งหมีควาย” ไม่ทันพูดจบประโยค จินก็โดนมือหนักของเท็ดตบเข้าที่กระบาล
“โอ่ยย เจ็บๆ ยอมแล้วๆ ไม่น่าเล่นเลย ลืมไปว่ามีเพื่อนเป็นหมีควาย” จินพูดยิ้มๆ
“เอ้าๆ เล่นกันอยู่ได้” เช็คชื่อซะทีเดี๋ยวทำกิจกรรมไม่ทัน
“เงียบไปเลยไอ้เตี้ย!” เสียงเท็ดกับจินประสานกันพูดเล่นเอาเบ็คถึงกับเอ๋อ คำกูเตี้ย สองคนก็เตี้ย อย่าให้กูสูงนะพวกมึง ฮึ่ยยย
“ควอน จียง มามั้ย” จินเริ่มตะโกนเสียงดังจนทุกคนเงียบ ไม่มีแม้แต่เสียงตอบรับ
“งั้นผมจะถือว่าเช็คขาด จำไว้นะอย่านายคนนี้เป็นตัวอย่าง จะโดนทำโทษ แค่วันแรกก็โดดแล้ว ถ้ามีเหตุผลไม่เพียงพอ ผมจะจัดการขึ้นเด็ดขาด รู้ไว้นะครับปี1ทุกคน”
จินเช็คชื่อต่อไปเรื่อยๆจบครบ ก่อนจะให้สตาฟคนอื่นแจกป้ายคล้องคอให้เด็กๆ ผมให้เวลาพักทำความรู้จักกัน10นาที พักได้
“เฮ่ยๆมึงดูสิ นั้นใครว่ะ หัวแดงโล่ แถมแต่งตัวผิดระเบียบตั้งแต่หัวจรดเท้าอีก” เบ็คตะโกนเรียกสตาฟแถวนั้นให้มาดู
“เออนั้นสิ แม่งเปรี้ยวมาจากไหน เด็กซิ่วหรอว่ะ”
จียงรู้สึกถึงสายตาที่จ้องมองตั้งแต่เดินเข้ามาในคณะ แต่ก็ไม่ได้แคร์อะไร ปกติเขาก็เป็นคนไม่แคร์อะไรอยู่แล้วด้วย
“เฮ่ย คนนั้นอ่ะ เฮ่ยน้องคนนั้นอ่ะ” จินตะโกนเรียก
จียงยื่นนิ่งก่อนจะมองตอบ “ผมหรอ?”
“เออ มึงนั้นแหละมานี่สิ” มึง... สนิทกันแค่ไหนมาใช่คำหยาบแบบนี้ว่ะ ไอ้พวกสันดานต่ำเอ้ย...
“ว่าไงครับ” จียงมองหน้า
“มึงดูสิมึงแตกต่างจากชาวบ้านยังไง” เบคชี้ไปที่กลุ่มเด็กปี1ที่นั่งอยู่
“ผมว่าก็ไม่นะ ผมก็คน พวกนั้นเขาก็คน” จียงยิ้มมุมปาก
“กู..หมาย...ถึงการแต่งกาย...”
“ถ้ามึงยังไม่รู้กูบอกให้ก็ได้นะ” เบคจ้องหน้า
“เอาสิผิดตรงไหนหรอ” จียงพูดเสียงยียวน
“หัวมึงสีแดง.. เสื้อมึงที่พักแขนเสื้อเชียร์คณะห้ามพับแขน กางเกงต้องยีนต์ที่เป็นผ้ายีนต์ ห้ามฟอก ห้ามยืด แล้วนี่มึงใส่อะไร มึงคิดว่าตัวเองเป็นแฟชั่นนิสต้าหรอ กางเกงยีนต์ดำกรีดซะจนถึงขาอ่อน เข็มขัดต้องเป็นของมหาลัย ไม่ใช่เข็มขัดหลุยวิกตองค์!! อ่อแล้วก็รองเท้ามึง.. ไนท์กี้หนังแก้วสีแก้ว เขาห้ามใส่ ให้ใส่สีขาวเท่านั้น ที่นี่รู้รึยังว่ามึงผิดตรงไหน”
“ถ้าผมจะใส่แบบนี้แล้วพี่จะทำไมผมหรอ”
“มึงนี่นะ... กวนจริงๆ” จินกำหมัดแน่น
“เฮ่ยๆ ใจเย็นเว้ยไอ้จิน เดี๋ยวกูจัดการเอง มึงแตะตัวน้องไม่ได้นะ มันกฎห้องเชียร์นะ” เท็ดรีบแยกเพื่อนออกจากคนตรงหน้า จินแย่งวู่วามอยู่ถ้ามันแหกกฎห้องเชียร์ ไอ้เรื่องยาวแน่ๆ
“น้อง.. มานี่ ตามพี่มา” เท็ดพูด แต่จียงกับยืนนิ่งพร้อมกับสั่งสายตาท้าทาย
“วอนซะแล้วไอ้นี่...” จินฮวานสบถ “ไอ้เท็ดเรียกมึงไม่ได้ยินรึไง”
“น้อง...ครับ...” เท็ดกดน้ำเสียงต่ำ แต่แววตาของเค้านั้นดุจกับราชสีห์ที่พร้อมจะขย้ำเหยื่อ จียงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขามองสายตานั้นแล้วขนลุกไปทั้งตัว เหมือนจะฆ่าคนได้ทางสายตาอย่างนั้นแหละ เขาจำเป็นต้องเดิมตามร่างสูงไปที่หลังตึกอีกฟากของคณะ
ร่างสูงขึ้นไปนั่งบนโต๊ะม้าหินก่อน ก่อนจะมองหน้าอีกคน
“ชื่ออะไรนะเรา” ปากก็ถามไป แต่มือล้วงหาซองบุหรี่
“ควอน... ควอนจียง” ร่างบางตอบแต่สายเฉไปทางอื่นบ่งบอกว่าเขาไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่นัก
“พี่ชื่อปาร์ค ฮงจุน” จุดไฟแช็คเผาบุหรี่เล็กน้อย
จียงหันไปมอง ปาร์ค อย่าบอกนะว่าครึ่งเกาหลีเหมือนเขา บังเอิญจังนะ
“ฮยองครึ่งเกาหลีหรอ” จียงใช้คำว่าฮยองแทนคำว่าพี่
“อืม... ก็ไม่เชิง ได้เชื้อแม่” พ่นควันบุหรี่สีเทาออกจากปากออกมาเป็นลมหายใจ
“ขอตัวนึงสิ...”
“ดูดกับเขาด้วยหรอ” เท็ดดี้มอง
“อื้อ... นานแล้วแหละ” พร้อมกับรับซองบุหรี่กับไฟแช็คมา
“ทำไมแต่งตัวแบบนี้มา รู้ไม่ใช่หรอว่าเขาให้ถูกระเบียบ” สายตาคมชำเลืองมองคนตรงหน้า ที่ท่าทางแทบจะไม่เหมือนผู้ชาย มองยังไงก็เหมือนทอมชัดๆ ขาเล็กเรียว ตัวก็ปาก หน้าก็หวาน นี่ถ้าไม่รู้ว่าเป็นผู้ชายเขาคงจีบไปแล้ว
“รู้” เสียงเล็กตอบแบบไม่สนใจอะไร
“รู้แล้วแต่งมาทำไม รู้ไหมถึงแม้ว่าการเรียนจะทำให้นายจบได้ก็จริง แต่ถ้ารุ่นพี่เกลียด ไม่มีใครคอยเชื่อเหลือมันก็จะไม่รอด นายจะอยู่ได้ยังไงถ้าไม่มีเพื่อน” เท็ดพูดน้ำเสียงเรียบ
“ก็ได้ ไทล์ออกไปก็ดี จะได้มีเหตุผลบอกแม่” จียงพูดเสียงเซ็งๆ
“ไม่อยากเรียนรึไง”
“อืม...”
“แล้วมาเรียนทำไมหล่ะ”
“จริงๆอยากเรียนด้านดนตรีไม่ก็แฟชั่น แต่ที่บ้านผมทำงานด้านวิศวะ”
“เหมือนกัน จริงๆฉันอยู่ปี8แล้วนะ” ร่างสูงอัดควันเข้าปอด
“ฮะ.. จริงดิ” จียงทำหน้าตกใจ ไม่น่าหล่ะ ดูหน้าแก่ๆพิกล
“แล้วทำไมถึงมาเรียนหล่ะ ถ้าพี่ไม่ชอบ”
“จริงๆนะฉันชอบ แต่ยังไม่อยากเรียนจบ”
“ทำไมหล่ะ...” จียงถามด้วยความสงสัย
“ก็เพราะว่า..”
R RRR ... เสียงโทรศัพท์ดังขัดจังหวะ
“ว่าไงแดนนี่”
“เฮ่ยเท็ด มึงอยู่ไหน” ปลายสายพูดด้วยน้ำเสียงร้อนรน
“อยู่คณะ ทำไมหรอ มีอะไร”
“รีบออกมา แก๊งค์ไอ้ภาคินมันจะไปบุกคณะ ไม่รู้ใครแม่งตั้งเกมส์ว่าถ้าเอาเสื้อช็อปมึงมาได้ มันจะเลื่อนตำแหน่งให้เข้าแก๊งค์”
“เออขอบใจ” วางโทรศัพท์ก่อนจะยัดไว้ในกระเป๋า
“มีอะไรหรอฮยอง” จียงสงสัย เพราะเห็นสีหน้าไม่ดีของคนตรงหน้า
“ป่าว... จียง วิ่ง!” เท็ดรีบข้อมือจียงวิ่งหนีไอ้พวกอีกสถาบันที่กำลังวิ่งเข้ามาพร้อมอาวุธ ใช้ มันอยู่ในถิ่นเขา แต่มันคงไม่ได้เท่าไหร่ ที่จะลากคนอื่นๆในคณะ ที่ไม่รู้เรื่องมาติดร่างแหด้วย มันไม่คุ้ม ถ้าจะมีเรื่องมามีแค่เขาคนเดียวดีกว่า
“ฮยองเราจะไหนกัน” จียงวิ่งตาม
“เหอะน่า... ขึ้นรถไปก่อน”
จียงขึ้นรถ ก่อนที่เท็ดดี้จะกดปุ่มเปิดประทุนและล็อกรถ
“ฮัลโหล แดนนี่ กูออกมาจากคณะแล้ว เหี้ยแม่งพวกนั้นมาเร็วกว่าที่กูคาดเยอะเลย”
“มึงปลอดภัยก็ดีแล้ว จะเข้ามาหากูที่บ่อนไหม หรือจะเอายังไง”
“ไม่หล่ะ กูจะไปสตูไว้เจอกัน”
“เออ.. มีอะไรโทรหากูได้ตลอดนะ”
“ขอบใจมากหว่ะเพื่อน”
“พี่มันเกิดอะไรขึ้น” จียงถามเสียงหอบ
“คู่อริต่างคณะ ขอโทษนะที่ลากนายมาเกี่ยว”
ฮึก... ฮึก.... เสียงหายใจหอบของจียงทำให้เท็ดดี้ต้องหันมาสนใจ
“เฮ่ นายๆ เป็นอะไร”
“ผ.. ผม หายใจ ม.. ไม่ออก” เสียงแทบจะหมดลมหายใจ
“เฮ่ย นายเป็นหอบหืดหรอ ที่ฉันพาวิ่งเมื่อกี้ ก็หมายความว่า”
“...” ไม่มีเสียงตอบจากอีกฝ่าย เพราะตอนนี้แค่แรงหายใจเข้าปอดยังไม่มีเลย
“จียง.. ยาหล่ะ ยา...อยู่ไหน เอายามาไหม” ร่างสูงเขย่าให้รู้สึกตัว
จียงส่ายหน้าเป็นคำตอบ ฮึก... อื้อ.... เขารู้สึกมึนไปหมดทั้งหัว
“จียงทำใจดีๆไว้นะ” มืออีกข้างกุมมือจียงไว้ ก่อนที่จะหารพ.ที่ใกล้ที่สุด
..............
TBC
ความคิดเห็น