ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ขอโทษครับแฟนผมเป็นมาเฟีย My honey's Mafia (Yaoi Boy's love)

    ลำดับตอนที่ #1 : Intro to be Engineering

    • อัปเดตล่าสุด 29 ก.ค. 56


     

    วิดวะ เชียร์! เชียร์ขยับตัวหาพ่อ... หรอครับน้อง เชียร์!

    เสียงดังมาจากห้องโถงคณะวิศวกรรมศาสตร์ที่มีไว้สำหรับรับน้องปี1ที่เข้ามาใหม่ คงไม่ต้องสงสัยว่าเสียงพวกนี้ใครกันเป็นคนแหกปากตะโกนโวยวาย อยากจะรู้จริงๆว่าคนพวกนี้คอแห้งกันบ้างไหม หรือว่าวันๆกินยาอมวันละกี่เม็ด

    ...........

    “จียง ตั้งใจเรียนนะลูก”  หญิงสาววัยกลางคนหันไปบอกลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่เพิ่งจบไฮสคูลมาจากเกาหลี

    ใช่แล้วอ่านไม่ผิด นี่ประเทศไทย แต่เด็กหนุ่มที่กำลังนั่งฟังแม่พูดอยู่ตรงนี้เขาเรียนจบจากเกาหลีมา แน่นอนเพราะเขาคือลูกครึ่งเกาหลี ย้ายมาไทยเพราะว่าพ่อที่เป็นวิศวกรคนไทยต้องย้ายมาดูษริษัทที่เพิ่งเปิดสาขาใหม่นั้นเอง

    “โธ่.. ออมม่า ผมรู้แล้วหน่า... ว่าต้องตั้งใจเรียน”  เด็กหนุ่มพูดเชิงเซ็งๆที่แม่ของเขาพูดทำนองว่าให้ตั้งใจเรียน จบมาจะได้ดูแลบริษัทของพ่อได้

    “ออมม่า ผมอยากได้รถยนต์... หอก็ตั้งไกลผมเดินไปเรียนไม่ไหวหรอก”   เด็กหนุ่มอ้อนผู้เป็นแม่

    รถยนต์นะ แม่ซื้อให้ได้อยู่แล้ว แต่ลูกเพิ่งย้ายมาได้ไม่ถึงอาทิตย์ เอาไปเดี๋ยวก็หลงทางไม่รู้เส้นทาง ไว้ลูกชินทางเมื่อไหร่ แม่ซื้อให้ทันทีเลยนะจ๊ะ หญิงสาวพูดพลางลูบหัวทุยๆของลูกชาย

    “งั้นผมไปละนะฮะ”   เดินลงจากรถก่อนจะโค้งลาแม่ของเขา

    “จ้า... ตั้งใจเรียนนะลูก อย่าดื้อให้มากหล่ะ”

    “คร๊าบบบบ”    เด็กหนุ่มเดินลับสายตาของผู้เป็นแม่เข้าหอของมหาลัย

    เด็กหนุ่มเดินเข้าไปในห้องพักของตัวเอง เขาแทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารูมเมทจะเป็นใคร เพราะตอนจองก็จองผ่านทางเว็บออนไลน์ แต่เอาเหอะน่า ขอให้ได้รูมเมทไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวของเขามาก คุยกันรู้เรื่องก็พอใจแล้ว

     

    ดึ่ง ดึ่ง ดึ้งงง ประกาศ ประกาศ... นิสิตปี1 คณะวิศวกรรมศาสตร์ทุกคนให้มาพบกันที่ใต้หอด่วน ภายใน5นาที ใครมาช้าเดี๋ยวรู้กัน!!

    ฮะอะไรนะ...ภายใน5นาที บ้าไปแล้ว ใครมันจะไปทันวะ ลิฟก็ไม่มี ใครประกาศว่ะ แม่งงี่เง่าชิบหาย

    จียงนึกในใจ แต่เท้าก็ก้าวเดินออกจากประตู....

     

     เสียงเหล่าเด็กปี1คุยกันเสียงจ๊อกแจ๊ก เหมือนอยู่ในตลาดสดชัดๆ เฮ้อ หนวกหูจริงๆ ง่วงก็ง่วง เด็กหนุ่มทำหน้าเซ็งๆจนคนรอบข้างสังเกตุได้ แต่ถึงเขาจะไม่ทำหน้าเซ็งยังไงก็เด่นอยู่แล้ว ก็สีผมเขานะสีแดงแปร๊ดขนาดนั้น แต่ไม่แคร์อ่ะ เทรนนี้กำลังมา ใครจะมองก็มองไปเหอะ พวกตาไม่ถึงเอ่ย!

    เอาละ ฟัง!! เสียงตะโกนออกมาจากหน้าเวทีห้องโถง แต่คนที่ประกาศนี่สิ คือไอ้เตี้ย เฮ่ย คนตัวเตี้ยๆ ที่ต้องยืนบนเก้าอี้อีกที นี่จียงคิดว่าเขาตัวเล็กแล้วนะ ยังมีคนตัวเล็กกว่าเขาอีกหรอ

     

    “พรุ่งนี้...ปี1ทุกคน เจอกันตี4ครึ่ง ใส่เสื้อเชียร์ถูกระเบียบมาด้วย ทุกคนคงได้เสื้อเชียร์กันหมดแล้วใช่ไหม ย้ำถูกระเบียบ ปิดประชุม!

    เด็กปี1ต่างแยกย้ายเข้าหอ บ้างก็ออกไปข้างนอกหอเพื่อไปร้านสะดวกซื้อและโรงอาหารหน้าหอ ส่วนเขานะหรอ สิ่งที่ตามหาสิ่งแรกคือ ร้านกาแฟ...

    “อเมริกาโน่เย็นแก้วนึงครับ”  เด็กหนุ่มเดินไปสั่งกาแฟก่อนจะนั่งที่เก้าอี้ในร้านมองบรรยากาศในร้าน มือเขายังคงกดมือถือโดยที่ไม่เงยหน้ามองเจ้าของร้านที่เขาสั่งกาแฟ

    คนน้อยจังเลยแฮะ ที่นี่เขาไม่นิยมร้านคอฟฟี่คาเฟ่เหมือนเกาหลีสินะ

    “ได้แล้วครับ...”  ร่างสูงบางใบหน้าเรียวเข้ารูป แต่งตัวแฟชั่นจ๋า เดินมาเสริฟกาแฟ

    “อ่า.. คัมซา เฮ่ย ขอบคุณครับ”  จียงยิ้มเล็กน้อย ที่ตัวเองเผลอพูดเกาหลีออกไป

     

    “มาคนเดียวหรอครับ” ชายหนุ่มยิ้มอย่างเป็นมิตร

    “อ่อ.. ครับ ผมยังไม่มีเพื่อน” เขาตอบแต่สำเนียงยังติดเกาหลีนิดๆ ก็เขาไม่เคยพูดภาษาไทยกับใครเลย ยกเว้นแค่แม่ของเขา

    “ลูกครึ่งเกาหลีหรอเรา”  อีกฝ่ายถามด้วยความสงสัย

    เด็กหนุ่มพยักหน้าตอบ พลางทำหน้าสงสัยเล็กน้อยว่าทำไมคนตรงหน้าถึงรู้

    “พี่ก็ลูกครึ่งเหมือนกัน.. พี่ชื่อโจ ซองมิน เรียกพี่โจก็ได้นะ นายหล่ะ”  อีกฝ่ายนั่งเก้าอี้ข้างๆพร้อมถามเชิงอยากรู้จัก

    “จริงหรอครับ ดีใจจัง ไม่คิดว่าจะเจอลูกครึ่งด้วยกัน ผมควอนจียงฮะ เรียกว่าจี ก็ได้”

    “ฮ่ะๆ แหมทีอย่างนี้พูดเก่งเชียวนะ เมื่อกี้เห็นเงียบๆอยู่”  ชายหนุ่มหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี

    “อ่า...รองเท้าพี่สวยจังนะครับ”  จียงมองรองเท้าอีกฝ่าย

    “อ่อ รุ่นนี้ลิมิเต็ด อิดิชั่นนะ นายก็เสื้อสวยนะ ของGivenchyใช่ป่ะ”  จียงพยักหน้ายิ้มๆ

    “แหม... ท่าทางมีตังนะเราเนี้ย”  โจคุยอย่างเป็นกันเอง

    “ก็ไม่หรอก นี่ผมก็เก็บเงินซื้อเองทั้งนั้นแหละครับ”

    “ว่าแต่... ว่างๆก็มาร้านพี่ได้นะ คนไม่ค่อยเข้าหรอก ส่วนใหญ่ขาประจำ เด็กที่นี่ไม่ค่อยชอบดื่มกาแฟ”

    จียงพยักหน้า ยิ้มๆ “อ่าพี่ขอตัวไปคุยธุระกับเพื่อนก่อนนะ”

    ..........

    ร่างสูงเดินไปหยิบมือถือก่อนจะพูดทางโทรศัพท์ “เฮ่ยเท็ด กลับเหอะหว่ะ พ่อมึงโทรมาหากูแล้วเนี้ย!

    “เออ... กูรู้แล้ว แล้วมึงจะให้กูทำไงว่ะ บอกแล้วใช่ไหมว่ากูไม่ถูกกับพ่อ มึงก็รู้อยู่” ปลายสายตอบน้ำเสียงเซ็งๆ

    “เท็ดถ้ามึงไม่ทำต่อ ใครจะทำต่อว่ะ คิดสิ..

    “ไอ้เทมไง อีกหน่อยมันก็จะจบละ ก็ให้มันดูต่อสิ กูยังไม่พร้อม...”

    “แล้วมึงรู้มั้ยว่าคุณลุงเขารักมึงแค่ไหน...”

    “นี่ไอ้โจ มึงเป็นเพื่อนกู หรือพ่อกูว่ะเนี้ย”

    “เป็นเพื่อน แต่ใกล้จะเป็นพ่อมึงละ วันนี้เจอกันที่สตูไอ้เบ็คนะ”

    “แล้วเจอกัน”

     

    ...........

    R RRRRR...

    “ฮัลโหล ออมม่า...” เจ้าของโทรศัพท์รับสายเสียงใส

    “เป็นไงบ้างลูก คิดถึงจะแย่”

    “โธ่... แม่ครับ เราเพิ่งแยกกันได้ไม่ถึงครึ่งวันเลยนะ”

    “ก็แม่เป็นห่วงนี้ ลูกเกิดมา20ปี ยังไม่เคยออกจากอ้อมอกแม่เลยนะจ๊ะ”

    “ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมจะดูแลตัวเองอย่างดีเลยหล่ะ” หนุ่มน้อยพูดไปพลางหัวเราะไป

    “ว่าแต่เจอรูมเมทรึยังลูก”

    “ยังเลยครับแม่ ทั้งๆที่พรุ่งนี้วันเปิดเรียนแท้ๆ”

    “จ้าๆ ยังไงมีอะไรโทรหาแม่ได้ตลอดนะ เป็นห่วงนะมังกรน้อยของแม่”

    ...............................

    “ไอ้เท็ด เอาจริงๆนะ มึงไม่เสียดายบ้างหรอว่ะ นี่มึงก็เรียนปีนี้เข้าปีที่8แล้วนะ”  เสียงแดนนี่เพื่อนรุ่นน้องกล้ามใหญ่ล่ำบึ้ก คนสนิทพูดท้วงถาม

    “เออ... ก็ไม่เสียดาย ไม่เห็นรู้สึกอะไรเลย” ร่างสูงหน้าเข้มพูดหน้าตาเฉย

    “แก๊งค์พ่อมึงเชียวนะ กว่าเขาจะสร้างมาได้ตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตาทวดเชียวนะมึง”

    “ก็เพราะงี้ไง กูถึงไม่รับตำแหน่งต่อ กูอยากทำงาน... งานอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่มาเฟีย”

    “เลยเรียนวิดวะ 8 ปีเต็มว่างั้นสิ”  ทำเสียงกวนโอ๊ยออกจากปากไอ้กล้ามใหญ่ นี่ถ้าไม่ติดว่ามันกล้ามใหญ่นะอยากจะกระโดดถีบยอดหน้ามัน

    “เท็ดนี่มึงอายุ 28 แล้วนะ หางานเป็นการ เป็นงานทำเหอะ”  เสียงเพื่อนคนตัวเล็กที่สุดในกลุ่มกล่าว เป็นผู้ชายที่ตัวเล็กที่สุดในกลุ่มเลยก็ว่าได้

    “แหม... ทำอย่างกะมึงมีงานทำแล้วเนอะ ก็รุ่นเดียวกะกูป่ะแหมม...”  ร่างสูงทำสายตาหมั่นไส้เพื่อน

    “เออออ ช่างแม่ง กูหมายถึงว่ากูเรียนจบกูก็ไปตามทางของกูไง อีกอย่างกูเรียนไม่จบซะทีเพราะกูโง่! ไม่เหมือนมึงหรอก เรียนไม่จบเพราะไม่อยากจบ ทั้งๆที่มึงอ่ะเก่งจะตาย เผลอๆได้เกียรตินิยม”

    “กูว่ามึงไม่โง่นะเบ็ค มึงแต่พวกบ้ากิจกรรม” แดนนี่พูดแทรก

    “อย่ามาว่ากิจกรรมกูเชียวนะเว้ย” คนตัวเตี้ยตะโกนขัด

    “แหม... ใครจะหัวดีเหมือนมึงละคร๊าบบ คุณเท็ดดี้ ได้Aทุกวิชา แต่เสือกติดFวิชาเลือกเสรี”

    “อ้าว ก็ถ้ากูไม่ติดF กูก็เรียนจบอะสิ ไม่เอาหรอก จบไปก็นะ... รับช่วงต่อจากพ่อ แค่คิดก็ปวดหัว”

    คนกล้ามล้ำสักไม้กลางเขนที่แขนกับคนตัวเตี้ยมองหน้ากันแบบเอือมๆ กับเหตุผลปัญญาอ่อนของเพื่อนตัวเอง

    “ว่าแต่เมื่อไหร่ไอ้โจจะมาวะ” เท็ดเอ่ยถาม

    “นั่นสิ นี่กูมิกส์เพลงเสร็จแล้วนะเนี้ย รอมันมาเพิ่มซาวด์อีกนิดก็ขายให้DJต่อได้เลย”

    “เออๆ พอเหอะ เดี๋ยวมันก็มาเองแหละ เอ้าๆๆ ชนแก้วหน่อยเว้ยย”  เสียงแก้วเหล้าตามด้วยเสียงเปิดเพลงรีมิกซ์ในห้องสตูดังขึ้น ยิ่งทำให้กลุ่มเพื่อนคุยกันได้ครื้นเครงมากขึ้น

    ...........

     

      R RRRR...

    “เออ ว่าไงมึง โทรมาตอนตี4 ชาวบ้านเขาจะหลับจะนอน ถ้าเป็นคนอื่นเขาถามไปยิงมึงถึงที่บ้านแล้วสัด” เสียงทุ้มต่ำบ่นงึมงำกับคนปลายสาย

    “โห... ไอ้เท็ด ฟังกูก่อน กูมีเรื่องจะรบกวน”

    “เออว่าไง...”  ร่างสูงหลับตาอยู่บนเตียง ปากก็คุยโทรศัพท์ แต่มือก็ลูบไล้ไปตามเนินอกอวบของสาวสวยที่นอนข้างๆ จนมีเสียงครางดังลอดเข้าไปในเสียงโทรศัพท์

    “คืองี้นะ รถกูแบตหมดสตาร์ทไม่ติด มึงมารับกูหน่อยสิที่บ้านกูอ่ะ นะๆ เดี๋ยวกูยกเสื้อฮู๊ดสีดำตัวนั้นที่มึงอยากได้ให้เลย หายากนะเว้ยตัวนั้นอ่ะ Tomfrodเขาไม่ผลิตแล้วนะมึง”  ไอ้เพื่อนตัวเตี้ยเอาเสื้อมาล่อ

    “เออ... แต่แบบนึงได้ป่ะ”

    “ไม่ได้! กูรู้ว่ามึงกำลังจะเอากับสาวสวยผมทองที่มึงออฟไปเมื่อคืน มารับกูเดี๋ยวนี้เลยนะ”

    “ไอ้ห่า รู้ทันกูตลอด!!

     
    TBC



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×