ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (BJIN) Gory Trick ❥ iKON

    ลำดับตอนที่ #5 : ❥ Trick 04 | Smoke and Smile.

    • อัปเดตล่าสุด 2 ต.ค. 59


    O W E N TM.
      GORY TRICK
     





    ❥ Trick 04  | Smoke and Smile.






     

              ไม่ว่าจะคิดรูปแบบไหนก็ไม่ชอบใจเลยสักนิด ทำไมคิมจินอูถึงต้องปลอมตัวเข้ามาในโรงเรียนด้วย และทั้งๆ ที่อุตส่าห์ปลอมตัวมาได้ขนาดนั้นทำไมกลับมาเฉลยง่ายๆ ต่อหน้าเขากัน พวกมันต้องการอะไรจากโรงเรียนนี้กันแน่!


                นัยน์ตาสีเหลืองวาววับขึ้นในความมืด ความรู้สึกกดดันบางอย่างกำลังทำให้เขารู้สึกเหมือนกับสิ่งที่เขากลัวกำลังจะมาถึง


                คิมจินฮวานกำลังไม่ปลอดภัย!


                ภาพสมุดรายชื่อที่ถูกวาดขึ้นในอากาศ ตัวอักษรที่หายไปของชื่อคิมจินอูยิ่งเป็นสิ่งกระตุ้นความกดดันในใจของเขามากขึ้น นิ้วเรียวเลื่อนไปรูปตัวอักษรสีทองของรายชื่อมนุษย์คนสุดท้ายก่อนจะพึมพำเสียงแผ่ว


                ฉันจะปกป้องนาย


                “พี่ทำแบบนั้นไม่ได้หรอก เสียงขี้เล่นของชานอูดังขึ้น พ่อมดหนุ่มปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าพีชายคนสนิทก่อนจะสะบัดมือสลายภาพของรายชื่อนักเรียนให้หายไป


                พูดอะ…”


                “พี่ก็รู้ดีว่าพี่ทำแบบนั้นไม่ได้ชานอูพ่นลมหายใจพรืด พวกเราเป็นพ่อมด แต่พี่จินฮวานเป็นมนุษย์นะครับ


                “ฉันรู้


                “งั้นพี่ก็ควรรู้ด้วยว่าเรื่องส่วนตัวของมนุษย์ พ่อมดแบบพวกเราไม่มีสิทธ์เข้าไปก้าวก่าย


                แทฮยอนหลับตาลงแน่นทันทีที่ชานอูเอ่ยอธิบาย เขาไม่อยากจะยอมรับ แต่เรื่องพวกนั้นก็เป็นเรื่องจริงที่เขาปฎิเสธไม่ได้


                ชนเผ่าพ่อมดของพวกเขาเป็นเพียงชนเผ่าที่มีอยู่น้อยนิดในโรงเรียน เผลอๆ แล้วอาจจะเกือบเท่ากับพวกมนุษย์ที่มีอยู่ในโรงเรียนเลยก็ได้ พวกพ่อมดมีหน้าที่ในการดูแลมนุษย์ที่มีอยู่ในโรงเรียนก็จริง แต่จะพูดให้ถูกแล้ว พวกเขามีหน้าที่แค่ ควบคุมเหล่ามนุษย์พวกนั้นต่างหาก


                พวกเขามีหน้าที่แค่ช่วยยมทูตในการจัดการกับความทรงจำของมนุษย์เท่านั้น จะพูดอีกนัยหนึ่งก็คือพวกเขาไม่ได้เกี่ยวข้องที่จะต้องปกป้องมนุษย์พวกนั้นเลยสักนิด


                แต่แทฮยอนเลือกที่ปกป้องจินฮวาน


                ในตอนนี้เขาเองก็ทำได้แค่ดูแลจินฮวานเท่าที่จะดูแลได้ แต่เขาเองก็รู้ดี ว่าเมื่อไหร่ที่จินฮวานมามีส่วนเกี่ยวข้องกับสงครามระหว่างยมฑูตเมื่อไหร่ คนตัวเล็กคนนั้นก็คงไม่พ้นที่จะต้องโดนกำจัดไปด้วย


                เพราะการให้มนุษย์มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องของยมทูตเป็นเรื่องต้องห้าม!








               

                มือยกบุหรี่ขึ้นจุดสูบอย่างเคยชิน พ่นควันสีเทาหม่นของมันออกมาพลางมองดูมันด้วยแววตาอ่านยาก คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเป็นปม หน้ายุ่งเสียจนคนข้างๆ ต้องเอ่ยทักอย่างเสียไม่ได้


                หน้ายุ่งขนาดนี้คิดอะไรอยู่?”


                แวมไพร์


                “เมื่อคืนน่ะหรอ?” ซึงฮุนทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ พลางถือวิสาสะหยิบบุหรี่จากกระเป๋าเสื้อของอีกคนมาจุดสูบ หากแต่ฮันบินกลับไม่ได้โวยวายอะไร เจ้าตัวพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะพ่นลมหายใจ และขยี้มวนบุหรี่ลงกับพื้น


                ผมมีธุระ หยัดยืนเต็มความสูงก่อนจะเปิดประตูดาดฟ้าเดินออกไปโดยไม่เอ่ยแม้แต่คำลา ซึงฮุนส่ายหน้าเบาๆ พลางพ่นควันบุหรี่ออกจากปาก คุณมนุษย์หมาป่าจ้องมองกลุ่มควันสีเทาหม่น ไม่รู้ว่าสีของพวกมัน รูปร่าง หรืออะไรที่ทำให้ฮันบินชอบมอง แต่เขากลับรู้สึกว่ากลุ่มควันสีเทาหม่นพวกนี้ดูคล้ายกับเด็กยมฑูตคนนั้นมากทีเดียว


                ทั้งลึกลับ

                หมองหม่น

                ว่างเปล่า

                แต่กลับน่าค้นหา


                “คุณซึงฮุน


                เสียงใสที่เอ่ยเรียกทำให้คุณมนุษย์หมาป่าหันควับไปมองทันที ซึงฮุนเผลอปล่อยมวนบุหรี่ที่คาบอยู่อย่างตกใจ บ้าชะมัด! มีคนเข้ามาแต่มนุษย์หมาป่าอย่างเขากลับไม่รู้ตัวเลยสักนิด มัวแต่ครุ่นคิด นี่ถ้าเป็นอันตรายป่านนี้เขาได้กลายเป็นหมาตากแห้งไปแล้วแน่ๆ


                ตกใจหรอครับ ผมขอโทษ


                คนตัวเล็กเอ่ยกล้าๆ กลัวๆ ซึงฮุนส่ายหน้าเบาๆ พลางส่งยิ้มให้ก่อนจะลุกขึ้นเตรียมจะเดินไปจับมืออีกคนให้มานั่งด้วยกัน แต่คนตัวเล็กกกลับถอยหนีเสียก่อน


                ฉันไม่ทำอะไรหรอก คุณมนุษย์ผู้แสนน่ารัก


                “แต่ว่า..


                จินฮวานเผลอก้าวเท้าถอยหนีอีกครั้งเมื่อซึงฮุนยื่นมือมาหา นัยน์ตาคู่สวยสั่นไหวเบาๆ ไม่ใช่ว่าเขาไม่เชื่อว่าซึงฮุนจะไม่ทำอะไร แต่ร่างกายกลับไม่ยอมเชื่อฟังเลยสักนิด ความรู้สึกหวาดกลัวยังคงเกาะกุมอยู่ภายในใจจนสลัดทิ้งไม่ได้


                กลัวฉันมากเลยหรอ?”


                “ผม.


                “ฉันขอโทษนะซึงฮุนเอ่ยเสียงแผ่วก่อนจะเป็นฝ่ายก้าวถอยหลังเสียเอง จินฮวานตื่นตระหนกกับการกระทำของคนตรงหน้าก่อนเป็นฝ่ายก้าวเท้าเข้าไปหาอีกคนทีละนิด


                “ผมแค่ยังไม่ชินกับคุณ


                “อย่าเข้าใกล้ฉันเลย นายกลัวฉันนี่นา


                ซึงฮุนพูดพลางถอยหลังล่นลงไปอีก จินฮวานเผลอเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อเห็นว่าอีกคนถอยจนแทบจะร่วงลงจากดาดฟ้าได้อยู่แล้ว คนตัวเล็กสาวเท้าเข้าไปหามากขึ้น แต่ซึงฮุนก็ถอยเท้ากลับมากขึ้นเท่าตัว


                หยุดถอยหนีผม!” คนตัวเล็กตวาดเสียงดัง แต่นั่นทำให้ซึงฮุนตกใจจนเผลอก้าวถอยหลังอีกครั้ง สัมผัสปลายเท้ากับอากาศที่ว่างเปล่าทำให้คุณมนุษย์หมาป่าถึงกับร้องลั่น คนตัวเล็กวิ่งไปดึงมืออีกคนไว้ แต่ทว่ากลับไม่ทัน ร่างทั้งร่างปะทะกับสายลมก่อนจะดิ่งลงพื้นอย่างรวดเร็ว


                ตุบ!


                “ฮือ.


                เสียงครางเบาๆ จากเจ้าของร่างที่ทับร่างของเขาอยู่ดังขึ้น ซึงฮุนหลุดหัวเราะออกมาอย่างเสียไม่ได้ก่อนจะเลื่อนมือหนาไปลูบหัวคนตัวเล็กกว่าเบาๆ


                กลัวขนาดนั้นเลยหรอ


                “คุณมันบ้า!” ว่าพลางทุบอกของคนที่ตนทับอยู่ ผมบอกว่าอย่าถอยหนีไง ตกลงมาทั้งคู่แล้ว ฮือ ผมยังไม่อยากตาย ผมยังซื้อฟิกเกอร์ไม่ครบเลย ผมยังไม่ได้บอกแทฮยอนเลย ฮือๆๆ


                จินฮวานตีโพยตีพายยกใหญ่ มือเล็กๆ นั่นระดมฟาดรัวที่แผ่นอกของอีกคนพลางพึมพำคำเดิมซ้ำไปซ้ำมาว่าไม่อยากตายแบบนู้นแบบนี้ ปฏิกิริยาแบบนั้นทำเอาคุณมนุษย์หมาป่าหัวเราะลั่นทันที


                อะไรมันจะน่าเอ็นดูขนาดนี้กันนะ


                “คุณมนุษย์ผู้แสนน่ารัก


                “ฮือๆๆๆๆๆๆ


                “ตั้งสติหน่อยครับ เรายังไม่ตายนะ


                “ฮึก.


                จินฮวานหยุดมือที่ระดมทุบอกอีกคน คนตัวเล็กชะงักไปชั่วครู่ นัยน์ตาที่มีหยดน้ำคลอบางๆ ทำให้ซึงฮุนอดไม่ได้ที่จะไล้นิ้วเรียวเพื่อไหล่หยดน้ำนั้นออกไป ริมฝีปากบางจิ้มลิ้มค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมา ก่อนจะกลายเป็นยิ้มกว้างที่แสนสดใส


                เย้! ผมยังไม่ตาย


                “…….


                “ขอบคุณครับ


                รอยยิ้มนั่น


                ซึงฮุนชะงักไป รอยยิ้มของคนตรงหน้าเริ่มกว้างและสดใสขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่พูดขอบคุณเขาวนไปวนมา มือเล็กๆ นั่นก็เขย่ามือของเขาเบาๆ นัยน์ตาที่เคยมีหยดน้ำคลอบางๆ บัดนี้กลับแวววาวและสุกใสกว่าที่เขาเคยเห็น


                ราวกับแสงอาทิตย์ยามเช้า

               



    **

                อีซึงฮุนเป็นมนุษย์หมาป่า


                มนุษย์หมาป่าเกลียดแสงอาทิตย์พอๆ กับพวกแวมไพร์ที่เป็นศัตรูกับแสงอาทิตย์นั่นแหละ มนุษย์หมาป่าเป็นผ่าพันธุ์ที่รักความสงบ ชอบพื้นที่มืดมิดไร้แสง เพราะเมื่อเหตุใดที่มีแสงในความมืดมิดนั้น พวกเขาจะต้องกลายร่างอย่างเจ็บปวด        ผู้ที่กลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่าเป็นเพราะถูกสาปหรือเกิดจากอุบัติเหตุที่น่าสยดสยอง บุคคลนั้นต้องกลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่าทุกค่ำคืน หรือในทุกวันพระจันทร์เต็มดวงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ วิธีเดียวที่จะหยุดการกลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่าได้ คือ ความตายเท่านั้น


                แสงแค่น้อยนิดจากพระจันทร์เต็มดวงมีอิทธิพลมากมายเหลือเกินกับพวกเขา นั่นทำให้มนุษย์หมาป่าเกลียดแสงที่ส่องสว่างมากเป็นที่สุด


                อีซึงฮุนก็เหมือนมนุษย์หมาป่าทั่วๆ ไป เขาไม่อยากมีเผ่าพันธุ์แบบนี้นักหรอก แต่ช่วยไม่ได้ที่เขาเองก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ถูกสาปให้ต้องได้รับชะตากรรมที่แสนเจ็บปวดเช่นนี้ ซึงฮุนเป็นมนุษย์หมาป่าเพียงตนเดียวในเผ่าพันธุ์ที่ไม่ได้มีนิสัยดุร้ายและหวาดกลัวกลับสิ่งรอบข้าง หนำซ้ำเขายังดูเป็นมิตรมากกว่าเผ่าพันธุ์เดียวกันเสียอีก


                ซึงฮุนไม่ได้รู้สึกเกลียดแสงอาทิตย์เท่าที่ควร แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าเขาไม่ได้ชอบมันเลยสักนิด แสงเจิดจ้าแบบนั้นไม่เหมาะกับเขา ไม่เหมาะกับมนุษย์หมาป่าที่อยู่ในที่มืดมิดแบบเขาเลยสักนิด แต่ทว่า รอยยิ้มที่เจิดจ้าและสว่างสดใสของมนุษย์ตัวเล็กที่แสนน่ารักคนนี้กลับทำให้ภายในใจของเขารู้สึกอบอุ่นขึ้นอย่างน่าประหลาด เหมือนได้รับการฮีลจากพระเจ้า เหมือนความเจ็บปวดที่เคยได้รับและเป็นบาดแผลภายในจิตใจกำลังได้รับการรักษา


                หากจะเปรียบคิมฮันบินเป็นดั่งกลุ่มควันสีเทาหม่น

                คิมจินฮวานก็เหมือนกับแสงอันเจิดจ้าที่กลบกลุ่มควันนั้นจนเทบมองไม่เห็น

                น่าค้นหาพอกันเลยนะ….









               

                ฮันบินหลับตาเพียงชั่วครู่พลางค่อยๆ ลดฝีเท้าของจังหวะการเดินลง ริมฝีปากขยับคำพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม


                นายอยู่ไหน?”


              “ห้องของจีวอน


              อะไรนะ?”


              คิ้วเข้มขมวดทันทีที่ได้ยินเสียงใสที่ตอบกลับมาดังก้องอยู่ในหัวของตัวเอง น้ำเสียงที่ดูอ่อนแอแบบนั้นน่าหงุดหงิดพอๆ กับคำตอบที่เขาได้รับนั่นแหละ ให้ตายเถอะ ไปอยู่ที่ห้องของไอ้ยมทูตนั่นได้ยังไงกันวะ เป็นบ้าไปแล้วหรือไง


                นายได้ยินไม่ผิดหรอก เรามีเรื่องต้องคุยกันนะ


                เสียงใสเอ่ยตอบกลับมาอีกครั้ง น้ำเสียงแบบนั้นยิ่งทำให้หงุดหงิดขึ้นอีกเท่าตัว ฮันบินค่อยๆ เร่งฝีเท้ามากขึ้น พอๆ กับอารมณ์ที่เริ่มปะทุขึ้นทีละนิดอย่างไม่สามารถห้ามได้ เชื่อเถอะว่าอีกฝ่ายรู้ว่าตอนนี้เขากำลังรู้สึกยังไง ไอ้น้ำเสียงหงุดหงิดตอนนี้มันเริ่มจะดังขึ้นเรื่อยๆ จนเหมือนตะโกนคุยกับดินฟ้าอากาศแล้วล่ะ


                ก็คุยมาเลยสิ หรือว่าจีวอนมันทำอะไรนาย


              ก็ไม่เชิง เขาไม่ได้ทำอะไรฉัน


                ฮันบินพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ ทันทีที่ได้ยินคำนั้น


                มาเจอกันก่อนเถอะ คุยแบบนี้ไม่ได้ เสียงใสดังก้องขึ้นในหัวอีกครั้งต่อประโยคข้างต้น และต่อให้เสียงถอนหายใจยาวนั่นจะเบามากแค่ไหน แต่มันก็ยังชัดเจนมากในหัวของเขาอยู่ดี อีกคนคงมีเรื่องอะไรที่ไม่สบายใจ ถึงได้อยากจะเจอเขา เหอะ น่ารำคาญชะมัด


                นายอยู่ที่ไหนตอนนี้


                “เขตโรงเรียนนี่แหละ


                นายมาทำอะไรที่โรงเรียน วันนี้วันหยุดนะ


                “เรื่องของฉันน่ะ ฮันบินตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยติดจะไม่สบอารมณ์ ไอ้น้ำเสียงอ่อนแอที่เอาแต่ซักไซ้เขาแบบนั้นมันน่าหงุดหงิดเป็นบ้า ทั้งๆ ที่เรื่องที่สำคัญมากกว่าคือเรื่องที่ว่าหมอนั่นไปทำอะไรที่ห้องของไอ้ยมฑูตคิมจีวอนศัตรูคู่อาฆาตของเขาต่างหาก


                แล้วตกลง จะเจอกันที่ไหน?”


                ยิ่งคิดในหัวก็ยิ่งปั่นป่วนจนต้องกลายเป็นฝ่ายถามเร้าหรือแทนซะเอง ถึงจะรำคาญมากแค่ไหน แต่ภายในใจก็ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าเขารู้สึกเป็นห่วง


                ใช่ ไม่ผิดหรอก คนแบบคิมฮันบินก็รู้สึกเป็นห่วงเป็น


                อืม ทางเดินตึกขวาชั้นสองก็แล้วกัน แถวนั้นน่าจะไม่มีคน


                “โอเคอีกสิบนาที


                พูดตอบกลับไปพลางเร่งฝีเท้ามากยิ่งขึ้นเพื่อให้ไปถึงจุดหมายที่อยู่ตรงหน้า สายตาของผู้คนที่มองมาไม่ได้ทำให้ยมฑูตหนุ่มรู้สึกอะไรเลยสักนิด มันเป็นสายตาแบบที่เขาได้รับมาเกือบตลอดทั้งชีวิต แน่นอนว่ามันไม่มีอิทธิพลอะไรต่อเขาเลย


                ปลายเท้าเลี้ยวเข้าทางตึกขวาชั้นสอง บรรยากาศเงียบกริบแบบที่อีกคนบอก ไม่มีผู้คนรบกวน ไม่แปลกใจที่เขาจะรู้ ก็คนคนนั้นน่ะรักสงบจะตายไป


                ผิดกับเขาลิบลับ


                ฮันบินหยุดปลายเท้าลงก่อนจะมองอีกคนที่ยืนเท้าแขนบนขอบหน้าต่างพลางเหม่อมองไปข้างนอก เสี้ยวหน้าด้านข้างช่างดูน่ารักและไร้เดียงสาผิดกับเขา รอยยิ้มสวยๆ นั่นก็เช่นกัน ฮันบินนึกสงสัยเสมอว่าทำไมคนคนนั้นถึงได้ยิ้มได้สวยและดูสดใสมากมายขนาดนั้น ทั้งที่ชีวิตของพวกเขามีแต่ความยากลำบาก แต่ไม่ว่าจะยังไง รอยยิ้มที่ทั้งสวยงามและสดใสขนาดนั้น เขาก็ยังอยากจะปกป้อง


                ฮันบิน


                ริมฝีปากเอ่ยเรียกอีกคน ชื่อที่แสนคุ้นเคย ชื่อที่เขามักถูกเรียกเสมอ ตอนนี้เขากลับใช้เรียกใครอีกคน มือหนายกขึ้นเกาท้ายทอยตัวเองเบาๆ พลางกลั้วแคนดี้ไปมาในปากและจับแท่งไม้ออกมา ความรู้สึกขัดเขินยามที่เจ้าของชื่อหันมาทำให้เขาประหม่าเล็กน้อย


                คนตัวเล็กที่หันมาสบตากับเขาคลี่ยิ้มสวย โครงหน้าที่แสนน่ารัก เส้นผมที่ปรกหน้าเล็กน้อย ดวงตาสีเดียวกันกับของเขาแต่ทว่ากลับดูอ่อนโยนมากกว่ามาก เสื้อผ้าที่เป็นระเบียบเรียบร้อยแม้จะมีรอยเลอะเปรอะเปื้อนด้วยดิน และท่าทางที่ดูอ่อนหวานแบบนั้น


                มากกว่าความรัก แต่เป็นทุกอย่างของกันและกัน

                น้องชาย ฝาแฝดของเขา คิมฮันบิน



                “ฉันมีเรื่องต้องคุยกับนาย บีไอ

                ใช่ ชื่อของผมคือ ‘B.I.’

     









                เมื่อคืนเขาช่วยฮันเอาไว้จาก ….ปีศาจ


                บทสนทนาเมื่อครู่ของเขากับฮันบินทำให้คนที่มักจะเฉยเมยต่อสิ่งตอบตัวแบบเขาหงุดหงิด มือหนายกขึ้นขยี้เส้นผมสีเข้มของตัวเองอีกครั้งจนยุ่งไม่เป็นทรง ลำพังแค่เรื่องแวมไพร์ที่เข้ามาป่วนในโรงเรียนบีไอก็หงุดหงิดจนควบคุมตัวเองแทบไม่ได้อยู่แล้ว ยังจะมามีเรื่องของไอ้พวกปีศาจที่ทำร้ายน้องชายของเขาอีก


                เรื่องบ้าอะไรวะ!


                “คิมฮันบิน


                ชื่อของน้องชายฝาแฝดของเขาถูกเอ่ยโดยใครบางคน แต่เชื่อเถอะว่าคนที่กำลังเรียกชื่อนั้นอยู่ไม่ได้อยากจะเจอฮันบินอ่อนแอคนนั้นหรอกน่ะ


                มีอะไร?” น้ำเสียงไม่สบอารมณ์ถูกเอ่ย เอาเข้าจริงๆ แล้วเขาไม่ได้ชอบที่ถูกเรียกแบบนี้นักหรอก แต่เรื่องฝาแฝดจะให้คนอื่นรู้ไม่ได้เด็ดขาด เขาไม่อยากให้น้องชายต้องรู้สึกวุ่นวายไปมากกว่านี้แล้ว แค่ไอ้เรื่องที่ไปพัวพันกับไอ้ยมฑูตจีวอนกับมินโฮนั่นก็เต็มกลืนแล้วล่ะ


                เรียกแค่นี้ทำไมต้องหงุดหงิดใส่คนตัวเล็กเอ่ยตัดพ้อพลางขมวดคิ้วเข้าหากัน ไอ้เสียงใสๆ นั่นยิ่งทวีความหงุดหงิดให้อีกเท่าตัว ท่าทางนุ่มนิ่มแบบนี้ช่างเหมือนกับน้องชายของเขาไม่มีผิด


                น่ารำคาญว่ะ


                ปกติก็น่ากลัวจะแย่ ทำไมทำหน้าตาเหมือนอยากจะฆ่าใครขนาดนั้น


                เสียงน่ารำคาญที่บ่นพึมพำทำเอาบีไอหันควับไปมองทันที แววตาดุๆ ของเขาเหมือนจะทำให้อีกคนผงะไป คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเป็นปมก่อนจะคว้ามวนบุหรี่ในกระเป๋าเสื้อมาจุดสูบอีกครั้ง


                ไม่สูบดิ


                แต่ทว่ามือเล็กของใครอีกคนกลับคว้ามือของเขาเอาไว้ บีไอชะงักไปชั่วครู่ ความรู้สึกอุ่นร้อนจากฝ่ามือของอีกคนที่แผ่กระจายอยู่บนสัมผัสบนฝ่ามือของเขาเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดมาก คนตัวเล็กส่งยิ้มกว้างให้ก่อนจะขว้างบุหรี่ลงจากดาดฟ้า


                “สูบมากๆ มันไม่ดีนะรู้มั้ย


                “คิมจินฮวาน


                “หืม?”


                “ไม่เห็นรู้ ว่าผมกับคุณสนิทกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่น้ำเสียงทุ้มเข้มของฮันบินทำเอาจินฮวานชะงักไป คนตัวเล็กกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากก่อนจะค่อยๆ พึมพำตอบกลับไป


                ขอโทษที ฉันไม่กวนแล้วล่ะ


                วินาทีที่หยัดยืนเต็มความสูงเตรียมจะหมุนตัวเดินลงจากดาดฟ้าก็โดนอีกคนกระชากแขนเอาไว้จนร่างทั้งร่างร่วงลงนั่งบนตัก บีไอเอื้อมท่อนแขนแกร่งตวัดรอบเอวอีกคนไว้แน่นอย่างถือวิสาสะ คนตัวเล็กเบิกตากว้างอย่างตกใจ สัมผัสเย็นที่เคยแค่ได้รับจากฝ่ามือบัดนี้กลับกลายเป็นร่างกายเย็นจัดของใครอีกคนแทน อุณหภูมิขนาดนี้ทำเอาเขาตัวสั่นอย่างเสียไม่ได้


                นาย จะทำอะไร!”


                “ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก เสียงทุ้มที่กระซิบข้างหูนั่นทำเอาขนลุกซู่ จินฮวานตัวแข็งทื่ออย่างทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าเพราะกลัว หรือเพราะไอเย็นจากอีกฝ่ายกันแน่ แต่ร่างกายของเขาขยับไม่ได้เลยสักนิด


                ให้ตายสิเสียงทุ้มสบถเบาๆ คนแบบคุณนี่มันน่าหงุดหงิดชะมัด


                “……..


                “ทำไมถึงได้ทำตัวน่าหงุดหงิดขนาดนี้กัน


                 ฉันทำอะ…”


                ไม่ให้อีกคนได้เอ่ยคำน่าหงุดหงิดใดๆ อีก ยมทูตหนุ่มหมุนตัวให้อีกคนหันมาเผชิญหน้าก่อนจะกระชากใบหน้าอีกคนให้เผชิญหน้าแล้วบีบแรงๆ จนปากเล็กเผยอขึ้น จากนั้นก็กดริมฝีปากเย็นจัดลงมาอย่างรวดเร็วจนพื้นที่บนริมฝีปากสัมผัสกันแนบแน่น


                วินาทีนั้นจินฮวานเบิกตากว้างด้วยความตกใจและทำอะไรไม่ถูก หัวใจเต้นแรงไม่เป็นส่ำ และมันเต้นระทึกไปด้วยความหวาดกลัว คนตัวเล็กกว่าพยายามที่จะสะบัดหน้าหนีจากการคุกคามของยมทูตร้ายกาจตนนี้ ทว่าอีกคนกลับไม่ยอมง่ายๆ บีไอล็อกใบหน้าเล็กๆ นั้นไว้ด้วยใบหน้าของเขา ขณะเลื่อนมือลงมากอดร่างทั้งร่างของจินฮวานเอาไว้ให้หยุดการดิ้นรนที่มันไร้ผล ส่วนมืออีกข้างที่เคยพันธนาการมือของคนตัวเล็กอยู่ก็เลื่อนมาสัมผัสกับท้ายทอยเล็กไว้


                ร่างทั้งร่างราวกับถูกแช่แข็ง สัมผัสที่เย็นจัดไม่ว่าจะเป็นจากริมฝีปากหนักๆ ที่กำลังบดเบียดอยู่บนริมฝีปาก หรือแม้แต่ร่างกายเย็นจัดที่ทำให้ร่างทั้งร่างถึงกับสั่นอย่างไม่สามารถควบคุมได้แม้แต่นิด


                อื้อออออ


                ยิ่งต่อต้านก็ยิ่งเหมือนจะปลุกให้อีกคนฝังริมฝีปากลงไปมากยิ่งขึ้น แสงสีฟ้าทีเปล่งขึ้นมาจากหลังฝ่ามือกับสัญลักษณ์รูนรูปอินฟินิตี้นั่นปรากฎขึ้นต่อสายตาของเขาอีกครั้ง จินฮวานเบิกตากว้างอีกครั้ง สัญลักษณ์นั่น สัญลักษณ์ที่เขาได้ยินมาจากชานอูว่าเป็นสัญลักษณ์รูนแปลกประหลาดที่มีในรอบร้อยปี!


                “คนแบบคุณมันน่าหงุดหงิด


                บีไอละริมฝีปากออกพลางสบถคำเดิมซ้ำอีกครั้ง จินฮวานถอยหนีจากยมทูตที่ร้ายกาจตรงหน้าก่อนจะกัดริมฝีปากที่บวมเจ่อของตัวเองเอาไว้ แสงสีฟ้าที่หลังฝ่ามือของบีไอค่อยๆ จากลงจนหายวับไปในในที่สุด


                กลัวผมหรือไง?”


                “นายมัน.


                ริมฝีปากที่สั่นระริกทำเอาอีกคนพูดไม่ออก จินฮวานทำได้แต่กอดตัวเองเอาไว้ ร่างกายที่สั่นเทานี่น่ารำคาญจริงๆ เพราะมันทำให้คนตรงหน้ารู้ว่าเขากำลังหวาดกลัว


                กลัวการกระทำที่แสนป่าเถื่อนนั่น!


                “ผมไม่อนุญาตให้คุณกลัวผม


                น้ำเสียงทุ้มเข้มที่ดังขึ้นทำให้คนตัวเล็กเบิกตากว้าอย่างตกใจ ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ฮันบินมานั่งข้างหลังพร้อมกับกอดเอวเขาไว้และกระซิบคำพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มข้างหูแบบนี้!


                “ไม่ต้องกลัว


                อีกครั้งที่เสียงทุ้มๆ นั่นดังขึ้นข้างหู แต่ตอนนี้มันกลับฟังดูอบอุ่นอย่างน่าประหลาด จินฮวานค่อยๆ คลายมือที่กอดตัวเองออก เป็นจังหวะเดียวกันกับที่อีกคนกระชับอ้อมกอดที่เอวเล็กให้แน่นขึ้น ราวกับจะเป็นการปลอบใจ


                ทำไม.


                คำพูดที่แผ่วเบาถูกเอ่ยขึ้นอย่างยากเย็น บีไอหมุนตัวให้อีกคนหันมาเผชิญหน้าก่อนจะเลื่อนมือเย็นๆ นั่นไปลูบแก้มใสอย่างแผ่วเบา สัมผัสที่เย็นจัดนั่นทำให้จินฮวานตัวแข็งทื่ออีกครั้ง แต่ไม่ใช่เพราะว่ากลัว ตอนนี้เขากลับรู้สึกอบอุ่นใจมากยิ่งกว่า


                คนแบบคุณมันน่าหงุดหงิดคำพูดเดิมๆ ถูกเอ่ยขึ้นอีกครั้ง บีไอรั้งร่างเล็กเข้าไปกอดไว้ กดศีรษะของอีกคนให้แนบชิดไปกับอกแกร่ง และพึมพำคำพูดที่แสนแผ่วเบา


                เพราะแบบนั้นผมเลยปล่อยไว้ไม่ได้


     

               


        ❥ To be continued.












     

              มาพูดคุยกับอินดี้กัน :3            





    เราขอโทษมากๆ เลยนะคะที่เราอัพช้า(มาก)ขนาดนี้
    หลายๆ อย่างค่ะ ขก ติดงาน นู่นนี่นั่น ฮืออออออ
    อยากขอโทษเป็ดมากที่สุดเลย แล้วก็ขอบคุณด้วยที่ยังรอกัน
    จะไม่ทิ้งแน่นอนเลยสำหรับฟิคเรื่องนี้
    ตอนนี้ในส่วนของเราก็เฉลยแล้วเนอะ 
    ถ้าอยากรู้ว่าสองแฝดพูดอะไรกันแนะนำไปอ่านของเป็ดก่อนมาอ่านเรื่องนี้นะคะ
    หวังว่าทุกคนจะสนุกกับการกลับมาของเรานะคะ
    ขอบคุณที่แวะมาอ่าน แล้วพบกันใหม่ค่ะ 

    *อ่านสองเรื่องคู่กันเลยจะสนุกกว่าเยอะ (:

    Grim Reaper {Click!}

    มาสกรีมด้วยกันได้ที่ #ฟิคยมทูตฮันบิน

    {Twitter   Indydoll.}


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×