คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ❥ Trick 03 |Blank Rune.
❥ Trick 03 | Blank Rune.
ร่างเล็กหยุดฝีเท้าลงตรงหน้าหอคอยพอดีกับที่นาฬิกาโบราณเรือนใหญ่ตีบอกเวลาเที่ยงคืน นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มที่แสนสุกใสแปรเปลี่ยนเป็นสีม่วงเข้มทันที มือเล็กสะบัดผ้าคลุมสีม่วงออกจากตัวก่อนจะเงยหน้าเฝ้ามองบริเวณรั้วโรงเรียน บรรยากาศขมุกขมัวที่อยู่เหนือท้องฟ้าทำให้ริมฝีปากบางค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมาเพื่อต้อนรับผู้มาเยือน
ร่างโปร่งผลักประตูเหล็กบานใหญ่ของโรงเรียนได้อย่างง่ายดายราวกับประตูนั้นไม่เคยมีโซ่เหล็กขนาดใหญ่คล้องอยู่
นัยน์ตาสีแดงเป็นประกายวิบวับเมื่อมองเห็นคนตัวเล็กที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว
“มาเร็วดีนี่” เสียงทุ้มเอ่ยทักทายขณะก้าวเพียงพริบตาเดียวก็มาอยู่ต่อหน้าซะแล้ว
มือหนาเอื้อมไปลูบหัวคนตัวเล็กกว่าเบาๆ อาจจะมองดูเหมือนกับว่าเขากำลังหยอกล้อคนๆ
นั้น ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว การลูบหัวสำหรับ ‘คิมจินอู’
คนนี้มันหมายความว่าเขากำลังถูกอีกคนท้าทายอยู่ต่างหาก
“หยุดลูบหัวฉัน คังซึงยูน” เสียงหวานเอ่ยอย่างหงุดหงิด
แต่อีกคนกลับหัวเราะชอบใจราวกับพอใจในการกระทำและปฎิกิริยาที่ได้รับซะอย่างนั้น
จินอูกัดฟันกรอด เขี้ยวแหลมคมผุดขึ้นข้างริมฝีปาก
ทำเอาซึงยูนถึงกับถอยหลังพรืดและยกสองมือขึ้นเป็นเชิงยอมแพ้ทันที
เขารู้ตัวดีว่าสู้คนๆ
นี้ไม่ได้สักนิด…
‘คังซึงยูนและคิมจินอู’
คือหนึ่งในเผ่าพันธุ์แวมไพร์ผู้เป็นพันธมิตรกับพวกปีศาจ
แน่นอนว่าพวกเขาตกเป็นเบี้ยล่างของพวกปีศาจอย่างสมบูรณ์แบบ ถ้าจะพูดง่ายๆ
พวกเขาก็เป็นแค่ทาสรับใช้ของปีศาจก็เท่านั้น ไม่มีทางเลือกสำหรับเผ่าพันธุ์ที่เกือบจะสูญสลายอย่างพวกเขามากนักหรอก
เพราะงั้นแล้วแวมไพร์ถือเป็นเผ่าพันธุ์ที่จงรักภักดีต่อปีศาจมากที่สุด
ถึงแม้ว่าพวกที่ทำลายเผ่าพันธุ์ของพวกเขาจะเป็นไอ้เจ้ายมทูตปีศาจพวกนั้นก็เถอะ
“ผมมาตามคำสั่ง ‘ท่าน’ บอกว่าเราเข้าใกล้สิ่งที่ตามหาแล้ว”
“เหอะ” จินอูแค่นหัวเราะในลำคอทันทีที่ได้ยินคำพูดของซึงยูน
“ไอ้ของสองสิ่งที่ว่านั่นน่ะนะ”
“ครับ”
ซึงยูนพยักหน้ารับ
ใบหน้าคมเงยขึ้นมองพระจันทร์ที่สาดแสงสีแดงราวกับสีเลือดก่อนจะขยับริมฝีปากท่องบทกวีที่เขาจำได้ขึ้นใจ
“สองสิ่งไม่ได้เป็นอย่างความคิด
สองสิ่งไม่อาจควบคุมให้เป็นของเราได้ สองสิ่งอันแสนห่วงหาอาจเป็นเพียงแค่ภาพมายา
แต่สองสิ่งนั้นหากได้มาจะหลุดพ้นจากการพ่ายแพ้ทั้งปวง”
นัยน์ตาสีแดงประสานกับนัยน์ตาสีม่วงที่แสนเย็นชาของอีกคน
พวกเขาจำบทกวีนี้ได้เป็นอย่างดี
และเมื่อไหร่ที่ได้เอ่ยความอึดอัดก็จะเกาะกุมขึ้นในใจอย่างไร้เหตุผล จินอูพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิดเพื่อระบายความอึดอัดในใจ
ตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาได้ยินบทกวีนี่ ความรู้สึกพวกนั้นก็ถาโถมเข้ามาไม่ยอมหยุด
และดูเหมือนว่ามันจะเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ตั้งแต่ที่เขาได้ก้าวเข้ามาในโรงเรียนแห่งนี้ในฐานะมนุษย์เพียงเพื่อเป็น ‘สปาย’ ให้กลับพวกปีศาจ
ไม่ว่าจะตอนนั้นหรือตอนนี้ก็ตาม
บทกวีที่พวกเขาจำมันได้ขึ้นใจและมีอิทธิพลมากมายกับพวกเขาขนาดนั้นไม่ได้ช่วยให้พวกเขาเข้าใจมันเลยสักนิด
ไม่เข้าใจความหมายของบทกวี ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับของสองสิ่งนั้น
พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังตามหาอะไรอยู่
“แล้วถ้าท่านรู้ว่าเราเข้าใกล้มันแล้วทำไมถึงไม่บอกว่าสิ่งนั้นคืออะไร?”
“ผมไม่รู้”
ซึงยูนส่ายหน้าเบาๆ
ริมฝีปากหนาเม้มเข้าหากันราวกับรู้อยู่แล้วว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไปกับเขา
พลั่ก!
ร่างสูงโปร่งของแวมไพร์หนุ่มถูกยกขึ้นจากพื้นด้วยมือเล็กๆ
ที่ดูเหมือนจะบอบบางของอีกคน จินอูกัดฟันกรอดอย่างหงุดหงิด
มือเล็กขยำคอเสื้อของซึงยูนจนทำให้อีกคนแทบไม่มีแรงจะหายใจด้วยซ้ำ
ซึงยูนพยายามดิ้นเพื่อให้หลุดจากพันธนาการที่คอ
แต่ดูเหมือนว่าความหงุดหงิดของอีกคนจะมีมากกว่า
จินอูสะบัดมืออย่างแรงทำให้ร่างโปร่งลอยไปปะทะกับกำแพงเหล็กอย่างจัง
อั่ก!
เลือดสีแดงสดทะลักออกมาจากริมฝีปากหนา
ซึงยูนค่อยๆ
พยุงตัวเองให้ลุกขึ้นเป็นจังหวะเดียวกับที่จินอูก้าวพรวดเดียวมายืนอยู่ต่อหน้าเขา
นัยน์ตาสีม่วงเข้มขุ่นมัวจนมันแทบจะกลายเป็นสีดำสนิท
ซึงยูนมองคนตัวเล็กตรงหน้าด้วยแววตาหวั่นเกรง เขาไม่มีทางสู้คนๆ นี้ได้เลย
คิมจินอู ต้นตระกูลของแวมไพร์…
จินอูเรียกได้ว่าเป็นต้นตระกูลของเผ่าพันธุ์แวมไพร์
ถ้าจะเรียกง่ายๆ เขาก็เป็นคนที่สูงที่สุดในเผ่าพันธุ์นั่นเอง
จินอูไม่ใช่แค่มีอำนาจสูงสุด
แต่เขายังเป็นผู้ที่จะตัดสินใจว่าจะอนุญาตให้มนุษย์ตนใดเป็นแวมไพร์ได้เมื่อถูกกัดแล้ว
จินอูมีทั้งพละกำลังที่สูงและความฉลาดเป็นเลิศ
ท่านถึงได้ส่งให้เขาเข้ามาเป็นสปายในโรงเรียนนี้
ในเวลาปกติซึงยูนถือเป็นคนที่สองที่สามารถเล่นหยอกล้อกับจินอูได้เหมือนเป็นพี่น้อง
หากแต่เมื่อใดที่จินอูหงุดหงิดหรือโกรธ แม้แต่คนโปรดอย่าง ‘คนคนนั้น’
เขาก็สามารถฆ่าได้ง่ายๆ
“ไสหัวไปซะ ฉันหงุดหงิด”
“แต่….”
“ถ้าขืนนายยังอยู่ล่ะก็
นายได้แหลกคามือฉันแน่!”
เสียงหวานตวาดกร้าว ซึงยูนพยักหน้าเบาๆ
ก่อนจะโค้งศีรษะและสะบัดผ้าคลุมสีดำหายวับไปในความมืด
นัยน์ตาสีม่วงเป็นประกายวาววับในความมืด
เขี้ยวแหลมคมผุดขึ้นทันทีที่ริมฝีปากบางเหยียดยิ้มเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของมนุษย์ดังขึ้น
มือเล็กสะบัดผ้าคลุมสีม่วงพลันนัยน์ตาสีม่วงเข้มก็แปรเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาเข้มสุกใส
เขี้ยวแหลมคมที่มุมปากหายใจเหลือเพียงแค่รอยยิ้มที่แสนไร้เดียงสา
ร่างเล็กหันไปเจ้าของเสียงฝีเท้าที่ได้ยินก่อนจะเอ่ยเสียงหวาน
“นายมาเร็วกว่าที่นัดนะ”
อาหารคืนนี้ของผมมาแล้วล่ะ
J
“พี่ลากผมออกมาทำไมดึกๆ แบบนี้” แทฮยอนเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนักขณะที่โดนอีกคนฉุดกระชากลากถูให้เดินตาม
หากแต่คนถูกดุกลับไม่สนใจเสียงของเขาเลยสักนิด ทำเอาคุณพ่อมดหนุ่มได้แต่ถอนหายใจพรืดอย่างขัดใจ
เขาไม่รู้ว่าไอ้คุณมนุษย์หมาป่านี่บุกไปที่ห้องของเขาและลากเขาออกมาเพื่ออะไร
ถามไอ้ยมทูตกวนประสาทนี่ก็ไม่ได้รับคำตอบอะไรเลยสักนิด
แทนที่เขาจะได้อยู่ดูแลจินฮวานที่สภาพจิตใจแย่ลงจากเรื่องที่เพิ่งเจอ
กลับต้องถูกลากออกมาดึกๆ แบบนี้ด้วยไอ้ตัวการสองคนที่ทำให้เพื่อนสนิทของเขาต้องเป็นแบบนั้น
ฮึ่ย! เดี๋ยวพ่อก็เสกให้เป็นหมาบ้านซะเลย!
“เลิกด่าฉันในใจได้แล้วแทฮยอน” เสียงแหลมเล็กของซึงฮุนส่งผลให้พ่อมุดหนุ่มถึงกับเงยหน้ามองอีกคนด้วยแววตางุนงงทันที
แต่เสียงหัวเราะเบาๆ ของฮันบินก็เรียกสายตาของทั้งคู่ให้หันไปมองก่อนจะตวาดพร้อมกันราวกับนัดหมาย
“หัวเราะทำไม!”
“ตลกดี”
“ไอ้เด็กนี่!”
แทฮยอนเตรียมจะพุ่งเข้าใส่ฮันบินทันทีที่ใบหน้ากวนประสาทนั่นเอ่ย
ซึงฮุนรีบคว้าเอวของอีกคนไว้เป็นการห้ามทัพ
“เฮ้ อย่าทะเลาะกัน ฉันไม่ได้ลากพวกนายให้ออกมาตีกันนะ”
“แล้วพี่จะลากผมออกมาทำไม!”
แทฮยอนเบี่ยงตัวหันไปตวาดซึงฮุนทันที
คนถูกดุปล่อยมือออกจากเอวของอีกคนก่อนจะยกมือขึ้นเกาท้ายทอยของตัวเองเบาๆ
และเอ่ยเขินๆ
“จะให้พาไปร้านฟิกเกอร์หน่อย”
“ห้ะ?”
“ก็แบบว่า” คุณมนุษย์หมาป่าก้มหน้าลงพร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงอู้อี้ “ฉันทำให้คุณมนุษย์ที่แสนน่ารักคนนั้นต้องกลัวนี่นา ฮันบินบอกว่าจินฮวานน่ะตัวสั่นมากเลยไม่ใช่หรอ”
ซึงฮุนเงยหน้ามาสบตากับแทฮยอน
นัยน์ตาของมนุษย์หมาป่าซึงฮุนมีร่องรอยความรู้สึกผิดที่แทฮยอนเห็นได้อย่างชัดเจน พ่อมดหนุ่มสัมผัสได้ทันทีเลยว่าซึงฮุนคงจะรู้สึกผิดมากจริงๆ
ที่ทำให้เพื่อนของเขาต้องเป็นแบบนั้น
แทฮยอนคลายความโกรธลงก่อนจะมองอีกคนด้วยแววตาที่อ่อนลง
“แล้วจะให้ผมพาไปร้านฟิกเกอร์เพื่อจะเอาไปขอโทษจินฮวานสินะ”
“อื้อ”
ซึงฮุนพยักหน้าเบาๆ ตอบรับ
“แล้วรู้ได้ไงว่าจินฮวานชอบฟิกเกอร์”
“ฮันบินบอก”
“ไอ้เด็กนั่นก็รู้จักร้านฟิกเกอร์นี่
พี่ไม่เห็นต้องไปลากผมออกมาเลย”
แทฮยอนชี้ไปที่ฮันบินที่ยินตีหน้านิ่งอยู่ข้างๆ
สาบานเลยว่าเห็นหน้าไอ้ยมทูตนี่ทีไรเขาอยากจะฟาดหน้ามันจริงๆ
คนอะไรหน้าตากวนตีนได้ขนาดนี้วะ!
“ฉันก็ไปหาฮันบินนั่นแหละ
ถามมันว่าจะขอโทษยังไงดี แล้วมันก็บอกว่าจินฮวานชอบฟิกเกอร์มากๆ
พอฉันบอกว่าให้มันพาไปมันก็บอกว่าให้ฉันไปขอให้นายช่วยดีกว่า
เพราะนายน่าจะรู้ว่าฟิกเกอร์อันไหนที่จินฮวานยังไม่มี แล้วก็อันไหนที่อยากได้น่ะ”
แทฮยอนขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินคำอธิบายของซึงฮุน
ไม่ใช่ว่าเขาไม่เข้าใจสิ่งที่ซึงฮุนอธิบาย
แต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมไอ้เด็กยมฑูตที่แสนกวนประสาทนั่นถึงได้เสนอให้ซึงฮุนขอโทษจินฮวาน
แถมยังบอกให้มาขอความช่วยเหลือจากเขาอีกต่างหาก
ทั้งที่อย่างหมอนั่นน่าจะไม่สนใจเรื่องพวกนี้
เรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตัวเองเลยสักนิด
ยิ่งเป็นเรื่องของจินฮวานที่เขามักจะเห็นว่าฮันบินชอบไปกวนประสาทบ่อยๆ
แล้วด้วย ไม่มีทางที่ฮันบินจะเห็นดีเห็นงามกับสิ่งที่ซึงฮุนอยากทำหรอก
“ผมเองก็อยากขอโทษ”
ราวกับความคิดในใจของแทฮยอนมีเสียง
ฮันบินเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะมองสบตาพ่อมดหนุ่มด้วยแววตาจริงจัง
“ผมเองก็มีส่วนที่ทำให้เขาต้องกลัวแบบนั้น และผมก็สัญญาแล้วว่าผมจะไม่เป็นอันตรายต่อเขา”
นัยน์ตากลมโตสีดำสนิทสั่นไหวเล็กๆ
ก่อนที่มันจะแปรเปลี่ยนเป็นสายตาที่คาดเดาไม่ได้ตามเดิม
แทฮยอนไม่รู้ว่าคิมฮันบินกำลังคิดอะไรอยู่ แต่จากสายตาที่จริงจังและความรู้สึกที่เขาสัมผัสได้
ไอ้เด็กยมฑูตนี่ไม่ได้โกหกแล้วก็ไม่มีแววเป็นภัยสำหรับเพื่อนสนิทของเขาแล้ว
ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีน่ะนะ…
“เราจะไปกันได้หรือยัง
ดึกมากแล้วนะ” ซึงฮุนเอ่ยขัด
แทฮยอนหันไปมองก่อนจะชกมือกับไหล่อีกคน
“ก็ใช่ ดึกมากแล้ว แล้วร้านฟิกเกอร์มันเปิดให้พี่หรือไง!”
“ก็ไม่ได้อยากให้เปิด”
คนตัวสูงพูดออกมาหน้าตาเฉย ทำเอาแทฮยอนถึงกับถลึงตาใส่ทันที
อะไรของไอ้เจ้ามนุษย์หมาป่านี่ อยากไปซื้อฟิกเกอร์ทั้งๆ ที่ร้านไม่เปิดเนี่ยนะ!
“ไม่ได้จะไปซื้อ”
….อย่าบอกนะว่า
“จะไปขโมย” พูดจบก็แลบลิ้นเลียริมฝีปากเบาๆ
ทำเอาแทฮยอนถึงกับอ้าปากค้างกับคนตรงหน้า
“จะบ้าหรือไง!”
“ชู่ว….”
เสียงชู่วเบาๆ
จากฮันบินทำให้ทั้งคู่หันไปมอง
ยมทูตหนุ่มยกนิ้วสวยขึ้นแตะริมฝีปากตัวเองก่อนจะมองไปข้างหน้า
แทฮยอนกับซึงฮุนมองตามสายตาก่อนจะพบกับคนตัวเล็กที่กำลังยืนคุยกับใครสักคนตรงหน้าหอนาฬิกาทางออกของโรงเรียน
“มนุษย์” ซึงฮุนเอ่ยเบาๆ
ก่อนจะพยายามเพ่งสายตาไปที่ภาพตรงหน้า คนตัวเล็กๆ
ในชุดผ้าคลุมสีม่วงนั่นดูคุ้นตาอย่างน่าประหลาด ราวกับว่าเขาเคยเห็นคนๆ นั้นมาก่อน
ตาเรียวเล็กพยายามเพ่งมองก่อนที่ริมฝีปากบางจะเอ่ยอย่างตระหนก
“เฮ้ย นั่นจินฮวาน”
“ไม่ใช่!”
ฮันบินกับแทฮยอนเอ่ยขึ้นพร้อมกัน
ทั้งคู่ไม่ได้หันมามองซึงฮุนแต่ยังคงจับจ้องไปที่คนตัวเล็กคนนั้นอย่างไม่วางสายตา
ซึงฮุนสัมผัสความรู้สึกกดดันได้จากสองคนนี้ เขาไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ
บรรยากาศมันถึงได้ดูน่าอึดอัดแบบนี้ และคนตัวเล็กๆ
คนนั้นที่ไม่ใช่จินฮวานเป็นใครกัน
“คิมจินอู” เสียงนุ่มที่ดังขึ้นเรียกสายตาของฮันบินกับซึงฮุนให้หันไปมองได้ทันที
แทฮยอนพึมพำเบาๆ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน นัยน์ตาเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีเหลือง
มือกำหมัดแน่นจนเห็นเส้นเลือดขึ้น
ปฎิกิริยาแบบนั้นทำเอาทั้งฮันบินและซึงฮุนมองด้วยแววตางุนงง
“เป็นอย่างที่คิด” แทฮยอนพึมพำอีกครั้ง ฮันบินกับซึงฮุนหันไปมองที่มนุษย์คนนั้นอีกครั้งก่อนจะพบว่าคนตัวเล็กๆ คนนั้นไม่ใช่จินฮวาน
และไม่ใช่มนุษย์ด้วย…
มือเล็กๆ
นั่นคว้าเสื้อขอคนตัวสูงอีกคนและยกตัวจนลอย
ใบหน้าหวานเหยียดยิ้มที่มีเขี้ยวแหลมคมอยู่สองด้านของริมฝีปาก
ก่อนที่จะฝังมันลงบนต้นคอของเหยื่อ
ซึงฮุนกับแทฮยอนเบิกตากว้างอย่างตกใจกับภาพที่เห็นตรงหน้า
เว้นก็เพียงแต่ฮันบินที่มองภาพนั้นด้วยแววตาเรียบเฉย
ยังไม่ทันได้ตั้งสติเลยด้วยซ้ำ
คนตัวเล็กคนนั้นก็ปล่อยร่างที่ไร้สีของมนุษย์ผู้น่าสงสารลงกับพื้นก่อนจะยกหลังมือเล็กๆ
ขึ้นเช็ดเลือดที่มุมปาก เขี้ยวแหลมคมพลันหายไป
นัยน์ตาแวววาวสีม่วงเข้มแปรเปลี่ยนเป็นนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มที่สุกใสราวกับกวางน้อย
ราวกับมนุษย์ที่แสนบอบบาง…
ร่างเล็กสะบัดมือเพียงครั้งเดียว
ร่างไร้วิญญาณของมนุษย์ผู้นั้นก็หายวับไป ไม่เหลือเศษซากอะไรสักอย่าง ณ บริเวณนั้น
ไม่มีร่างมนุษย์ ไม่มีรอยเลือด ไม่เหลือแม้แต่กลิ่นคาวเลือดสักนิด
ราวกับว่าที่ตรงนั้นไม่เคยเกิดอะไรขึ้น
เป็นการเก็บกวาดที่สมบูรณ์แบบมาก
ถ้าไอ้เจ้าสามตัวนี่ไม่เห็น!
“ออกมา
ผมรู้ว่าพวกคุณอยู่ตรงนั้น”
เสียงหวานที่เอ่ยขึ้นพร้อมกับนัยน์ตาคู่สวยที่มองตรงมายังที่ซ่อนของพวกเขาทำเอาแทฮยอนกับซึงฮุนสะดุ้งอย่างตกใจ
ฮันบินลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะเผยตัวต่อหน้าอีกคน จินอูเอียงคอน้อยๆ
ก่อนจะเอ่ยเสียงหวานด้วยรอยยิ้มที่แสนไร้เดียงสา
“ก็นึกว่าใครซะอีก” นิ้วเรียวสวยชี้ไปที่แทฮยอนก่อนจะเริ่มเอ่ย
“นั่นมันคุณพ่อมดนัมแทฮยอน ส่วนนั่นก็หมาป่าอิสระอีซึงฮุน
และสุดท้าย….” ริมฝีปากบางหยุดลงก่อนจะค่อยๆ
เหยียดยิ้มร้ายกาจที่เผยให้เห็นเขี้ยวแหลมคมที่มุมปากนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มแปรเปลี่ยนเป็นสีม่วงเข้มพลางมองสบตากับอีกคน
“คุณยมทูตผู้ท้าทายสิบอันดับยมทูต คิมฮันบิน”
เพียงแค่เอ่ยจบ
นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มก็กลับมาเหมือนเดิม เขี้ยวแหลมคมที่มุมปากก็พลันหายไป
แทฮยอนขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
“นายเป็นแวมไพร์”
“ชู่ว
ไม่เสียงดังไปสิครับคุณพ่อมด” คนตัวเล็กเอียงคอพลางยิ้มน้อยๆ
“ผมน่ะ ก็เป็นแค่มนุษย์ตัวเล็กๆ คนหนึ่งเท่านั้นเองนะ
อย่าลืมสิ”
“เข้ามาที่โรงเรียนของเราทำไม” แทฮยอนไม่สนใจคำพูดของจินอู
นัยน์ตาสีเหลืองแวววาวในความมืดราวกับเสือร้าย จินอูเองก็พอจะรู้สถานการณ์ว่าตอนนี้แทฮยอนกำลังโมโห
แต่เขาก็ไม่ได้คลายความอยากยั่วโทสะลงเลยสักนิด
คนตัวเล็กหัวเราะเสียงใสพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ (จงใจ) ไร้เดียงสา
“ผมจะเข้ามาทำไม พ่อมดอย่างคุณอยากรู้ไปทำไม?”
“ฉันเป็นหนึ่งในผู้ดูแลโรงเรียน
และแวมไพร์อย่างนายก็เป็นอันตรายต่อโรงเรียนของเรา!” แทฮยอนตวาดเสียงกร้าว
นัยน์ตาสีเหลืองลุกโชนราวกับมีไฟอยู่ในดวงตา และนั่นทำให้จินอูพอใจมากทีเดียว
คนตัวเล็กเหยียดยิ้มบางก่อนจะเอ่ยอีกครั้ง
“ไม่ใช่ว่าผมเป็นอันตรายต่อ ‘คิมจินฮวาน’ หรอครับ?”
“แก!”
แทฮยอนพุ่งเข้าใส่คิมจินอูทันที แต่ก็โดนคนตัวเล็กกว่าจัดการซะก่อน
จินอูสะบัดผ้าคลุมสีม่วงเข้มปะทะกับร่างของแทฮยอนที่พุ่งเข้าใส่อย่างจัง
ทำเอาร่างของพ่อมดหนุ่มกระเด็นไปชนกับซึงฮุนที่อยู่ข้างหลัง
“อย่าทำร้ายผมสิ ผมก็แค่มนุษย์ตัวเล็กๆ นะ”
“แก!”
“ฝากดูแลพี่แทฮยอนหน่อยครับพี่ซึงฮุน”
ฮันบินเอ่ยเสียงเรียบ ซึงฮุนเองก็พอจะเข้าใจสถานการณ์ตอนนี้
คนตัวเล็กคนนี้คงไม่ใช่แวมไพร์ธรรมดา
ซึงฮุนรีบประคองแทฮยอนขึ้นก่อนจะพาไปนั่งอยู่ที่กำแพงอีกฝั่งและมองไปยังฮันบินที่ยืนเผชิญหน้าอยู่กับจินอู
ไม่มีคำพูดใดๆ
หลุดออกจากริมฝีปากของทั้งคู่
ฮันบินมองคนตรงหน้าด้วยแววตาเรียบเฉยทำเอาจินอูถึงกับเผลอขมวดคิ้ว เขาไม่รู้เลยสักนิดว่าแววตาของคนๆ
นี้กำลังคิดอะไรอยู่ จู่ๆ ความกดดันก็ถาโถมเข้ามาใส่เขา
จินอูมองสบตาฮันบินอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเป็นคนเบือนสายตาหันไปมองแทฮยอนที่กำลังมองมาด้วยแววตาเคียดแค้นแต่ก็โดนซึงฮุนปรามไว้
“ฉันไม่อยากมีเรื่องกับนายหรอกนะคุณยมทูตหนุ่ม
นายเองก็ไม่อยากมีเรื่องกับฉันหรอกใช่มั้ย”
“ผิดแล้ว
เพราะผมอยากมีเรื่องกับคุณ”
“!!!”
คำพูดที่แสนราบเรียบของฮันบินทำเอาจินอูถึงกับเสียการควบคุม
นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มสั่นไหวอย่างรุนแรง ทำไมกัน
ทำไมคิมฮันบินถึงมีอิทธิพลต่อความรู้สึกของเขามากมายขนาดนี้
กดดัน… จนอยากจะกระอัก
เจ้าของพลังที่แสนกดดันทำแค่เพียงหยักยิ้มบางที่มุมปาก
นัยน์ตากลมโตสีดำสนิทฉายแววอำมหิตอยู่เพียงชั่วครู่ก่อนที่มันจะกลับเป็นสายตาที่แสนเย็นชาและยากจะคาดเดาเหมือนเช่นเคย
ฮันบินแค่นหัวเราะเบาๆ ให้กับปฎิกิริยาของคนตรงหน้า จินอูกำลังยกมือเล็กๆ นั่นขึ้นลูบคอของตัวเอง
นัยน์ตาสีน้ำตาเข้มที่สั่นไหวอย่างรุนแรงนั่นบ่งบอกได้ว่าเขากำลังทรมานพอสมควรกับพลังความกดดันนี่
“นาย เป็นใครกันแน่”
คนตัวเล็กใช้นัยน์ตาที่เปลี่ยนเป็นสีม่วงเข้มตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้มองสบตากับอีกคนพลางเอ่ยคำถามออกจากริมฝีปากอย่างยากเย็น
ยิ่งสบตากับฮันบินเขาก็ยิ่งเสียการควบคุม
และยิ่งรู้สึกเหมือนอยากจะทรุดลงตรงนี้ซะให้ได้
“ผมก็เป็นแค่ยมฑูต”
คำพูดที่แสนราบเรียบถูกเอ่ยอีกครั้ง
หากแต่คำพูดนั้นกลับทำให้คนฟังถึงกับกำหมัดแน่น คำตอบของฮันบินเหมือนกับจะย้อนกับคำพูดที่เขาเคยพูดว่าเขาเป็นเพียงแค่มนุษย์คนหนึ่งเพียงเท่านั้น
“พร้อมจะมีเรื่องกับผมหรือยัง?” อีกครั้งที่คำพูดของฮันบินทำให้จินอูกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
คนตัวเล็กกว่าค่อยๆ ควบคุมสติของตนเองก่อนจะเอ่ยตอบ
“นายเองก็ไม่ได้ถูกกับสิบสุดยอดยมทูตนักล่าวิญญาณ
ไม่มีเหตุจำเป็นอะไรที่เราต้องเป็นศัตรูกัน”
“ผมแค่ไม่ชอบคุณ
แค่นั้นก็เป็นเหตุผลมากพอ” ฮันบินสวนกลับทันที
มือสวยยกขึ้นช้าๆ ความเย็นเริ่มปกคลุมทั่วบริเวณ แสงสีฟ้าที่ส่องสว่างออกมาจากหลังฝ่ามือส่งผลให้จินอูถึงกับเผลอก้าวถอยหลังโดยอัตโนมัติ
ซึงฮุนกับแทฮยอนก็ได้แต่ยืนมองด้วยความตกตะลึง ไม่รอให้ใครได้มีเวลาตั้งสติ มือเย็นๆ
ของฮันบินคว้าคอเสื้อของคนตัวเล็กขึ้นจนลอยจากพื้น
จินอูพยายามดิ้นรนเพื่อให้หลุดจากมือใหญ่ แต่ก็ไม่เป็นผล
ฮันบินเลื่อนมือจากคอเสื้อขึ้นไปจับคอเล็กๆ ของอีกคนเอาไว้แน่นและเพียงแค่กดแรงบีบเพียงเล็กน้อย
คนตัวเล็กก็ถึงกับกระอักเลือดออกมา
ไอ้เด็กยมฑูตนี่ไม่ธรรมดา…
ฮันบินแค่นหัวเราะอีกครั้งก่อนจะสะบัดมือทิ้งให้จินอูตกลงกับพื้นเสียงดังสนั่น
แสงสีฟ้าที่แปล่งออกมาจากหลังฝ่ามือปรากฎเป็นสัญลักษณ์รูนที่แสนจะชัดเจน
ใช่ สัญลักษณ์รูนที่มีลายคล้ายกับเครื่องหมายอินฟินิตี้…
พลั่ก!
ไม่รู้ว่าฮันบินทำอะไรกับจินอู
แต่จู่ๆ ร่างของคนตัวเล็กกลับจมลงไปกับพื้นที่เป็นซีเมนต์
รอยแตกร้าวทั่วบริเวณทำให้ซึงฮุนกับแทฮยอนถึงกับเบิกตากว้าง
เมื่อกี้พวกเขาไม่เห็นว่าฮันบินทำอะไรด้วยซ้ำ ภาพสุดท้ายคือเขาแค่แค่นหัวเราะก็เท่านั้น
เร็ว.. เร็วมากจริงๆ
จินอูกระอักเลือดออกมามากมาย
นัยน์ตาสีม่วงเข้มมีร่องรอยของความเจ็บปวดอย่างชัดเจน เขาหายใจเข้าเบาๆ
เพื่อเอาอากาศเข้าปอด
สัมผัสได้ว่าถ้าขืนยังเป็นแบบนี้อยู่เขาไม่ได้ตายคามือเด็กนี่แน่ๆ ไม่มีทาง คนอย่างคิมจินอูไม่มีทางพ่ายแพ้ให้กับไอ้เด็กยมฑูตนี่เด็ดขาด
“เก่งดีนี่”
เสียงหวานหัวเราะคิกคักทำเอาฮันบินเผลอผงะไปเล็กน้อยก่อนจะปรับสีหน้าให้เรียบเฉยได้ตามเดิม
อะไรกัน โดนไปขนาดนี้ยังหัวเราะได้อีกงั้นหรอ หมอนี่มันอะไรน่ะ?
“ทีนี้ฉันขอเอาคืนบ้างนะ”
สิ้นเสียงร่างเล็กของจินอูก็ผุดลุกขึ้นมาก่อนจะเสยหมัดเข้าที่ปลายคางของเด็กหนุ่ม
ฮันบินกระเด็นไปอีกฝั่งก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนตัวเล็กที่ตามมายืนค้ำหัวเขาอยู่
จินอูเหยียดยิ้มที่มุมปากบาง
แม้ว่าเลือดจะยังคงไหลออกจากริมฝีปากแต่เจ้าตัวก็ทำแค่เพียงแลบลิ้นเลียมันเบาๆ ราวกับไม่สนใจซะอย่างนั้น
เมื่อครู่ถ้าฮันบินไม่เหวี่ยงตัวหลบเล็กน้อยแล้วโดนหมัดนั่นเข้าไปเต็มๆ
ล่ะก็เขาเองก็คงได้เลือดเหมือนกัน แต่เพราะว่าเขาหลบความเสียหายก็เลยลดลงไปได้บ้าง
แต่ถึงยังไงแวมไพร์ตนนี้ก็มีพลังมากเหลือเกิน…
“แบบนี้ค่อยคุ้มค่าที่จะเล่นด้วยหน่อย”
เสียงหวานเอ่ยอีกครั้ง ฮันบินกลับมายืนเต็มความสูงอีกครั้ง
ทั้งคู่มองสบตากันเพียงชั่วครู่ก่อนจะพุ่งเข้าหากันด้วยความเร็วที่ทำเอาแทฮยอนกับซึงฮุนมองไม่ทันเลยทีเดียว
พลั่ก!
การโจมตีของทั้งคู่รวดเร็วมาก
ทั้งคู่พลัดกันปล่อยหมัดและหลบได้อย่างว่องไว ไม่รอให้โอกาสใดๆ หลุดลอยไป
เมื่อหลบก็อาศัยจังหวะโจมตีกลับแบบที่ไม่รอให้อีกคนได้หายใจเลยด้วยซ้ำ
แสงสีฟ้าที่แปล่งออกมาจากหลังฝ่ามือของฮันบินเหมือนจะสว่างขึ้นเรื่อยๆ
เช่นเดียวกับนัยน์ตาสีม่วงเข้มของจินอูที่มีร่องรอยของความขุ่นมัว
โครม!
เพียงชั่วครู่ที่จินอูเผลอหันไปมองสัญลักษณ์บนหลังฝ่ามือของอีกคน
มืออีกข้างของฮันบินก็ผลักคนตัวเล็กไปกระแทกกำแพงก่อนจะล้มลงกับพื้น
ไม่รอให้ได้มีโอกาสได้ตั้งตัว
ฮันบินพุ่งเข้าไปหาคนตัวเล็กอีกครั้งก่อนจะคว้าคอเสื้อและออกแรงสะบัดจนจินอูกระเด็นไปกำแพงอีกฝั่งที่มีแทฮยอนกับซึงฮุนอยู่
พ่อมดหนุ่มกับมนุษย์หมาป่าได้แต่ตกตะลึงกับร่างเล็กที่กระเด็นมาอยู่ข้างๆ
ฮันบินเดินตามมาช้าๆ
ก่อนจะหยุดปลายเท้าลงตรงหน้าร่างของคนตัวเล็กที่ดูเหมือนจะหมดแรงซะแล้ว ไอเย็นๆ
ที่แผ่ออกมาจากตัวฮันบินทำให้แทฮยอนกับซึงฮุนถึงกับเผลอตัวสั่นไปด้วย
แต่ก็เทียบไม่ได้เลยกับความสั่นของจินอู
ไม่เพียงแต่ความกดดันจากความรู้สึกที่เย็นเยียบ
แต่เป็นความเสียหายที่เกิดกับเขาด้วย
เพียงแค่เผลอคิดว่าเด็กหนุ่มคนนี้เป็นเพียงแค่ยมทูต
เขาก็ดันประมาทปล่อยให้อีกคนโจมตีได้ง่ายๆ แบบนี้
“จบสักที ดับไปซะคุณแวมไพร์”
“จินฮวาน!”
เสียงของแทฮยอนส่งผลให้ฮันบินที่กำลังจะจัดการกับจินอูเผลอชะงักไป
เปิดโอกาสให้คนตัวเล็กสะบัดผ้าคลุมสีม่วงเข้มก่อนจะหายวับไปในความมืด
หนีไปจนได้!
“นายมาทำอะไรน่ะ?!”
เสียงตื่นตระหนกของแทฮยอนเรียกให้ฮันบินที่กำลังหัวเสียหันไปมอง
ร่างเล็กๆ ของใครบางคนกำลังเดินตรงมาที่พวกเขา แสงไฟจากหอนาฬิกาค่อยๆ
ทำให้ภาพนั้นปรากฏ
จินฮวานในชุดเสื้อคลุมฮู้ดสีส้มเดินเข้ามาหาพวกเขาด้วยสีหน้ากังวล
ฮันบินพ่นลมหายใจเบาๆ ก่อนที่ความเย็นเยียบรอบตัวจะหายไป
รวมถึงสัญลักษณ์รูนที่ฟ้าบนหลังฝ่ามือด้วย
“ฉัน…
ไปหานายที่ห้องแล้วไม่เจอ ชานอูบอกว่านายออกมากับพี่ซึงฮุนแล้วก็ฮันบิน”
เสียงหวานพึมพำตอบเบาๆ เมื่อเดินมาถึง
นัยน์ตาสีน้ำตาลคู่สวยมีร่องรอยของความกังวลใจฉายชัดเมื่อเห็นแทฮยอนที่นั่งพิงกำแพงอยู่
จินฮวานมองรอยช้ำที่ต้นแขนของเพื่อนสนิทอย่างไม่วางตา จนแทฮยอนต้องค่อยๆ
ลุกขึ้นและเดินไปลูบหัวคนตัวเล็กเบาๆ
“ฉันแค่มาสูดอากาศเท่านั้นเอง
ส่วนไอ้รอยช้ำนี่ก็แค่ลองสู้เล่นๆ กับหมอนั่น”
แทฮยอนปลายตาไปมองฮันบินที่ยืนตีหน้านิ่งอยู่ จินฮวานเอื้อมมือเล็กๆ ไปลูบต้นแขนของเพื่อนสนิท
นัยน์ตาสีน้ำตาลคู่สวยสั่นไหวเบาๆ
“กลับกันเถอะนะแทฮยอน” เสียงหวานเอ่ย
แทฮยอนพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะหันไปหาซึงฮุนที่ยืนมองอยู่
“ผมกลับก่อนนะ ไว้พรุ่งนี้จะพาไป” สิ้นเสียงพ่อมดหนุ่มก็ดีดนิ้วเพียงครั้งเดียวก่อนจะหายวับไป
“ไม่ใช่แค่ลองสู้กันใช่มั้ย
นายทะเลาะกับฮันบินหรอ?” จินฮวานเอ่ยถามขณะวางกล่องยาลงบนเตียงและดึงแขนของแทฮยอนมาวางบนตักตัวเองก่อนจะค่อยๆ
ลงมือทายาเบาๆ พ่อมดหนุ่มพ่นลมหายใจก่อนจะเอ่ยตอบ
“เปล่า
พวกเราไม่ได้ทะเลาะกัน”
“แล้วทำไม…”
“คิมจินอู หมอนั่นเป็นแวมไพร์”
“!!!” สิ้นคำพูดของแทฮยอน มือเล็กๆ ก็หยุดชะงักลง
แทฮยอนหันไปมองเพื่อนสนิทอย่างเป็นห่วง และแน่นอนว่ามันเป็นอย่างที่เขาคิด
จินฮวานกำลังกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
นัยน์ตาคู่สวยสั่นไหวอย่างรุนแรงกับสิ่งที่ได้ยิน
พ่อมดหนุ่มหันไปดึงคนตัวเล็กเข้ามากอดไว้ก่อนจะลูบผมอย่างปลอบโยน
เขารู้ว่าคำพูดเมื่อกี้ส่งผลต่อจินฮวานยังไง
ยิ่งไอ้คีย์เวิร์ดคำว่าแวมไพร์นั่นด้วยแล้ว มันก็ยิ่งทำให้จินฮวานกลัวมากขึ้น
แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะปิดบังเรื่อง
ที่เขาบอกจินฮวานเรื่องของจินอูเพราะเขาอยากให้จินฮวานระวังตัวให้มากที่สุด
ดูจากที่จินอูแฝงตัวเข้ามาในโรงเรียนแล้ว
เขาพนันได้เลยว่าไม่ได้มีแค่จินอูคนเดียวที่เป็นสปาย
ต้องมีอีกอย่างแน่นอน…
เขาเองก็ไม่ได้อยากยุ่งเกี่ยวกับพวกยมทูตสักเท่าไหร่
แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าเขารู้เรื่องแทบทุกอย่างที่เกี่ยวกับพวกยมฑูตนั่น
แทฮยอนลูบหลังของจินฮวานที่กำลังสั่นเทาเบาๆ ไม่ว่าพวกนั้นจะต้องการอะไรก็ตาม
เขาก็จะไม่ยอมให้พวกนั้นต้องมาทำอันตรายกับจินฮวานเด็ดขาด
“ผมขอโทษที่ขัดจังหวะนะ แต่ผมดันได้ยินน่ะสิ” เสียงที่ดังขึ้นมาพร้อมกับร่างสูงของชานอู
เจ้าตัวยกมือขึ้นสองมือเมื่อเห็นว่าแทฮยอนหันมาส่งสายตาอาฆาตให้ที่เขาหายตัวเข้ามาโดยไม่ได้ขออนุญาตอีกแล้ว
ชานอูลดมือลงก่อนจะเอ่ยอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่ซีเรียสแตกต่างจากเวลาปกติของเขา
“ผมมีข่าวมาบอก”
ทั้งแทฮยอนและจินฮวานผละกอดออกจากกันก่อนจะหันมามองที่ชานอูเป็นตาเดียว
เด็กหนุ่มยกมือวาดขึ้นในอากาศปรากฎภาพของสมุดรายชื่อ ตัวอักษรสีทองที่ปรากฏอยู่ตรงกลางของหน้าสมุดคือ...
‘รายชื่อมนุษย์ในโรงเรียน’
“นั่นมัน…”
แทฮยอนพึมพำเบาๆ
ขณะไล่สายตาอ่านตัวอักษรบนสมุดเล่มนั้น
รายชื่อของมนุษย์เองก็ถือเป็นความดูแลหนึ่งของพวกพ่อมดอย่างพวกเขา
มนุษย์ที่มีเพียงน้อยนิดในโรงเรียน แน่นอนว่าแทฮยอนจำมนุษย์เหล่านั้นได้หมดทุกคน
รายชื่อที่แสนคุ้นตานั่นปรากฏอยู่บนภาพที่ชานอูวาดขึ้น
และเมื่อไล่รายชื่อจนถึงชื่อสุดท้ายแล้วพ่อมดหนุ่มก็พึมพำออกมาเบาๆ
“ไม่มี”
“…..”
“ไม่มีรายชื่อของ
‘คิมจินอู’”
“!!!”
อีกครั้งที่คำพูดของแทฮยอนทำให้จินฮวานเบิกตากว้าง ชื่อของจินอูหายไปจากรายชื่อของมนุษย์ในโรงเรียน
เป็นไปได้ยังไงกัน!
“ผมกำลังจะจัดระเบียบรายชื่อ
แต่จู่ๆ ชื่อของคิมจินอูก็เลือนหายไปจากสมุด” ชานอูเล่าด้วยน้ำเสียงกังวล
“ยิ่งรวมกับที่ผมได้ยินเมื่อกี้ว่าเจ้านั่นเป็นแวมไพร์
การที่เขาหายไปจากรายชื่อของโรงเรียนมันก็ยิ่งน่ากลัว”
ใช่
การที่จู่ๆ
รายชื่อของคิมจินอูหายไปจากสมุดบันทึกรายชื่อของมนุษย์ในโรงเรียนเป็นเหมือนการบอกว่าเขากำลังเปิดตัวในฐานะแวมไพร์อย่างชัดเจน
และคงไม่ทำแค่สืบเรื่องเหมือนที่ผ่านมา
ความน่ากลัวกำลังปกคลุมทั้งโรงเรียนแห่งนี้แล้ว
แทฮยอนขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิด
อะไรสักอย่างแล่นเข้ามาในหัวของเขา จินอูไม่มาทางยอมเปิดเผยตัวง่ายๆ
แต่ที่ทำให้เขาต้องทำแบบนั้นก็เพราะ
‘คิมฮันบิน’
คิมฮันบินมีพลังที่น่ากลัวอยู่
จินอูคงรู้ตัวว่าถ้าเผชิญหน้าอีกครั้งคงจะเป็นเรื่องยาก
จึงได้ตัดสินใจที่จะเปิดเผยตัวเลยซะดีกว่า แทฮยอนหันไปมองหน้าจินฮวานที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่ก่อนจะคว้ามือเล็กๆ
มากุมไว้และเอ่ยถามเสียงนุ่ม
“จินฮวาน เคยเห็นอักษรรูนของฮันบินหรือเปล่า”
คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนสนิทก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงตอบรับ
ริมฝีปากบางพึมพำออกมาอย่างแผ่วเบา
“สัญลักษณ์รูปอินฟินิตี้กับแสงสีฟ้าที่เย็นเยียบ”
“นายรู้จักสัญลักษณ์นี้หรือเปล่า ชานอู” แทฮยอนหันไปถามรุ่นน้อง ชานอูขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิด ในบรรดาพ่อมด ชานอูถือเป็นคนที่ใกล้ชิดกับพวกยมทูตมากที่สุดเพราะต้องคอยเป็นคนประสานงาน แถมด้วยนิสัยอยากรู้อยากเห็นแล้ว ไม่มีเรื่องอะไรในโรงเรียนที่จองชานอูไม่รู้หรอก
“ผมไม่เคยเห็นนะ แน่ใจหรอว่ามันเป็นรูปนั้น” สุดท้ายพ่อมดหนุ่มก็ถอนหายใจเบาๆ อย่างยอมแพ้
ไม่ว่าจะคิดยังไงเขาก็ไม่เคยเห็นสัญลักษณ์แบบที่จินฮวานพูดเลยสักนิด
“แน่ใจ
เพราะฉันก็เห็น” แทฮยอนเอ่ย ทำเอาชานอูถึงกับมองหน้ารุ่นพี่อย่างตื่นตระหนกจนแทฮยอนต้องเอ่ยอธิบายต่อ
“ฮันบินสู้กับจินอู พลังของเด็กนั่นไม่ธรรมดาเลยสักนิด
ทั้งความรู้สึกตอนที่ใช้พลัง การที่ทำให้ฝ่ายตรงข้ามกดดันจนปั่นป่วนแบบนั้น
ปฎิกิริยารุนแรงเมื่อต่อสู้ และความเร็วที่แค่พริบตาเดียว ฉันไม่เคยเห็นพลังแบบนั้นจากยมฑูตมาก่อนเลย”
“..หรือว่า”
คำพูดของแทฮยอนทำให้ชานอูเผลอครางออกมา
แทฮยอนกับจินฮวานหันไปมองเด็กหนุ่มที่ยืนพึมพำอยู่คนเดียว
นัยน์ตาขี้เล่นนั้นดูจริงจังขึ้นมากทีเดียว
ชานอูหลับตาลงก่อนจะวาดภาพขึ้นในอากาศอีกครั้ง
ภาพสมุดสีดำสนิทปรากฏขึ้นในภาพและเปิดสะบัดไปมาราวกับโดนลมพายุ
จนกระทั่งหยุดลงที่หน้าหนึ่ง
‘Blank rune’
ตัวอักษรสีฟ้าปรากฏขึ้นบนหน้านั้น
สัญลักษณ์ตรงหน้ากลางของหนังสือฉีกขาดจนมองไม่เห็นว่ามันคือรูปอะไร ชานอูเอ่ยอธิบายทั้งๆ
ที่ยังไม่ลืมตาขึ้นมา
“อักษรรูนลึกลับ ว่ากันว่าเป็นอักษรรูนแห่งความว่างเปล่า”
ชานอูลืมตาขึ้น ภาพที่สร้างไว้หายวับไปพร้อมๆ
กับที่รอยยิ้มขี้เล่นของพ่อมดหนุ่มก็หายไปเช่นเดียวกัน
“และในรอบร้อยปีไม่เคยมีใครเห็น”
“นายกำลังจะบอกว่าอักษรรูนของฮันบินคืออักษรรูนแห่งความว่างเปล่านี่?”
“ผมก็ไม่รู้ แต่มันก็เป็นไปได้”
แทฮยอนหันไปสบตากับจินฮวานที่นั่งนิ่งอยู่ข้างๆ นัยน์ตาคู่สวยสีน้ำตาลเข้มของเพื่อนสนิทที่สั่นไหวนั่น เขาเองก็ไม่รู้ว่าเพราะได้ยินเรื่องพลังของฮันบินหรือยังกลัวจินอูอยู่กันแน่ แต่สิ่งที่ทำให้เขาข้องใจมากที่สุดตอนนี้ก็คือคิมฮันบิน หมอนั่นเป็นใคร
แล้วถ้าสัญลักษณ์อินฟินิตี้นั้น
เป็นตัวเดียวกับรูนแห่งความว่างเปล่าจริง
ก็หมายความว่า
ฮันบินเป็นยมทูตที่มีอักษรรูนตัวนี้ในรอบร้อยปี!
❥ To be continued.
หายไปนานมากจนเราเชื่อว่าคุณลืมไปแล้วว่ามีฟิคเรื่องนี้ 55555555
*อ่านสองเรื่องคู่กันเลยจะสนุกกว่าเยอะ (:
Grim Reaper {Click!}
มาสกรีมด้วยกันได้ที่ #ฟิคยมทูตฮันบิน
{Twitter Indydoll.}
ความคิดเห็น