ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (BJIN) Gory Trick ❥ iKON

    ลำดับตอนที่ #3 : Trick ❥ 02 | Werewolf.

    • อัปเดตล่าสุด 21 ก.พ. 59


    O W E N TM.
     
    GORY TRICK
     



    ❥ Trick 02  | Werewolf.






     

                คิมฮันบิน

                ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมชื่อของเจ้าเด็กยมทูตกวนประสาทคนนั้นถึงได้ดังขึ้นในความคิดของเขา จินฮวานสะบัดหัวตัวเองไปมาอย่างหงุดหงิด มือเล็กขยี้ผมสีน้ำตาลเข้มของตัวเองจนมันยุ่งเหยิงไปหมด เขาไม่รู้ว่าชื่อของคิมฮันบินเข้ามาในหัวเขาเป็นครั้งที่เท่าไหร่ แต่ที่เขารู้คือมันทำให้เขาหงุดหงิดเอามากๆ

                สัมผัสของไอเย็นๆ จากฝ่ามือนั้นจินฮวานยังคงจำมันได้ดี มันเป็นสัมผัสแบบที่ทำให้หัวใจชาวาบราวกับถูกแช่แข็ง ไหนจะอักษรรูนที่แปลกประหลาดนั่นอีก จินฮวานขมวดคิ้วเมื่อนึกถึงสัญลักษณ์นั้น สัญลักษณ์อักษรรูนที่มีลักษณะคล้ายกับเครื่องหมายอินฟินิตี้ เขาไม่เคยเห็นสัญลักษณ์แบบนั้นมาก่อน และมันแปลกมากสัญลักษณ์รูนนั่นทำให้เขารู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด

                ทำไมกันนะ

                คนตัวเล็กครุ่นคิดชั่วครู่ก่อนจะส่ายหัวเบาๆ ให้กับความคิดที่ไม่สามารถหาคำตอบได้ของตนเอง จินฮวานยกฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะตัวเองพลางกระชับเสื้อฮู้ดสีส้มสดใสและก้าวเท้าออกจากห้องเพื่อไปโรงเรียน วันนี้แทฮยอนไปประชุมกับสภาพ่อมดอีกแล้ว อาจเป็นเพราะเป็นการเปิดเรียน เขาจึงต้องไปดูแลพวกพ่อมดแม่มดที่เข้ามาใหม่ จินฮวานไม่ได้มีปัญหากับการที่เขาจะต้องไปโรงเรียนคนเดียวหรอกนะ ปัญหาของเขามันอยู่ที่

                ‘MAGIC FIGURE’

                ป้ายชื่อร้านสีม่วงเข้มส่องประกายราวกับเวทมนต์ จินฮวานหยุดสองขาเล็กๆ ของตัวเองก่อนจะเดินเข้าร้านนั้นไปราวกับต้องมนต์สะกด

                ใช่.. ปัญหาของจินฮวานก็คือร้านเมจิกฟิกเกอร์ ร้านนี้ตั้งอยู่ข้างๆ ทางผ่านไปโรงเรียน และเมื่อไหร่ที่เขาผ่านมาเขาก็อดไม่ได้ที่จะก้าวเท้าเข้ามาหาเจ้าโมเดลพวกนี้ทุกครั้ง ตอนที่มาโรงเรียนกับแทฮยอน คุณพ่อมดจะเป็นคนเตือนเขาเสมอเวลาที่เขาจะซื้อหรือจะแวะเพราะมันทำให้เขาไปโรงเรียนสายทุกครั้ง

                โอ๊ะ.. ฟิกเกอร์แรมโบ้

                คนตัวเล็กปรี่เข้าไปหาเจ้าโมเดลรูปวัวที่มีชื่อว่าแรมโบ้ (จากเรื่องรีบอร์น) อย่างรวดเร็ว นัยน์ตาคู่สวยสีน้ำตาลเข้มส่องแสงประกายแวววาวราวกับเด็กที่เจอของเล่นถูกใจ จินฮวานหยิบฟิกเกอร์แรมโบ้ขึ้นมาก่อนจะหมุนตัวเตรียมจะเดินไปจ่ายเงินที่เค้าน์เตอร์

                ‘คิมจินฮวาน วางฟิกเกอร์ลงแล้วรีบมาที่โรงเรียนเดี๋ยวนี้!’

                ฟุบ!

                เสียงของแทฮยอนที่ส่งผ่านกระแสจิตมาทำเอาจินฮวานตกใจจนเผลอปล่อยเจ้าฟิกเกอร์แรมโบ้หลุดมือ คนตัวเล็กเบิกตากว้างอย่างตกใจ แต่ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกในเวลาต่อมาเมื่อเห็นว่าเจ้าโมเดลวัวตกอยู่บนมือของใครบางคนก่อนที่มันจะร่วงสู่พื้น

                เกือบพังแล้วมั้ยล่ะ

                เสียงนุ่มทุ้มที่แสนคุ้นเคยดังขึ้น จินฮวานค่อยๆ เงยหน้ามองเจ้าของเสียงก่อนจะต้องเบิกตากว้างอีกครั้งพลางยกนิ้วชี้หน้าเขาอย่างตกใจ

                คิมฮันบิน!”

                “คิมจินฮวาน ผมคิดว่าคุณควรเรียนรู้การทักทายผู้อื่นนะ

                “นาย!”

                “การทักทายคือการพูดคำว่า สวัสดีไม่ใช่การยกนิ้วชี้หน้าและตะโกนชื่อเขาด้วยน้ำเสียงแบบนี้

                รอยยิ้มกวนประสาทถูกวาดขึ้นบนใบหน้าใสอีกครั้ง จินฮวานลดนิ้วลงพลางจี๊ปากอย่างขัดใจ ชื่อของหมอนี่ก่อกวนความคิดเขาตั้งแต่เช้ายังไม่พอ คนตัวเล็กยังต้องมาใบหน้ากวนประสาทกับรอยยิ้มหยิ่งๆ นี่ตัวเป็นๆ อีก

                อะไรมันจะซวยขนาดนี้นะจินฮวาน!

                “เพื่อนคุณเรียกไม่ใช่หรอ?”

                “….!!!”

                คำพูดของฮันบินทำเอาจินฮวานเบิกตากว้างอย่างตกใจอีกครั้ง หมอนี่ได้ยินกระแสจิตที่แทฮยอนส่งผ่านมาหาเขาด้วยหรอ จริงอยู่ที่ว่ากระแสจิตของพ่อมดไม่ได้ถูกส่งผ่านแบบไร้เสียงซะทีเดียว คนรอบข้างอาจจะได้ยินก็ได้ แต่ก็ไม่เทียบเท่ากับผู้รับสารนั้นเพราะมันก็เหมือนกับการมาพูดข้างๆ หูนั่นเอง

                จินฮวานมองฮันบินด้วยความสงสัย เขารับรู้ได้ทันทีว่าฮันบินเป็นยมทูตที่มีวิชามากแน่ๆ เพราะสารที่แทฮยอนส่งมาเมื่อครู่ดูเหมือนว่าคนรอบข้างจะไม่ได้ยิน อาจเพราะมันเบามาก แต่น่าแปลกใจที่ฮันบินกลับได้ยินมันซะอย่างนั้น และดูเหมือนเจ้าเด็กนี่รู้ด้วยว่าเสียงนั่นถูกส่งมาจากใครและมีใจความอย่างไร

                เพื่อนคุณ.

                “ฉันรู้แล้ว ทีหลังถ้าได้ยินก็ช่วยทำเป็นไม่ได้ยินด้วย!” จินฮวานกระแทกเสียงใส่คนตรงหน้าเพราะต้องการให้เขารู้ว่าการที่เขาได้ยินสารจากกระแสจิตที่คนอื่นส่งมาแบบนี้มันเสียมารยาทมาก หากแต่คนตรงหน้ากลับไม่ได้มีปฎิกิริยาว่าสำนึกแต่อย่างใด ฮันบินยักไหล่ขึ้นลงเบาๆ พลางยกยิ้มกวนประสาทอีกครั้งขณะมองไปทางประตูหน้าร้าน

                ผมแค่จะบอกว่าเพื่อนคุณมาตาม

                “วะ...ว่าไงนะ?!”

                จินฮวานหันไปมองหน้าร้านอย่างตกใจ และใช่ แทฮยอนกำลังเดินเข้าร้านมาหาเขาด้วยใบหน้าบึ้งตึง พ่อมดหนุ่มกัดฟันกรอดอย่างหงุดหงิดทันทีที่เดินมาถึง จินฮวานก้มหน้าลงไม่กล้าสู้หน้าแทฮยอน เขารู้ว่าเขาทำผิดที่ไม่รีบไปโรงเรียนตามที่แทฮยอนบอก

                มากับฉัน

                ฝ่ามือนุ่มดึงมือจินฮวานให้เดินตามอย่างรวดเร็ว คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นงงๆ หันไปเห็นฮันบินกำลังยืนยิ้มกวนประสาทให้อยู่พลางโยนเจ้าฟิกเกอร์แรมโบ้ในมือขึ้นลงอย่างอารมณ์ดี

                อา.. เขายังไม่ได้ซื้อเจ้าแรมโบ้เลยนะ         

                จินฮวานมองเจ้าฟิกเกอร์แรมโบ้ในมือของฮันบินอย่างนึกเสียดายแต่เขาก็ไม่สามารถพูดอะไรได้อีกเพราะแทฮยอนลากเขาออกมานอกร้านซะแล้ว จินฮวานถูกพ่อมดหนุ่มลากมาถึงโรงเรียนอย่างรวดเร็ว แทฮยอนหยุดเดินเมื่อพวกเขาเข้ามาในโรงเรียนแล้ว เขาจับตัวคนตัวเล็กให้หันมาเผชิญหน้ากับเขาก่อนจะถอนหายใจอย่างหงุดหงิด

                ขอโทษนะ ฉันตกใจสารจากกระแสจิตที่นายส่งมาจนเกือบทำฟิกเกอร์ร่วงก็เลย

                “ทำไมนายอยู่กับหมอนั่น?”

                ไม่ให้จินฮวานได้มีโอกาสอธิบายอะไร พ่อมดหนุ่มสวนคำถามกลับทำเอาคนตัวเล็กถึงกับกลืนน้ำลายลงคอด้วยความกลัวเลยทีเดียว จินฮวานรู้ดีว่าแทฮยอนไม่อยากให้เขาไปยุ่งกับพวกยมทูตหรือพ่อมดถ้าไม่จำเป็น แต่เขากลับ (เหมือนจะ) ยืนคุยกับฮันบินซะอย่างนั้น ยิ่งหมอนั่นเป็นยมทูตอวดดีที่ประกาศสารท้าถึงสิบอันดับยมทูตด้วยแล้ว มนุษย์แบบจินฮวานยิ่งไม่สมควรไปข้องเกี่ยวด้วยเลยสักนิด

                ฮันบินแค่บังเอิญรับฟิกเกอร์ที่ฉันทำตกได้จินฮวานเอ่ยอธิบาย

                “ฉันพูดถึงเรื่องเมื่อวาน

                แทฮยอนพูดขัดอีกครั้ง นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีเหลือง นั่นเป็นสัญญาณว่าแทฮยอนกำลังโมโหและจับผิดอยู่ถ้าจินฮวานเอ่ยโกหกแม้แต่น้อย คนตัวเล็กรีบดึงมือเพื่อนสนิทมากุมไว้อย่างรวดเร็วก่อนจะรีบเอ่ยอธิบาย

                “ฉันไม่รู้ว่านายรู้ได้ยังไง แต่เมื่อวานฉันแค่ขึ้นไปบนดาดฟ้าเหมือนทุกครั้ง ก็แค่บังเอิญเจอฮันบินเท่านั้นเอง

                “หมอนั่นรู้ว่านายเป็นมนุษย์ใช่มั้ย?”

                “อืม…”

                จินฮวานพยักหน้าเบาๆ อย่างยอมรับ แทฮยอนสะบัดมือคนตัวเล็กออกพลางกัดฟันกรอดๆ นัยน์ตาสีเหลืองส่องประกายแวววาวราวกับเสือร้าย จินฮวานตกใจจนเผลอยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง พ่อมดหนุ่มที่หันไปเห็นคนตัวเล็กมีท่าทีหวาดกลัวก็ค่อยๆ ถอนหายใจเข้าออกช้าๆ

                ฉันขอโทษ.

                แทฮยอนเอ่ยพลางยื่นมือไปดึงฮู้ดสีส้มของจินฮวานออกและลูบหัวคนตัวเล็กเบาๆ อย่างปลอบใจ นัยน์ตาสีเหลืองเมื่อครู่เริ่มแปรเปลี่ยนจนกลับเป็นสีน้ำตาลอ่อนที่ดูอบอุ่นตามเดิม แทฮยอนรู้ดีว่าท่าทางเมื่อครู่ของเขาทำให้จินฮวานกลัว แต่เขาก็ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เมื่อได้ยินว่ามีคนรู้ว่าจินฮวานเป็นมนุษย์ นั่นเท่ากับว่าจินฮวานอาจจะตกอยู่ในอันตราย ยิ่งคนที่รู้คือคิมฮันบินด้วยแล้ว นั่นยิ่งไม่ปลอดภัย

                เมื่อเช้าสภาพ่อมดได้ประชุมกันเรื่องแวมไพร์ที่แฝงตัวเข้ามาเพราะได้รับเรื่องมาจากพวกยมทูต นั่นก็ทำให้แทฮยอนกลัวมากพออยู่แล้ว ยิ่งรู้จากชานอูที่บังเอิญเห็นว่าจินฮวานอยู่กับฮันบินเมื่อวานที่ดาดฟ้าเขาก็ยิ่งหงุดหงิด พอเห็นกับตาตัวเองเมื่อเช้าว่าจินฮวานคุยกับหมอนั่นเขาก็เลยควบคุมความโกรธของตัวเองไม่ได้

                ฉันเป็นห่วง

                น้ำเสียงแผ่วเบาถูกส่งผ่านจากริมฝีปากบาง จินฮวานเงยหน้ามองเพื่อนสนิทก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆ และส่งยิ้มให้แทฮยอนที่ทำหน้าเคร่งเครียด มือเล็กเอื้อมไปดึงแก้มของเพื่อนสนิทก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใส

                ฉันไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องเป็นห่วง

                “แต่…”

                “ไม่เครียดนะครับคุณพ่อมด ฉันต้องรีบไปเรียนคาบแรกแล้วล่ะ ไปนะ

                จบประโยคคนตัวเล็กก็รีบวิ่งเข้าตึกเรียนไป แทฮยอนมองตามพลางส่ายหัวให้กับท่าทางเหมือนเด็กๆ ของเพื่อนสนิท นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนปรากฏรอยของความกังวลใจ ริมฝีปากบางเอ่ยคำพูดแผ่วเบากับสายลมราวกับนั่นคือคำสัญญากับตัวเอง

                ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันก็ต้องปกป้องนาย

     

     


     






     

                  ควันสีจางถูกพ่นออกจากริมฝีปากบาง ฮันบินเงยหน้ามองภาพท้องฟ้าสีฟ้าสดใสที่ถูกบดบังด้วยควันสีจางจากบุหรี่ด้วยสายตาว่างเปล่า เขาชอบภาพท้องฟ้าสีฟ้าที่ถูกฉาบด้วยควันสีเทาจางมากที่สุด เพราะงั้นเขาถึงได้ชอบขึ้นมาบนดาดฟ้า นอนสูบบุหรี่และพ่นควันมันออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า มือเรียวยกโมเดลในมือขึ้นมองก่อนจะหยักยิ้มขึ้นที่มุมปากเมื่อนึกถึงคนที่เกือบทำมันหล่นเมื่อเช้า เจ้าวัวนี่เกือบพังแล้วนะถ้าเขาไม่รับมันเอาไว้

                ใช่ เจ้าฟิกเกอร์แรมโบ้

                ปึง!

                เสียงเปิดและปิดประตูดาดฟ้าที่ดังขึ้นทำเอาฮันบินหยักยิ้มอย่างพอใจ เมื่อลองเดาดูแล้วน่าจะเป็นคนเขากำลังนึกถึง ยมทูตหนุ่มลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินไปทางประตูดาดฟ้า เขาว่าจะกวนประสาทคนตัวเล็กคนนั้นเล่นอีก ใบหนน้าเหวี่ยงๆ นั่นน่ารักชะมัดเวลาที่โวยวาย

                หือ

                ความคิดและขาของยมทูตขี้แกล้งหยุดชะงักเมื่อพบว่าคนที่เพิ่งเข้ามาไม่ใช่คนที่เขาคิดไว้ ฮันบินมองคนตรงหน้าด้วยแววตาสงสัย ร่างสูงตรงหน้าเปลือยท่อนบนและใส่แค่กางเกงยีนส์สีน้ำเงินขาดๆ เท่านั้น เส้นผมสีน้ำตาลเทาที่ดูยุ่งเหยิงกับตาเล็กๆ ที่ดูงุนงงนั่นทำเอาฮันบินถึงกับขมวดคิ้วเลยทีเดียว

                ใครวะเนี่ย

                “มองอะไรวะ คนจะนอน ง่วงเสียงแหลมเล็กจากผู้ชายตรงหน้าเอ่ยอย่างหงุดหงิด ร่างสูงเดินผ่านฮันบินไปอย่างไม่สนใจก่อนจะทิ้งตัวลงนอนตรงที่ที่ฮันบินเคยนอน แต่ยังไม่ทันที่ฮันบินจะได้เอ่ยปากขัด เสียงแหลมเล็กก็ดังขึ้นอีกครั้ง

                ขอบุหรี่สักมวนสิ

                “ห๊ะ?”

                “ก็สูบบุหรี่ไม่ใช่หรือไง ขอสักมวนเสียงแหลมเล็กเอ่ยอีกครั้งขณะชูก้นบุหรี่ที่ฮันบินทิ้งไว้ขึ้น ตาเรียวเล็กมองฮันบินด้วยสีหน้าเนือยๆ ยมทูตหนุ่มเดินเข้าไปหาก่อนจะส่งบุหรี่ให้คนตรงหน้า เขารับไปก่อนจะจุดมันขึ้นสูบอย่างไม่สนใจและไม่คิดจะขอบคุณเลยสักนิด ฮันบินทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ก่อนจะอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม

                คุณเป็นใคร?”

                อีซึงฮุนเสียงแหลมเล็กตอบกลับมา ฮันบินเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจก่อนจะพิจารณาคนตรงหน้า คนๆ นี้ไม่ใช่ยมฑูต และไม่ใช่มนุษย์อย่างแน่นอน

                เลิกมองสำรวจเถอะน่า ฉันเป็นมนุษย์.

                “คุณไม่ใช่.

                “มนุษย์หมาป่าน่ะนะJ

                ซึงฮุนเอ่ยด้วยน้ำเสียงขี้เล่นพลางขยี้บุหรี่ที่สูบเสร็จแล้ว ฮันบินมองคนตรงหน้าด้วยสีหน้างุนงง มนุษย์หมาป่า? เขาบอกว่าเขาเป็นมนุษย์หมาป่าอย่างนั้นหรอ?    ปกติแล้วพวกมนุษย์หมาป่าจะอยู่รวมกันที่ป่าหลังโรงเรียนและไม่ค่อยจะออกมาสุงสิงกับใครเท่าไหร่นัก แต่คนๆ นี้กลับเดินเปลือยขึ้นมาบนดาดฟ้าแถมยังแนะนำตัวเองกับเขาอย่างเป็นมิตรซะอย่างนั้น มันไม่แปลกไปหน่อยหรือไง?

                “ฮันบิน เลิกสงสัยตัวฉันสักทีเถอะน่าเสียงขี้เล่นเอ่ยขึ้นอีกครั้ง ฮันบินมองซึงฮุนด้วยแววตาสงสัยจนคุณมนุษย์หมาป่าต้องเอ่ยอธิบายให้ฟัง

                ไม่มีใครไม่รู้จักนายหรอกน่ะ คุณยมทูตเด็กใหม่ที่ท้าทายสิบอันดับยมทูตนักล่าวิญญาณ เรื่องของนายดังไปทั่วโรงเรียน แน่นอนว่าดังไปหูมนุษย์หมาป่าอย่างพวกฉันด้วย แต่ที่ฉันเข้ามาในโรงเรียนวันนี้ฉันไม่ได้มาหานายหรอกนะ ฉันก็แค่เบื่อกับป่ามืดๆ หลังโรงเรียนเลยอยากออกมารับแสงแดดบ้างน่ะ

                ก็เลยเปลือยมาแบบนี้น่ะนะ

                ฮันบินคิดในใจ เขารู้ดีว่าเรื่องที่ของเขาเป็นทอร์คออฟเดอะทาวน์ของโรงเรียน แต่เขาไม่คิดว่าจะดังไปถึงหูพวกมนุษย์หมาป่าที่อยู่แบบเงียบๆ หลังโรงเรียนนั่นด้วย

                แต่ฉันก็อยากรู้จักนายนั่นแหละ

                “ฮะ?”

                “หน้าตานายมันกวนประสาทชะมัดเลยว่ะ

                ซึงฮุนหัวเราะให้กับหน้ามึนๆ ของฮันบิน ไอ้หน้าตาหยิ่งๆ เวลาทำเสียงฮะราวกับกวนประสาทนี่มันน่าถวายหมัดให้สักทีสองทีจริงๆ แต่เขาก็ปฎิเสธไม่ได้เลยว่ายมทูตตนนี้ดูน่าเกรงขามแล้วก็น่าค้นหาในเวลาเดียวกัน นั่นทำให้เขาอยากรู้จักฮันบิน

                ไม่สิ เรียกว่าอยากค้นหามากกว่า

                “คุณบอกว่าคุณอยากรู้จักผม?”

                รู้สึกเหมือนจะไม่อยากรู้จักแล้ว แล้วก็เลิกพูดสุภาพสักทีเถอะ ได้ยินแล้วคันหูว่ะ

                อ้าวกวนทีนนะครับคุณมนุษย์หมาป่า

                แล้วจะให้ผมพูดยังไง?”  ฮันบินมองคนตรงหน้าด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ เขารู้สึกเหมือนกับว่าเขากับลังพูดคนละภาษากับซึงฮุนอยู่ยังไงยังงั้นเลย

                ฉันแก่กว่า เรียกพี่ซะ

                “ผมไม่สนิทกับคุณ ผมไม่จำเป็นต้องเรียกคุณแบบนั้น

                พลั่ก!

                จู่ๆ หมัดหนักๆ ก็กระแทกเข้าที่ใบหน้าใสของยมทูตหนุ่มโดยที่เจ้าตัวไม่ทันตั้งตัว ฮันบินยกหลังมือขึ้นเช็ดเลือดที่มุมปากพลางเงยหน้ามองเจ้าของแรงหมัด ซึงฮุนยืนยิ้มให้กับผลงานตัวเองก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงกวนประสาท

                ชกฉันสิ

                พลั่ก!

                จัดให้ตามคำขอ หมัดหนักๆ ของฮันบินกระแทกเข้าที่ใบหน้าของมนุษย์หมาป่าซึงฮุนอย่างรวดเร็ว แต่เจ้าตัวกลับหัวเราะเสียงใสพลางแลบลิ้นเลียเลือกที่ริมฝีปากตัวเองด้วยใบหน้ามีความสุขซะอย่างนั้น เห็นแบบนั้นฮันบินเลยอดไม่ได้ที่จะซัดหมัดหนักๆ เข้าไปที่ใบหน้าหล่อเหลาอีกครั้ง ทั้งคู่ผลัดกันซัดหมัดใส่กันไม่หยุด จนกระทั่งเวลาผ่านไป

                ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ

                เสียงหัวเราะที่สดใสดังขึ้น ฮันบินและซึงฮุนทิ้งตัวนั่งลงบนพื้น เหงื่อที่ไหลท่วมตัวกับใบหน้าใสของทั้งคู่ที่ตอนนี้มีแต่หยดเลือดไม่ได้ทำให้เขาทั้งคู่หยุดหัวเราะเลยแม้แต่นิดเดียว มือหนายกขึ้นแท็กมือกันอย่างถูกใจ ฮันบินส่งยิ้มให้คนตรงหน้าก่อนจะเอ่ยเจือเสียงหัวเราะ

                พี่แม่งบ้าว่ะ

                “เออ เรียกพี่ได้สักทีนะ เรื่องแค่นี้ต้องให้ใช้กำลัง

                “พี่ไปเอาความคิดมาจากไหนว่าชกกันแล้วผมจะยอมรับพี่วะ

                ไม่รู้ หมันไส้หน้านายแค่นั้นเอง ซึงฮุนยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ แต่นั่นทำเอายมทูตหนุ่มชอบใจถึงขึ้นหัวเราะไม่ยอมหยุดเลยทีเดียว เห็นแบบนั้นซึงฮุนก็หัวเราะตามจนกลายเป็นทั้งคู่นั่งหัวเราะด้วยกันอยู่บนดาดฟ้าราวกับคนบ้า ซึงฮุนมองใบหน้าใสของอีกคนก่อนจะเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม

                เราสนิทกันแล้วนะ

                “เออฮันบินตอบรับ ซึงฮุนลุกขึ้นก่อนจะหมุนตัวเดินไปยืนบนขอบดาดฟ้า คุณมนุษย์หมาป่าหยักยิ้มหล่อที่มุมปากก่อนจะเอ่ยกับคนที่เพิ่งสนิทด้วยอีกครั้ง

                คืนนี้เจอกันที่ป่าหลังโรงเรียน ฉลองเพื่อนใหม่ซะหน่อย

                จบคำซึงฮุนก็กระโดดลงจากดาดฟ้าและวิ่งหายลับไป ฮันบินหัวเราะเบาๆ นัยน์ตากลมโตสีดำสนิทมีประกายของความสนุก อย่างน้อยการที่เขาใช้ชีวิตในโรงเรียนนี้ก็ยังมีเรื่องสนุกกว่าการที่ต้องเจอกับสิบสุดยอดยมฑูตและสายตาที่มองราวกับเขาเป็นคนไม่น่าคบหาด้วยก็ละกัน

                ฮันบินปลายตามองฟิกเกอร์แรมโบ้ที่เขาวางทิ้งไว้กับก้นบุหรี่ที่ถูกทิ้งอยู่ข้างๆ ก่อนจะอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา  ไหนจะเรื่องคุณมนุษย์ตัวเล็กที่คลั่งฟิกเกอร์แล้วไหนจะเรื่องของเพื่อนใหม่อย่างพี่มนุษย์หมาป่าเพี้ยนนั่นอีก

                อา ชักรู้สึกสนุกขึ้นมาแล้วแฮะ J



     

    50%



    @ 11:30 PM     


                ทำไมเราต้องมาที่นี่ล่ะ?” แทฮยอนส่งเสียงถามคนตัวเล็กที่ยังคงจูงมือลากเขาเดินไปตามทาง จินฮวานหันมายิ้มให้เขาก่อนจะยกนิ้วเรียวขึ้นแตะริมฝีปากตัวเองเบาๆ


                ฉันมาหาโมเดลที่ทำตกไว้น่ะคนตัวเล็กกระซิบกระซาบตอบ แทฮยอนขมวดคิ้วทันทีที่ได้คำตอบ พ่อมดหนุ่มดีดหน้าผากคนตัวเล็กเบาๆ เป็นการทำโทษก่อนจะเอ่ยถามอย่างรู้ทัน


                ใครแกล้งนายอีกล่ะ?”


                เปล่าสักหน่อย จินฮวานหลบตาเพื่อนสนิทก่อนจะพึมพำเบาๆ แทฮยอนส่ายหน้าอย่างระอาก่อนจะเอ่ยออกมาอีกครั้ง


                “ตึกเรียนของนายไม่ได้ใกล้กับที่นี่สักเท่าไหร่เลยนะจินฮวาน นายไม่มีทางทำมันตกแถวนี้แน่ๆ เว้นเสียแต่ว่าจะมีคนเอามันมาทิ้งไว้ที่นี่แล้วบอกให้นายมาหาเองแทฮยอนเอ่ยอย่างรู้ทัน พ่อมดหนุ่มมองเพื่อนสนิทที่ยืนก้มหน้าก้มตาหลบสายตาเขาอยู่


                “งืมสุดท้ายจินฮวานก็ต้องพยักหน้าลงอย่างยอมรับ ทุกอย่างที่แทฮยอนพูดมาถูกต้องทั้งหมด เขาถูกเพื่อนแกล้งขโมยโมเดลและเอามาโยนทิ้งไว้ที่ป่าหลังโรงเรียน แต่นั่นมันก็กลายเป็นเรื่องที่ชินชาสำหรับเขาแล้วล่ะ เขามักจะถูกเพื่อนๆ แกล้งแบบนี้เสมอ จินฮวานไม่รู้ว่าทำไมคนพวกนั้นถึงไม่ชอบเขา แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากจะเป็นฝ่ายยอมเองเท่านั้น


                ให้ฉันจัดการมั้ย?”


                จินฮวานสั่นหัวรัวทันทีที่พ่อมดหนุ่มเอ่ยปาก แน่นอน แทฮยอนเองคงไม่ยอมให้เพื่อนของตัวเองโดนแกล้งแบบนี้หรอก แต่ถ้าแทฮยอนจัดการคนพวกนั้นก็ไม่เป็นผลดีเช่นกัน เพราะงั้นแล้วจินฮวานถึงต้องเป็นฝ่ายยอมเสมอ


                ช่วยฉันหาโมเดลดีกว่าน่าคนตัวเล็กเอ่ย แทฮยอนถอนหายใจเบาๆ ให้กับความดื้อของเพื่อนสนิท เขารู้ว่าจินฮวานเป็นคนจิตใจดี แต่การที่เขาเป็นคนแบบนั้นมันก็ทำให้จินฮวานตกเป็นเหยื่อของพวกมนุษย์อันธพาลได้เหมือนกัน


                เราเข้ามาลึกมากเกินไปแล้ว แล้วนี่ก็ดึกมากแล้วด้วย กลับกันก่อนเถอะแทฮยอนดึงแขนเล็กของเพื่อนสนิทไว้ แต่จินฮวานกลับส่ายหัวอย่างดื้อรั้น คนตัวเล็กยังคงถือไฟฉายเล็กๆ และส่องมันเพื่อหาโมเดลที่เขารักต่อไปอย่างไม่รู้จักยอมแพ้


                เฮ้อ.. ยอมแพ้เถอะจินฮวาน


                แทฮยอนคิดในใจ กับการแค่หาโมเดลอันเดียว ทำไมพ่อมดอย่างเขาจะทำไม่ได้ แต่ที่เขาพยายามจะชวนจินฮวานกลับก็เพราะว่านี่มันดึกแล้ว แถมป่าหลังโรงเรียนนี่ก็เป็นที่ของพวกมนุษย์หมาป่า เป็นเสมือนที่ที่อันตรายสำหรับจินฮวาน เขาไม่อยากให้คนตัวเล็กคนนี้ต้องเจอปัญหาอีก


                ครั้นจะใช้เวทมนต์ในการช่วยหาก็ไม่ได้อีก เพราะถ้าเขาใช้เวทมนต์พวกหมาป่าต้องรู้ว่ามีผู้บุกรุกแน่ๆ และแน่นอนว่าพวกนั้นคงไม่ปล่อยให้เขากับจินฮวานกลับออกไปได้ง่ายๆ ลำพังแค่กลิ่นมนุษย์จากตัวของจินฮวานก็อาจจะปลุกเหล่าหมาป่าได้มากพออยู่แล้ว ยิ่งเข้าไปใกล้เขาก็ยิ่งไม่สบายใจ


                เฮ้อ ทำไมไม่รู้บ้างนะว่าคนเขาเป็นห่วงขนาดนี้น่ะ


                กลับเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันมาหาให้ก็ได้


                “แต่ว่า.


                “จินฮวาน ที่นี่ไม่ใช่ถิ่นของฉัน และไม่ใช่ที่ที่พวกเราสมควรมา


                “ก็ได้ จินฮวานเบ้ปากพลางถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเดินกลับมาหาเพื่อนสนิท ทว่า...


                กรรรรรรรรซ์!


                ทั้งจินฮวานและแทฮยอนต่างยืนตัวแข็งทื่อทันทีที่ได้ยินเสียงขำราม แทฮยอนรีบตั้งสติแลละวิ่งมายืนข้างจินฮวานก่อนจะเอื้อมมือโอบไหล่คนตัวเล็กเอาไว้ เสียงนั้นดังอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก แทฮยอนกวาดสายตามองไปรอบๆ อย่างหวาดระแวง  แต่รอบข้างก็มืดสนิท มีเพียงแสงจากดวงจันทร์เท่านั้นที่ยังคงส่องสว่าง และมันให้ความรู้สึกราวกับว่ารอบข้างของพวกเขามีแต่อันตราย


                ฟึ่บบบบบ!


                ในขณะที่ทั้งคู่ยังคงยืนหวาดระแวงอยู่นั้น จู่ๆ ร่างของใครบางคนก็กระโดดลงมาจากข้างบน แทฮยอนและจินฮวานสะดุ้งโหยงอย่างตกใจ ก่อนที่แทฮยอนจะพยายามเพ่งสายตามองร่างสูงตรงหน้าและยกมือขึ้นเตรียมต่อสู้ หากแต่น้ำเสียงขี้เล่นของร่างสูงตรงหน้ากลับดังขึ้นซะก่อน


                “จับผู้บุกรุกได้สองคน เอายังไงดีน้า


                “ฆ่าเลยพี่ ผมสนับสนุนเสียงเย็นๆ ที่ดังขึ้นข้างหลังทำเอาจินฮวานสะดุ้งอย่างตกใจ แทฮยอนหันไปปล่อยพลังใส่หากแต่ก็กลับโดนปัดทิ้งอย่างง่ายดาย รอยยิ้มที่แสนเย่อหยิ่งปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา จินฮวานกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะหันไปหาร่างสูงที่ยืนเปลือยท่อนบนอยู่


                พวกเราขอโทษนะ แต่พวกเราไม่ได้ตั้งใจมาบุกรุกพื้นที่ของคุณ พวกเราก็แค่มาหาของเท่านั้น


                “โกหกเสียงทุ้มเอ่ยขัด จินฮวานหันไปแยกเขี้ยวใส่คนกวนประสาท หากแต่คนตรงหน้ากลับยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจนัก 


                “นายรู้จักหรอฮันบิน?” เสียงแหลมเล็กเอ่ยถาม ฮันบินหยักยิ้มอีกครั้งก่อนจะส่ายหัวเบาๆ


                ไม่รู้จักอ่ะ ถ้าพี่จะฆ่าก็ทำเลย ผมรอดูอยู่


                “คิมฮันบิน!” จินฮวานแหวเสียงหลง ทำเอาคุณยมทูตหัวเราะชอบอกชอบใจทันที ฮันบินเดินไปดึงมือจินฮวานมายืนข้างๆ ตัวเองก่อนจะปรายตาปราบแทฮยอนที่พยายามจะดึงมือเพื่อนสนิทกลับ


                ผมไม่ทำอันตรายเพื่อนคุณหรอกน่าฮันบินเอ่ย จินฮวานพยักหน้าเบาๆ สุดท้ายแทฮยอนก็ยอมปล่อยมือ ฮันบินดึงคนตัวเล็กมายืนข้างๆ ก่อนจะหันไปพูดกับคนตรงหน้า


                คนพวกนี้ไม่มีอันตรายหรอกฮันบินแบมือตรงหน้าจินฮวาน คนตัวเล็กเบิกตากว้างทันทีที่เห็นเจ้าโมเดลที่กำลังตามหาอยู่บนฝ่ามือของอีกคน มือเล็กหยิบโมเดลมาไว้ก่อนจะมองหน้าอีกคนด้วยความสงสัย ฮันบินพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะเอ่ยอธิบาย


                ผมเจอมันก่อนเข้ามาที่นี่ ได้ไอ้นี่แล้วก็ออกไปซะ ที่นี่ไม่ปลอดภัยสำหรับมนุษย์อย่างคุณ


                “มนุษย์?” ซึงฮุนทวนคำ เขามองคนตัวเล็กที่ยืนถือโมเดลด้วยความรู้สึกสนใจ นัยน์ตาแวววาวของหมาป่าหนุ่มส่องประกายพราวระยับราวกับเจอของเล่นที่ถูกใจ


                นายเป็นมนุษย์?”


                อย่าแม้แต่จะคิดแทฮยอนเอ่ยขัดซึงฮุนที่กำลังมองจินฮวานด้วยแววตาแวววาว พ่อมดหนุ่มเดินไปดึงมือจินฮวานให้มายืนข้างตัวเองก่อนจะเอ่ย


                ขอบใจที่เก็บของให้ แล้วก็ขอโทษที่พวกเรามาบุกรุกที่ของคุณแทฮยอนโค้งศีรษะให้ซึงฮุนก่อนจะปรายตามองฮันบิน


                ส่วนเรื่องที่เพื่อนของผมเป็นมนุษย์ หวังว่าคุณคงจะไม่พูดให้ใครรู้ แล้วอีกอย่างก็ปล่อยให้เพื่อนผมมีชีวิตที่สงบสุขเถอะ อย่ายุ่งกับจินฮวาน


                “ว้าวววว ดุจังแฮะ ฉันชอบนายแล้วล่ะซึงฮุนเอ่ยด้วยน้ำเสียงขี้เล่น นัยน์ตาพราวระยับของหมาป่าหนุ่มทำเอาแทฮยอนยืนนิ่งไปเลยทีเดียว ซึงฮุนหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเดินมาลูบหัวจินฮวานเบาๆ อย่างเอ็นดู


                คุณมนุษย์ผู้แสนน่ารัก ไว้ใจฉันได้เลย ฉันไม่เล่าเรื่องของนายให้ใครฟังหรอกน่า แต่ต่อจากนี้ไปเรามาเป็นเพื่อนกันเถอะนะ


                ซึงฮุนส่งยิ้มที่แสนสดใสให้ ทำเอาจินฮวานเผลอยิ้มตอบ แทฮยอนที่อยู่ข้างๆ เองก็สัมผัสได้ว่ามนุษย์หมาป่าคนนี้ไม่ได้มีพิษภัย ไม่รู้ทำไมภาพที่คุณมนุษย์หมาป่าลูบหัวจินฮวานอย่างแผ่วเบากลับทำให้เขารู้สึกเหมือนกับซึงฮุนเป็นพี่ชายของจินฮวานอย่างนั้นแหละ


                และเหมือนกับพี่ชายของเขาด้วย


                กรรรรรรรซ์!”


                เสียงคำรามดังขึ้น ซึงฮุนที่กำลังลูบหัวจินฮวานอยู่ถอยหลังกลับไปก่อนจะยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเองไว้ เสียงคำรามดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับเสียงของซึงฮุนที่เริ่มเปลี่ยนไป


                วันนี้เป็นวันพระจันทร์เต็มดวง ฉันลืมไป! พวกนายรีบออกไปจากที่นี่ซะ!” เสียงร้องเตือนจากซึงฮุนทำเอาทุกคนตื่นตระหนก แทฮยอนที่กำลังจะดีดนิ้วเพื่อใช้เวทมนต์พาจินฮวานออกไปก็เป็นอันต้องหยุดการกระทำและมองภาพตรงหน้าด้วยแววตาตกใจเมื่อจู่ๆ ร่างสูงของซึงฮุนก็กลับกลายเป็นร่างใหญ่ๆ ของหมาป่าสีน้ำตาลเข้มแทน เสียงคำรามดังก้องไปทั่วป่า นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มของหมาป่าตัวใหญ่หันมามองที่แทฮยอนกับจินฮวาน ก่อนที่มันจะพุ่งเข้ามาหาพวกเขาอย่างรวดเร็ว!


                กรรรรรรรรรรซ์!


                “Shitttttt!” เสียงสบถดังขึ้นพร้อมกับร่างของยมทูตหนุ่มที่โดนคมจากเล็บของหมาป่าขูดจนเสื้อเป็นรอยขาด ฮันบินสะบัดมือส่งผลให้ร่างของหมาป่ากระเด็นห่างออกไป แทฮยอนยกมือขึ้นเตรียมปล่อยพลังแต่กลับโดนฮันบินจับมือเอาไว้


                อย่า พี่ซึงฮุนแค่ควบคุมตัวเองไม่ได้ พวกเราต้องออกไปจากที่นื่ก่อน


                จบคำของฮันบินพ่อมดหนุ่มก็พยักหน้าเบาๆ ก่อนจะดีดนิ้วใช้เวทมนต์หายตัวพาพวกเขากลับมาที่หอพัก ฮันบินทิ้งตัวลงนอนบนเตียงทันที รอยแผลจากคมเล็บของหมาป่าส่งผลให้เลือดทะลักออกมาไม่หยุด มือหนายกมือขึ้นกระชากเสื้อที่ขาดวิ่นของตัวเองออกก่อนจะหันไปหาจินฮวานที่ยืนตัวแข็งทื่ออยู่ที่มุมห้อง


                จะให้ผมตายอยู่ที่นี่หรือไง ขอกล่องยาหน่อยสิ


                จินฮวานรีบวิ่งเข้าไปในห้องเพื่อหยิบกล่องยามาส่งให้ คนตัวเล็กหลับตาลงขณะส่งกล่องยาให้ฮันบิน มือเล็กๆ ที่สั่นเทาทำให้ฮันบินขมวดคิ้วมุ่น จินฮวานวิ่งมาหลบหลังแทฮยอน คนตัวเล็กซบใบหน้าลงกับแผ่นหลังของเพื่อนสนิท หลับตาปี๋พลางกำมือทั้งสองข้างไว้แน่น แทฮยอนหันไปลูบหัวจินฮวานเบาๆ ก่อนจะจูงมือคนตัวเล็กให้ออกไปอยู่ห้องของตัวเองที่อยู่ฝั่งตรงข้าม


                ฮันบินได้แต่มองตามด้วยความรู้สึกเป็นห่วง จินฮวานคงกลัวมากแน่ๆ กับเหตุการณ์เมื่อกี้ นี่ถ้าเขาไม่เอาตัวเองเข้าไปบังไว้ล่ะก็ป่านนี้คนตัวเล็กคนนั้นได้กลายเป็นอาหารของหมาป่าไปแล้วแน่ๆ


                เขาเป็นอะไรหรือเปล่า?”  ฮันบินส่งเสียงถามทันทีที่แทฮยอนเดินกลับเข้ามา พ่อมดหนุ่มโยนผ้าพันแผลให้ฮันบินก่อนจะเอ่ยตอบ


                จินฮวานหลับไปแล้ว หมอนั่นคงตกใจ อีกอย่างนายก็เลือดออกเยอะขนาดนั้นด้วย


                “หืม?”


                “จินฮวานน่ะ กลัวเลือดที่สุดแทฮยอนพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ เขารู้ว่าเพื่อนสนิทตื่นตระหนกขนาดไหนที่เห็นเลือดทะลักออกมาจากบาดแผลของฮันบิน


                กลัวเลือด?”


                “ใช่ จินฮวานกลัวเลือด หมอนั่นน่ะเห็นเลือดแค่นิดเดียวก็ไม่ได้แล้ว นายไม่เห็นหรือไงว่าหมอนั่นตัวสั่นมากแค่ไหน แถมยังกำมือและจิกเล็บซะจนฝ่ามือเป็นแผลไปซะหมด


                ฮันบินพยักหน้าเบาๆ ให้กับคำบอกเล่าของแทฮยอน นัยน์ตากลมโตมีร่องรอยบางอย่างฉายชัด ความรู้สึกบางอย่างเริ่มก่อตัวขึ้นทั้งๆ ที่เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าความรู้สึกแบบนั้นมันคืออะไร ยมทูตหนุ่มถอนหายใจเบาๆ ไล่ความรู้สึกบางอย่างที่เกาะกุมหัวใจออกไปก่อนจะพันแผลที่ลำตัวของตัวเอง แทฮยอนหันมองหน้าอีกคนก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา


                คิมฮันบิน ฉันเชื่อนายได้หรือเปล่า?”


                “หือ?”


                “เรื่องจินฮวาน นายจะไม่เป็นอันตรายต่อเขา และจะไม่สร้างปัญหาให้เขาใช่มั้ย?” แทฮยอนเอ่ย ฮันบินพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น


                เชื่อผมได้เลย


                ถึงจะไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงจะต้องเอาตัวเองเข้ามาพัวพันกับมนุษย์ตัวเล็กคนนั้น แต่ตอนนี้เขาก็ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าความอ่อนแอของคนๆ นั้นมีอิทธิพลบางอย่างกับเขามากมายขนาดไหน ความรู้สึกเบื้องลึกส่งผลให้เขาอยากปกป้องมนุษย์ที่แสนบอบบางคนนั้น


                ไม่ว่ายังไงก็ยังอยากเห็นหน้าเหวี่ยงๆ นั่นมากกว่าใบหน้าที่แสนหวาดกลัวแบบนั้น

               

     

               

               100%

                


     

     





     


        ❥ To be continued.












     

              มาพูดคุยกับอินดี้กัน :3            



    ก่อนอื่นขอโทษนะคะที่บทนี้มาช้ามาก 
    งานเยอะมากเลย อยู่ในช่วงสอบด้วยชีวิตเลยวุ่นวายมากค่ะ แงงงง
    แต่ออกมามึนๆ มาก แต่ชอบตัวละครซึงฮุนมากๆ 
    พยายามจะทำให้มันดูน่าสนใจ หวังว่าทุกคนจะสนุกไปพร้อมกับฮันบินเนอะ :)

    *อ่านสองเรื่องคู่กันเลยจะสนุกกว่าเยอะ (:


    Grim Reaper {Click!}

    มาสกรีมด้วยกันได้ที่ #ฟิคยมทูตฮันบิน

    {Twitter   Indydoll.}


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×