ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (BJIN) Gory Trick ❥ iKON

    ลำดับตอนที่ #2 : Trick ❥ 01 | Arrogance.

    • อัปเดตล่าสุด 30 เม.ย. 58


    O W E N TM.
     
    GORY TRICK
     



    ❥ Trick 01  | Arrogance.
     

     





     

                  แสงอาทิตย์ยามเช้าที่ส่องผ่านหน้าต่างส่งผลให้คนตัวเล็กที่กำลังอยู่ในห้วงนิทราค่อยๆ ลืมตาขึ้น จินฮวานยกมือขยี้ตาตัวเองเบาๆ พลางเอื้อมมืออีกข้างไปดึงผ้าม่านปิดหน้าต่าง เสียงนาฬิกาปลุกดังลั่นขึ้นพร้อมกับเสียงเคาะประตูที่เดาได้ไม่ยากว่าใคร จินฮวานกระโดดลงจากเตียงของตัวเองไปเปิดประตูต้อนรับพ่อมดหนุ่มเพื่อนสนิท แทฮยอนยืนยิ้มอยู่หน้าประตู เขาชูเครื่องแบบนักเรียนในมือขึ้นและส่งมันให้จินฮวานก่อนจะดันหลังคนตัวเล็กให้เข้าไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อเตรียมไปโรงเรียน

                วันนี้คือวันเปิดเทอมวันแรก

                แทฮยอนนั่งลงบนเตียงพลางเอื้อมมือไปหยิบนาฬิกาปลุกมากดปิดเสียง รอยยิ้มสวยผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาเมื่อหันไปเห็นผ้าม่านสีดำสนิทที่ปิดหน้าต่างอยู่ แทฮยอนดีดนิ้วเบาๆ เสื้อฮู้ดสีชมพูสดใสก็ปรากฏขึ้นบนมือ เจ้าของเวทมนต์วางมันลงบนเตียงก่อนจะหายวับไปทิ้งไว้เพียงกระดาษโพสอิทสีชมพูที่หล่นลงบนเสื้อฮู้ดพอดีราวกับจับวาง

                ฉันต้องรีบไปโรงเรียน สภาพ่อมดเรียกประชุมเรื่องนักเรียนใหม่

                พ่อมดและแม่มดจำเป็นต้องมีสภานักเรียนเพื่อคอยดูแล เหมือนที่พวกยมทูตมีสิบอันดับยมทูตนักล่าวิญญาณคอยดูแลโรงเรียนเช่นเดียวกัน หากแต่พ่อมดและแม่มดไม่มีการจัดอันดับใดๆ พวกเขาก่อตั้งสภาขึ้นเพียงแค่เป็นตัวแทนในการดูแลพ่อมดแม่มดที่มีอยู่น้อยในโรงเรียนก็เท่านั้น

                นอกจากนี้พวกพ่อมดแม่มดยังมีความสามารถในการแก้ไขและลบความทรงจำและมันก็เป็นผลดีต่อโรงเรียนเสียด้วย หลายครั้งหลายคราที่เหล่ายมทูตขอยืมพลังของพวกเขามาทำให้พวกมนุษย์มองโรงเรียนนี้เป็นเพียงโรงเรียนธรรมดาโรงเรียนหนึ่งเท่านั้น แต่ก็ยังมีมนุษย์บางคนซึ่งยินยอมจะเก็บความลับของโรงเรียนเอาไว้โดยไม่บอกใคร คนพวกนี้จะรอดจากการแก้ไขความทรงจำของพวกพ่อมดแม่มดไป

                และหนึ่งในมนุษย์เหล่านั้นก็คือ คิมจินฮวาน

                แทฮยอนสนิทกับจินฮวานเมื่อปลายปีที่แล้ว เขาถูกขอร้องโดย ซงมินโฮ ยมทูตอันดับห้าให้จัดการแก้ไขความทรงจำของนักเรียนใหม่สามคนที่ย้ายเข้ามาเรียนตอนปลายปีและจินฮวานก็คือหนึ่งในนักเรียนสามคนนั้น แต่เมื่อแทฮยอนจะแก้ไขความทรงจำของเขา จินฮวานกลับเป็นคนขอร้องให้แทฮยอนปล่อยเขาไป จินฮวานสัญญากับแทฮยอนว่าเขาจะเก็บเรื่องของโรงเรียนเป็นความลับ

                แน่นอนว่าในตอนแรกแทฮยอนเองไม่ยอมรับข้อเสนอนั้น

                แต่เมื่อเขาได้ฟังเรื่องราวของจินฮวาน เขาก็ต้องเปลี่ยนใจ

                จินฮวานเล่าว่าพ่อและแม่ของเขากลายเป็นอาหารของพวกแวมไพร์ เขาหนีเอาตัวรอดมาได้จึงย้ายมาที่โรงเรียนนี้ นัยน์ตาคู่สวยที่มองสบตากับแทฮยอนมีร่องรอยของความหวาดกลัว และนั่นทำให้พ่อมดหนุ่มยินยอมที่จะปล่อยให้จินฮวานกลายเป็นมนุษย์ที่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับโรงเรียนไปโดยปริยาย คนตัวเล็กๆ ที่แสนบอบบางกับนัยน์ตาที่สั่นไหวยามเล่าเรื่องราวของตนเองทำให้พ่อมดหนุ่มสัญญากับตัวเองว่าจะต้องดูแลจินฮวานให้ใช้ชีวิตในโรงเรียนได้อย่างมีความสุขที่สุด

                เขาจะเป็นคนปกป้องคนตัวเล็กคนนี้เอง

                จินฮวานเดินออกจากห้องน้ำก่อนจะกวาดสายตามองรอบๆ ก่อนจะไปสะดุดเข้ากับเสื้อฮู้ดสีชมพูที่วางอยู่บนเตียง คนตัวเล็กหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะเดินไปหยิบโพสอิทที่วางอยู่บนเสื้อขึ้นมาอ่าน รอยยิ้มสวยผุดขึ้นบนใบหน้าใส จินฮวานสวมเสื้อฮู้ดก่อนจะจับฮู้ดคลุมศีรษะของตัวเองและผิวปากเดินออกจากห้องอย่างอารมณ์ดี

                การเปิดเทอมในวันแรกต้องสดใสเหมือนฮู้ดสีชมพูนี่แน่นอน







     

                ซะที่ไหนกันล่ะ!

                คนตัวเล็กกึ่งวิ่งกึ่งเดินเพื่อรีบเข้าโรงเรียนให้ทันก่อนที่บานประตูเหล็กหน้าโรงเรียนจะปิด จินฮวานพ่นลมหายใจอย่างเหนื่อยหอบทันทีที่ก้าวผ่านประตูโรงเรียนได้ คนตัวเล็กหลังยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อที่ผุดตามใบหน้าใสของตัวเองพลางบ่นงึมงำ

                เหนื่อยชะมัด ไม่น่าแวะร้านฟิกเกอร์เลยเรา

                “แฮกแฮก

                เสียงหอบหายใจที่ดังขึ้นข้างๆ ส่งผลให้คนตัวเล็กที่ยืนบ่นงึมงำหันขวับไปมองอย่างรวดเร็ว เด็กหนุ่มตัวสูงกว่าจินฮวานนิดหน่อยกำลังทิ้งตัวนั่งลงบนพื้นหญ้าอย่างหมดแรง ใบหน้าใสมีเหงื่อผุดขึ้นไม่น้อยไปกว่าจินฮวานเลย ริมฝีปากสีชมพูเผยอขึ้นนิดหน่อย เส้นผมหน้าม้าสีดำสนิทที่เปียกชุ่มถูกมือเรียวเสยขึ้นเผยให้เห็นดวงตากลมโตที่ดูสดใส เด็กหนุ่มหันมองจินฮวานก่อนจะคลี่ยิ้มสวยให้ จินฮวานนิ่งไปกับการกระทำของคนตรงหน้า แต่ยังไม่ทันจะได้เอ่ยถามอะไรเจ้าของรอยยิ้มสวยก็ผุดลุกขึ้นอย่างเร็วก่อนจะหันมาโค้งให้จินฮวานและวิ่งเข้าตึกเรียนไป

                จินฮวานมองตามหลังของเขา รอยยิ้มสวยๆ ยังคงทำให้เขาสงสัย จินฮวานพยายามนึกว่าเคยเจอเด็กผู้ชายคนนั้นมาก่อนหรือเปล่า แต่คำตอบที่ได้ก็พบว่าไม่ เขาไม่เคยเจอเด็กนั่นอย่างแน่นอน แล้วทำไมหมอนั่นต้องยิ้มให้เขาด้วยล่ะ

                แต่มันก็เป็นรอยยิ้มที่ดูสดใสและสวยมากทีเดียวเลย

                “เฮ้ นายมาสายนะเสียงนุ่มที่ดังขึ้นข้างหูทำเอาจินฮวานที่กำลังยืนเหม่ออยู่สะดุ้งสุดตัว แทฮยอนหัวเราะเบาๆ ที่เห็นคนตัวเล็กตกใจ เขาเพ่งสายตามองไปที่กระเป๋าเป้สะพายหลังใบเล็กๆ ของจินฮวานก่อนจะอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปดีดหน้าผากใสของเพื่อนสนิทเบาๆ เมื่อเห็นเจ้าโมเดลสีเหลืองอยู่ในกระเป๋าใบเล็กนั้น

                ไปแวะร้านฟิกเกอร์มาอีกแล้ว

                “ช่วยไม่ได้นี่นา ทำไมร้านนั้นต้องอยู่ระหว่างทางมาโรงเรียนด้วยนะ มันทำให้ฉันอดใจไม่ได้ที่จะแวะเข้าไปปากเล็กยู่ลงอย่างน่ารักจนพ่อมดหนุ่มอดไม่ได้ที่จะโยกหัวเพื่อนสนิทเล่นอย่างเอ็นดู

                ไปโทษร้านได้ยังไง นายนั่นแหละที่คลั่งเจ้าโมเดลนี่มากเกินไปแทฮยอนส่ายหัวเบาๆ ให้กับความเป็นเด็กของคนตัวเล็ก จินฮวานแบะปากพลางสะบัดหัวไปมา ท่าทางน่ารักนั่นยิ่งทำให้แทฮยอนหมันเขี้ยวจนต้องดึงฮู้ดสีชมพูที่คลุมศีรษะคนตัวเล็กอยู่ออกและใช้สองมือขยี้เส้นผมสีน้ำตาลสวยจนยุ่งเหยิง จินฮวานโวยวายพลางพยายามจะใช้มือเล็กๆ หยุดมือที่กำลังยีผมของเขา

                กึก!

                แต่จู่ๆ พ่อมดหนุ่มก็หยุดมือลงเอง จินฮวานเงยหน้ามองเพื่อนสนิทงงๆ แทฮยอนกำลังมองไปที่ทางเดินอีกฝั่งด้วยใบหน้าเคร่งเครียด จินฮวานมองตามสายตาของเพื่อนสนิทก่อนจะพบคนตัวเล็กที่เดินอยู่ที่ทางอีกฝั่ง ตาเรียวเล็กเบิกกว้างอย่างตกใจเมื่อเห็นว่าฮู้ดสีม่วงของคนๆ นั้นหลุดเผยให้เห็นใบหน้าหวานและเส้นผมสีน้ำตาล ใบหน้าสวยหวานหันมามองจินฮวานกับแทฮยอน นัยน์ตาสีน้ำตาลแปรเปลี่ยนเป็นสีม่วงเพียงชั่วครู่ก่อนที่มันจะหายไปพร้อมกับร่างเล็กที่เดินหายเข้าตึกไปเช่นเดียวกัน

                ใบหน้านั่น เหมือนกับภาพที่ชานอูเคยวาดไว้ไม่มีผิด

                ใบหน้าของคนที่ชานอูคิดว่าเป็นแวมไพร์ที่แฝงตัวเข้ามาในโรงเรียน!

                ระวังหมอนั่นไว้

                แทฮยอนเอ่ยขณะดึงฮู้ดสวมลงบนศีรษะคนตัวเล็ก จินฮวานกลืนน้ำลายลงคออย่างลำบาก นัยน์ตาคู่สวยสีน้ำตาลสั่นไหวเบาๆ แทฮยอนที่เห็นเพื่อนสนิทเริ่มกลัวยื่นมือไปโยกหัวคนตัวเล็กเบาๆ อย่างปลอบโยน

                ไม่ต้องห่วง ฉันจะดูแลนายเอง

                “แต่ว่า…”

                “เฮ้ ผมมีเรื่องสนุกๆ ให้ดูด้วยล่ะเสียงขี้เล่นของชานอูดังขึ้นขัดบทสนทนา และยังไม่ทันที่แทฮยอนจะต่อว่ารุ่นน้องที่เข้ามาไม่ดูจังหวะ ชานอูก็วาดนิ้วบนอากาศเผยให้เห็นภาพพิธีการเปิดการศึกษาและการกล่าวทักทายของตัวแทนของนักเรียนใหม่

                เด็กนั่นมัน

                จินฮวานขมวดคิ้วเมื่อเห็นเจ้าของรอยยิ้มสวยที่เขาเพิ่งเจอเมื่อครู่ เด็กคนนั้นกำลังยืนอยู่บนเวที นัยน์ตาแน่วแน่และริมฝีปากบางที่เหยียดยิ้มอย่างมั่นใจนั่นทำให้จินฮวานขมวดคิ้วมุ่นกว่าเดิม

                สวัสดีครับ ผมคิมฮันบินเพิ่งเข้ามาเรียนในโรงเรียนนี้วันแรก เขาเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้มบาง จินฮวานเพ่งมองภาพตรงหน้า เด็กหนุ่มท่าทางเย่อหยิ่งในภาพนั้นกำลังกวาดสายตามองอะไรบางอย่างก่อนจะหยุดนิ่งและเอ่ยอีกครั้ง

                สิบสุดยอดยมทูตนักล่าวิญญาณ ขอให้ตั้งใจฟังผมเอาไว้ให้ดี


                …หืม?

                ทั้งจินฮวานและแทฮยอนขมวดคิ้วมุ่นทันทีที่ได้ยินประโยคท้าทายสิบสุดยอดยมทูตจากเด็กหนุ่มในภาพ ท่าทางเย่อหยิ่งและริมฝีปากที่เหยียดรอยยิ้มบางนั้นช่างขัดกับรอยยิ้มที่จินฮวานเคยเห็น

                อีกไม่นานหรอก...พวกคุณทุกคนจะต้องก้มหัวให้ผมคนนี้

                จบประโยคนั้นรอยยิ้มบางก็ถูกวาดขึ้นบนริมฝีปากอีกครั้ง จินฮวานขมวดคิ้วมองภาพนั้นจนกระทั่งชานอูสะบัดมือปล่อยให้ภาพนั้นหายไป น้ำเสียงขี้เล่นเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้น

                เป็นเรื่องทอร์คออฟเดอะทาวน์ในตอนนี้เลยนะ

                “เด็กนั่น…” จินฮวานครางเบาๆ แทฮยอนหันมองเพื่อนสนิทก่อนจะเอ่ยถาม

                ทำไม? นายรู้จักหรอ?”

                “ไม่ แต่ฉันเพิ่งเจอเขาเมื่อเช้าน่ะ

                “หมอนั่นเป็นใคร?” แทฮยอนหันไปถามพ่อมดรุ่นน้อง ชานอูผุดรอยยิ้มขี้เล่นขึ้นบนใบหน้าพลางยักไหล่ขึ้นลงเบาๆ ก่อนจะเอ่ยตอบเสียงใส

                คิมฮันบิน ก็แค่ยมทูตเด็กใหม่ที่กล้าท้าทายสิบสุดยอดยมฑูตนักล่าวิญญาณ

                “ไม่ใช่หรอก เด็กนั่นไม่ใช่แค่ยมทูตเด็กใหม่แน่ๆแทฮยอนพ่นลมหายใจเบาๆ แต่นั่นมันก็เป็นเรื่องของพวกยมทูต พ่อมดอย่างพวกเราไม่เกี่ยวสักหน่อย

                แทฮยอนว่าพลางเดินอ้อมไปข้างหลงคนตัวเล็กที่ยังคงยืนหน้ามึนอยู่และดันหลังเล็กเบาๆ จินฮวานหันมองเพื่อนสนิทก่อนจะเบ้ปากอย่างขัดใจ แทฮยอนหัวเราะเบาๆ ก่อนหมุนคอจินฮวานให้หันกลับไปทางเดิมและออกแรงดันหลังเล็กอีกครั้ง

                และมันก็ไม่เกี่ยวกับมนุษย์อย่างนายด้วย ไปเรียนได้แล้วคิมจินฮวาน

                จินฮวานหันไปเบ้ปากอย่างขัดใจให้กับความเจ้ากี้เจ้าการของเพื่อนสนิท แต่สุดท้ายเขาก็ยอมเดินเข้าตึกเรียนตามที่แทฮยอนบอก คำพูดของแทฮยอนเมื่อครู่ทำให้จินฮวานถอนหายใจเบาๆ พลางคิดค้านในใจ

                ไม่รู้ทำไม ..แต่เขารู้สึกว่าเด็กนั่นต้องได้มาเกี่ยวข้องกับเขาแน่ๆ

     



     







     

                ควันบุหรี่สีจางถูกพ่นโดยริมฝีปากบาง ฮันบินเอนหลังพิงผนังตึกของดาดฟ้า นิ้วเรียวสวยที่คีบบุหรี่ถูกยกขึ้นสูบและพ่นควันสีเทาจางออกมาอีกครั้ง ดวงตากลมโตสีดำสนิทเหม่อมองท้องฟ้าสีฟ้าสดใส ฮันบินพ่นควันบุหรี่ออกมาอีกครั้งบดบังภาพที่สดใสตรงหน้าก่อนจะทิ้งก้นบุหรี่ลงบนพื้นและใช้เท้าขยี้มันจนกลายเป็นเพียงแค่เศษผง

                ปึง!

                เสียงประตูดาดฟ้าที่ถูกเปิดออกโดยใครบางคนทำเอาฮันบินหันขวับไปมองอย่างตกใจ เขาจำได้ว่าเขาล็อคมันแล้วนี่นา แล้วทำไมถึงยังมีคนเปิดมันได้อีกล่ะ

                เฮ้อ ใครล็อคดาดฟ้ากันนะ

                เสียงใสดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของคนที่เปิดประตูดาดฟ้า ฮันบินขมวดคิ้วงงๆ มองแผ่นหลังคนตัวเล็กในชุดเสื้อฮู้ดสีชมพูสดใสที่มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเขา แต่ยังไม่ทันจะได้ส่งเสียงเรียก คนตัวเล็กก็หันหน้ามาหาเขาเสียก่อน นัยน์ตาเรียวสวยสีน้ำตาลเข้มเบิกกว้างอย่างตกใจก่อนที่นิ้วเรียวจะชี้มาที่เขา

                นาย!”

                “ชี้หน้าคนอื่นได้ยังไงกัน เสียมารยาทฮันบินขมวดคิ้วพลางกล่าวต่อว่าคนตัวเล็ก

                นายล็อคประตูดาดฟ้าทำไม?”

                “แล้วคุณขึ้นมาทำไมฮันบินสวนกลับทันทีที่โดนถาม ทำเอาคนตัวเล็กถึงกับยู่ปากอย่างขัดใจ

                ฉันชอบขึ้นมาที่นี่อยู่แล้ว นายนั่นแหละขึ้นมาแล้วทำเหมือนดาดฟ้าเป็นของตัวเองได้ยังไงกัน ล็อคประตูแบบนั้นนี่เสียมารยาทมาก!”

                “แล้วที่คุณยืนชี้นิ้วด่าผมนี่ไม่เสียมารยาทหรอ?”

                “คิมฮันบิน!”

                เสียงใสที่ตวาดอย่างหงุดหงิดทำให้ฮันบินเลิกคิ้วขึ้นอย่างนึกสงสัย ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเมื่อเช้าตัวเองได้สร้างวีรกรรมอะไรเอาไว้ และคนตัวเล็กคนนี้ก็คงจะรู้ชื่อเขาจากการที่เขาเอ่ยประกาศท้าทายนั่นแหละ

                คนหยิ่งๆ แบบนี้ยิ้มสวยขนาดนั้นได้ยังไงกันนะ

                เสียงเล็กที่บ่นพึมพำทำให้ฮันบินต้องเลิกคิ้วขึ้นอีกครั้ง ฮันบินมองคนตัวเล็กที่ยังคงยืนพึมพำงึมงำอยู่คนเดียวด้วยสีหน้าหงุดหงิด คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเมื่อนึกถึงประโยคเมื่อครู่ที่คนตัวเล็กบ่น

                “ผมยิ้มสวย?” ฮันบินเอ่ยประโยคสงสัย คนตัวเล็กส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะเอ่ยปฏิเสธ

                ไม่เลยสักนิด

                “แต่เมื่อกี้…”

                “ถ้านายจะอยู่บนนี้ล่ะก็อยู่ไปเถอะ แต่อย่าล็อคประตูดาดฟ้าแบบเมื่อกี้อีกเสียงใสพูดขัด ฮันบินเม้มริมฝีปากบางเข้าหากันเป็นเส้นตรงก่อนจะพยักหน้าเบาๆ เมื่อได้รับการยินยอมคนตัวเล็กก็หมุนตัวเตรียมจะเดินกลับไปทางประตู

                เดี๋ยว…”

                ไม่รู้ทำไมฮันบินถึงต้องเรียกเขาเอาไว้ คนตัวเล็กหมุนตัวหันกลับมาเผชิญหน้ากับเขา ฮันบินถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนตรงหน้าและเอ่ยคำถาม คุณชื่ออะไร?”

                “ฉัน?”

                “คิดว่าผมถามลูกกุญแจในมือคุณหรือไง?”

                “ถ้านายอยากรู้ชื่อคนอื่นก็ควรจะถามดีๆ สิคนตัวเล็กว่าตำหนิ ฮันบินยักไหล่เบาๆ อย่างไม่ใส่ใจ เห็นแบบนั้นเขาก็พ่นลมหายใจเบาๆ อย่างหงุดหงิด ใบหน้าน่ารักง้ำงอขณะเอ่ยชื่อของตัวเอง

                ฉันชื่อคิมจินฮวาน

                …คิมจินฮวาน

                “เป็นพวกไหน?”

                “จำเป็นต้องรู้ด้วยหรือไง?”

                “ผมถามดีๆ นะฮันบินเอ่ยขัด จินฮวานย่นคิ้วพลางเบ้ปากให้กับท่าทางและคำพูดกวนประสาทของคนตรงหน้า เด็กนี่ไม่เป็นมิตรกับเขาเลยสักนิด

                ไม่สิ เขาคงไม่เป็นมิตรกับใครเลยมากกว่า!

                ฉันไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนายถึงกล้าท้าทายสิบสุดยอดยมฑูตนักล่าวิญญาณ

                ฮันบินยิ้มรับให้กับคำพูดจิกกัดของคนตัวเล็กราวกับมันเป็นคำชมซะอย่างนั้น เห็นแบบนั้นจินฮวานยิ่งหมันไส้ใบหน้าเย่อหยิ่งนั่นเข้าไปใหญ่ หนอย เด็กนี่มันไม่มีสำนึกอะไรเลยหรือไงกันเนี่ย

                ท้าทายสิบสุดยอดยมทูตแบบนั้นนายไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบสุขแน่ๆ

                “ผมก็ไม่ได้อยากมีชีวิตที่สงบสุขนี่นา

                ฮันบินยักคิ้วให้จินฮวานอย่างจงใจกวนประสาท และมันก็ได้ผล คนตัวเล็กหมันไส้จนอยากจะเข้าไปตะกุยหน้าหยิ่งๆ นั่นให้สำนึกซะบ้าง แต่ก็ทำได้เพียงแค่ยืนกัดฟันกรอดๆ อย่างหงุดหงิดเท่านั้น

                หมอนี่กล้าท้าทายสิบสุดยอดยมทูตเชียวนะ แล้วมนุษย์ตัวเล็กๆ อย่างเขาจะไปทำอะไรได้กันเล่า!

                “ตกลงคุณเป็นพวกไหน?”

                ฮันบินย้ำคำถามเดิมอีกครั้ง จินฮวานขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิดที่เด็กจอมหยิ่งนี่ไม่ยอมเลิกราจากการถามถึงสายพันธุ์หรือพรรคพวกของเขาเสียที ปากเล็กง้ำงอลงพลางสะบัดหน้าหนีเพื่อจงใจให้คนตรงหน้ารู้ว่าเขาไม่เป็นต้องตอบคำถามที่ไร้มารยาทจากคนเย่อหยิ่งแบบนี้เลยสักนิด

                หมับ!

                จินฮวานเบิกตากว้างและสะดุ้งสุดตัวเมื่อจู่ๆ สัมผัสเย็นๆ จากฝ่ามือของอีกคนก็สัมผัสเข้ากับมือของเขา เจ้าของฝ่ามือเย็นเฉียบหยักยิ้มบางที่มุมปากเมื่อทำให้คนตัวเล็กตกใจได้ ฮันบินพลิกหลังฝ่ามือของจินฮวานขึ้น ดวงตากลมโตจ้องมองอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเขาจะปล่อยมือเล็กให้เป็นอิสระ

                คุณไม่ใช่ยมฑูต

                ฮันบินเอ่ย เขาขมวดคิ้วขณะมองไปที่คนตัวเล็กที่ยังคงยืนอึ้งกับการกระทำเมื่อครู่ของเขา ฮันบินมองจินฮวานด้วยความสงสัย เมื่อครู่ที่เขายกมือเล็กขึ้นมาดูนั้นเขาแน่ใจได้ทันที ใช่ คนๆ นี้ไม่มีสัญลักษณ์รูนที่หลังฝ่ามือ เขาไม่ใช่ยมฑูต

                นาย!”

                จินฮวานที่เพิ่งหลุดออกจากภวังค์ยกหมัดเล็กขึ้นและปล่อยหมัดเพื่อจะซัดบนใบหน้าอีกคน หากแต่ฮันบินกลับยกมือขึ้นบังใบหน้าของตัวเองรับหมัดนั้นไว้ มือใหญ่กว่ากุมหมัดเล็กๆ นั้นไว้ได้อย่างง่ายดาย

                วาบ!

                สัมผัสเย็นๆ แบบนี้อีกแล้ว!

                จินฮวานสะบัดมือออกจากการเกาะกุมพลางยกมืออีกข้างลูบมือตัวเองเบาๆ สัมผัสเย็นๆ จากคนตรงหน้านั่นมันอะไรกัน เป็นความรู้สึกที่ทำให้เขาเหมือนกับกำก้อนน้ำแข็งเย็นๆ เอาไว้ไม่มีผิด ไอเย็นจากฝ่ามือนั่นทำให้เขารู้สึกราวกับตัวเองจะแข็งเอาซะอย่างนั้น เป็นความรู้สึกที่ทำให้หัวใจชาวาบเลยทีเดียว

                ทำไมเด็กนี่ถึงได้มีไอเย็นแบบนี้กัน

                “คุณไม่ใช่ยมฑูตเสียงทุ้มเอ่ยอีกครั้ง

                ใช่ ฉันไม่ใช่ยมทูต แต่ฉันเป็นพ่อ…”

                “แล้วคุณก็ไม่ใช่พ่อมดด้วย

                “…!!!”

                คำพูดที่รู้ทันทำเอาจินฮวานตัวชาวาบ เด็กนี่รู้ว่าเขาไม่ใช่ยมทูตแล้วยังรู้อีกด้วยว่าเขาไม่ใช่พ่อมด

                เขารู้ได้ยังไง!

                “คุณไม่ใช่พ่อมด อย่าพยายามโกหกผม

                ริมฝีปากบางหยักยิ้มขึ้นที่มุมปาก ฮันบินมองคนตัวเล็กตรงหน้าที่กำลังยืนแข็งทื่อกับคำพูดของเขา นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มคู่สวยสั่นไหวเบาๆ ฮันบินยกมือขึ้นตรงหน้าคนตัวเล็กก่อนจะดีดมันเบาๆ

                เป๊าะ ~

                จินฮวานสะดุ้งเล็กน้อยกับการกระทำของฮันบิน คนขี้แกล้งหัวเราะเบาๆ ให้กับท่าทางตื่นตระหนกของคนตัวเล็กก่อนจะเอ่ยอีกครั้งด้วยรอยยิ้ม

                รอยยิ้มที่เย่อหยิ่งราวกับว่าเขารู้ทุกอย่าง

                คุณไม่ใช่ยมทูตเพราะคุณไม่มีอักษรรูนที่หลังฝ่ามือ

                “…”

                “และคุณก็ไม่ใช่พ่อมดเพราะว่าคุณไม่มีเวทมนต์เลยสักนิด

                “ฉันแค่ไม่ใช้มันต่างหากจินฮวานเถียง หากแต่คนตรงหน้ากลับหัวเราะเสียงใสและเอ่ยยิ้มๆ อีกครั้ง

                คุณไม่มีมัน ไม่อย่างนั้นตอนที่คุณโกรธผม คุณคงจะไม่ยกหมัดเล็กๆ นั่นขึ้นต่อยผมหรอก แต่คุณคงจะใช้เวทมนต์จัดการกับผมไปแล้วล่ะ

                จินฮวานกลืนน้ำลายลงคอเมื่อได้ยินข้อสันนิษฐานของคนเย่อหยิ่งตรงหน้า เด็กนี่ราวกับอ่านทุกอย่างได้ยังไงยังงั้น เขาพูดถูก จินฮวานไม่ใช่ยมฑูตและพ่อมด เขาไม่มีอักษรรูนและไม่มีเวทมนต์อะไรเลยสักนิด

                งั้นคงต้องโกหกว่าเป็นมนุษย์หมาป่าแทน

                โอเค ฉันไม่ใช่พ่อมด ฉัน…”

                “คุณเป็นมนุษย์

                “…!!!”

                อีกครั้งที่เสียงทุ้มที่เอ่ยออกมาด้วยความมั่นใจทำให้จินฮวานสะดุ้งและต้องเบิกตากว้างอย่างตกใจอีกครั้ง คำพูดที่เตรียมจะเอ่ยโกหกถูกกลืนหายไปทันทีที่สบตากับนัยน์ตาที่ดูมั่นใจนั่น ฮันบินหยักยิ้มทันทีที่เห็นปฏิกิริยาแบบนั้น เขาเดาถูก คนตัวเล็กคนนี้เป็นเพียงแค่มนุษย์เท่านั้น

                นายรู้ได้ยังไง?”

                “ผมก็แค่เดา

                ฮันบินยิ้มพร้อมคำตอบพลางยักไหล่ขึ้นลง จินฮวานมองคนตรงหน้าด้วยแววตาสงสัย หากแต่ฮันบินกลับทำเพียงแค่ทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นตามเดิม เขามองคนตัวเล็กที่ทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นตามก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ

                หึอึ้งขนาดนั้นเลยหรือไงกัน

                ฮันบินมองสำรวจคนตัวเล็กที่นั่งมึนอยู่ที่พื้น อันที่จริงเขาเองก็คิดว่าคนตัวเล็กคนนี้ดูน่ารักไม่น้อยเลยล่ะ นัยน์ตาเรียวสีน้ำตาลเข้มคู่สวย จมูกเล็กรั้น ริมฝีปากเล็กจิ้มลิ้ม ใบหน้าหวานใส ทุกๆ อย่างของคนตรงหน้าเขาช่างดูบอบบาง

                ก็เป็นแค่มนุษย์ที่อ่อนแอและบอบบางนี่นะ..

                อันที่จริงเขาเองก็เพิ่งเป็นนักเรียนใหม่ของที่นี่ นักเรียนใหม่มีไม่เกินร้อยคนด้วยซ้ำและเขาเองก็ค่อนข้างมั่นใจว่าคนตัวเล็กคนนี้ไม่ได้เป็นหนึ่งในนั้น นักเรียนส่วนมากในโรงเรียนจะเป็นยมทูตเกือบทั้งหมด อาจจะมีพวกพ่อมดแม่มดและมนุษย์ปะปนมาบ้าง แต่ก็เป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น   

                แน่นอนว่าจินฮวานเป็นหนึ่งในมนุษย์ที่มีเพียงส่วนน้อยในโรงเรียน

                และที่สำคัญเป็นมนุษย์ที่รอดพ้นจากการถูกแก้ไขความทรงจำด้วย

                สิ่งที่ฮันบินสงสัยไม่ใช่เรื่องที่จินฮวานเป็นมนุษย์ แต่เป็นเรื่องที่ว่าทำไมคนตัวเล็กๆ คนนี้ถึงรอดพ้นจากการแก้ไขความทรงจำ พวกยมทูตไม่น่าจะปล่อยให้มนุษย์รู้เรื่องของพวกเขามากนักหรอก แต่จินฮวานกลับรู้ทุกอย่าง เขารู้ว่าฮันบินท้าทายสิบอันดับสุดยอดยมทูต รู้เรื่องราวเกี่ยวกับยมทูต พ่อมด และมนุษย์หมาป่าในโรงเรียนนี้

                มนุษย์ตัวเล็กๆ คนนี้ไม่ธรรมดาแน่ๆ

                ทำไมคุณไม่ถูกแก้ไขความทรงจำ

                สุดท้ายพ่อยมทูตแถรตรงอย่างฮันบินก็เอ่ยคำถามออกไปจนได้ จินฮวานเงยหน้ามองเจ้าของคำถามก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ ให้กับความอยากรู้ของเขา เด็กนี่อยากรู้อะไรก็ถามหมดเลยหรือไง ไม่คิดว่าเราเพิ่งเจอกันบ้างหรอ ไม่คิดว่ามันเสียมารยาทเลยหรือไงกัน

                ก็ทำได้แค่เพียงบ่นในใจเท่านั้นแหละ สุดท้ายจินฮวานก็ต้องตอบอออกมาอย่างเสียไม่ได้

                ฉันเป็นเพื่อนกับพ่อมด

                “หืม? แล้วพวกยมทูตยินยอมให้คุณรู้เรื่องหรือไง?”

                “ฉันไม่เคยเอาเรื่องนี้ไปพูดให้มนุษย์คนอื่นฟังนี่ ฉันเก็บความลับได้

                “ใครเป็นคนอนุญาตให้คุณไม่ถูกแก้ไขความทรงจำ?”

                “นี่! ถามมากไปแล้ว

                จินฮวานผุดลุกขึ้นพลางกระทืบเท้าปึงปังอย่างหงุดหงิด เด็กนี่ไร้มารยาทจริงๆ มาถามคำถามกับเขาทำไมมากมาย แล้วทำไมเขาต้องไปตอบคำถามของหมอนี่ด้วยล่ะ!

                “ผมถามดีๆ

                คำพูดเดิมถูกยกขึ้นมาใช้อีกครั้ง และนั่นทำให้จินฮวานถึงกับเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรงอย่างหงุดหงิด เด็กนี่ทั้งเย่อหยิ่ง ไร้มารยาท แถมยังกวนประสาทอีกด้วย ยกคำพูดของเขามาพูดกดดันกันอยู่ได้

                มินโฮ สุดยอดยมทูตลำดับห้า พอใจมั้ย?!”

                จินฮวานกระแทกเสียงอย่างหงุดหงิด หากแต่คนตรงหน้ากลับไม่รู้สึกถึงความหงุดหงิดของเขาเลยสักนิด ฮันบินขมวดคิ้วเป็นปมพลางพึมพำคำที่ฟังไม่ได้ศัพท์เลยสักนิด จินฮวานมองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกหงุดหงิด อยากจะตั้นหน้าหมอนี่ให้หงายไปเลยสักทีจริงๆ หมันไส้!

                วาบบบบ!

                แสงเล็กๆ ที่ส่องสว่างมาจากหลังฝ่ามือของฮันบินทำให้จินฮวานต้องเพ่งตามอง อักษรรูนสัญลักษณ์ของเหล่ายมฑูตเปล่งแสงสีฟ้าอยู่บนหลังฝ่ามือของเขา ฮันบินก้มหน้ามองหลังฝ่ามือของตัวเอง สัญลักษณ์รูนสีฟ้าที่เปล่งแสงนั้นค่อยๆ จางหายไปโดยทิ้งความสงสัยให้กับจินฮวาน มนุษย์ตัวเล็กๆ ที่ได้เห็นสัญลักษณ์นั้น

                สัญลักษณ์รูนที่มีลายคล้ายกับเครื่องหมายอินฟินิตี้

                






     

     



        ❥ To be continued.












     

              มาพูดคุยกับอินดี้กัน :3            



    อันยองงงงง และแล้วก็เปิดตัวคุณฮันบินอย่างยิ่งใหญ่ 5555555555
    บอกตรงๆ เหนื่อยมากเลยกับการแต่งฟืคเรื่องนี้ 
    ไฝว้กับตัวเองหลายรอบ ทั้งเรื่องความสอดคล้องของเรื่อง ความแฟนตาซี
    และการแต่งบุคคลที่สามที่ไม่มีความถนัดเลยสักนิด แงงงงงงงง
    แต่ก็สนุกมากที่ได้แต่งค่ะ หวังว่าจะทำให้ทุกคนชอบนะ

    *มีคนถามว่าถ้าไม่อ่านสองเรื่องจะไม่รู้เรื่องหรอ?
    คำตอบคือก็อาจจะรู้เรื่องนะ
    แต่การดำเนินเรื่องบางฉากและตัวละครอาจจะรับได้ไม่ครบ
    เชื่อเถอะ อ่านสองคู่กันเลยจะเรื่องสนุกกว่าเยอะ (:


    Grim Reaper {Click!}

    มาสกรีมด้วยกันได้ที่ #ฟิคยมทูตฮันบิน

    {Twitter   Indydoll.}


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×