คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Trick ❥ 01 | Arrogance.
❥ Trick 01 | Arrogance.
แสงอาทิตย์ยามเช้าที่ส่องผ่านหน้าต่างส่งผลให้คนตัวเล็กที่กำลังอยู่ในห้วงนิทราค่อยๆ ลืมตาขึ้น จินฮวานยกมือขยี้ตาตัวเองเบาๆ พลางเอื้อมมืออีกข้างไปดึงผ้าม่านปิดหน้าต่าง เสียงนาฬิกาปลุกดังลั่นขึ้นพร้อมกับเสียงเคาะประตูที่เดาได้ไม่ยากว่าใคร จินฮวานกระโดดลงจากเตียงของตัวเองไปเปิดประตูต้อนรับพ่อมดหนุ่มเพื่อนสนิท แทฮยอนยืนยิ้มอยู่หน้าประตู เขาชูเครื่องแบบนักเรียนในมือขึ้นและส่งมันให้จินฮวานก่อนจะดันหลังคนตัวเล็กให้เข้าไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อเตรียมไปโรงเรียน
…วันนี้คือวันเปิดเทอมวันแรก
แทฮยอนนั่งลงบนเตียงพลางเอื้อมมือไปหยิบนาฬิกาปลุกมากดปิดเสียง รอยยิ้มสวยผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาเมื่อหันไปเห็นผ้าม่านสีดำสนิทที่ปิดหน้าต่างอยู่ แทฮยอนดีดนิ้วเบาๆ เสื้อฮู้ดสีชมพูสดใสก็ปรากฏขึ้นบนมือ เจ้าของเวทมนต์วางมันลงบนเตียงก่อนจะหายวับไปทิ้งไว้เพียงกระดาษโพสอิทสีชมพูที่หล่นลงบนเสื้อฮู้ดพอดีราวกับจับวาง
‘ฉันต้องรีบไปโรงเรียน สภาพ่อมดเรียกประชุมเรื่องนักเรียนใหม่’
พ่อมดและแม่มดจำเป็นต้องมีสภานักเรียนเพื่อคอยดูแล เหมือนที่พวกยมทูตมีสิบอันดับยมทูตนักล่าวิญญาณคอยดูแลโรงเรียนเช่นเดียวกัน หากแต่พ่อมดและแม่มดไม่มีการจัดอันดับใดๆ พวกเขาก่อตั้งสภาขึ้นเพียงแค่เป็นตัวแทนในการดูแลพ่อมดแม่มดที่มีอยู่น้อยในโรงเรียนก็เท่านั้น
นอกจากนี้พวกพ่อมดแม่มดยังมีความสามารถในการแก้ไขและลบความทรงจำและมันก็เป็นผลดีต่อโรงเรียนเสียด้วย หลายครั้งหลายคราที่เหล่ายมทูตขอยืมพลังของพวกเขามาทำให้พวกมนุษย์มองโรงเรียนนี้เป็นเพียงโรงเรียนธรรมดาโรงเรียนหนึ่งเท่านั้น แต่ก็ยังมีมนุษย์บางคนซึ่งยินยอมจะเก็บความลับของโรงเรียนเอาไว้โดยไม่บอกใคร คนพวกนี้จะรอดจากการแก้ไขความทรงจำของพวกพ่อมดแม่มดไป
และหนึ่งในมนุษย์เหล่านั้นก็คือ ‘คิมจินฮวาน’
แทฮยอนสนิทกับจินฮวานเมื่อปลายปีที่แล้ว เขาถูกขอร้องโดย ‘ซงมินโฮ’ ยมทูตอันดับห้าให้จัดการแก้ไขความทรงจำของนักเรียนใหม่สามคนที่ย้ายเข้ามาเรียนตอนปลายปีและจินฮวานก็คือหนึ่งในนักเรียนสามคนนั้น แต่เมื่อแทฮยอนจะแก้ไขความทรงจำของเขา จินฮวานกลับเป็นคนขอร้องให้แทฮยอนปล่อยเขาไป จินฮวานสัญญากับแทฮยอนว่าเขาจะเก็บเรื่องของโรงเรียนเป็นความลับ
แน่นอนว่าในตอนแรกแทฮยอนเองไม่ยอมรับข้อเสนอนั้น
แต่เมื่อเขาได้ฟังเรื่องราวของจินฮวาน เขาก็ต้องเปลี่ยนใจ…
จินฮวานเล่าว่าพ่อและแม่ของเขากลายเป็นอาหารของพวกแวมไพร์ เขาหนีเอาตัวรอดมาได้จึงย้ายมาที่โรงเรียนนี้ นัยน์ตาคู่สวยที่มองสบตากับแทฮยอนมีร่องรอยของความหวาดกลัว และนั่นทำให้พ่อมดหนุ่มยินยอมที่จะปล่อยให้จินฮวานกลายเป็นมนุษย์ที่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับโรงเรียนไปโดยปริยาย คนตัวเล็กๆ ที่แสนบอบบางกับนัยน์ตาที่สั่นไหวยามเล่าเรื่องราวของตนเองทำให้พ่อมดหนุ่มสัญญากับตัวเองว่าจะต้องดูแลจินฮวานให้ใช้ชีวิตในโรงเรียนได้อย่างมีความสุขที่สุด
เขาจะเป็นคนปกป้องคนตัวเล็กคนนี้เอง…
จินฮวานเดินออกจากห้องน้ำก่อนจะกวาดสายตามองรอบๆ ก่อนจะไปสะดุดเข้ากับเสื้อฮู้ดสีชมพูที่วางอยู่บนเตียง คนตัวเล็กหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะเดินไปหยิบโพสอิทที่วางอยู่บนเสื้อขึ้นมาอ่าน รอยยิ้มสวยผุดขึ้นบนใบหน้าใส จินฮวานสวมเสื้อฮู้ดก่อนจะจับฮู้ดคลุมศีรษะของตัวเองและผิวปากเดินออกจากห้องอย่างอารมณ์ดี
การเปิดเทอมในวันแรกต้องสดใสเหมือนฮู้ดสีชมพูนี่แน่นอน
…ซะที่ไหนกันล่ะ!
คนตัวเล็กกึ่งวิ่งกึ่งเดินเพื่อรีบเข้าโรงเรียนให้ทันก่อนที่บานประตูเหล็กหน้าโรงเรียนจะปิด จินฮวานพ่นลมหายใจอย่างเหนื่อยหอบทันทีที่ก้าวผ่านประตูโรงเรียนได้ คนตัวเล็กหลังยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อที่ผุดตามใบหน้าใสของตัวเองพลางบ่นงึมงำ
“เหนื่อยชะมัด ไม่น่าแวะร้านฟิกเกอร์เลยเรา”
“แฮก… แฮก”
เสียงหอบหายใจที่ดังขึ้นข้างๆ ส่งผลให้คนตัวเล็กที่ยืนบ่นงึมงำหันขวับไปมองอย่างรวดเร็ว เด็กหนุ่มตัวสูงกว่าจินฮวานนิดหน่อยกำลังทิ้งตัวนั่งลงบนพื้นหญ้าอย่างหมดแรง ใบหน้าใสมีเหงื่อผุดขึ้นไม่น้อยไปกว่าจินฮวานเลย ริมฝีปากสีชมพูเผยอขึ้นนิดหน่อย เส้นผมหน้าม้าสีดำสนิทที่เปียกชุ่มถูกมือเรียวเสยขึ้นเผยให้เห็นดวงตากลมโตที่ดูสดใส เด็กหนุ่มหันมองจินฮวานก่อนจะคลี่ยิ้มสวยให้ จินฮวานนิ่งไปกับการกระทำของคนตรงหน้า แต่ยังไม่ทันจะได้เอ่ยถามอะไรเจ้าของรอยยิ้มสวยก็ผุดลุกขึ้นอย่างเร็วก่อนจะหันมาโค้งให้จินฮวานและวิ่งเข้าตึกเรียนไป
จินฮวานมองตามหลังของเขา รอยยิ้มสวยๆ ยังคงทำให้เขาสงสัย จินฮวานพยายามนึกว่าเคยเจอเด็กผู้ชายคนนั้นมาก่อนหรือเปล่า แต่คำตอบที่ได้ก็พบว่าไม่ เขาไม่เคยเจอเด็กนั่นอย่างแน่นอน แล้วทำไมหมอนั่นต้องยิ้มให้เขาด้วยล่ะ
…แต่มันก็เป็นรอยยิ้มที่ดูสดใสและสวยมากทีเดียวเลย
“เฮ้ นายมาสายนะ” เสียงนุ่มที่ดังขึ้นข้างหูทำเอาจินฮวานที่กำลังยืนเหม่ออยู่สะดุ้งสุดตัว แทฮยอนหัวเราะเบาๆ ที่เห็นคนตัวเล็กตกใจ เขาเพ่งสายตามองไปที่กระเป๋าเป้สะพายหลังใบเล็กๆ ของจินฮวานก่อนจะอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปดีดหน้าผากใสของเพื่อนสนิทเบาๆ เมื่อเห็นเจ้าโมเดลสีเหลืองอยู่ในกระเป๋าใบเล็กนั้น
“ไปแวะร้านฟิกเกอร์มาอีกแล้ว”
“ช่วยไม่ได้นี่นา ทำไมร้านนั้นต้องอยู่ระหว่างทางมาโรงเรียนด้วยนะ มันทำให้ฉันอดใจไม่ได้ที่จะแวะเข้าไป” ปากเล็กยู่ลงอย่างน่ารักจนพ่อมดหนุ่มอดไม่ได้ที่จะโยกหัวเพื่อนสนิทเล่นอย่างเอ็นดู
“ไปโทษร้านได้ยังไง นายนั่นแหละที่คลั่งเจ้าโมเดลนี่มากเกินไป” แทฮยอนส่ายหัวเบาๆ ให้กับความเป็นเด็กของคนตัวเล็ก จินฮวานแบะปากพลางสะบัดหัวไปมา ท่าทางน่ารักนั่นยิ่งทำให้แทฮยอนหมันเขี้ยวจนต้องดึงฮู้ดสีชมพูที่คลุมศีรษะคนตัวเล็กอยู่ออกและใช้สองมือขยี้เส้นผมสีน้ำตาลสวยจนยุ่งเหยิง จินฮวานโวยวายพลางพยายามจะใช้มือเล็กๆ หยุดมือที่กำลังยีผมของเขา
กึก!
แต่จู่ๆ พ่อมดหนุ่มก็หยุดมือลงเอง จินฮวานเงยหน้ามองเพื่อนสนิทงงๆ แทฮยอนกำลังมองไปที่ทางเดินอีกฝั่งด้วยใบหน้าเคร่งเครียด จินฮวานมองตามสายตาของเพื่อนสนิทก่อนจะพบคนตัวเล็กที่เดินอยู่ที่ทางอีกฝั่ง ตาเรียวเล็กเบิกกว้างอย่างตกใจเมื่อเห็นว่าฮู้ดสีม่วงของคนๆ นั้นหลุดเผยให้เห็นใบหน้าหวานและเส้นผมสีน้ำตาล ใบหน้าสวยหวานหันมามองจินฮวานกับแทฮยอน นัยน์ตาสีน้ำตาลแปรเปลี่ยนเป็นสีม่วงเพียงชั่วครู่ก่อนที่มันจะหายไปพร้อมกับร่างเล็กที่เดินหายเข้าตึกไปเช่นเดียวกัน
ใบหน้านั่น เหมือนกับภาพที่ชานอูเคยวาดไว้ไม่มีผิด…
ใบหน้าของคนที่ชานอูคิดว่าเป็นแวมไพร์ที่แฝงตัวเข้ามาในโรงเรียน!
“ระวังหมอนั่นไว้”
แทฮยอนเอ่ยขณะดึงฮู้ดสวมลงบนศีรษะคนตัวเล็ก จินฮวานกลืนน้ำลายลงคออย่างลำบาก นัยน์ตาคู่สวยสีน้ำตาลสั่นไหวเบาๆ แทฮยอนที่เห็นเพื่อนสนิทเริ่มกลัวยื่นมือไปโยกหัวคนตัวเล็กเบาๆ อย่างปลอบโยน
“ไม่ต้องห่วง ฉันจะดูแลนายเอง”
“แต่ว่า…”
“เฮ้ ผมมีเรื่องสนุกๆ ให้ดูด้วยล่ะ” เสียงขี้เล่นของชานอูดังขึ้นขัดบทสนทนา และยังไม่ทันที่แทฮยอนจะต่อว่ารุ่นน้องที่เข้ามาไม่ดูจังหวะ ชานอูก็วาดนิ้วบนอากาศเผยให้เห็นภาพพิธีการเปิดการศึกษาและการกล่าวทักทายของตัวแทนของนักเรียนใหม่
เด็กนั่นมัน…
จินฮวานขมวดคิ้วเมื่อเห็นเจ้าของรอยยิ้มสวยที่เขาเพิ่งเจอเมื่อครู่ เด็กคนนั้นกำลังยืนอยู่บนเวที นัยน์ตาแน่วแน่และริมฝีปากบางที่เหยียดยิ้มอย่างมั่นใจนั่นทำให้จินฮวานขมวดคิ้วมุ่นกว่าเดิม
‘สวัสดีครับ ผมคิมฮันบินเพิ่งเข้ามาเรียนในโรงเรียนนี้วันแรก’ เขาเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้มบาง จินฮวานเพ่งมองภาพตรงหน้า เด็กหนุ่มท่าทางเย่อหยิ่งในภาพนั้นกำลังกวาดสายตามองอะไรบางอย่างก่อนจะหยุดนิ่งและเอ่ยอีกครั้ง
‘สิบสุดยอดยมทูตนักล่าวิญญาณ ขอให้ตั้งใจฟังผมเอาไว้ให้ดี’
…หืม?
ทั้งจินฮวานและแทฮยอนขมวดคิ้วมุ่นทันทีที่ได้ยินประโยคท้าทายสิบสุดยอดยมทูตจากเด็กหนุ่มในภาพ ท่าทางเย่อหยิ่งและริมฝีปากที่เหยียดรอยยิ้มบางนั้นช่างขัดกับรอยยิ้มที่จินฮวานเคยเห็น
‘อีกไม่นานหรอก...พวกคุณทุกคนจะต้องก้มหัวให้ผมคนนี้’
จบประโยคนั้นรอยยิ้มบางก็ถูกวาดขึ้นบนริมฝีปากอีกครั้ง จินฮวานขมวดคิ้วมองภาพนั้นจนกระทั่งชานอูสะบัดมือปล่อยให้ภาพนั้นหายไป น้ำเสียงขี้เล่นเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้น
“เป็นเรื่องทอร์คออฟเดอะทาวน์ในตอนนี้เลยนะ”
“เด็กนั่น…” จินฮวานครางเบาๆ แทฮยอนหันมองเพื่อนสนิทก่อนจะเอ่ยถาม
“ทำไม? นายรู้จักหรอ?”
“ไม่ แต่ฉันเพิ่งเจอเขาเมื่อเช้าน่ะ”
“หมอนั่นเป็นใคร?” แทฮยอนหันไปถามพ่อมดรุ่นน้อง ชานอูผุดรอยยิ้มขี้เล่นขึ้นบนใบหน้าพลางยักไหล่ขึ้นลงเบาๆ ก่อนจะเอ่ยตอบเสียงใส
“คิมฮันบิน ก็แค่ยมทูตเด็กใหม่ที่กล้าท้าทายสิบสุดยอดยมฑูตนักล่าวิญญาณ”
“ไม่ใช่หรอก เด็กนั่นไม่ใช่แค่ยมทูตเด็กใหม่แน่ๆ” แทฮยอนพ่นลมหายใจเบาๆ “แต่นั่นมันก็เป็นเรื่องของพวกยมทูต พ่อมดอย่างพวกเราไม่เกี่ยวสักหน่อย”
แทฮยอนว่าพลางเดินอ้อมไปข้างหลงคนตัวเล็กที่ยังคงยืนหน้ามึนอยู่และดันหลังเล็กเบาๆ จินฮวานหันมองเพื่อนสนิทก่อนจะเบ้ปากอย่างขัดใจ แทฮยอนหัวเราะเบาๆ ก่อนหมุนคอจินฮวานให้หันกลับไปทางเดิมและออกแรงดันหลังเล็กอีกครั้ง
“และมันก็ไม่เกี่ยวกับมนุษย์อย่างนายด้วย ไปเรียนได้แล้วคิมจินฮวาน”
จินฮวานหันไปเบ้ปากอย่างขัดใจให้กับความเจ้ากี้เจ้าการของเพื่อนสนิท แต่สุดท้ายเขาก็ยอมเดินเข้าตึกเรียนตามที่แทฮยอนบอก คำพูดของแทฮยอนเมื่อครู่ทำให้จินฮวานถอนหายใจเบาๆ พลางคิดค้านในใจ
ไม่รู้ทำไม ..แต่เขารู้สึกว่าเด็กนั่นต้องได้มาเกี่ยวข้องกับเขาแน่ๆ
ควันบุหรี่สีจางถูกพ่นโดยริมฝีปากบาง ฮันบินเอนหลังพิงผนังตึกของดาดฟ้า นิ้วเรียวสวยที่คีบบุหรี่ถูกยกขึ้นสูบและพ่นควันสีเทาจางออกมาอีกครั้ง ดวงตากลมโตสีดำสนิทเหม่อมองท้องฟ้าสีฟ้าสดใส ฮันบินพ่นควันบุหรี่ออกมาอีกครั้งบดบังภาพที่สดใสตรงหน้าก่อนจะทิ้งก้นบุหรี่ลงบนพื้นและใช้เท้าขยี้มันจนกลายเป็นเพียงแค่เศษผง
ปึง!
เสียงประตูดาดฟ้าที่ถูกเปิดออกโดยใครบางคนทำเอาฮันบินหันขวับไปมองอย่างตกใจ เขาจำได้ว่าเขาล็อคมันแล้วนี่นา แล้วทำไมถึงยังมีคนเปิดมันได้อีกล่ะ
“เฮ้อ ใครล็อคดาดฟ้ากันนะ”
เสียงใสดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของคนที่เปิดประตูดาดฟ้า ฮันบินขมวดคิ้วงงๆ มองแผ่นหลังคนตัวเล็กในชุดเสื้อฮู้ดสีชมพูสดใสที่มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเขา แต่ยังไม่ทันจะได้ส่งเสียงเรียก คนตัวเล็กก็หันหน้ามาหาเขาเสียก่อน นัยน์ตาเรียวสวยสีน้ำตาลเข้มเบิกกว้างอย่างตกใจก่อนที่นิ้วเรียวจะชี้มาที่เขา
“นาย!”
“ชี้หน้าคนอื่นได้ยังไงกัน เสียมารยาท” ฮันบินขมวดคิ้วพลางกล่าวต่อว่าคนตัวเล็ก
“นายล็อคประตูดาดฟ้าทำไม?”
“แล้วคุณขึ้นมาทำไม” ฮันบินสวนกลับทันทีที่โดนถาม ทำเอาคนตัวเล็กถึงกับยู่ปากอย่างขัดใจ
“ฉันชอบขึ้นมาที่นี่อยู่แล้ว นายนั่นแหละขึ้นมาแล้วทำเหมือนดาดฟ้าเป็นของตัวเองได้ยังไงกัน ล็อคประตูแบบนั้นนี่เสียมารยาทมาก!”
“แล้วที่คุณยืนชี้นิ้วด่าผมนี่ไม่เสียมารยาทหรอ?”
“คิมฮันบิน!”
เสียงใสที่ตวาดอย่างหงุดหงิดทำให้ฮันบินเลิกคิ้วขึ้นอย่างนึกสงสัย ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเมื่อเช้าตัวเองได้สร้างวีรกรรมอะไรเอาไว้ และคนตัวเล็กคนนี้ก็คงจะรู้ชื่อเขาจากการที่เขาเอ่ยประกาศท้าทายนั่นแหละ
“คนหยิ่งๆ แบบนี้ยิ้มสวยขนาดนั้นได้ยังไงกันนะ”
เสียงเล็กที่บ่นพึมพำทำให้ฮันบินต้องเลิกคิ้วขึ้นอีกครั้ง ฮันบินมองคนตัวเล็กที่ยังคงยืนพึมพำงึมงำอยู่คนเดียวด้วยสีหน้าหงุดหงิด คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเมื่อนึกถึงประโยคเมื่อครู่ที่คนตัวเล็กบ่น
“ผมยิ้มสวย?” ฮันบินเอ่ยประโยคสงสัย คนตัวเล็กส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะเอ่ยปฏิเสธ
“ไม่เลยสักนิด”
“แต่เมื่อกี้…”
“ถ้านายจะอยู่บนนี้ล่ะก็อยู่ไปเถอะ แต่อย่าล็อคประตูดาดฟ้าแบบเมื่อกี้อีก” เสียงใสพูดขัด ฮันบินเม้มริมฝีปากบางเข้าหากันเป็นเส้นตรงก่อนจะพยักหน้าเบาๆ เมื่อได้รับการยินยอมคนตัวเล็กก็หมุนตัวเตรียมจะเดินกลับไปทางประตู
“เดี๋ยว…”
ไม่รู้ทำไมฮันบินถึงต้องเรียกเขาเอาไว้ คนตัวเล็กหมุนตัวหันกลับมาเผชิญหน้ากับเขา ฮันบินถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนตรงหน้าและเอ่ยคำถาม “คุณชื่ออะไร?”
“ฉัน?”
“คิดว่าผมถามลูกกุญแจในมือคุณหรือไง?”
“ถ้านายอยากรู้ชื่อคนอื่นก็ควรจะถามดีๆ สิ” คนตัวเล็กว่าตำหนิ ฮันบินยักไหล่เบาๆ อย่างไม่ใส่ใจ เห็นแบบนั้นเขาก็พ่นลมหายใจเบาๆ อย่างหงุดหงิด ใบหน้าน่ารักง้ำงอขณะเอ่ยชื่อของตัวเอง
“ฉันชื่อคิมจินฮวาน”
…คิมจินฮวาน
“เป็นพวกไหน?”
“จำเป็นต้องรู้ด้วยหรือไง?”
“ผมถามดีๆ นะ” ฮันบินเอ่ยขัด จินฮวานย่นคิ้วพลางเบ้ปากให้กับท่าทางและคำพูดกวนประสาทของคนตรงหน้า เด็กนี่ไม่เป็นมิตรกับเขาเลยสักนิด
ไม่สิ เขาคงไม่เป็นมิตรกับใครเลยมากกว่า!
“ฉันไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนายถึงกล้าท้าทายสิบสุดยอดยมฑูตนักล่าวิญญาณ”
ฮันบินยิ้มรับให้กับคำพูดจิกกัดของคนตัวเล็กราวกับมันเป็นคำชมซะอย่างนั้น เห็นแบบนั้นจินฮวานยิ่งหมันไส้ใบหน้าเย่อหยิ่งนั่นเข้าไปใหญ่ หนอย เด็กนี่มันไม่มีสำนึกอะไรเลยหรือไงกันเนี่ย
“ท้าทายสิบสุดยอดยมทูตแบบนั้นนายไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบสุขแน่ๆ”
“ผมก็ไม่ได้อยากมีชีวิตที่สงบสุขนี่นา”
ฮันบินยักคิ้วให้จินฮวานอย่างจงใจกวนประสาท และมันก็ได้ผล คนตัวเล็กหมันไส้จนอยากจะเข้าไปตะกุยหน้าหยิ่งๆ นั่นให้สำนึกซะบ้าง แต่ก็ทำได้เพียงแค่ยืนกัดฟันกรอดๆ อย่างหงุดหงิดเท่านั้น
หมอนี่กล้าท้าทายสิบสุดยอดยมทูตเชียวนะ แล้วมนุษย์ตัวเล็กๆ อย่างเขาจะไปทำอะไรได้กันเล่า!
“ตกลงคุณเป็นพวกไหน?”
ฮันบินย้ำคำถามเดิมอีกครั้ง จินฮวานขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิดที่เด็กจอมหยิ่งนี่ไม่ยอมเลิกราจากการถามถึงสายพันธุ์หรือพรรคพวกของเขาเสียที ปากเล็กง้ำงอลงพลางสะบัดหน้าหนีเพื่อจงใจให้คนตรงหน้ารู้ว่าเขาไม่เป็นต้องตอบคำถามที่ไร้มารยาทจากคนเย่อหยิ่งแบบนี้เลยสักนิด
หมับ!
จินฮวานเบิกตากว้างและสะดุ้งสุดตัวเมื่อจู่ๆ สัมผัสเย็นๆ จากฝ่ามือของอีกคนก็สัมผัสเข้ากับมือของเขา เจ้าของฝ่ามือเย็นเฉียบหยักยิ้มบางที่มุมปากเมื่อทำให้คนตัวเล็กตกใจได้ ฮันบินพลิกหลังฝ่ามือของจินฮวานขึ้น ดวงตากลมโตจ้องมองอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเขาจะปล่อยมือเล็กให้เป็นอิสระ
“คุณไม่ใช่ยมฑูต”
ฮันบินเอ่ย เขาขมวดคิ้วขณะมองไปที่คนตัวเล็กที่ยังคงยืนอึ้งกับการกระทำเมื่อครู่ของเขา ฮันบินมองจินฮวานด้วยความสงสัย เมื่อครู่ที่เขายกมือเล็กขึ้นมาดูนั้นเขาแน่ใจได้ทันที ใช่ คนๆ นี้ไม่มีสัญลักษณ์รูนที่หลังฝ่ามือ เขาไม่ใช่ยมฑูต
“นาย!”
จินฮวานที่เพิ่งหลุดออกจากภวังค์ยกหมัดเล็กขึ้นและปล่อยหมัดเพื่อจะซัดบนใบหน้าอีกคน หากแต่ฮันบินกลับยกมือขึ้นบังใบหน้าของตัวเองรับหมัดนั้นไว้ มือใหญ่กว่ากุมหมัดเล็กๆ นั้นไว้ได้อย่างง่ายดาย
วาบ!
สัมผัสเย็นๆ แบบนี้อีกแล้ว!
จินฮวานสะบัดมือออกจากการเกาะกุมพลางยกมืออีกข้างลูบมือตัวเองเบาๆ สัมผัสเย็นๆ จากคนตรงหน้านั่นมันอะไรกัน เป็นความรู้สึกที่ทำให้เขาเหมือนกับกำก้อนน้ำแข็งเย็นๆ เอาไว้ไม่มีผิด ไอเย็นจากฝ่ามือนั่นทำให้เขารู้สึกราวกับตัวเองจะแข็งเอาซะอย่างนั้น เป็นความรู้สึกที่ทำให้หัวใจชาวาบเลยทีเดียว
ทำไมเด็กนี่ถึงได้มีไอเย็นแบบนี้กัน…
“คุณไม่ใช่ยมฑูต” เสียงทุ้มเอ่ยอีกครั้ง
“ใช่ ฉันไม่ใช่ยมทูต แต่ฉันเป็นพ่อ…”
“แล้วคุณก็ไม่ใช่พ่อมดด้วย”
“…!!!”
คำพูดที่รู้ทันทำเอาจินฮวานตัวชาวาบ เด็กนี่รู้ว่าเขาไม่ใช่ยมทูตแล้วยังรู้อีกด้วยว่าเขาไม่ใช่พ่อมด
เขารู้ได้ยังไง!
“คุณไม่ใช่พ่อมด อย่าพยายามโกหกผม”
ริมฝีปากบางหยักยิ้มขึ้นที่มุมปาก ฮันบินมองคนตัวเล็กตรงหน้าที่กำลังยืนแข็งทื่อกับคำพูดของเขา นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มคู่สวยสั่นไหวเบาๆ ฮันบินยกมือขึ้นตรงหน้าคนตัวเล็กก่อนจะดีดมันเบาๆ
เป๊าะ ~
จินฮวานสะดุ้งเล็กน้อยกับการกระทำของฮันบิน คนขี้แกล้งหัวเราะเบาๆ ให้กับท่าทางตื่นตระหนกของคนตัวเล็กก่อนจะเอ่ยอีกครั้งด้วยรอยยิ้ม
รอยยิ้มที่เย่อหยิ่งราวกับว่าเขารู้ทุกอย่าง…
“คุณไม่ใช่ยมทูตเพราะคุณไม่มีอักษรรูนที่หลังฝ่ามือ”
“…”
“และคุณก็ไม่ใช่พ่อมดเพราะว่าคุณไม่มีเวทมนต์เลยสักนิด”
“ฉันแค่ไม่ใช้มันต่างหาก” จินฮวานเถียง หากแต่คนตรงหน้ากลับหัวเราะเสียงใสและเอ่ยยิ้มๆ อีกครั้ง
“คุณไม่มีมัน ไม่อย่างนั้นตอนที่คุณโกรธผม คุณคงจะไม่ยกหมัดเล็กๆ นั่นขึ้นต่อยผมหรอก แต่คุณคงจะใช้เวทมนต์จัดการกับผมไปแล้วล่ะ”
จินฮวานกลืนน้ำลายลงคอเมื่อได้ยินข้อสันนิษฐานของคนเย่อหยิ่งตรงหน้า เด็กนี่ราวกับอ่านทุกอย่างได้ยังไงยังงั้น เขาพูดถูก จินฮวานไม่ใช่ยมฑูตและพ่อมด เขาไม่มีอักษรรูนและไม่มีเวทมนต์อะไรเลยสักนิด
งั้นคงต้องโกหกว่าเป็นมนุษย์หมาป่าแทน
“โอเค ฉันไม่ใช่พ่อมด ฉัน…”
“คุณเป็นมนุษย์”
“…!!!”
อีกครั้งที่เสียงทุ้มที่เอ่ยออกมาด้วยความมั่นใจทำให้จินฮวานสะดุ้งและต้องเบิกตากว้างอย่างตกใจอีกครั้ง คำพูดที่เตรียมจะเอ่ยโกหกถูกกลืนหายไปทันทีที่สบตากับนัยน์ตาที่ดูมั่นใจนั่น ฮันบินหยักยิ้มทันทีที่เห็นปฏิกิริยาแบบนั้น เขาเดาถูก คนตัวเล็กคนนี้เป็นเพียงแค่มนุษย์เท่านั้น
“นาย…รู้ได้ยังไง?”
“ผมก็แค่เดา”
ฮันบินยิ้มพร้อมคำตอบพลางยักไหล่ขึ้นลง จินฮวานมองคนตรงหน้าด้วยแววตาสงสัย หากแต่ฮันบินกลับทำเพียงแค่ทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นตามเดิม เขามองคนตัวเล็กที่ทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นตามก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ
หึ…อึ้งขนาดนั้นเลยหรือไงกัน
ฮันบินมองสำรวจคนตัวเล็กที่นั่งมึนอยู่ที่พื้น อันที่จริงเขาเองก็คิดว่าคนตัวเล็กคนนี้ดูน่ารักไม่น้อยเลยล่ะ นัยน์ตาเรียวสีน้ำตาลเข้มคู่สวย จมูกเล็กรั้น ริมฝีปากเล็กจิ้มลิ้ม ใบหน้าหวานใส ทุกๆ อย่างของคนตรงหน้าเขาช่างดูบอบบาง
ก็เป็นแค่มนุษย์ที่อ่อนแอและบอบบางนี่นะ..
อันที่จริงเขาเองก็เพิ่งเป็นนักเรียนใหม่ของที่นี่ นักเรียนใหม่มีไม่เกินร้อยคนด้วยซ้ำและเขาเองก็ค่อนข้างมั่นใจว่าคนตัวเล็กคนนี้ไม่ได้เป็นหนึ่งในนั้น นักเรียนส่วนมากในโรงเรียนจะเป็นยมทูตเกือบทั้งหมด อาจจะมีพวกพ่อมดแม่มดและมนุษย์ปะปนมาบ้าง แต่ก็เป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น
แน่นอนว่าจินฮวานเป็นหนึ่งในมนุษย์ที่มีเพียงส่วนน้อยในโรงเรียน
และที่สำคัญเป็นมนุษย์ที่รอดพ้นจากการถูกแก้ไขความทรงจำด้วย
สิ่งที่ฮันบินสงสัยไม่ใช่เรื่องที่จินฮวานเป็นมนุษย์ แต่เป็นเรื่องที่ว่าทำไมคนตัวเล็กๆ คนนี้ถึงรอดพ้นจากการแก้ไขความทรงจำ พวกยมทูตไม่น่าจะปล่อยให้มนุษย์รู้เรื่องของพวกเขามากนักหรอก แต่จินฮวานกลับรู้ทุกอย่าง เขารู้ว่าฮันบินท้าทายสิบอันดับสุดยอดยมทูต รู้เรื่องราวเกี่ยวกับยมทูต พ่อมด และมนุษย์หมาป่าในโรงเรียนนี้
มนุษย์ตัวเล็กๆ คนนี้ไม่ธรรมดาแน่ๆ
“ทำไมคุณไม่ถูกแก้ไขความทรงจำ”
สุดท้ายพ่อยมทูตแถรตรงอย่างฮันบินก็เอ่ยคำถามออกไปจนได้ จินฮวานเงยหน้ามองเจ้าของคำถามก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ ให้กับความอยากรู้ของเขา เด็กนี่อยากรู้อะไรก็ถามหมดเลยหรือไง ไม่คิดว่าเราเพิ่งเจอกันบ้างหรอ ไม่คิดว่ามันเสียมารยาทเลยหรือไงกัน
ก็ทำได้แค่เพียงบ่นในใจเท่านั้นแหละ สุดท้ายจินฮวานก็ต้องตอบอออกมาอย่างเสียไม่ได้
“ฉันเป็นเพื่อนกับพ่อมด”
“หืม? แล้วพวกยมทูตยินยอมให้คุณรู้เรื่องหรือไง?”
“ฉันไม่เคยเอาเรื่องนี้ไปพูดให้มนุษย์คนอื่นฟังนี่ ฉันเก็บความลับได้”
“ใครเป็นคนอนุญาตให้คุณไม่ถูกแก้ไขความทรงจำ?”
“นี่! ถามมากไปแล้ว”
จินฮวานผุดลุกขึ้นพลางกระทืบเท้าปึงปังอย่างหงุดหงิด เด็กนี่ไร้มารยาทจริงๆ มาถามคำถามกับเขาทำไมมากมาย แล้วทำไมเขาต้องไปตอบคำถามของหมอนี่ด้วยล่ะ!
“ผมถามดีๆ”
คำพูดเดิมถูกยกขึ้นมาใช้อีกครั้ง และนั่นทำให้จินฮวานถึงกับเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรงอย่างหงุดหงิด เด็กนี่ทั้งเย่อหยิ่ง ไร้มารยาท แถมยังกวนประสาทอีกด้วย ยกคำพูดของเขามาพูดกดดันกันอยู่ได้
“มินโฮ สุดยอดยมทูตลำดับห้า พอใจมั้ย?!”
จินฮวานกระแทกเสียงอย่างหงุดหงิด หากแต่คนตรงหน้ากลับไม่รู้สึกถึงความหงุดหงิดของเขาเลยสักนิด ฮันบินขมวดคิ้วเป็นปมพลางพึมพำคำที่ฟังไม่ได้ศัพท์เลยสักนิด จินฮวานมองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกหงุดหงิด อยากจะตั้นหน้าหมอนี่ให้หงายไปเลยสักทีจริงๆ หมันไส้!
วาบบบบ!
แสงเล็กๆ ที่ส่องสว่างมาจากหลังฝ่ามือของฮันบินทำให้จินฮวานต้องเพ่งตามอง อักษรรูนสัญลักษณ์ของเหล่ายมฑูตเปล่งแสงสีฟ้าอยู่บนหลังฝ่ามือของเขา ฮันบินก้มหน้ามองหลังฝ่ามือของตัวเอง สัญลักษณ์รูนสีฟ้าที่เปล่งแสงนั้นค่อยๆ จางหายไปโดยทิ้งความสงสัยให้กับจินฮวาน มนุษย์ตัวเล็กๆ ที่ได้เห็นสัญลักษณ์นั้น
สัญลักษณ์รูนที่มีลายคล้ายกับเครื่องหมายอินฟินิตี้…
❥ To be continued.
อันยองงงงง และแล้วก็เปิดตัวคุณฮันบินอย่างยิ่งใหญ่ 5555555555
บอกตรงๆ เหนื่อยมากเลยกับการแต่งฟืคเรื่องนี้
ไฝว้กับตัวเองหลายรอบ ทั้งเรื่องความสอดคล้องของเรื่อง ความแฟนตาซี
และการแต่งบุคคลที่สามที่ไม่มีความถนัดเลยสักนิด แงงงงงงงง
แต่ก็สนุกมากที่ได้แต่งค่ะ หวังว่าจะทำให้ทุกคนชอบนะ
*มีคนถามว่าถ้าไม่อ่านสองเรื่องจะไม่รู้เรื่องหรอ?
คำตอบคือก็อาจจะรู้เรื่องนะ
แต่การดำเนินเรื่องบางฉากและตัวละครอาจจะรับได้ไม่ครบ
เชื่อเถอะ อ่านสองคู่กันเลยจะเรื่องสนุกกว่าเยอะ (:
Grim Reaper {Click!}
มาสกรีมด้วยกันได้ที่ #ฟิคยมทูตฮันบิน
{Twitter Indydoll.}
ความคิดเห็น