คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : P O S E ❥ 9 | Fall in luv
t
h
e
m
y
b
u
t
t
e
r
Fall in luv.
HUNBIN TALK:
“สองคนนี้มานั่งรอหน้าห้องทุกวันเลยเว้ย อิจฉาจริง” ดงฮยอกทำหน้าทะเล้นเมื่อเห็นผมกับไอ้จีวอนมานั่งรอหน้าห้อง พี่ยุนฮยองหัวเราะเบาๆ ที่เห็นหน้าผมก่อนจะหันไปซุบซิบอะไรสักอย่างกับจินฮวานขณะที่เดินมาหาผม
“แหมๆ เหมือนลูกแมวตัวน้อยๆ เลยนะฮันบิน” พี่ยุนฮยองเอ่ยแซวทันทีที่เดินมาถึงผม ผมยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจก่อนจะลุกขึ้นและคว้ากระเป๋าของคนตัวเล็กมาถือไว้
“ไปกินไอศกรีมกันนะครับ?” ผมส่งยิ้มให้ จินฮวานยิ้มตอบ เห็นแบบนั้นผมเลยอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปดึงแก้มเขาเบาๆ อย่างหมันเขี้ยว
“โอ้ยยย อิจฉาจริงเลยโว้ยยยย ยุนฮยองเราไปกินไอศกรีมกับพวกนี้ดีกว่า” ไอ้จีวอนพูดพลางพาดแขนลงบนไหล่ของพี่ยุนฮยอง ผมหันไปแยกเขี้ยวให้มัน
“ใครชวนวะ?”
“กูชวนตัวเองว่ะ” จีวอนเอ่ยกวนๆ เห็นแบบนั้นพี่ยุนฮยองที่ยืนอยู่ข้างๆ เลยฟาดมือเข้าที่หัวมันเข้าให้
“โอ้ยยย!” คนถูกฟาดร้องโอดโอยพลางยกมือขึ้นลูบหัวตัวเองป้อยๆ
“ใครเค้าชวนนายกันคิมจีวอน! จะไปเป็นก้างขวางคอสองคนนั้นทำไม อีกอย่างวันนี้เราไปจะไปทำความสะอาดห้องนาย มันรกแล้วนะไอ้บ้า!” พี่ยุนฮยองบ่นเป็นชุด มือก็ดึงหูจีวอนไปด้วย ผมหัวเราะให้กับภาพที่เหมือนกับสามีภรรยาทะเลาะกัน ไอ้จีวอนอย่างกับหมาน้อยเลยเวลาอยู่กับพี่ยุนฮยอง หมอนี่ไม่กล้าหือกล้าอืออะไรหรอก ฮ่าๆ
“หัวเราะอะไรวะไอ้ห่าน!” จีวอนโวยวายทั้งๆ ที่ยังคงทำหน้าโอดโอยและใช้มือพยายามดึงมือพี่ยุนฮยองออกจากหูของตัวเอง
“หัวเราะมึงไง ไอ้คนกลัวเมีย ฮ่าๆ“
“ไอ้ห่านมึง! กูไม่ได้กลัวเว้ย!”
“ว่าไงนะคิมจีวอน!” พี่ยุนฮยองตะคอกเสียงดังก่อนจะย้ายมือจากที่ดึงหูไอ้จีวอนอยู่เปลี่ยนเป็นกระชากคอเสื้อแทน “เมื่อกี้พูดว่าไม่กลัวฉันใช่มั้ย ห๊ะ?!”
“เออๆ กลัวก็ได้ กลัวแล้วครับ ปล่อยนะยุนฮยอง” จีวอนโอดครวญพลางทำหน้าหงอยเหมือนลูกหมา พี่ยุนฮยองพ่นลมหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะยอมปล่อยมือที่คอเสื้อของอีกคน ผมหัวเราะออกมาอย่างสะใจ ไอ้จีวอนทำท่าจะเข้ามาซัดผมสักทีสองทีแต่ก็ถูกพี่ยุนฮยองที่ยืนอยู่ข้างๆ ลากคอเสื้อออกไปซะก่อน
“ไอ้ห่านบินนนนนน ไอ้เพื่อนเลววววววววว”
เสียงโหยหวนของจีวอนทำเอาผมหัวเราะด้วยความสะใจดังขึ้นกว่าเดิม แม้แต่จินฮวานที่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ เมื่อกี้ยังเผลอหลุดหัวเราะออกมาอย่างเสียไม่ได้
“จีวอนนี่กลัวยุนฮยองจริงๆ เลยนะ ฮ่า ๆ ๆ ๆ”
เสียงใสเอ่ยปนหัวเราะ ผมหันไปมองคนข้างๆ ที่ยืนหัวเราะเสียงใสอยู่ ใบหน้าหวานยามหัวเราะของเขาเหมือนกับภาพวาดที่ทำให้ผมเผลอมองค้าง
น่ารักชะมัดเลย…
“ฮันบิน”
“น่ารัก”
“หืม? ว่าไงนะ?” เสียงตกใจของจินฮวานทำเอาผมสะดุ้งและตื่นจากภวังค์ทันที บ้าเอ้ย! เผลอพูดออกมาซะอย่างนั้น ไอ้ฮันบิน ไอ้กากเอ้ย!
“พูดว่าอะไรนะ?” จินฮวานถามย้ำ ผมยกมือขึ้นเกาท้ายทอยตัวเองเบาๆ ก่อนจะส่ายหัวปฎิเสธ
“ไม่มีอะไรหรอก ผมบอกว่าไปกินไอศกรีมกันเถอะ”
“ทำไมประโยคมันยาวขึ้นล่ะ?”
“เอาน่า” ผมโบกมือไปมาในอากาศเป็นเชิงปฎิเสธก่อนจะเอื้อมมือไปดึงมือคนตัวเล็กมาจับไว้และพาเดินโดยไม่ให้เขาได้ถามอะไรอีก
@ YG Cafe’
JINHWAN TALK:
กริ๊ง ~
เสียงโมบายหน้าร้านดังขึ้นทันทีที่ผมผลักประตูเข้าไป ฮันบินจูงมือผมให้เข้าไปนั่งในสุดของร้าน ร้านนี้เป็นร้านโปรดของฮันบิน เขาบอกผมว่าเขามักจะมานั่งที่นี่เสมอเวลาที่เขาไม่สบายใจหรือเวลาที่เขาอยากพักผ่อน กลิ่นหอมๆ ของกาแฟที่คละคลุ้งไปทั่วทั้งร้านให้ความรู้สึกอบอุ่นและละมุนอย่างบอกไม่ถูก การตกแต่งร้านในสไตล์วินเทจด้วยโทนสีขาว น้ำตาล และสีครีม ยิ่งทำให้ร้านนี้ดูอบอุ่นมากขึ้นไปอีกเท่าตัว
ผมนั่งลงบนโซฟาสีครีม ฮันบินเดินไปสั่งไอศกรีมที่เค้าท์เตอร์ให้ ที่ร้านนี้มีทั้งเค้ก กาแฟ และไอศกรีม ฮันบินรู้ทั้งหมดว่าผมชอบอะไร เขาบอกว่าเขาสังเกตเอาจากเวลาที่ไปเที่ยวกับผมแล้วผมมักจะสั่งแต่ของเดิมๆ น่ะ
ว่าแต่ผม เขาเองก็เหมือนกันนั่นแหละ
ต่อให้มีไอศกรีมร้อยพันชนิด ฮันบินก็ไม่เคยจะสนใจเลยสักนิด เขายังคงยึดมั่นในช็อกโก้โคน สาบานได้เลยว่าผมไม่เคยเห็นฮันบินสั่งไอศกรีมรสอื่นเลย
เหมือนที่ตอนนี้เขากำลังยืนเลียช็อกโก้โคนในขณะที่วางช็อกโกแลตพาร์เฟ่ลงตรงหน้าผมยังไงล่ะ
“อร่อยมั้ย?” ผมเอ่ยพลางตักช็อกโกแลตเข้าปากในขณะที่มองคนตรงหน้านั่งเลียช็อกโก้โคนด้วยใบหน้ามีความสุข
“หืม? ช็อกโก้โคนน่ะหรอครับ?” ฮันบินเอ่ยงงๆ พลางชูช็อกโก้โคนในมือตัวเอง ผมหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ ให้กับท่าทางเหมือนเด็กของเขาก่อนจะพยักหน้าเบาๆ
“ก็เห็นชอบกินมากเลยนี่นา เวลากินก็เห็นทำหน้ามีความสุขมากขนาดนั้นด้วย”
“ผมทำหน้ามีความสุขขนาดนั้นเลยหรอ?”
“มาก” ผมหัวเราะเบาๆ ฮันบินหัวเราะตามก่อนจะยื่นช็อกโก้โคนมาตรงหน้าผมและพยักหน้าเบาๆ เป็นเชิงบอกให้ผมลองชิม ผมแลบลิ้นเลียช็อกโก้โคนในมือของอีกคนก่อนจะชูนิ้วโป้งให้
“อื้อ อร่อย”
“ใช่มั้ยล่ะ?” ฮันบินเอ่ยอย่างภูมิใจในช็อกโกโคนของโปรดของตัวเอง “งั้นเรื่องที่ว่าอร่อยก็เคลียร์แล้วนะครับ เพราะงั้นผมถึงได้ชอบมันไงล่ะ”
“อาฮะ” ผมพยักหน้าเบาๆ คนตรงหน้าส่งยิ้มให้ก่อนจะเลื่อนมือมาเช็ดคราบไอศกรีมที่มุมปากผมเบาๆ แล้วเลียนิ้วมือตัวเองด้วยท่าทางมีความสุข
“ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมผมดูมีความสุขมากมายเวลาที่กินมัน”
“…..”
“ไม่ใช่เพราะว่าผมชอบมันมากหรอกครับ”
“…….”
“แต่มันเป็นเพราะผมชอบพี่มากต่างหาก”
“…….”
“ได้กินของที่ชอบกับคนที่ชอบ ใครจะไม่มีความสุขล่ะครับ จริงมั้ย?”
อา…ไอศกรีมรสโปรดรสต่อไปของผมต้องเป็นช็อกโก้โคนแน่ๆ เลย
“พี่คิดจะกลับห้องเมื่อไหร่ครับ?” ฮันบินเอ่ยถามในขณะที่เราเดินเล่นกันอยู่ที่สวนสาธารณะแถวๆ หอพัก ผมถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะตอบ
“ไม่รู้สิ พี่แค่ยังไม่อยากเจอหน้าเฮียมินโฮ”
ตั้งแต่เกิดเรื่องวันนั้นผมก็มาอยู่ที่ห้องของฮันบิน ไม่กลับห้อง ไม่ไปทำงานที่คลับ ถึงจะเดินผ่านเฮียมินโฮกับแทฮยอนผมก็จะทำเป็นไม่สนใจและทำราวกับว่าผมมองไม่เห็นพวกเขาแทน ไม่ใช่ว่าผมโกรธพวกเขามากมายจนไม่มีโอกาสให้อภัย มันก็จริงที่ว่าผมโกรธเขา แต่ตอนนี้ผมให้อภัยพวกเขาแล้ว ที่ผมยังไม่กลับไปเพราะผมยังไม่สามารถทำใจมองหน้าพวกเขาได้ต่างหาก
โดยเฉพาะคังซึงยูน…
พี่จินอูโทรหาผมเป็นพันๆ ครั้งแต่ผมก็เลือกที่จะไม่รับ ผมเข้าใจว่าเขาเองคงอยากขอโทษ แต่คนนิสัยแบบผม ผมอาจจะเผลอพูดอะไรที่ไม่ดีออกไปจนทำให้พี่จินอูเสียใจก็ได้ พี่จินอูน่ะบอบบาง น่าทะนุถนอม เปราะบาง อ่อนไหว เขามักจะเก็บคำพูดของใครๆ ไปคิดมากเสมอ เขาไม่เคยปฎิเสธคำขอร้องจากใคร แล้วเขาก็มักจะเป็นฝ่ายโดนทำร้ายเสมอ
โดยเฉพาะ ‘เขา’ ที่ฉีกหัวใจของพี่จินอูอย่างไม่มีชิ้นดี
“พี่จินฮวานครับ” เสียงฮันบินปลุกผมให้ตื่นจากภวังค์ ผมหันไปหาเขาก่อนจะกระพริบตาปริบๆ เมื่อเห็นว่าฮันบินมองหน้าผมขำๆ
“ใจลอยไปถึงไหนกันครับเนี่ย เดินเหยียบสายรองเท้าตัวเองจนเกือบจะสะดุดล้มไปหลายรอบแล้วนะ”
ผมก้มมองเท้าตัวเองทันทีที่ได้ยินคำบอกจากอีกคน อ้าว นี่เชือกรองเท้าผมหลุดตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย เกือบล้มแล้วมั้ยล่ะ เฮ้อ
ผมถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเตรียมทรุดตัวลงนั่งผูกเชือกรองเท้า แต่ก็ต้องชะงักเมื่อร่างสูงตรงหน้าทรุดตัวลงนั่งตรงหน้าผม ฮันบินก้มลงผูกเชือกรองเท้าที่เท้าของผมอย่างเรียบร้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้ผมที่ยืนอึ้งกับการกระทำของเขาอยู่
“ผูกดีๆ สิครับ มันจะได้ไม่หลุด”
“ขอบใจนะ”
ฮันบินส่งยิ้มให้ผมอีกครั้งก่อนจะปัดมือของตัวเองกับกางเกงและเอื้อมมือมาดึงมือผมไปสอดนิ้วไว้พลางเดินไปข้างหน้า
“เรื่องแค่นี้ผมดูแลได้น่า”
“ฮันบิน”
“ครับ?”
“ทำไมทำดีกับพี่ขนาดนี้ล่ะ?” สุดท้ายผมก็ถามคำถามที่ค้างอยู่ในใจมานานออกไป ฮันบินดีกับผมมาก มากจนผมรู้สึกว่าเขารักผมมากจริงๆ ทั้งๆ ที่ในตอนแรกเขาเป็นคนที่พยายามต่อต้านผม หลีกเลี่ยงผม แต่เขากลับบอกว่าเขารักผม พอเป็นแฟนกันเขาก็ทำดีกับผมมาก เขาน่ารัก อบอุ่น อ่อนโยน ใจดี เขาไม่เหมือนฮันบินที่ผมรู้จักก่อนหน้านี้เลยสักนิด
เขาปลอบผมเวลาที่ผมร้องไห้ เขาทำให้ผมยิ้มได้ในวันที่ผมรู้สึกเบื่อ เขายอมให้ผมไปอยู่ด้วยแล้วก็ไม่เคยแม้แต่จะทำอะไรกับผมเลยสักนิดทั้งๆ ที่ผมพยายามอ่อยเขาแทบตาย เขาทำเพียงแค่ดุผมแล้วก็นอนกอดผมไว้เท่านั้น
เขาดีกับผมมากจริงๆ…
“คำถามอะไรของพี่น่ะ?” ฮันบินขมวดคิ้วงงๆ พลางจ้องหน้าผมด้วยแววตาสงสัย ผมก้มหน้าหลบสายตาของอีกคนที่มองมาก่อนจะเอ่ยถามอีกครั้ง
“พี่ก็แค่อยากรู้ว่าทำไมเราถึงดีกับพี่ขนาดนี้”
“ผมรักพี่”
คำตอบของฮันบินที่ตอบกลับมาอย่างไม่คิดทำเอาผมเงยหน้ามองเขาทันที นัยน์คู่สวยของคนตรงหน้ามองลึกเข้ามาในตาของผม แววตาจริงจังของเขาทำเอาผมพูดไม่ออก ได้แต่ยืนมองเขาอย่างนั้น ฮันบินกระชับมือเราที่สอดประสานกันไว้ให้แน่นขึ้นกว่าเดิม
เหมือนเป็นการย้ำให้ผมมั่นใจในคำตอบของเขา..
“ทำไมพี่ต้องถามคำถามที่เหมือนกับว่าเราไม่ได้รักกันด้วยล่ะ?”
“…...”
“ผมบอกพี่ได้เป็นร้อยเป็นพันครั้งเลยว่าผมรักพี่ นั่นคือเรื่องจริง”
“…….”
“ผมมีความสุขมากที่พี่เป็นแฟนของผม ผมทำดีกับพี่ก็เพราะว่าผมรักพี่”
“…….”
“ยังมีอะไรให้ต้องสงสัยอีกหรอครับ?”
“แล้วทำไมถึงรักพี่ล่ะ ตอนแรกฮันบินพยายามผลักไสพี่นี่นา”
“พี่จินฮวาน” ฮันบินดึงผมเข้าไปกอดไว้ มือที่จับแน่นยังคงจับไว้อย่างนั้นไม่ยอมปล่อยเลยสักนิด ฮันบินวางคางแหลมลงบนไหล่ของผมก่อนจะพึมพำข้างหูผม
“ผมรักพี่ตลอด รักมานานแล้ว แล้วก็ไม่เคยเลิกรัก”
“หมายความว่างะ...”
ยังไม่ทันที่ผมจะได้ถาม ฮันบินก็ผละอ้อมกอดออกก่อนจะเลื่อนนิ้วเรียวสวยจรดริมฝีปากผม นัยน์ตาคู่สวยของเขามีรอยของความสั่นไหว เสียงนุ่มเอ่ยอีกครั้งในขณะที่เลื่อนใบหน้าเข้ามาประทับริมฝีปากลงบนปากของผม
“อย่าถามอะไรผมอีกเลยครับ เพราะทุกอย่างมันก็มีเหตุผลเดียว”
“…...”
“แล้วถึงเวลา พี่ก็จะรู้เองโดยไม่ต้องเอ่ยถาม”
เวลานั้นมันเมื่อไหร่กันนะ…
ฮันบินถอนจูบออกก่อนจะลูบหัวผมเบาๆ ผมส่งยิ้มให้เขาพลางยกมือขึ้นเกาแก้มตัวเองเขินๆ ใช่ ผมเขินเขา แล้วก็เหมือนว่าจะเขินมากๆ ด้วยสิ
“พี่หน้าแดง?” ฮันบินเอ่ยอย่างตื่นเต้นพลางชี้นิ้วมาที่หน้าผม ผมกระพริบตาปริบๆ พลางยกมือขึ้นปิดแก้มตัวเองเอาไว้
“อย่าล้อนะ!”
“เฮ้ย พี่หน้าแดงมากเลยอ่ะ” เด็กขี้ตื่นเต้นยังไม่เลิกโวยวาย ฮันบินพยายามแกะมือที่ผมปิดแก้มไว้ออก นัยน์ตาสุกใสมีประกายของความตื่นเต้น ดีใจ แล้วก็ตกใจปนๆ กัน
“ตื่นเต้นอะไรหนักหนาเนี่ย!” ผมโวยวายกลบเกลื่อนความอาย แต่คนตรงหน้าก็เอาแต่ยิ้มกว้างจนปากแทบจะฉีกไปถึงหู ผมพยายามจะยกมือขึ้นมาปิดแก้มตัวเองอีกครั้งแต่ฮันบินก็ดึงมือผมไปกุมไว้แน่นซะก่อน
“ผมดีใจจัง” ฮันบินเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ผมเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งอย่างนึกสงสัย ดีใจ? เขาดีใจอะไรของเขากัน?
“พี่หน้าแดง มันแปลว่าพี่เขินผม” ฮันบินไขข้อข้องใจของผม และแน่นอนว่าคำเฉลยของเขามันทำเอาผมหน้าแดงกว่าเดิมซะอีก คนบ้า! ได้ทีก็แกล้งกันใหญ่เลยนะ
“เลิกล้อสักทีได้มั้ยคิมฮันบิน!”
“ผมไม่ได้ล้อพี่นะ”
“เนี่ย นายกำลังทำอยู่!”
“ผมบอกแล้วไงว่าผมดีใจต่างหาก”
“ไม่ต้องมา…!”
ในขณะที่ผมกำลังเถียงกับเขาหน้าดำหน้าแดงจู่ๆ ฮันบินก็โน้มใบหน้าลงมาหาผมจนปลายจมูกชนกัน นัยน์ตาของเขามองผมอย่างอ่อนโยน ริมฝีปากได้รูปขยับคำพูดเบาๆ
“ผมไม่เคยเห็นพี่เขินผมเลยสักครั้งเดียว”
“…….”
“เพราะงั้นผมถึงได้ดีใจที่วันนี้ผมได้เห็นมัน นั่นแปลว่าพี่ก็รักผมเหมือนกันJ”
ผมนิ่งไปกับคำพูดของเขา ใช่ นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกแบบนี้กับเขา ทั้งๆ ที่ตอนนี้มันเป็นเรื่องของแผนนั่น แต่ความรู้สึกแบบนี้มันไม่ได้อยู่ในแผนของผมเลยสักนิด และมันน่ากลัวมากสำหรับผม
ให้ตายสิ…ผมกำลังหลงรัก ‘เป้าหมาย’
To be continued.
ขอโทษด้วยน้าที่เบี้ยวอาทิตย์ที่แล้ว เราเที่ยวหนักมาก 555555555
แต่บอกได้เลยว่ามีอะไรมากกว่าที่คุณคิดแน่นอน (:
มีนิยายที่แต่งใหม่ด้วย เป็นโปรเจคคู่กับไรท์เตอร์ม่อน
แฟนตาซีนิดหน่อย ตามไปได้เลยนะ
คลิก
ติดต่อกันได้ทั้งสองเพจเลยนะคะ
IDOL FIC THAILAND
INDY_LIQUEUR
ทวิตเตอร์ Indydoll
สกรีมลงแท็กที่
#จินฮวานคนขี้อ่อย
เชิญชวนต่อแท็ก
#ฮันบินคนกาก
ความคิดเห็น