ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Ryo's Plans ไล่จับหัวใจยัยจอมเบื๊อก

    ลำดับตอนที่ #2 : He’s dangerous.

    • อัปเดตล่าสุด 13 ก.ย. 54


     “เฮ้ย อย่าเครียดน๊า สาลีคนสวย” “แกจะบ้าหรอ ที่ฉันยอมช่วย เพราะคิดว่าแกเป็นพระเอก” “แล้วแกมีปัญหาอะไรล่ะ ที่เป็นพี่เรียวน่ะ รู้สึกว่าเป็นเพื่อนกับรุ่นพี่หน้าจืดอะไรนั่นของแกไม่ใช่หรอนั่นไงอีตานี่ไม่เคยคิดจะเรียกพี่เจ้าดีๆเลยรึไง ทั้งที่พี่แกก็ทั้งหล่อ ทั้งใจดี อยู่ด้วยแล้รู้สึกอบอุ่นขนาดนั้น เฮ้อ! พี่เจ้าของสาลีน่าสงสารจริงอะไรจริง (Faii : พี่เขาไปเป็นของแกตั้งแต่เมื่อไหร่ยะ สาลี)แกเลิกเรียกพี่เจ้าอย่างนั้นสักทีได้ป่ะ ไม่งั้นฉันไม่ช่วยแกจริงๆด้วย” “โอ๋ๆๆโอเคๆ” “แล้วเปลี่ยนพระเอกให้ฉันด้วย แกเล่นเลยก็ได้ เพราะแกถนัดไม่ใช่หรอคราวนี้ฉันไม่ยอมแกแน่ เปลี่ยนไม่ได้เด็ดขาดเลย เพราะทีมงานฉันบอกมาว่า คนที่ตอนนี้ทุกคนต้องการเห็น คือ พี่เรียว หนุ่มฮอตของโรงเรียนเราตอนนี้เหอะๆ ฉันก็ยังมีวิธีต่องั้นก็เปลี่ยนนางเอกก็แล้วกันนะ” “สาลีแกสัญญากับฉันแล้วนะ T^T” ฉันเริ่มคิดหนัก ใช่เพราะฉันดันตกหลุมพรางสัญญากับแกไปง่ายๆแล้วนี่ TT แงๆๆๆแกเงียบแปลว่าตกลงแล้วนะ ฉันสัญญาว่าจะมีฉากเลิฟซีนให้น้อยที่สุดบาเร่ย์พูดขึ้นพร้อมกับยกมือขึ้นมานิ้วเป็นการปฏิญาณตน อย่างนี้ค่อยเบาใจหน่อย มีฉากเลิฟซีนน้อยๆ เฮ้ย ดะเดี๋ยว ฉากเลิฟซีน ม่ายยยน๊า~ บาเร่ย์ จำเป็นด้วยหรอที่ต้องมีฉากเลิฟซง เลิฟซีนเนี่ย” “เฮ้ย สาลีแกเมาแดดรึไง ถ้าละครไม่มีฉากเลิฟซีน แล้วมันจะสนุกได้ไง อีกอย่างฉันทำหนังรักโรแมนติกด้วยนะเว้ย ไม่ใช่หนังตลกกิ๊กก๊อกหาหนังรักโรแมนติก แล้วมันจะมีฉากเลิฟซีนน้อยได้ไง แล้วฉากจูจูบล่ะถามไปเหงื่อตกไป ฮะ แกยังไม่เคยเสียวันคิสหรอ~”ด้วยความตกใจของบาเร่ย์ ทำให้เจ้าตัวพูดดังไปถึงสามชายแดนภาคใต้โน่น คนทั้งโรงอาหารหันมามองที่ฉัน แล้วทำท่าเหมือนไม่เชื่อกับคำที่ได้ยิน ทำไมเล่า แล้วแกก็พูดให้เบาๆหน่อยคนทั้งโรงอาหารหันมามองทางเราหมดแล้วพูดไป ฉันก็รู้สึกว่าใบหน้าของฉันร้อนผ่าวไปหมด แล้วรู้สึกว่าหน้าฉันเริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆเปล่านี่ ฉันแค่ตกใจเฉยๆ ที่แกยังรอดมาได้มันหมายความว่าไง ??? งงจริงอะไรจริงตอนนี้เนี่ย แล้วตกลงว่าไงเรื่องฉันยังอ้าปากพูดไม่จบ บาเร่ย์ก็แทรกขึ้นว่า ไม่ต้องห่วงฉันจะจัดการเองทุกอย่างได้ยินดังนั้นใจฉันก็เริ่มสงบลง เดินไปที่ชมรมดีกว่า พี่เจ้าอยู่มั้ยน๊า~ อ๊ะ นั่นไง กำลังคุยกับใครอยู่น่ะหน้าดูเครียดเชียว พอชายคนนั้นเดินถอยห่างไปจากพี่เจ้า ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นอีตาบ้าเรียว เฮ้อ! เพิ่งหายเครียด อุตส่าห์ไม่คิดถึงเร่องนี้แล้วเชียวนะ พี่เจ้า สวัสดีค่ะ” “อ่อ สวัสดีครับพี่เจ้าหันมายิ้มหันฉันอย่างอบอุ่น โอ๊ย พี่เจ้าอย่ายิ้มอย่างน้นได้มั้ยคะ ใจหนูจะละลายอยู่แล้ว พี่คุยอะไรกับอีตาบ้าอ่อ พี่เรียวหรอคะดันเผลอตัวไป พี่แกจะคิดว่าฉันเป็นคนยังไงกันเนี่ย T^T ถามปุ๊บ หน้าพี่เจ้าก็เริ่มเปลี่ยนสีหน้าทันที แล้วพี่แกก็พูดขึ้นว่า น้องสาลีจะแสดงละครร่วมกับเรียวหรอครับจี๊ด.คำถามแทงใจดำ อ่อค่ะ พอดีเพื่อนที่ชมรมนั้นน่ะค่ะ เขาบอกว่าต้องการให้ฉันช่วย อิอิ ^^ บาเร่ย์ฉันขอเอาความดีความชอบหน่อยล่ะกันนะ แปลว่า ที่น้องสาลีจะไปแสดงเพราะเพื่อนไม่ใช่เพราะเรียวใช่มั้ยพี่เจ้าถามงี้ได้ไง คนอย่างฉันเนี่ยนะจะทำเพื่อตานั่นไม่มีทาง เอ๊ะ หรือว่าพี่เจ้าแกจะหึงฉัน อ๊า.(สำคัญตัวสุดขีด) ค่ะ สาลีก็เพิ่งรู้เมื่อเช้านี่เองแหละค่ะ ว่าพระเอกก็คือพี่เรียวแหวะ!!! ถ้าใช่ว่า พี่เจ้ากับอีตาบ้าเรียวเป็นเพื่อนกันนะ ฉันไม่มีวันยอมเรียกว่าพี่แน่ๆ อย่าให้หมอนั่นได้ยินเชียว ต้องเข้าใจผิด หลงตัวเองอีกชัวร์ๆ เพราะครั้งก่อนที่เคยได้ยิน หมอนี่ก็บอกว่าหึๆ ที่เธอเลือกให้ฉัน เพราะฉันหล่อบาดใจเลยใช่มั้ยล่ะไม่รู้จักคำว่า ถ่อมตัวบ้างเล๊ยแล้วไหนจะต้องร่วมงานกับหมอนี่อีก ได้ข่าวมาว่าตานี่เป็นเพลย์บอยตัวพ่อของโรงเรียนเลยทีเดียว ฉันจะรอดมั้ยนะคราวนี้ งั้นพี่ค่อยสบายใจหน่อย พี่ไม่ค่อยสบายใจเลย ที่เราจะไปแสดงละครร่วมกับเรียว บอกตรงๆ พี่ไม่ค่อยไว้ใจมันโห พี่เจ้าหล่อแล้วยังใจดีอีก สาลีคนนี้ซาบซึ้งในน้ำใจของพี่มากเลยค่ะ T^T “ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ สาลีโตแล้วนะคะ อย่าทำเหมือนว่า สาลีเป็นเด็กสิคะ ^^” ถึงจะพูดไปอย่างนั้นก็เถอะ แต่ดูจากสีหน้าของพี่เจ้าแกก็ยังดูไม่ค่อยสบายใจอยู่ดี ฉันเลยถือวิสาสะกระโดดไปกอดแขนลากพี่แกไปในชมรม ไปดูงานข้างในดีกว่าค่ะ เผื่อสาลีจะช่วยอะไรได้บ้าง ^^” “ไม่เป็นไรหรอก เราน่ะยังต้องไปช่วยเพื่อนแสดงละครอีกไม่ใช่หรือไง แค่สาลีมาพี่ก็มีกำลังใจทำงานขึ้นเป็นกองอ๊ายยยย.พี่เจ้าล่ะก็ >///< “’งั้นสู้ๆนะคะพูดจบฉันก็กำลังเก็บของเตรียมตัวไปหาบาเร่ย์ แต่ก็ต้องชะงักฝีเท้าไป เมื่อเงยหน้าขึ้น พบกับคนที่ทำให้ฉันต้องเจอเรื่องแย่ๆอย่างนี้ เรียว นายมาที่นี่ทำไมมิทราบตาบ้านี่เลิกคิ้วขึ้นแล้วพูดว่า ก็มาตามเธอน่ะสิ ยายเบี๊ยก! คนอื่นเค้ารอเธออยู่เนี่ย แต่เธอมานั่งกระหนุงกระหนิงอยู่กับไอ้เจ้าเนี่ย ไม่มืออาชีพเลยหึย เพราะปากงี้ไง ฉันถึงไม่อยากพูดด้วย =.,= “ใครยัยเบื๊อกกัน นายช่วยเรียกชื่อคนอื่นเค้าดีๆหน่อยได้มั้ย ฉันชื่อสาลี” “เออๆ ชื่ออะไรก็เรื่องของเธอ แล้วจะไปได้รึยังหาพูดไปพอ หมอนี่ถือวิสาสะเข้ามากระชากแขนฉันโดยไม่ทันตั้งตัวอีกแล้ว ==’’ ปล่อย!” ฉันหันไปถลึงตาใส่หมอนั่นทันที แต่คำพูดของฉันก็ไม่ได้เข้าหูหมอนั่นสักนิด หมอนี่ทำเป็นหูทวนลม ฉันจึงโอ๊ย! เธอทำบ้าอะไรของเธอเนี่ย” “อุ๊ย! I’m so sorry.” พูดจบฉันก็ไม่รอฟังคำด่าของเขาหรอก สมน้ำหน้าเล่นกับใครไม่เล่นมาเล่นกับคนอย่างสาลี

            30 นาทีผ่านไป  กว่าจะเสด็จมาได้นะครับ คุณสาลี รู้ไหมว่าคุณปล่อยให้ผมนั่งรอคุณตั้งนานสองนาน ยังไม่ทันไร มาถึงปุ๊บมรสุมลูกใหม่ก็ซัดเข้ามา เออน่า ขอโทษได้ป่ะล่ะ ขอโทษนะคะทุกคนฉันพูดขึ้นพร้อมกับหันไปโค้งคำนับขอโทษพี่ๆ และเพื่อนในชมรมของไอ้บาเร่ย์ แล้วพี่เรียวไม่ได้มาด้วยกันหรอ” “แกก็รู้ว่าฉันกับอีตาหมอนั่นไม่ถูกกันทำไมถึงส่งอีตาบ้านั่นไปตามฉันบาเร่ย์ทำหน้ากวนแล้วว่า ขอโทษได้ป่ะล่ะอ๊ายยยยอย่ามาใช้มุกคนอื่นเขานะ =,.= เป็นเอามากนะเรา เออๆ แล้วบทที่จะให้ฉันแสดงล่ะฉันยื่นมือไปหาบาเร่ย์ แต่บาเร่ย์ส่ายหัว แล้วบอกว่า แกต้องไปตามพี่เรียวมาให้ฉันก่อนอะไรของมันเนี่ย โคตรรักเพื่อนเลยยยย ฉันเดินตามแนวอาคารชมรมไปเรื่อยๆ แล้วก็พบเงาตะครุ่มๆอยู่แถวหลังสวน เอ๊ะ! อะไรน่ะ เฮ้ย! ทำอะไรกันน่ะทั้งคู่สะดุ้งแล้วหันมาพูดอย่างอารมณ์เสีย นาย!” ฉันรีบเอามือปิดปากแล้วเดินหนีมา ก็จะไม่หนีได้ไง เมื่อภาพที่เห็นนั้นคือ อีตาบ้าเรียว กับรุ่นน้อง กำลังจูบกันอย่างดูดดื่ม เหมือนกับว่าโลดทั้งใบมีแค่เขาสองคนอย่างนั้นแหละ ฉันสะบัดหัวไล่ภาพที่เห็นให้ออกไปจากสมอง ก็ใครจะไปลืมลง ภาพติดตาซะขนาดนั้น เป็นอะไรของเธอฮะยัยเบื๊อก นอกจากจะก่อคามวุ่นวาย ยังชอบสอดเรื่องชาวบ้านด้วยงั้นหรออีตาบ้านี่พูดอย่างเดียวไม่พอต้องเดินเข้ามาใกล้ฉันด้วย ฉันจึงถอยหลัง แต่เมื่อหมอนั่นเห็นแนถอยหลัง หมอนั่นก็ไม่หยุด ยังเดินจนตัวฉันติดกับอาคารชมรม แย่แล้ว~ อ๊าาาา ทำอะไรของนายน่ะ ถอยไปเดี๋ยวนี้นะโอ๊ย! เป็นบ้าอะไรเนี่ย ทำไมแค่นี้เสียต้องสั่นด้วย เสียงเธอสั่นนี่ รึว่ากลัวฉันจะทำอะไรเธอฉันพยายามเบียดตัวออก แต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะอีตาบ้านี่เอามือทั้งสองยันไว้กับผนัง ทำให้ฉันรู้สึกว่า ถูกขังอยู่ในกรงดีๆนี่เอง เปล่าซะหน่อย พอดีบาเร่ย์ให้ฉันมาตามนายน่ะฉันพูดไปหลบตาไป เพราะกลัวว่าเขาจะรู้ว่า คนอย่างฉันเก่งแค่ปากเท่านั้น อ่อ งั้นหรอ” “รู้แล้วก็ไปสักทีสิ ฉันจะกลับบ้านแล้วยิ่งฉันพูดมากขึ้นเท่าไหร่ก็รู้สึกว่า หมอนี่เริ่มจะเบียดมาใกล้ฉันขึ้นเรื่อยๆ บอกว่าให้ปล่อยไง ไม่ได้ยินรึไงหา ปากยังเก่งอยู่นี่งั้นลองหน่อยเป็นไง” “ลองบ้าลองอุ๊บ ฉันยังไม่ทันพูดจบอีตาบ้านี่ก็ใช้ริมฝีปากตนเข้าประกบริมฝีปากฉัน ฉันพยายามดิ้นให้หลุดจากหมอนี่ แต่เพราะตัวฉันเล็กกว่าหมอนี่มากจึงเหมือนกับว่า ออกแรงไปเท่าไหร่มันก็ไม่พอสำหรับหมอนี่ แนจึงปล่อยหมอนี่ให้จูบเยิ่นเย้อไปเกือบห้านาที เมื่อตาบ้านี่ปล่อยริมฝีปากฉันให้เป็นอิสระ ร่างฉันก็ร่วงลงกับพื้น พร้อมกับน้ำตาที่พร้อมจะรินไหล แต่ฉันจะไม่ยอมปล่อยมันต่อหน้าคนอย่างหมอนี่แน่ๆ วันนี้พอแค่นี้ก่อนล่ะกัน เดี๋ยวเรายังต้องเจอกันอีกนานนะ ^^” เมื่อร่างของเขาเริ่มเล็กลงๆไปเรื่อยๆ น้ำตาที่ฉันพยายามสกัดกั้น ก็เหมือนถูกเปิดออก น้ำใสๆจำนวนมากพรั่งพรูไหลมา เหมือนจะไม่หยุดไหล

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×