กริ๊ง!!!!!!!!!!!!!!!!!!! “ตกลงว่าแกจะเลือกอยู่ชมรมไหนวะสาลี” บาเร่ย์เพื่อนรักที่สุดของฉันพูดขึ้น พร้อมกับขยับตัวเข้ามากระแซะเพื่อต้องการคำตอบ “เฮ้ย! บาเร่ย์แกอย่ามาใกล้ฉันได้มั้ยวะ” “โห แค่นี้มาหวงเนื้อหวงตัว ที่กับไอ้รุ่นพี่หน้าจืดนั่นไม่เห็นแกจะว่าอะไรมันเลย” ก็จริงอย่างที่มันพูดแหละ แต่ว่าเพราะความหล่อขั้นเทพของมันทำให้มีรังสีความอิจฉาจากด้านหลังที่ทำให้ฉันรู้สึกเสียวสันหลังแป๊บๆเนี่ยแหละ แล้วไหนจะคุณแฟนสาวของเจ้าตัวเขาอีกล่ะ พูดแล้วก็ขนลุกเลย “เฮ้ย ก็พี่เจ้าเป็นพี่ที่ชมรม มันต้องทำงานร่วมกัน” แถลได้โล่เลยตู
=.,= “อ้าว ตกลงหาชมรมได้แล้วหรอวะ กะว่าจะชวนไปอยู่ด้วยกันสักหน่อย เซงๆๆๆ”นั่นไงความผิดตูอีกแล้ววววว
แต่ถึงไงถ้าไม่รู้จะอยู่ชมรมไหน ฉันก็ไม่มีวันเข้าชมรมที่มันชวนอีกแน่ อ่ะจะเล่าให้ฟังคร่าวๆ เกี่ยวกับบาเร่ย์ล่ะกัน คือ บาเร่ย์เนี่ยเป็นเพื่อนกับฉันตั้งแตประถม จนถึงมัธยมปลายเราก็ยังอยู่ห้องเดียว เรียกได้ว่า รู้ไส้รู้พุงกันหมดแล้วแหละ =.,= ตอนนี้พวกเราขึ้นเกรด 11 แล้ว บาเร่ย์เลือกลงชมรมการแสดง เพราะบาเร่ย์บอกฉันว่า มันเกิดมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ แล้วใครจะกล้าเถียงมันล่ะ เพราะทั้งใบหน้าอันหล่อเหลา บวกกับแอคติ้งการแสดงของมันแล้ว ขั้นเทพสุดๆ โตไปบาเร่ย์เพื่อนรักของฉันอาจจะไปเป็นพระเอกละครที่โด่งดังมีชื่อเสียงเลยก็ได้
ฮึๆๆ “แกก็ไปชวนน้องข้าวสวยดูสิ ฉันว่าน้องเค้าน่ะต้องเห็นใจ ยอมช่วยชายสุดที่รักของเธอแน่นอนเลย สาลีขอฟันธง~” “ไม่มีทางเด็ดขาด แกก็รู้ว่าน้องข้าวสวยน่ะ ขี้หึงขนาดไหน ขนาดเรื่องแกยังไม่เคลียร์ ถ้าชวนเข้าชมรมเดียวกัน มีหวังงานล่มแหงๆ” ก็จริงของมันแหละ ไม่รู้ว่าไอ้บาเร่ย์มันรักน้องแกจริงๆ รึยอมเสสียสละตนเพื่อส่วนรวม อ่อ อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะว่า น้องข้าวสวยไม่สวย เพราะชื่อก็บอกอยู่ทนโท่แล้ว น้องแกน่ะสวยมาก แต่จะสวยกว่านี้ถ้าไม่ขี้หึง ขี้โวย
เฮ้อ! เหนื่อยใจแทนไอ้บาเร่ย์จริง
จริ๊ง “แล้วงั้นแกจะเอาไง” ฉันเริ่มไม่ไหวจะเคลียร์กับคุณชายบาเร่ย์แล้วนะ เปลี่ยนขั้นให้ทันที ฮึ่ย. ==” “แกก็มาเป็นนางเอกให้ฉันสิ” “อะไรนะ ฉันเนี่ยนะ!!!” “เออ แกนั่นแหละ ได้ข่าวว่าจะได้เป็นดาวนี่หว่า ฮ่าๆๆๆ เพราะฉะนั้นแกต้องช่วยฉัน” มีเรื่องไหนที่มันจะไม่รู้บ้างเนี่ย =.,= “ไอ้ที่เป็นดงเป็นดาวอะไรนั่น ฉันไม่ได้สมัครพี่ที่ชมรมเป็นคนส่งรายชื่อ บอกว่า ถ้าไม่ส่ง ชมรมนี้มีหวังถูกยุบแน่ๆเลย T^T” “เออ นั่นแหละ ยังไงแกก็ต้องได้เป็นดาวอยู่ดี” แหม ทีนี้มั่นใจเชียวนะ “ถึงฉันจะได้เป็น แล้วมันเกี่ยวอะไรกับแก” “ไม่เกี่ยวได้ไง ถ้าแกมาช่วยฉัน เดี๋ยวฉันจะช่วยโปรโมทชมรมแกเต็มที่เลย”
เมื่อบาเร่ย์เห็นฉันเงียบอยู่นาน ก็พูดขึ้นว่า “ได้ ถ้าแกไม่มาเล่นให้ฉัน งั้นเราตัดเพื่อนกันไปเลย แล้วฉันจะไม่ช่วยงานแกอีกเลย” TT
“แกเล่นไม้นี้มา แล้วฉันจะทำไงได้อีกล่ะ” “แปลว่าแกตกลงแล้วใช่มั้ย รักแกที่สุดเลย” หลังจากบาเร่ย์พูดจบ ก็วิ่งเข้ามากอดฉัน โดยที่ฉันไม่ทันตั้งตัว ไวจริง อะไรจริงเพื่อนฉัน “กรี๊ดดดดดดดด
พวกพี่ทำอะไรกันน่ะ” ฉันถึงกับสะดุ้ง เมื่อได้ยินเสียงนกหวีด ยังเทียบไม่ได้ ณ ตอนนี้ ผละ!!! เสียงนี้ตามมาติดๆพร้อมกับหน้าชานิดๆ “ข้าวสวย เธอทำอะไรของเธอเนี่ย” บาเร่ย์ถามขึ้นพร้อมกับจับแก้มฉันที่เริ่มจะแดงขึ้นเรือยๆ ให้เห็นกันชัดๆว่าเป็นรอยมือคนตบ =.,=“ข้าวสวยทำอะไร พวกพี่นั่นแหละทำอะไรกัน มากุ๊กกิ๊กหนุงหนิงกันลับหลังอย่างเนี้ยไหนบอกว่าไม่มีอะไรกันไง” “ข้าวสวยนี่มันจะมากไปแล้วนะ พี่ว่าเราคุยกันตอนนี้ก็ไม่รู้เรื่องหรอก ตกลงที่เราคบกันเนี่ย ข้าวสวยไม่เคยเชื่อพี่เลยใช่มั้ย” คราวนี้เป็นฝ่ายของบาเร่ย์ที่เริ่มรุกเร้าซักถาม แล้วดูท่าทาง ท่าจะมีน้ำโหมากพอดู “แล้วพี่เคยทำให้ข้าวสวยเชื่อใจพี่ได้บ้างมั้ยล่ะ ทุกๆครั้งที่ชวนพี่ไปดูหนัง ช็อปปิ้ง ทานข้าว ไปเดตในที่ต่างๆนานา พี่ก็บอกไม่ว่างตลอด แล้วพอครั้งนี้พี่จะแก้ตัวยังไง” งานเริ่มเข้าตัว ฮึ่ย!!! บาเร่ย์แกเนี่ยสร้างงานให้ฉันได้ทุกวันจริงๆ “คืองี้ข้าวสวย บาเร่ย์น่ะต้องการให้พี่ไปเล่นละครให้น่ะ พอพี่ตกลง บาเร่ย์มันดีใจไปหน่อย เลยโผลเข้ากอดน่ะ” สีหน้าของข้าวสวยเริ่มอ่อนลง “แล้วทำไมพี่ไม่บอกข้าวสวยล่ะคะ” “แล้วข้าวสวยเคยฟังที่พี่พูดด้วยหรอ” ไอ้นี่ น้องอุตส่าห์อ่อนลง ยังไม่อ่อนตามอีก “ฟ้งสิคะ แต่ว่าเพราะพี่หล่อเกินไปไงคะ เราก็ต้องมีหึงบ้างอะไรบ้าง” น้องข้าวสวยนี่ ช่างประจบประแจงสุดยอด!!!! “โอเคๆค่ะ งั้นเราไปหาอะไรทานกันมั้ย สาลีไปด้วยกันมั้ย” “อ่อ
ไม่ไปดีกว่า ไม่สวีตกันตามสบายเลยนะจ๊ะ” เพราะดูจากเหตุการณ์เมื่อกี้แล้ว ถ้าไปด้วย เรื่องคนมาต่อเป็นขบวนรถไฟแหงๆ “โอเคๆ งั้นเดี๋ยวฉันนโทรหานะ” ฉันพยักหน้าตอบ เฮ้อ!
กลับบ้านดีกว่า
เช้าวันต่อมา
“แกต้องไปประชุมที่ชมรม แต่เช้าเลยหรอวะ” ฉันพยักหน้าตอบไป “อื้ม” ที่จริงไม่ใช่อะไร แต่ถ้าไม่รู้จะทำอะไร ฉันคงฟุ้งซ่านกับบทละครว่า คาแร็กเตอร์ของฉันจะเป็นยังไงแน่ๆ เพราะบาเร่ย์บอกว่า ไม่ได้ๆ ถ้ารู้ก่อน ก็ไม่เซอร์ไพรส์สิ ดีจริงๆ ลากคนอื่นมาร่วมกระทะทองแดงเดียวกัน ยังจะมางุบงิบไม่ยอมบอกอีก คิดอะไรอยู่ในใจเพลินๆ ก็รู้สึกเหมือนเดินไปชนใครสักคน “ขอโทษค่ะ” ฉันพูดขอโทษพร้อมกับโค้งคำนับ “ไม่เป็นไร ทีหลังก็ระวังๆหน่อยล่ะกัน” เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นหู ฉันก็เริ่มเงยหน้าขึ้น แหงนหน้า 45 องศาเพราะฉันน่ะสูงแค่หนึ่งร้อยหกสิบสามเซนติเมตรเท่านั้น แต่คนที่ฉันชนเข้าไปน่ะสูงประมาณร้องแปดสิบสองเซนติเมตรเห็นจะได้ จะโย่งไปไหนเนี่ย หรือ ว่าฉันเตี้ยเองหว่า เฮ้อช่างเรื่องความสูงฉันไปก่อน ดูสิ๊ใช่คนเดียวกันกับที่ฉันคิดไว้รึเปล่า หงึก
ถึงกับชะงัก “อ้าว เธอเองหรอ กิ๊กเธอหรอคนเนี้ย” หมอนี่พูดขึ้นพร้อมใช้นิ้วเรียวยาวนั้น ชี้ไปที่บาเร่ย์ “จะบ้าหรอ นี่เพื่อนฉันย่ะ” “เฮ้ๆ พูดดีๆกว่านี้หน่อยสิครับ ผมเป็นรุ่นพี่คุณนะ” นั่นไงใช้คำว่ารุ่นพี่มาเบ่งใส่เราอีก “ค่ะ ขอโทษนะคะรุ่นพี่ เดี๋ยวดิฉันกับเพื่อนขอตัวไปหาพี่เจ้าก่อนนะคะ บ๊าย
บาย ^^” ฉันโบกมือ พร้อมกับคว้าแขนของบาเร่ย์ให้เดินตามไปโดยเร็ว แต่ก้าวได้ไม่ถึงสามก้าว ก็มีคนดึงแขนฉันอย่างแรง ทำให้ฉันเซตั้งหลักไม่ทัน ถอยหลังไปชนกับตาบ้าเรียวเข้าจังๆ เวรๆๆ พอตั้งตัวได้จะหันไปว่าคนที่ดึงฉัน ก็พบว่าคนที่ดึงฉันไป คือ อีตาบ้าเรียวนั่นเอง “ฉันจะบอกอะไรดีๆให้นะ คนที่จะแสดงละครของบาเรย์ร่วมกับเธอ ก็คือฉัน” หา
ม่ายยยยยยย
จริงงงงงง
ความคิดเห็น