NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อ้อนเร้ารัก

    ลำดับตอนที่ #3 : ถนนเส้นเดิม (3)

    • อัปเดตล่าสุด 12 พ.ย. 65


    ในขณะเดียวกันเหนือเอกก็กลับถึงบ้าน เห็นแม่มะปรางกำลังจัดแจงภายในบ้านชายหนุ่มจึงตรงหรี่เข้าไปโอบกอดมารดาจากข้างหลัง

    “จะอ้อนขออะไรอีกล่ะ  โตขนาดนี้แล้วยังทำตัวเป็นเด็ก ๆ อีก”  

    “แม่…ผมไม่อยากจะเป็นดาราแล้ว”  

    มะปรางชะงักเล็กน้อยก่อนดึงชายหนุ่มออกแล้วหันกายกลับมาสบตา 

    “มีเรื่องอะไรจะเล่าให้แม่ฟังไหม”   น้ำเสียงของแม่มะปรางทำให้เหนือเอกรู้สึกอบอุ่นและมีกำลังใจขึ้น  

    ทั้งสองเดินประครองกันเดินไปที่โซฟา   เหนือเอกก้มหน้าเล็กน้อยเอ่ยเสียงเบา 

    “ครับ…แม่..ผมซื้อหุ้นโรงพยาบาล”  แม่มะปรางเอื้อมมือไป ยกคางลูกชายขึ้นสบตาแล้วเอ่ยขึ้น 

    “ไม่มีคำว่า..จะ..แสดงว่าตัดสินใจไปแล้ว”   

    “ครับ”   เหนือเอกพยักหน้าคล้ายรับสารภาพผิดอย่างน้อยเขาควรจะปรึกษาคุณแม่ก่อน  

    “เรื่องเงินเก็บไว้ก่อนอย่างไรก็เป็นเงินที่ลูกหามาแล้วที่ว่าจะออกมาจากวงการมาเพื่อเป็นผู้บริหารอย่างนั้นรึ”  

    น้ำเสียงของมะปรางยังคงแฝงความอ่อนโยน  

    “ใช่ครับ  แม่ครับ…ผมกลัว”   มะปรางถอนหายใจก่อนที่โอบกอดชายหนุ่มเข้ามา 

    “ตั้งใจให้หนูดาวมาทำงานที่โรงพยาบาลใช่ไหม  ถ้าชอบเขาลูกทำไมไม่บอกเขาไป  อ้อมไปอ้อมมาเมื่อไรจะได้เรื่องกัน  เป็นดารานักแสดงมาตั้งหลายปี  บทพูดดี ๆ ในหัวไม่มีเลยหรือ”  

    “ผมกลัวว่าความสัมพันธ์ของเราจะจบลง  แม้กระทั่งไปพบหน้าก็ไม่ได้”  อย่างน้อยในฐานะเพื่อนเขายังสามารถโทรหา เจอกันก็ทักทายได้หายสารภาพออกไป  หากโดนปฏิเสธเขาจะยังไปเจอดุจดาวได้อย่างไร  

    “ทั้งลูกและหนูดาวก็ต่างโตเป็นผู้ใหญ่แล้วเรื่องนี้ไม่ทำลายความเป็นเพื่อนสิบกว่าปีได้หรอกนะ”    

    มะปรางทั้งขำทั้งสงสารบุตรชายเป็นดารานักแสดงนักร้อง  เจอผู้คนอยู่บนเวทีทามกลางแสงสีไม่เคยประหม่าแม้แต่น้อย  แต่กลับหนูดุจดาวกลับไม่กล้าแม้กระทั่งสบตา  

    “แม่ครับ  แล้วแม่ไม่เอ่อ..ไม่รังเกียจครอบครัวของดาวหรือครับ”   

    เหนือเอกกำลังรอคำตอบ  ทว่ามีบางอย่างที่พลันนึกขึ้นมาได้จึงเอ่ยถามขึ้น 

    “เอ้ะ!! ทำไมแม่ไม่แปลกใจเลยเรื่องที่ผมชอบดาว  ลุงหน่านเล่าให้แม่ฟังหรือครับ  หรือว่าเป็นพี่เหมียว”   

    เหนือเอกถามแม่เสียงสูงขึ้นมาสีหน้าคาดคั้นตีหน้าขรึมกลบความเขินอาย     

    “แม่ต้องรอให้คนอื่นมาเล่าให้ฟังทำไม  ลูกชายแม่ชอบใครแค่แววตาลูกที่เปล่งประกายยามพูดถึงหนูดาวแม่ก็รู้แล้ว”    

    “แม่…แล้วดาวรู้ไหม”     ในใจชายหนุ่มหวังว่าดุจดาวจะรู้ความในใจเล็กน้อยก็ยังดี  

    “แม่ว่าไม่น่าจะรู้นะ  พวกลูกเป็นเพื่อนกันมาหลายปี แววตานี้หนูดาวก็ชินแล้วหนำซ้ำลูกก็ไม่เคยเอ่ยความในใจ  ด้วยสถานการณ์ต่าง ๆ หนูดาวไม่คาดคิดหรอกว่าลูกชอบเธอ”  แม่มะปรางอธิบายหวังว่าลูกชายจะเข้าใจบ้าง 

    “แม่..แม่..ในเมื่อแม่ยังรู้ว่าผมชอบดาวแล้วแม่ดูออกไหมว่าดาวชอบผมหรือเปล่า”  น้ำเสียงของเหนือเอกมีคลาดหวังสูงแต่ต้องผิดหวังเมื่อแม่มะปรางส่ายหน้าปฏิเสธเบา ๆ  

    “แม่ตอบแทนหนูดาวไม่ได้  แม่รู้ใจแค่ลูกชายของแม่คนเดียวเท่านั้น  เอาเป็นว่างานวงการบันเทิงลูกก็ลองปรึกษาพี่เหมียวดูว่าจะจัดการอย่างไร  เงินลงทุนก็จัดการตามที่ลูกพอใจเงินก้อนนั้นเป็นทุนที่ลูกหามาได้  อยากใช้แบบไหนก็ใช้ให้เต็มที่ ไม่ต้องกังวล  แม่ยังมีมรดกเตรียมไว้ให้ลูกใช้"   

    เหนือเอกโอบกอดมารดาด้วยความรู้สึกรักเต็มเปี่ยม  ไม่ว่าอย่างไรแม่จะจัดการได้ทุกอย่างแม่รู้ใจเขามากที่สุด

    “แม่ขอบคุณนะครับ”  

    มะปรางยิ้มให้บุตรชายอย่างอ่อนโยน  เธอรู้ว่าลูกชายประทับใจดุจดาวมาตั้งแต่ประถม  หลังเลิกเรียนบุตรชายจะมีเรื่องเล่าเด็กผู้หญิงดุจดาวเสมอผู้เป็นแม่ย่อมรู้แล้ว  ความรักฝั่งใจเช่นนี้หากผิดหวังเธอเองก็ไม่รู้ว่าบุตรชายจะเสียหลักแค่ไหน   

    ก่อนหน้าได้ยินว่าดุจดาวมีแฟนนางก็ใจหายวาบกลัวบุตรชายจะเลอะเลือนเสียคน  ทว่าเหนือเอกก็เพียงอยากหนีไปไกล ๆ  และหวังว่าหญิงสาวจะมีความสุข  ความรักเช่นนี้มะปรางก็แอบรู้สึกอิจฉาดุจดาวเล็กน้อยเหมือนกัน

    “ขอแค่ลูกแม่มีความสุข  แม่ต้องทำทุกอย่างอยู่แล้ว  ครั้งนี้แม่จะช่วยลูกเองดีไหม”  

    “ไม่เป็นไรครับแม่  ขอแค่แม่ยอมรับดาวผมก็ดีใจมากแล้ว แม่คอยดูนะครับผมจะพาดาวมากราบแม่ในฐานะสะใภ้ให้ได้"   เมื่อได้กำลังใจและแรงสนับสนุนจากมารดาก็ทำให้เหนือเอกมีพลังขึ้นมา  

    “จ๊ะ  แม่จะรอ…ไปขึ้นไปอาบน้ำพักผ่อนได้แล้ว”  

    เหนือเอกหอมแก้มแม่มะปรางฟอกใหญ่ก่อนจะเดินขึ้นบันได้ด้วยอารมณ์ที่เบิกบาน   เมื่อปรับเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมเข้านอน  เสียงข้อความเตือนตารางงานจากพี่เหมียวก็ดังขึ้น   แม้จะพอจำได้เขาเปิดขึ้นมาดูเพื่อความมั่นใจ  

    เหตุจากที่ชายหนุ่มได้ตัดสินใจจะไปพักร้อนที่ต่างประเทศทำให้ตารางงานช่วงนี้ลดลงไปมาก   เป็นจังหวะเหมาะเขาจะได้เอาเวลาช่วงนี้ไปศึกษาเรื่องการบริหารโรงพยาบาล   ความฝันในใจก่อตัวขึ้นเหนือเอกจึงลุกขึ้นเปิดเข้าไปห้องทำงานข้างห้อง

    ภายในห้องเป็นห้องที่เขาสร้างขึ้นเพื่อให้ในการแต่งเพลงโดยเฉพาะ  บรรยากาศเต็มไปด้วยความฝันและความทรงจำที่เหนือเอกที่มีให้กับดุจดาว  เขาส่งทุกความรู้สึกทั้งเศร้าและสุขผ่านบทเพลงให้หญิงสาว  ทุกครั้งที่ร้องเพลงเขาล้วนใส่ใจลงไประบายความรักที่อัดแน่นอก  

    ด้วยหน้าตาและฐานะทางสังคมทำให้เหนือเอกเป็นบุรุษที่หญิงสาวล้วนหมายปอง  เขาเป็นนักแต่งเพลง นักร้องและนักแสดงที่มีคุณภาพ   ทำให้หลายปีที่ผ่านมาความโด่งดังของเขาไม่ลดลงเลย  

    เหนือเอกเดินเข้าไปยืนหน้าถ้วยรางวัลที่เรียงติดต่อกันมาหลายปี  เขาหลุบตามองเอื้อมมือไปลูบมันเบา ๆ แล้วเอ่ยรำพึงคนเดียว 

    “คงเพราะพยายามมากเกินไป”      

    ตอนนี้ชายหนุ่มอยากกลับไปคนธรรมดา  ย้อนกลับเมื่อช่วงมัธยมเขาพยายามทำตัวเองให้เป็นดาวเด่นเพื่อให้ดุจดาวหันมามองและยิ้มยินดีให้กับเขา  พอเริ่มเรียนมหาวิทยาลัยเขาก็มีเชื่อเสียงมากขึ้น  ทำให้ชีวิตประจำวันของเขาเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ  แค่จะไปทานข้าวกับเพื่อน ๆ เพื่อให้ได้เจอหญิงสาวก็ยังลำบาก  นับวันเขายิ่งหากไกลคำว่าธรรมดาไปมาก  

              คิดถึงเมื่อก่อนหลังเลิกเรียน  

    เขาและเพื่อน ๆ  เดินเป็นกลุ่มนัดกันไปทานไอศครีมข้างโรงเรียน เขาชวนดุจดาววแล้วเดินเลียบไปตามถนนข้างโรงเรียน   ไม่ต้องปกปิดตัวเอง  ไม่ต้องหลบซ่อน   สามารถเดินเคียงข้างหัวเราะเสียงดังได้อย่างเปิดเผย  

    เหนือเอกรู้สึกเศร้าใจอยากบอกไม่ถูก   เขาเดินไปนั่งไปโต๊ะทำงานและหยิบปากกาขึ้นมาเขียนเพลง  เขาเริ่มบรรยายความรู้สึกของตนเองลงไป  เขาอยากจะไปเดินถนนเส้นนั้น  เส้นเดิมที่เคยเดินด้วยกัน

    “ถนนเส้นเดิม”  

    ค่ำคืนที่แสนธรรมดา ดุจดาวเองก็กำลังหลับใหล 

    เสียงรถข้างห้องที่เพิ่งเลิกจากงานดึก  เสียงคนพูดคุยกันยังดั่งแว่วอยู่ข้างหน้าหอพัง  เดิมดุจดาวก็สามารถนอนหลับด้วยใจที่สงบ  ทว่าสำหรับวันนี้  เดิมที่จิตใจบอบซ้ำทำให้เธอฝันถึงอดีต  

     ในวันนั้นแม่กดกอดลูกทั้งสองจนเกือบหายใจไม่ออก กระนั้นดุจดาวก็ยังอยากให้แม่กอดแน่นกว่านั้น  เด็กน้อยแหงนมองเปลวควันไฟที่ปลายเมรุด้วยใจที่แตกสลาย  เธอรับรู้ได้ว่าพ่อได้จากไปแล้ว  

    เสียงร้องให้จ้าแทบขาดใจของลูกทั้งสองกลบเสียงกลั้นสะอื้นของผู้เป็นแม่จนมิดชิด  

    พ่อป่วยเป็นวัณโรคหมอบอกว่าพ่อมีโอกาสหาย แม้ว่าจะมีบัตรสวัสดิการรักษาทว่าก็มีตัวยาหลายตัวที่อยู่นอกบัญชี   แม่ไม่อาจทิ้งความหวังเพียงเล็กน้อยนั้นได้  จึงขายบ้านที่เป็นสมบัติชิ้นเดียวที่ท่านทั้งสองช่วยกันซื้อไว้เมื่อตอนสุขภาพยังดี  ปาฏิหาริย์ไม่มีจริงและยาราคาแพงก็ไม่อาจจะรักษาชีวิตพ่อไว้ได้  

    พวกเขาย้ายมาอยู่ห้องเช่าหลังจากพ่อจากไป ทุกเช้าแม่จะตื่นมาเตรียมลูกชิ้นเพื่อนำไปขาย 

     “ดาว รีบตื่นจังเลยลูกทำไมไม่นอนต่อ”   แม่ร้องเรียกเบา ๆ  เมื่อเห็นดุจดาวลุกเดินออกมา

    “หนูนอนอิ่มแล้วค่ะแม่”  หญิงสาวตอบแม่ด้วยน้ำเสียงสดใสเพื่อให้แม่เห็นว่าเธอนอนเพียงพอแล้วจริง ๆ  จากนั้นก็เดินเข้าไปช่วยแม่นึ่งลูกชิ้น 

    แม่กับพ่อมีอาชีพรับจ้างก่อสร้าง  พอมีบ้านมีลูกที่ต้องดูแลแม่ก็ออกมาขายลูกชิ้นรถเข็นแทน  ลูกชิ้นและน้ำจิ้มแม่จะทำเองเพื่อให้เป็นรสชาติที่คนจดจำแปลกใหม่ไม่เหมือนเจ้าอื่น ทำให้กำไรของแม่น้อยลงมาก 

    “เตรียมกระเป๋าไปโรงเรียนเรียบร้อยยังลูก”  

    แม่เอ่ยถามด้วยเสียงอ่อนโยน เมื่อเห็นว่าใกล้เวลาที่เด็กหญิงต้องไปโรงเรียนแล้ว 

    “เรียบร้อยแล้วค่ะแม่” 

              เมื่อหลายปีก่อนดุจดาวจับสลากโรงเรียนอนุบาลในเมือง  พ่อกับแม่ดีใจมากที่ได้ไปเรียนที่นั่น  ต่างจากดุจดาวที่อยากเรียนโรงเรียนใกล้บ้านมากกว่าอย่างน้อยก็ได้ช่วยแม่เข็นรถเข็นทั้งไปและกลับจากโรงเรียน  

    แต่หญิงสาวก็ไม่ได้เอ่ยกับแม่เรื่องนี้  เธอจำรอยยิ้มของพ่อและแม่ในวันที่เธอจับสลากได้เข้าเรียนในวันนั้นได้   รอยยิ้มนั้นยังตราตรึงเตือนสติให้เธออดทนและตั้งใจเรียน  กลายเป็นสิ่งที่กดดันตัวเอง

    เรื่องราวในอดีตเหมือนหมอกจาง ๆ คลุมไปทั่วแม้จะดูเศร้าใจทว่ากลับงดงามและสงบ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×