คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ถนนเส้นเดิม (3)
ในขณะเดียวกันเหนือเอกก็กลับถึงบ้าน เห็นแม่มะปรางกำลังจัดแจงภายในบ้านชายหนุ่มจึงตรงหรี่เข้าไปโอบกอดมารดาจากข้างหลัง
“จะอ้อนขออะไรอีกล่ะ โตขนาดนี้แล้วยังทำตัวเป็นเด็ก ๆ อีก”
“แม่…ผมไม่อยากจะเป็นดาราแล้ว”
มะปรางชะงักเล็กน้อยก่อนดึงชายหนุ่มออกแล้วหันกายกลับมาสบตา
“มีเรื่องอะไรจะเล่าให้แม่ฟังไหม” น้ำเสียงของแม่มะปรางทำให้เหนือเอกรู้สึกอบอุ่นและมีกำลังใจขึ้น
ทั้งสองเดินประครองกันเดินไปที่โซฟา เหนือเอกก้มหน้าเล็กน้อยเอ่ยเสียงเบา
“ครับ…แม่..ผมซื้อหุ้นโรงพยาบาล” แม่มะปรางเอื้อมมือไป ยกคางลูกชายขึ้นสบตาแล้วเอ่ยขึ้น
“ไม่มีคำว่า..จะ..แสดงว่าตัดสินใจไปแล้ว”
“ครับ” เหนือเอกพยักหน้าคล้ายรับสารภาพผิดอย่างน้อยเขาควรจะปรึกษาคุณแม่ก่อน
“เรื่องเงินเก็บไว้ก่อนอย่างไรก็เป็นเงินที่ลูกหามาแล้วที่ว่าจะออกมาจากวงการมาเพื่อเป็นผู้บริหารอย่างนั้นรึ”
น้ำเสียงของมะปรางยังคงแฝงความอ่อนโยน
“ใช่ครับ แม่ครับ…ผมกลัว” มะปรางถอนหายใจก่อนที่โอบกอดชายหนุ่มเข้ามา
“ตั้งใจให้หนูดาวมาทำงานที่โรงพยาบาลใช่ไหม ถ้าชอบเขาลูกทำไมไม่บอกเขาไป อ้อมไปอ้อมมาเมื่อไรจะได้เรื่องกัน เป็นดารานักแสดงมาตั้งหลายปี บทพูดดี ๆ ในหัวไม่มีเลยหรือ”
“ผมกลัวว่าความสัมพันธ์ของเราจะจบลง แม้กระทั่งไปพบหน้าก็ไม่ได้” อย่างน้อยในฐานะเพื่อนเขายังสามารถโทรหา เจอกันก็ทักทายได้หายสารภาพออกไป หากโดนปฏิเสธเขาจะยังไปเจอดุจดาวได้อย่างไร
“ทั้งลูกและหนูดาวก็ต่างโตเป็นผู้ใหญ่แล้วเรื่องนี้ไม่ทำลายความเป็นเพื่อนสิบกว่าปีได้หรอกนะ”
มะปรางทั้งขำทั้งสงสารบุตรชายเป็นดารานักแสดงนักร้อง เจอผู้คนอยู่บนเวทีทามกลางแสงสีไม่เคยประหม่าแม้แต่น้อย แต่กลับหนูดุจดาวกลับไม่กล้าแม้กระทั่งสบตา
“แม่ครับ แล้วแม่ไม่เอ่อ..ไม่รังเกียจครอบครัวของดาวหรือครับ”
เหนือเอกกำลังรอคำตอบ ทว่ามีบางอย่างที่พลันนึกขึ้นมาได้จึงเอ่ยถามขึ้น
“เอ้ะ!! ทำไมแม่ไม่แปลกใจเลยเรื่องที่ผมชอบดาว ลุงหน่านเล่าให้แม่ฟังหรือครับ หรือว่าเป็นพี่เหมียว”
เหนือเอกถามแม่เสียงสูงขึ้นมาสีหน้าคาดคั้นตีหน้าขรึมกลบความเขินอาย
“แม่ต้องรอให้คนอื่นมาเล่าให้ฟังทำไม ลูกชายแม่ชอบใครแค่แววตาลูกที่เปล่งประกายยามพูดถึงหนูดาวแม่ก็รู้แล้ว”
“แม่…แล้วดาวรู้ไหม” ในใจชายหนุ่มหวังว่าดุจดาวจะรู้ความในใจเล็กน้อยก็ยังดี
“แม่ว่าไม่น่าจะรู้นะ พวกลูกเป็นเพื่อนกันมาหลายปี แววตานี้หนูดาวก็ชินแล้วหนำซ้ำลูกก็ไม่เคยเอ่ยความในใจ ด้วยสถานการณ์ต่าง ๆ หนูดาวไม่คาดคิดหรอกว่าลูกชอบเธอ” แม่มะปรางอธิบายหวังว่าลูกชายจะเข้าใจบ้าง
“แม่..แม่..ในเมื่อแม่ยังรู้ว่าผมชอบดาวแล้วแม่ดูออกไหมว่าดาวชอบผมหรือเปล่า” น้ำเสียงของเหนือเอกมีคลาดหวังสูงแต่ต้องผิดหวังเมื่อแม่มะปรางส่ายหน้าปฏิเสธเบา ๆ
“แม่ตอบแทนหนูดาวไม่ได้ แม่รู้ใจแค่ลูกชายของแม่คนเดียวเท่านั้น เอาเป็นว่างานวงการบันเทิงลูกก็ลองปรึกษาพี่เหมียวดูว่าจะจัดการอย่างไร เงินลงทุนก็จัดการตามที่ลูกพอใจเงินก้อนนั้นเป็นทุนที่ลูกหามาได้ อยากใช้แบบไหนก็ใช้ให้เต็มที่ ไม่ต้องกังวล แม่ยังมีมรดกเตรียมไว้ให้ลูกใช้"
เหนือเอกโอบกอดมารดาด้วยความรู้สึกรักเต็มเปี่ยม ไม่ว่าอย่างไรแม่จะจัดการได้ทุกอย่างแม่รู้ใจเขามากที่สุด
“แม่ขอบคุณนะครับ”
มะปรางยิ้มให้บุตรชายอย่างอ่อนโยน เธอรู้ว่าลูกชายประทับใจดุจดาวมาตั้งแต่ประถม หลังเลิกเรียนบุตรชายจะมีเรื่องเล่าเด็กผู้หญิงดุจดาวเสมอผู้เป็นแม่ย่อมรู้แล้ว ความรักฝั่งใจเช่นนี้หากผิดหวังเธอเองก็ไม่รู้ว่าบุตรชายจะเสียหลักแค่ไหน
ก่อนหน้าได้ยินว่าดุจดาวมีแฟนนางก็ใจหายวาบกลัวบุตรชายจะเลอะเลือนเสียคน ทว่าเหนือเอกก็เพียงอยากหนีไปไกล ๆ และหวังว่าหญิงสาวจะมีความสุข ความรักเช่นนี้มะปรางก็แอบรู้สึกอิจฉาดุจดาวเล็กน้อยเหมือนกัน
“ขอแค่ลูกแม่มีความสุข แม่ต้องทำทุกอย่างอยู่แล้ว ครั้งนี้แม่จะช่วยลูกเองดีไหม”
“ไม่เป็นไรครับแม่ ขอแค่แม่ยอมรับดาวผมก็ดีใจมากแล้ว แม่คอยดูนะครับผมจะพาดาวมากราบแม่ในฐานะสะใภ้ให้ได้" เมื่อได้กำลังใจและแรงสนับสนุนจากมารดาก็ทำให้เหนือเอกมีพลังขึ้นมา
“จ๊ะ แม่จะรอ…ไปขึ้นไปอาบน้ำพักผ่อนได้แล้ว”
เหนือเอกหอมแก้มแม่มะปรางฟอกใหญ่ก่อนจะเดินขึ้นบันได้ด้วยอารมณ์ที่เบิกบาน เมื่อปรับเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมเข้านอน เสียงข้อความเตือนตารางงานจากพี่เหมียวก็ดังขึ้น แม้จะพอจำได้เขาเปิดขึ้นมาดูเพื่อความมั่นใจ
เหตุจากที่ชายหนุ่มได้ตัดสินใจจะไปพักร้อนที่ต่างประเทศทำให้ตารางงานช่วงนี้ลดลงไปมาก เป็นจังหวะเหมาะเขาจะได้เอาเวลาช่วงนี้ไปศึกษาเรื่องการบริหารโรงพยาบาล ความฝันในใจก่อตัวขึ้นเหนือเอกจึงลุกขึ้นเปิดเข้าไปห้องทำงานข้างห้อง
ภายในห้องเป็นห้องที่เขาสร้างขึ้นเพื่อให้ในการแต่งเพลงโดยเฉพาะ บรรยากาศเต็มไปด้วยความฝันและความทรงจำที่เหนือเอกที่มีให้กับดุจดาว เขาส่งทุกความรู้สึกทั้งเศร้าและสุขผ่านบทเพลงให้หญิงสาว ทุกครั้งที่ร้องเพลงเขาล้วนใส่ใจลงไประบายความรักที่อัดแน่นอก
ด้วยหน้าตาและฐานะทางสังคมทำให้เหนือเอกเป็นบุรุษที่หญิงสาวล้วนหมายปอง เขาเป็นนักแต่งเพลง นักร้องและนักแสดงที่มีคุณภาพ ทำให้หลายปีที่ผ่านมาความโด่งดังของเขาไม่ลดลงเลย
เหนือเอกเดินเข้าไปยืนหน้าถ้วยรางวัลที่เรียงติดต่อกันมาหลายปี เขาหลุบตามองเอื้อมมือไปลูบมันเบา ๆ แล้วเอ่ยรำพึงคนเดียว
“คงเพราะพยายามมากเกินไป”
ตอนนี้ชายหนุ่มอยากกลับไปคนธรรมดา ย้อนกลับเมื่อช่วงมัธยมเขาพยายามทำตัวเองให้เป็นดาวเด่นเพื่อให้ดุจดาวหันมามองและยิ้มยินดีให้กับเขา พอเริ่มเรียนมหาวิทยาลัยเขาก็มีเชื่อเสียงมากขึ้น ทำให้ชีวิตประจำวันของเขาเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ แค่จะไปทานข้าวกับเพื่อน ๆ เพื่อให้ได้เจอหญิงสาวก็ยังลำบาก นับวันเขายิ่งหากไกลคำว่าธรรมดาไปมาก
คิดถึงเมื่อก่อนหลังเลิกเรียน
เขาและเพื่อน ๆ เดินเป็นกลุ่มนัดกันไปทานไอศครีมข้างโรงเรียน เขาชวนดุจดาววแล้วเดินเลียบไปตามถนนข้างโรงเรียน ไม่ต้องปกปิดตัวเอง ไม่ต้องหลบซ่อน สามารถเดินเคียงข้างหัวเราะเสียงดังได้อย่างเปิดเผย
เหนือเอกรู้สึกเศร้าใจอยากบอกไม่ถูก เขาเดินไปนั่งไปโต๊ะทำงานและหยิบปากกาขึ้นมาเขียนเพลง เขาเริ่มบรรยายความรู้สึกของตนเองลงไป เขาอยากจะไปเดินถนนเส้นนั้น เส้นเดิมที่เคยเดินด้วยกัน
“ถนนเส้นเดิม”
ค่ำคืนที่แสนธรรมดา ดุจดาวเองก็กำลังหลับใหล
เสียงรถข้างห้องที่เพิ่งเลิกจากงานดึก เสียงคนพูดคุยกันยังดั่งแว่วอยู่ข้างหน้าหอพัง เดิมดุจดาวก็สามารถนอนหลับด้วยใจที่สงบ ทว่าสำหรับวันนี้ เดิมที่จิตใจบอบซ้ำทำให้เธอฝันถึงอดีต
ในวันนั้นแม่กดกอดลูกทั้งสองจนเกือบหายใจไม่ออก กระนั้นดุจดาวก็ยังอยากให้แม่กอดแน่นกว่านั้น เด็กน้อยแหงนมองเปลวควันไฟที่ปลายเมรุด้วยใจที่แตกสลาย เธอรับรู้ได้ว่าพ่อได้จากไปแล้ว
เสียงร้องให้จ้าแทบขาดใจของลูกทั้งสองกลบเสียงกลั้นสะอื้นของผู้เป็นแม่จนมิดชิด
พ่อป่วยเป็นวัณโรคหมอบอกว่าพ่อมีโอกาสหาย แม้ว่าจะมีบัตรสวัสดิการรักษาทว่าก็มีตัวยาหลายตัวที่อยู่นอกบัญชี แม่ไม่อาจทิ้งความหวังเพียงเล็กน้อยนั้นได้ จึงขายบ้านที่เป็นสมบัติชิ้นเดียวที่ท่านทั้งสองช่วยกันซื้อไว้เมื่อตอนสุขภาพยังดี ปาฏิหาริย์ไม่มีจริงและยาราคาแพงก็ไม่อาจจะรักษาชีวิตพ่อไว้ได้
พวกเขาย้ายมาอยู่ห้องเช่าหลังจากพ่อจากไป ทุกเช้าแม่จะตื่นมาเตรียมลูกชิ้นเพื่อนำไปขาย
“ดาว รีบตื่นจังเลยลูกทำไมไม่นอนต่อ” แม่ร้องเรียกเบา ๆ เมื่อเห็นดุจดาวลุกเดินออกมา
“หนูนอนอิ่มแล้วค่ะแม่” หญิงสาวตอบแม่ด้วยน้ำเสียงสดใสเพื่อให้แม่เห็นว่าเธอนอนเพียงพอแล้วจริง ๆ จากนั้นก็เดินเข้าไปช่วยแม่นึ่งลูกชิ้น
แม่กับพ่อมีอาชีพรับจ้างก่อสร้าง พอมีบ้านมีลูกที่ต้องดูแลแม่ก็ออกมาขายลูกชิ้นรถเข็นแทน ลูกชิ้นและน้ำจิ้มแม่จะทำเองเพื่อให้เป็นรสชาติที่คนจดจำแปลกใหม่ไม่เหมือนเจ้าอื่น ทำให้กำไรของแม่น้อยลงมาก
“เตรียมกระเป๋าไปโรงเรียนเรียบร้อยยังลูก”
แม่เอ่ยถามด้วยเสียงอ่อนโยน เมื่อเห็นว่าใกล้เวลาที่เด็กหญิงต้องไปโรงเรียนแล้ว
“เรียบร้อยแล้วค่ะแม่”
เมื่อหลายปีก่อนดุจดาวจับสลากโรงเรียนอนุบาลในเมือง พ่อกับแม่ดีใจมากที่ได้ไปเรียนที่นั่น ต่างจากดุจดาวที่อยากเรียนโรงเรียนใกล้บ้านมากกว่าอย่างน้อยก็ได้ช่วยแม่เข็นรถเข็นทั้งไปและกลับจากโรงเรียน
แต่หญิงสาวก็ไม่ได้เอ่ยกับแม่เรื่องนี้ เธอจำรอยยิ้มของพ่อและแม่ในวันที่เธอจับสลากได้เข้าเรียนในวันนั้นได้ รอยยิ้มนั้นยังตราตรึงเตือนสติให้เธออดทนและตั้งใจเรียน กลายเป็นสิ่งที่กดดันตัวเอง
เรื่องราวในอดีตเหมือนหมอกจาง ๆ คลุมไปทั่วแม้จะดูเศร้าใจทว่ากลับงดงามและสงบ
ความคิดเห็น