NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อ้อนเร้ารัก

    ลำดับตอนที่ #1 : ถนนเส้นเดิม (1)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 172
      9
      12 พ.ย. 65

    เหนือเอกรีบวิ่งไปยังจุดเดิมที่ดุจดาวจะมานั่งประจำ เมื่อใกล้ถึงจุดเขาก็เห็นแผ่นหลังไหล่อันคุ้นเคย  ฝีเท้าของเขาแผ่วเบาลงจนหยุดนิ่ง ก่อนจะเอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาอ่อนโยน  

    “ดาว”   

    หญิงสาวสะดุ้งตัวเล็กน้อยยกมือเช็ดน้ำตาลวกๆ ฝืนยิ้มบาง ๆ   ก่อนจะหันมา

    “เหนือ นายมาทำอะไรที่นี่”  แม้จะพยายาทปรับน้ำเสียงอย่างไร  ก็ยังคงสั่นเครืออยู่  เมื่อเธอหันมาแววตาหม่นเศร้าไม่สดใส  ยิ่งทำให้เหนือเอกคล้ายหัวใจบดขยี้  

    “เรามาเดินเล่นนะ  พอดีเราได้รับบทละครมาใหม่มีบางฉากที่ใกล้เคียงกับที่นี่  เลยมาท่องบทอ่ะ”  

    เหนือเอกก็ไม่กล้าบอกความในใจไป  เขายังคงไม่กล้าพอ 

    เหนือเอกเป็นดาราดังเวลาไปไหนมาไหนมั้งจะมีบอดี้การ์ดประกบกายเมื่อดาวชำเลืองมองไปกลับไม่เห็นใครข้างกายชายหนุ่มจึงถามขึ้น

    “อ่อจ๊ะ  นายมาคนเดียวหรอ”   

    “ฮืม..เรานั่งด้วยได้ไหม”   เหนือเอกนั่งลงข้างกายหญิงสาว มือใหญ่ของเขากำแน่นอยากจะจับมือบาง ๆ นั้นมากุมอยากถ่ายทอดความอบอุ่นปลอบประโลมแต่เขาทำได้เพียงนั่งเงียบอยู่ข้างกาย 

     ดุจดาวเห็นหน้าเหนือเอกคล้ายมีเรื่องภายในใจ  เป็นเพื่อนกันมาหลายปีสีหน้าของชายหนุ่มบอกอารมณ์อย่างไรเธอย่อมดูออกจึงเอ่ยถามขึ้น

    “งานหนักหรือ” 

    “ฮืม..ไม่สบายใจอ่ะ”  เหนือเอกตอบ 

    “เราได้อ่านข่าว  เห็นว่านายจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ”   เมื่อเห็นว่าหญิงสาวสนใจเรื่องราวตนเองเหนือเอกก็รู้สึกใจพองขึ้นมา  

    “เราเปลี่ยนใจแล้วล่ะ  เราไม่อยากที่นี่ไป”    ก่อนหน้าเหนือเอกตั้งใจจะหนีและไปรักษาแผลใจที่ต่างประเทศ  แต่ตอนนี้เขาได้เปลี่ยนใจแล้ว เขาไม่อาจจะทิ้งดุจดาวไว้แบบนี้

    “เหนือทานข้าวมายัง เราไปทานข้าวด้วยกันไหม”  ชายหนุ่มหัวใจเต้นระรัว  นานแล้วที่ดุจดาวไม่ชวนเขาทานข้าว 

    “ยังเลยวันนี้ทำงานหลายอย่างจนลืมทานข้าวไป”  

    “เราเองก็ยังไม่ได้ทานตั้งแต่มื้อเที่ยง”  

    ดุจดาวลุกขึ้นแล้วครุ่นคิดเล็กน้อย  

    “แต่ว่า   เหนือจะสะดวกไหมเราไปคนเดียวก็ได้นะ”  ด้วยความเป็นซุปตาร์   ดุจดาวพลันรู้สึกเกรงใจเหนือเอกขึ้นมาการไปทานข้าวสองต่อสองอาจจะทำให้เกิดเป็นข่าวได้    

    “ไม่ ไม่  เกรงใจอะไรกัน  ดาวมองเราเป็นคนอื่นเหรอ”  ชายหนุ่มรู้สึกน้อยใจขึ้นมาสีหน้าสลด   ดุจดาวกำลังจะเอ่ยปากปฏิเสธก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขัดขึ้น 

    เธอจ้องมองชื่อแล้วหันมาบอกเหนือเอก  

    “ยัยสาโทรมา  แปบนะ”   

    เหนือเอกยิ้มบาง ๆ ให้หญิงสาวและยืนนิ่งข้าง ๆ เอียงหูฟังเล็กน้อย 

              “จ๊ะสา  ฮืม…เรากำลังจะไปกินข้าวกับเหนือ จ๊ะขอบใจนะ..จ้า”  

    ในอีกฝากหนึ่งในสายมือถือ  สาลิกาวางโทรศัพท์ลงพลางถอดใจในกลุ่มเพื่อนสนิท 3-4 คนที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่มัธยม ต่างก็รู้ว่าเหนือเอกแอบชอบดุจดาว

    แม้พวกเขาจะแอบเชียร์มาตลอดทว่าเมื่อเหนือเอกไม่อยากแสดงตนพวกเธอเองก็ทำอะไรไม่ได้  เมื่อวานยังบอกว่าจะไปเรียนที่ต่างประเทศตัดใจได้แล้ว  ทว่าเมื่อได้ยินข่าวว่าดุจดาวกำลังเสียใจ ไม่ทันไรก็วิ่งไปอยู่ข้างกายเขาแล้ว  

    สาริกาค้ำคางเหม่อมองไปยังท้องฟ้านอกหน้าต่าง  ภายในใจก็รู้สึกอิจฉาดุจดาวเล็ก ๆ  มีชายหนุ่มหล่อคอยรักคอยดูแลแบบไม่หวังผลตอบแทนแบบนี้  ถ้าเป็นเธอ เธอคงหลงรักผู้ชายคนนี้ไปตั้งนานแม้อีกฝ่ายไม่เอ่ยบอกความในใจก็ตาม   

    ส่วนดุจดาวเมื่อวางโทรศัพท์ก็เงยหน้ายิ้มละมุนให้เหนือเอก  

    “งั้นเราไปกันเถอะ”   

    พวกเขาเลือกร้านอาหารเล็ก ๆ ข้างทาง ส่วนมากเป็นคนวัยทำงานจึงไม่มีใครสนใจพวกเขามากนัก  เหนือเอกใส่หมวกปิดบังใบหน้าก็เพียงพอแล้ว  เขาหยิบกระดาษจากบนโต๊ะขึ้นมาสั่งอาหารชายหนุ่มรู้ของชอบหญิงสาวทั้งหมด เมื่อหญิงสาวชำเลืองมองอ่านก็ยิ้มพยักหน้าให้สั่งตามเมนูนั่นได้เลย

    สั่งอาหารเสร็จ  เหนือเอกก็ถามขึ้น

    “บ้านดาวใกล้เสร็จยัง  วันขึ้นบ้านใหม่ต้องชวนเรานะ”  การได้พูดถึงบ้านถึงครอบครัวดุจดาวจะเกิดประกายความสุขในใจ  เหนือเอกจึงตั้งใจที่จะเอ่ยถามเบี่ยงเบนความรู้สึกหญิงสาว

    “ได้สิ  แต่น่าจะอีกหลายเดือน ตอนนี้เพิ่งเริ่มลงเสาเข็มเอง”    

    ดุจดาวเอ่ยยิ้มบาง ๆ  พอพูดถึงบ้านก็นึกถึงความวุ่นวายเล็ก ๆ ของแม่ในการเลือกสีบ้านเอ่ย  สีหลังคาเอ่ย ลายกระเบื้องเอ่ย และตอนนี้แม่คงยุ่งอยู่กับการปลูกต้นไม้รอบ ๆ บ้านกระมัง ใบหน้าของหญิงสาวอ่อนโยนขึ้นเหนือเอกจึงเหยียดปากยิ้มอย่างยินดี  เอ่ยถามต่อ  

    “ดาวกู้เฉพาะสร้างบ้านใช่ไหม"    

    ความเป็นเพื่อนมาสิบปีการถามเรื่องแบบนี้เป็นการถามไถ่ทั่วไป เธอจึงเอ่ยตอบทันที  

    “ใช่จ๊ะ  ที่ดินเป็นเงินเก็บเรากับแม่รวมกันซื้อ ตอนแรกเราก็ไม่ยังไม่อยากจะกู้แต่แม่เริ่มอายุมากขึ้นน้องก็ใกล้จะเรียนจบแล้วไม่ได้ไป ๆ มา ๆ เช่นเดิม ห้องเช่าสำหรับพวกเรามันเล็กเกินไป  ยอมจ่ายดอกเบี้ยไปก่อนมีเงินมากพอเราก็ไถ่ถอดได้”  

    หญิงสาวเอ่ยเล่าโดยไม่รู้สึกอายกับความยากจนของตัวเองแม้จะมีคนผู้คนอีกมากมายต้องดิ้นรนไม่ต่างจากเธอทว่าเมื่อเทียบกับเหนือเอก  พวกเขาแตกต่างกันเหลือเกิน 

    “เมื่อหลายเดือนก่อนเราได้ลงทุนกับเพื่อนสร้างโรงพยาบาล  ดาวจะเป็นไปได้ไหมถ้าเธอจะย้ายมาเข้าเวรที่โรงพยาบาลของเราแทน  ที่นี่เราให้ค่าตอบแทนสูงกว่าโรงพยาบาลใกล้เคียงเลยนะ”  

    เหนือเอกไม่เคยสนใจเรื่องการลงทุนความจริงเขาเองก็พึ่งตัดสินใจเรื่องนี้เมื่อไม่กี่นาที  เพื่อดุจดาวเขาจะเป็นเจ้าของโรงพยาบาล

    “แน่นอนสิ  มีค่าตอบที่ดีกว่าทำไมเราจะไม่รับ เป็นโชคดีของเราที่มีเพื่อนดี ๆ แบบเหนือเอก”  คำว่าเพื่อนดี ๆ กระแทกเข้ากลางใจเหนือเอกอย่างรุนแรงเขาไม่อยากเป็นเพื่อนแล้ว จังหวะนั้นพนักงานก็เข้ามาเสริมอาหาร  ทำให้พอกลบเกลือนหน้าสลดชายหนุ่มได้   

    เหนือเอกจึงได้เล่าเรื่องราวของโรงพยาบาลให้ดุจดาวฟังอย่างมีความสุข   เขาตั้งใจอยากมีธุรกิจสักอย่างวงการบันเทิงสำหรับเขาดูเหมือนไม่แน่นอน  

    “ใจจริงเราอยากให้ดาวมาบรรจุเป็นพนักงานที่โรงพยาบาลเลย หากมาทำงานสัก 5  ปีดาวก็เก็บเงินได้ก้อนโตเลยนะ”  

     “เราก็คิดเรื่องนี้  แต่ว่าคงต้องรอน้องเรียนจบเสียก่อนถ้าน้องสามารถสอบทำงานรัฐได้เราก็จะหมดห่วง”  

    เพราะเคยสูญเสียพ่อไปเพราะพ่อกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายทำให้ไม่ยอมไปรักษาจนกระทั่งสายเกินไป  เรื่องนี้จึงเป็นสิ่งที่เธอกังวลใจหากเธอหรือน้องทำงานรัฐก็ไม่ต้องกังวลเรื่องพวกนี้  

    “ไม่เป็นไรเรารอดาวได้”  

    น้ำเสียงของเหนือเอกอ่อนโยนแฝงความในใจมากกว่าที่พูดออกไป  

    “ขอบใจนะ”   ดุจดาวกลับมายิ้มสดใสภายจะแฝงความเศร้าหมองอยู่บ้างทว่าก็ดีกว่าเมื่อหลายชั่วโมงก่อน  

    เหนือเอกเม้มปากบาง ๆ  คะยันคะยอให้หญิงสาวทานข้าวเยอะ ๆ  

    เมื่อทานข้าวเสร็จเหนือเอกก็เรียกรถมารับ

    “เราจะไปส่ง  จะได้ไปเยี่ยมคุณแม่ด้วย”  เหนือเอกพร้อมกลุ่มเพื่อนแวะมาส่งดุจดาวอยู่หลายครั้งทำให้รู้จักชิดเชื้อกับคุณแม่ไปด้วย  

    “จ๊ะ คุณแม่ก็ถามถึงเหนือเมื่อหลายวันก่อน”  นับตั้งแต่วันที่ดุจดาวตัดสินใจคบหากับหมอนั้นเป็นเวลาเกือบปีกว่า  เหนือเอกก็พยายามไม่มาวุ่นวายกับหญิงสาวอีก    

    “งั้นไปกันเถอะ”  

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×