คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Connected
ประเทศไทย ณ ใจกลางกรุงเทพมหานคร
"คุณหนูขา- สายแล้วนะคะรีบขึ้นรถดีกว่าค่ะ เดี๋ยวจะไปโรงเรียนไม่ทันนะคะ" ป้าบัวเรียกคุณหนูของหล่อนเช่นเคยทุกเช้าตามปกติ เพราะคุณหนูของเธอเมักจะตื่นสายจนไปโรงเรียนไม่ทันอยู่บ่อยๆ แต่เธอก็พยายามที่จะดูแลคุณหนูอย่างดีที่สุดตามที่คุณผู้หญิงได้ไว้วางใจให้นางเป็นผู้ช่วยเลี้ยงดูคุณหนูมาแต่เล็กแต่น้อย
"ค่า รีอาใกล้จะเสร็จแล้วค่ะ พอดีเมื่อคืนนอนดึกไปหน่อยน่ะค่ะ ไปนะคะป้าบัว" ว่าแล้วก็วิ่งเข้ามากอดป้าบัวเร็วๆแล้วรีบขึ้นรถดั่งที่เคยทำเป็นประจำ
ณ โรงเรียนเอกชนชื่อดัง
อารีอาน่าวิ่งเข้าห้องเรียนอย่างเฉียดฉิวตอนที่คุณครูประจำชั้นจะเข้ามา และบอกเล่ารายสิ่งต่างๆประจำวันก่อนจะปล่อยให้นักเรียนมีเวลาเตรียมตัวเข้าเรียน
"จะมีสักวันที่เธอไม่ต้องวิ่งหอบเข้าแบบนี้มั้ย ยัยคุณหนู" เคท เพื่อนสนิทของเธอเอ่ยทักขึ้นตามปกติ แน่นอนก็เธอสายทุกวัน ยัยนี่ก็พูดแบบนี้ทุกวัน ไม่รู้จะพูดเหมือนเดิมทำไม ทุกวันๆ
"เธอนี่น้าา เลิกบ่นรีน่าจังได้แล้วน่ะ" น้ำค้างเพื่อนสนิทอีกคนของเธอพูดขึ้นอย่างร่าเริง
"เมื่อไหร่เธอจะเลิกพูดประโยคเดิมๆละเคท เพลงฟังทุกวันจนเบื่อละเนี่ย" เพลงขลุ่ยที่นั่งอ่านการ์ตูนอยู่เงยหน้าขึ้นมาร่วมวงสนทนา
"ก็แหมมม มันอดไม่ได้อ่ะ" เคทตอบกลับพลางหันมามองรีอาอย่างขำๆ
จริงๆแล้วในโรงเรียนนี้ก็ล้วนเป็นนักเรียนที่มีฐานะในระดับหนึ่ง แต่เพราะคุณหญิงอัมรา แม่ของรีอาเป็นอาจารย์พิเศษที่ปรึกษาให้แก่นักเรียนในช่วงชั้นสุดท้าย เรื่องความเนี๊ยบ เจ้าระเบียบ และความสง่างาม ทำให้เพื่อนๆที่รู้ว่าท่านคือแม่ของรีอามองเธอเป็นคุณหนูที่เรียบร้อย เพรียบพร้อมมากกว่าใคร เพราะชื่อเสียงที่แม่เธอสร้างไว้จนยากที่ใครจะลืมลง แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าแม้จริงนั้นแสนจะตรงกันข้าม
"ว่าแต่พวกเธอมีอะไรจะบอกเราหรอ ตั้งแต่วันก่อนละ ไม่ได้ฟังซะทีเนี่ย" รีอาถามขึ้นเมื่อนึกได้ ว่าทั้ง 3 สาวเพื่อนเกลอเหมือนมีอะไรจะพูดแต่ก็ไม่ได้บอกเธอซะที
"ตอนแรกก็ยังไม่แน่ใจว่าแหล่งข่าวเชื่อถือได้จริงมั้ย ส่วนวันก่อนเธอก็รีบกลับไปก่อนจนไม่มีเวลาบอกนะสิ" เคทตอบพร้อมทับถมรีอาเล็กน้อย เพราะเมื่อเลิกเรียนทีไรหายตัวทุกที แต่ทั้งกลุ่มต่างรู้ดีว่ารีอาจะรีบกลับบ้านเฉพาะวันที่คุณหญิงอัมราหรือแม่ของเธออยู่บ้านเท่านั้น เพราะแม่ของอารีอาน่าเป็นนักธุรกิจหญิงที่ยุ่งที่สุดในช่วงหลายปีมานี้เลยทีเดียว สาเหตุหนึ่งก็เป็นเพราะรีอาไม่มีพ่อเนี่ยแหละ จึงทำให้คุณหญิงทำทุกอย่างเพื่อเลี้ยงดูให้ลูกสาวสุขสบายเท่าที่ความรักทั้งหมดของแม่คนหนึ่งจะทำให้ลูกได้
"ไม่มีอะไรมากหรอก พวกเราแค่จะชวนรีอาไปซื้อเครื่องเล่นเกมที่ออกใหม่เมื่อไม่นานมานี้น่ะ แต่ที่ต้องปรึกษากันเพราะเรากลัวว่าเธอจะมีปัญหากับคุณแม่น่ะ กลัวว่าท่านจะไม่อนุญาติน่ะซี้~"เพลงขลุ่ยพูดขึ้นมาในที่สุด ใครๆก็รู้ว่าคุณหญิงเป็นห่วงลูกสาวสุดที่รักมากแค่ไหน แม้จะไม่ค่อยมีเวลาให้แต่ก็รับรู้ทุกความเป็นไปของเธอจากป้าบัวนี่แล
"แต่เกมนี้ไม่อันตรายนะ เราดูข้อมูลมาอย่างดี แถมเล่นตอนนอนหลับ เป็นเครื่องเล่นชนิดใหม่ที่ใช้ระบบคลื่นสมอง เหมือนในนิยายที่เราชอบอ่านเลยละ" น้ำค้างพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น
"งั้นเราก็ไม่มีปํญหาหรอก แม่เราใจดีกว่าที่เห็นนะ ว่าแต่พวกเครื่องเล่นเกมนี่ไม่ได้มีมานานแล้วหรอกหรอ" รีอสตอบอบเสียงใส พร้อมคิดถึงเครื่องเล่นเกมในจินตนาการตามสไตล์สาวเพ้อฝัน
"จริงๆก็มีมาสักพักแล้ว แต่ยังไม่ถึงขั้นยืนยันความปลอดภัย 100% ไง เธอก็รู้ว่าถ้ายังไม่มั่นใจพวกเราก็ไม่มีใครอยากเสี่ยงหรอก เห็นเครื่องเล่นแบบนี้พยายามพัฒนามาเกือบ 60 ปีละนะ แต่เพิ่งใช้งานได้จริงๆและเริ่มเข้ามามีบทบาทก็ช่วง 20 ปีหลังนี่ละ แต่ตอนแรกเหมือนจะไปไม่รอดหรอกนะ เพราะมีแต่คนคิดว่าอันตรายในการจะปล่อยให้สมองถูกควบคุมด้วยเครื่องนั้น" เพลงขลุ่ยตอบตามที่ค้นคว้ามา
“แต่ช่วง 7 ปีหลังนี่เจ้าเครื่องนี้มาแรงมาก แต่ด้วยค่าใช้จ่ายที่สูงประเทศไทยจึงไม่อนุญาติให้นำเข้ามา เพราะกำลังมุ่งหน้าพัฒนาประเทศที่ตัวประชาชน ลดความแตกต่างทางฐานะ และกระจายรายได้สู่ชนบทและเห็นถึงความสำคัญของทุกอาชีพ และยังทำให้ประเทศเรายังมีพื้นที่ทำการเกษตรที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียอีกด้วยนะ เพราะทุกประเทศหันไปพัฒนาเทคโนโลยีเสียจนลืมให้ความสำคัญให้เรื่องนี้ แน่นอนว่านั่นทำให้ประเทศเราตอนนี้แทบจะไม่มีคนยากจน แต่ก็ด้อยกว่าคนอื่นในด้านความไฮเทคนี่ละ แต่ใครสนกันตอนนี้ประเทศที่ก้าวหน้าไปไกลด้านเทคโนโลยีก็ต้องทำการค้าขายพืชผักจากประไทยเสียส่วนใหญ่ ทำให้พวกเขาให้ความร่วมมือเราอย่างเต็มที่ มีโครงการแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญด้านอุปกรณ์เทคโนโลยีใหม่ๆให้มาพัฒนาประเทศเรา ส่วนประเทศเราก็ส่งผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตรให้ไปบุกเบิกหาพื้นที่ทำการเพาะปลูกให้แก่ประเทศอื่น เรียกได้ว่าตอนนี้โลกของเราพยายามที่ก้าวหน้าไปด้วยกันแล้วล่ะ" เคทพูดยาวเหยียดโดยไม่มองหน้าเพื่อนๆเนื่องจากกำลังจัดการใส่ลิงค์ข้อมูลกับเนื้อหาการเรียนในอุปกรณ์การเรียนแบบใหม่ให้แก่เพื่อนๆในห้อง หลังจากที่ครูประจำวิชาได้ส่งงานให้เธอโดยตรง ระบบในโรงเรียนนนี้คือฝึกให้ทุกคนเป็นผู้นำดังนั้นทุกคนจะต้องมีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องต่างๆผลัดเวรกันไป
“เคท เธอรู้เรื่องพวกนี้ได้ไงน่ะ ทำไมเราไม่เห็นรู้ข่าวพวกนี้เลย โครงการอะไรกัน" น้ำค้างพูดอย่างมึนๆเพราะยังไม่ค่อยเชื่อหูตัวเองว่าเคมจอมวีนจะมีมุมวิชาการกับเค้าด้วย แม้จะนานๆทีก็เถอะ
“แหม ปกติฉันดูโง่ขนาดนั้นเลยหรอยะ บอกความจริงก็ได้ เมื่อกี้มันเหลือบไปเห็นพอดีน่ะ วิชาที่คุณครูส่งมา ขึ้นมาเรื่องเกมที่กำลังมาแรงและเพิ่งได้รับอนุญาติให้นำเข้าในประเทศไทยนี่ละ ฉันก็เลยอ่านบทนำการเรียนให้พวกเธอฟัง ฮ่าๆๆ" เคทบอกความจริงอย่างรื่นเริงที่สามารถทำให้เพื่อนๆงงเป็นไก่ตาแตกได้
“ว่าแต่เราคงต้องหาเกมที่ไม่บู๊แหลกจนเกินไปมั้ย จะเหมือนในเกมมั้ยนะที่แบบเวลาในเกมจะเร็วกว่า 1 ชม คือ 1 วันไรงี้ เราจะได้มีเวลาอ่านหนังสือในเกมด้วยนะ เป็นข้อดีที่เราคิดถึงทุกครั้งเวลาอยากได้เจ้าเครื่องเล่นเกมนี่" เพลงขลุ่ยพูดอย่างมีความหวัง
“หนังสือที่ว่านี่ นิยายหรือหนังสือเรียนละเพลง" รีอาถามอย่างขบขัน
“แหม ก็ทั้ง 2 อย่างนั่นแหละจ๊ะ อิอิ" เพลงขลุ่ยงุบงิบตอบ พร้อมเสียงหัวเราะจากเพื่อนๆที่ดังขึ้นอย่างพร้อมเพียง
ณ สหรัฐอเมริกา , รัฐเนวาดา
"ขอบใจนะจ๊ะ ไมร่าที่มาเป็นพี่เลี้ยงดูแลแอนดี้ กับ เอลลี่ ไว้ถ้าฉันต้องการพี่เลี้ยงอีกเมื่อไหร่ ฉันจะติดต่อไปหาเธอนะจ๊ะ" มาร์ธาพูดกับเด็กสาว ที่หน้าตาน่ารักแต่กลับดูไม่เหมือนเด็กไฮสกูลทั่วไป ไม่มากนักหรอกที่เด็กวัยนี้จะยอมมาทำงานเป็นพี่เลี้ยงเด็ก โดยเฉพาะไมร่าหรือแพรไหม ที่ใครๆต่างก็รู้ดีว่าครอบครัวที่มีเพียงเธอและพ่อของเธอนั้นค่อนข้างจะมีฐานะเพราะชื่อเสียงด้านภาพเขียนต่างๆของพ่อเธอนั้นไม่ใช่เล่นๆ ใครๆต่างก็เรียกลับหลังจากสองพ่อลูก ว่าคู่เพี้ยนหลุดโลก เพราะหลายๆอย่างที่ทั้งสองทำ ส่วนใหญ่ก็ไม่มีใครเค้าทำกัน ทั้งๆที่มีเงินกลับไม่ค่อยใช้ อาศัยในบ้านเช่าหลังเล็กๆ แต่งตัวไม่รู้หรา ไม่เน้นความสะดวกสบาย ใช้ชีวิตกันง่ายๆเหมือนไม่ต้องคิดอะไร แต่เวลาพูดคุยกลับเหมือนเข้าไปนั่งกลางจิตใจของคนๆนั้นเลยทีเดียว โดยรวมแล้วทั้งนิสัยและตรรกะความคิดอันแสนแปลกประหลาด เลยทำให้ได้ฉายานั้นมาอย่างไม่ยากเย็น
"ค่ะ มาร์ธา" แพรไหมตอบเรียบๆ ใครๆที่นี่ก็เรียกเธอว่าไมร่าทั้งนั้น เพราะไม่มีใครออกเสียงชื่อเธอได้อย่างถูกต้อง เธอเลยตั้งใหม่ซะเองเลย ยกเว้นพ่อ ที่ยังคงเรียกเธอว่าแพรไหม ซึ่งพ่อบอกว่าเป็นภาษาไทย แม่เป็นคนตั้งให้ ทำให้เธอยังรู้สึกผูกพันธ์และคิดถึงแม่ทุกครั้งเมื่อพ่อเรียกชื่อเธอ อย่างน้อยเธอก็รู้ว่าแม่เธอยังมีชีวิตอยู่ แต่พ่อไม่เคยบอกอะไรมากกว่านั้น
"แล้วหนูไม่ไปปาร์ตี้ที่บ้านแอชลีย์หรอจ๊ะ เห็นแอนเพื่อนบ้านของป้าบอกว่า อลิซลูกสาวเค้าก็ไป พวกเธออยู่ห้องเดียวกันไม่ใช่หรอ?" มาร์ธาถามขึ้น จริงๆก็อยากเตือนเผื่อเด็กสาวจะลืม แน่นอนว่าปาร์ตี้ของวัยรุ่นสมัยนี้คงยังไม่เลิกราง่ายๆเวลานี้ยังไม่สายถ้าจะไป
"ไม่ไปหรอกค่ะ เดี๋ยวหนูจะไปตามพ่อกลับบ้าน ไม่รู้วันนี้จะไปนั่งหาแรงบันดาลใจที่ไหนอีก ไปนะคะ บาย" แพรไหมตอบรวดเดียวพร้อมตัดบทสนทนากับมาร์ธาแล้วเดินจากมา จริงๆเธอก็รู้เรื่องปาร์ตี้อยู่แล้ว เพื่อนๆก็ชวนไว้ แต่คงเป็นเพราะตัวเธอเองที่ไม่มีเพื่อนที่สนิทเป็นพิเศษ และไม่ชอบไปงานปาร์ตี้ที่ไม่ได้อะไรนอกจากไปเมาและอาจถูกลวนลามได้ จึงหลีกเลี่ยงด้วยการมาทำงานพิเศษ ทำให้เธอติดธุระและไม่ได้โกหก เธออาจมีเพื่อนที่ไปเที่ยวด้วยกันบ้าง แต่ไม่มีใครที่สนิทกับเธอมากจนพูดคุยได้ทุกอย่าง แพรชอบที่ใช้เวลาอ่านหนังสือเสียมากกว่าไปนั่งคุยเรื่องไร้สาระ หรือ อวดเรื่องแฟนหนุ่มที่ใครๆก็มีกัน หรือ เรื่องเดทที่แสนจะโรแมนติคซึ่งไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ นั่นละที่ทำให้เธอแปลกกว่าเพื่อนๆในวัยเดียวกัน
แพรไหมเดินไปตามทางที่ค่อนข้างมืด อาศัยเพียงแสงสว่างจากเสาไฟตามทางเดินเท่านั้น ระยะทางจากบ้านมาร์ธากับบ้านของเธอนั้นไม่ได้ห่างกันมากนัก เพียงแต่เงาของกลุ่มคนตามซอกซอยละแวกนั้นทำให้เธอเปลี่ยนใจและเดินไปทางเส้นทางที่มีย่านการค้าแสงสีเสียงและคนพลุกพล่านแทน
"แซม!! พ่ออยู่ไหนคะ มีพวกกลุ่มวัยรุ่นมามั่วสุมแถวบ้านเราอีกแล้ว หนูไม่อยากให้พ่อต้องเสียค่าปรับอีกนะคะ" แพรไหมโทรหาพ่อของเธอเมื่อเดินห่างออกมาระยะหนึ่ง เนื่องจากความสนิทระหว่างพ่อลูกทำให้เธอชอบเรียกชื่อเล่นพ่อของเธอสลับกับกับว่าพ่ออยู่เสมอ พ่อเป็นทั้งพ่อและเพื่อนที่สนิทที่สุดของเธอเลยก็ว่าได้
"อ้าว กี่โมงแล้วเนี่ย? อย่าไปมีเรื่องละ เดี๋ยวพ่อจะรีบกลับไปเดี๋ยวนี้ล่ะ" แซมพูด พลางคิดในใจว่าก็ดีอยู่หรอกที่ลูกมีทักษะการป้องกันตัวที่ดี นั่นละที่แปลกกว่าชาวบ้านชาวช่องเค้า ผู้หญิงคนอื่นจะมีสักกี่คนที่จะเดินหนีกลุ่มพวกขี้ยาเพราะไม่อยากจะมีเรื่องจนต้องจ่ายค่าปรับ ครั้งก่อนๆแพรไหมก็ทำเอาเขาปวดหัวเลยทีเดียว เนื่องจากมีคนมาลวนลามคุณลูกสาวสุดที่รักทางสายตา ทำเอาแพรของขึ้นอัดพวกนั้นซะเละ จนต้องจ่ายค่าปรับ เฮ้อ คิดแล้วก็ปลง แต่เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว ดีกว่าถูกทำร้าย
"โธ่ แซม หนูไม่ไปหาเรื่องใครก่อนหรอกน่า ถ้าไม่มีใครเดินเอาเรื่องมาหาหนูน่ะนะ" แพรไหมพูดอย่างเซ็งๆ
"ยังไงลูกก็เป็นผู้หญิง ระวังเอาไว้บ้างก็ดีแม้ว่าลูกจะเก่งแค่ไหนก็เถอะ" แซมไม่วายเตือนอย่างที่เตือนอยู่ประจำ ทำให้แพรไหมไม่เคยประมาทจนเกินไป
"ค่ะ แล้วพ่อไปถึงไหนเนี่ย ได้แรงบันดาลในการสร้างผลงานชุดใหม่หรือยังคะ?" แพรไหมชวนคุยไปเรื่อยๆระหว่างรอพ่อกลับมา เพื่อที่จะเดินเข้าบ้านไปด้วยกัน อย่างน้อยก็ทำให้พวกเด็กกลุ่มนั้นไม่กล้าเข้ามาวุ่นวายกับเธอ
"วันนี้ก็เดินไปเรื่อยเปื่อย มองนู่นนี่นั่นไปเรื่อยละ ยังไม่มีไอเดียแจ่มๆเลย" แซมพูดขณะเดินกลับอย่างรวดเร็ว
"อ้อ ค่ะ แล้วพ่อ อ๊ะ!! แค่นี้ก่อนนะพ่อ" แพรไหมพูดจบก็ตัดสาย เนื่องจากมีคนกลุ่มหนึ่งกำลังวิ่งมาทางเธอพร้อมเสียงดังโวยวาย
"จับมันที ขอร้องละ ใครก็ได้หยุดเจ้านั่นไป!!" เสียงตะโกนผสมเสียงหอบ ซึ่งคาดเดาว่าผู้พูดน่าจะมีอายุระดับหนึ่ง
"หลบไป หลบ หลบ เฮ้ย" ผู้ชายร่างผอมแห้ง ท่าทางเมายาที่วิ่งตรงเข้ามาทำเอาแพรตกใจไปชั่วขณะหนึ่ง พร้อมกันนั้นเสียงเดิมก็ดังขึ้น ผสมกับเสียงไซเรนรถตำรวจที่กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้
"ขโมย มันเป็นขโมย แฮ่กๆ~" ตอนนี้แพรไหมเห็นแล้วว่าเป็นเสียงของชายวัยกลางคน ซึ่งคงวิ่งมาไกลพอสมควรเลยทีเดียว
"ยอมเถอะค่ะ ยังไงพี่ก็หนีไม่ทันหรอกนะ หนูว่า" แพรพูดอย่างใจเย็น เพราะไม่อยากทำร้ายใคร
"หน้อย แกไม่หลบเรอะ" ว่าแล้วเจ้าโจรก็หยิบมีดพร้อมล็อกคอเธอไว้อย่างรวดเร็ว
"พี่ไม่รู้หรอคะว่านี่มันไม่สุภาพ ไม่มีใครเคยสั่งสอนหรอไงว่าอย่าทำอย่างนี้กับสุภาพสตรี!!" แพรพูดขึ้นหลังจากมึนๆพร้อมทั้งจับเจ้าโจรทุ่มลงพื้นหมดสภาพอย่างไม่ยากเย็น
"อ๊ากกกกก~ โอ๊ย!! ครอก.." เสียงแสดงความเจ็บก่อนจะสลบไปทันที
"ขอโทษนะหนู ลุงไม่รู้ว่ามันจะมีอาวุธ ขอบใจมากจริงๆ" ลุงคนนั้นเดินมาถึงตัวเธอในที่สุด
"ไม่เป็นไรค่ะ คุณลุงพักหายใจก่อนดีกว่านะคะ"
หลังจากนั้นตำรวจก็มาจับเจ้าโจรขึ้นรถไปพร้อมส่งถุงผ้าขนาดกลางคืนให้คุณลุงที่โดนขโมย เป็นเรื่องแปลกมากที่ตำรวจจะมาเร็วขนาดนี้ ลุงคนนั้นไม่น่าจะมีเวลาโทรเรียกตำรวจด้วยซ้ำ หนำซ้ำบริเวณก็ไม่มีคน จึงไม่น่าจะมีใครโทรแจ้งให้ได้ ทำให้คิดได้อย่างเดียวว่าเจ้าถุงผ้านั่นคงสำคัญมากจนมีระบบรักษาความปลอดภัยที่จะส่งสัญญาณทันทีเมื่อเกิดเรื่อง
ณ ประเทศไทย, ห้องนอนของอารีอาน่า
"อืมมม~ ห้าววววว ~ ทำไมเราถึงตื่นเช้าละเนี่ย เหมือนจะรู้สึกสนุกและตื่นเต้น ขำๆและภูมิใจ สงสัยจะฝัน แต่ทำไมจำอะไรไม่ได้เลยละ ช่างเหอะ ขอนอนต่อีกนิด ป้าบัวอย่าเพิ่งรีบเข้ามาน้า ห้าววว~" ว่าแล้วคุณหนูรีอาก็ซุกตัวลงในผ้าห่มและหลับต่ออย่างไม่ติดใจอะไรในความรู้สึกประหลาดที่มาเป็นพักๆ
ความคิดเห็น