ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Diary CM01/02

    ลำดับตอนที่ #9 : [ฤดูกาลที่ 6] เวทีพรีเมียร์ลีคปีที่ 2 ศึกแย่งชิงตำแหน่งสูงสุดเวทีพรีเมียร์

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 663
      4
      16 มิ.ย. 58

    ศึกแย่งชิงตำแหน่งสูงสุดเวทีพรีเมียร์ - ฤดูกาล 2006/2007

     
    หลังการทีเปิดตัวได้ไม่สวย แต่แก้ตัวได้ดี จนทำให้ทีมขึ้นที่ 1 ได้ในนัดที่ 5 และเริ่มทิ้งห่างไปจนถึงนัดที่ 9 ก่อนที่จะสะดุดกับวิลล่า
    ทีนี้ก็ต้องหันกลับไปดูว่าทีมที่ตามหลังเข้าใกล้เพียงใด และน่ากลัวแค่ไหน ซึ่งเท่าที่ดูก็ต้องระวังอย่างน้อย 3 ทีมเลยคือ นิวคาสเซิ่ล แมนยู ลิเวอร์พูล
     
    ส่วนทีมที่จับตาดูห่างๆก็มีสเปอร์ กับอาร์เซน่อล โดยเฉพาะรายหลังที่ฟอร์มตกไปแบบแปลกๆ ชนะ 3 นัดแรก แต่อีก 4 นัดที่เหลือแพ้ไปซะ 3 เสมออีก 1  แล้วจากนั้นมาก็ชนะกับแพ้สลับไป จนอันดับเริ่มห่าง

     
    ส่วนตัวแล้วปีนี้ผมว่านิวคาสเซิ่ลคือทีมที่น่ากลัวที่สุดเพราะเป็นทีมที่เหนียวแน่นมากๆ แต่ยิงประตูได้เรื่อยๆ เรียกได้ว่ามีคุณสมบัติแชมป์เต็มเปี่ยมเลยทีเดียว แม้ว่าตั้งแต่ปี 2001 มาจะเคยได้อันดับดีสุดคือที่ 3 ก็ตาม
     
    แต่การเสริมทัพมันส่อเค้าถึงคุณภาพทีมอยู่ ถ้านักเตะเข้าแผนจริง เช่นในปี 2004/5 ใช้เงินไปถึง 51m  ปี 2005/6 ใช้เงินไป 24m และปีล่าสุดใช้ไป 29m มูลค่าใช้จ่ายเทียบกับ Northwich แบบเทียบไม่ติดเลย...
     
    โดยเฉพาะผู้จัดการทีมคือ มาร์ติน โอนีล ที่เข้ามาคุมทีมในวันที่ 1 สิงหาคม 2005 ย้ายมาจากเซลติก
    ความสามารถไม่ต้องพูดถึง
     
     
    ส่วนแมนยูก็ใช่ย่อย เป็นถึงแชมป์ปีก่อน และปี 2003/4 รองแชมป์ปี 2001/2 และ 2002/3
    การใช้เสริมทัพ 3 ปีหลังก็มีดังนี้ 23.5m 30m และ 23.5m (ซึ่งปีนี้ก็แย่งซีดานแบบฟรีไปด้วย ทางเราก็เล็งๆไว้อยู่ แต่สู้ค่าเหนื่อยไม่ไหว)
     
    ผู้จัดการทีมคือ กุส ฮิดดิ้ง ที่ผลงานดีต่อเนื่อง
     
     
    และคู่แข่งรายสุดท้ายคือลิเวอร์พูล แชมป์ปี 2001/2 และ 2004/5 และรองแชมป์ในปีที่แล้ว
    การเสริมทัพเองก็ไม่ใช่ย่อย 3 ปีหลังใช้เงินไป 15.75m 18.25m และ 31.5m
     
    ผู้จัดการทีมก็เป็นเจ้าเก่าหน้าเดิม เชราร์ อุลลิเย่ร์

     
    ผลงาน 10 นัดหลังสุด
    Northwich ชนะ 8 เสมอ 2 แพ้ 0  รวม 26 แต้ม
    Newcastle ชนะ 6 เสมอ 2 แพ้ 2  รวม 20 แต้ม ออกตัวโอเค
    Man Utd. ชนะ 4 เสมอ 3 แพ้ 3  รวม 15 แต้ม ออกตัวช้าแต่มาแรงช่วงหลัง
    Liverpool ชนะ 6 เสมอ 3 แพ้ 1  รวม 21 แต้ม ออกตัวดีกว่านิวคาสเซิ่ล
     
     
    ยอมรับว่ากดดันครับ เพราะผลงานดีมากจนกลัวว่าถ้าจะสะดุดไปแล้วทีมจะแกว่งเอา
    แต่ว่าอีก 6 นัดก็ยังพอเอาตัวรอดได้โดยที่ยังไม่แพ้ จนกระทั่งเข้าสู่ช่วงปลายปีที่เรียกว่าท้ายปีอันตราย เพราะ 4 นัดที่เหลือคือการไปเยือนทั้งสิ้น ตั้งแต่ วันที่ 16 เจอลีดส์  วันที่ 20 ชนกับคริสตัลพาเลส วันที่ 23 เยือนต่อกับอาร์เซน่อล และวันที่ 26 ส่งท้ายกับสเปอร์ที่ไวท์ฮาร์ทเลน... แล้วยังไม่จบเท่านั้นได้อุ่นใจกลับมาเปิดบ้านเจอกับ พาเลสสักรอบ แล้วก็ไปเยือนแมนยูถึงโอลด์แทรฟฟอร์ด...
    เรียกได้ว่าจะลุ้นแชมป์ต่อหรือไม่ก็ดูกันยาวๆที่ตรงช่วงสุดโหดนี่ล่ะ... แถมช่วงนี้กองหน้าตัวเก่งอย่าง Skalidis ก็มาเจ็บตั้งแต่นัดไปเยือนลีดส์แล้ว เท่ากับว่านัดที่เหลือก็ดิ้นรนกันโหดหินเลยทีเดียว

     
    ซึ่งผลงานไม่แพ้ใครมาถึง 19 นัดก็มาหยุดลงกับนัดที่เจอกับสเปอร์นี่เอง..
    ยิงนำก่อนแท้ๆ แต่โดน 3 ลูกแพ้ไป 3-2 ซะงั้น... ตัวรุกกับรับไม่ได้แย่อะไร แต่กลางไม่เด่นเลย สะท้อนว่าปัญหาตัวทำเกมเป็นอะไรที่ต้องปรับปรุงจริงๆ

     
    แต่โดยรวมก็ถือว่ารอดมาได้แบบอย่างน้อยไม่ชนะก็ไม่แพ้ล่ะนะ ไม่ยอมให้ทีมคู่แข่งแย่งแต้มแน่ๆ

     
    สรุปในอีก 12 นัดต่อมา ผลงานจึงออกมาดังนี่
    Northwich ชนะ 7 เสมอ 4 แพ้ 1  รวม 25 แต้มน้อยกว่า 10 นัดแรกเสียอีก ทั้งที่แข่งมากกว่า
    Newcastle ชนะ 7 เสมอ 3 แพ้ 2  รวม 24 แต้ม ก็ยังไม่ยอมปล่อยให้ช่องว่างถ่างออกไปอีก
    Man Utd. ชนะ 7 เสมอ 2 แพ้ 3  รวม 23 แต้ม ตามมาติดๆ
    Liverpool ชนะ 5 เสมอ 5 แพ้ 2  รวม 20 แต้ม เสมอหนักไปหน่อยแต่ก็ยังไม่ห่างนัก

     
     
    สรุปที่ 22 นัดล่าสุดได้คะแนนไล่ลำดับกันไป
    Northwich รวม 51 แต้ม
    Newcastle รวม 44 แต้ม
    Liverpool รวม 41 แต้ม
    Man Utd. รวม 38 แต้ม
     
     
    ถ้าถามว่าทำไมผมถึงอยากรีบทำคะแนนทิ้งห่างกว่านี้ ทั้งที่ตอนนี้ 22 นัดก็ห่างถึง 7 แต้มอยู่แล้ว 
    คำตอบมันอยู่ตรงท้ายฤดูกาลครับ...
    ต้องเจอทั้งลีดส์ กับเชลซี ทีมที่ไม่ได้โหดเกมรุก แต่นักเตะก็มักมีลูกแปลกๆให้ทีมสะดุด
    จากนั้นก็เจอทั้งลิเวอร์พูล กับอาร์เซน่อล ที่แย่งพื้นที่ UCL กันอีก นักเตะก็โหดแน่ๆอยู่แล้ว มีโอกาสพลาดสูง ฉะนั้นแล้วช่วงที่โกยแต้มได้ก็โกยแต้มได้ไปเถิด จะได้สบายใจในตอนหลัง มาถึงขนาดนี้แล้วถ้าไม่ได้แชมป์แล้วล่ะก็ ขอบอกเลยว่าเสียหายสุดๆครับ

     
    เช่นนั้นแล้วในนัดต่อมาการขับเคี่ยวก็จึงดำเนินต่อไป
    แต่ว่าทีมก็เริ่มเข้าที่และนิ่งมากขึ้น นักเตะที่เข้ามาก็ปรับตัวได้ ตัวเก่าก็ไม่ค่อยเจ็บนัก ฟอร์มก็ไม่หลุด ประตูเองก็ดีวันดีคืน
     
    10 นัดต่อมา แม้ว่าจะสะดุดแพ้ให้กับเกมเยือนซันเดอร์แลนด์แบบรูปเกมเป็นรอง แถมประตูก็ดันเหนียวอีก...

     
    แต่ว่าอีก 9 นัดที่เหลือ ทีมเราสามารถเก็บ 3 แต้มได้ทั้งหมด โกยมา 27 จาก 30 แต้มเลยทีเดียว

     
    และเมื่ออยู่ที่นัด 32 เหลืออีกเพียง 6 นัดเท่านั้น ทีมก็ทิ้งห่างแมนยูอันดับ 2 ไปถึง 12 แต้มเข้าให้แล้ว
    แมนยูชนะต่อเนื่องได้ดีมาก แต่น่าเสียดายที่ทางนี้ก็อึดไม่ยอมพลาดแต้มสำคัญเหมือนกัน

     
    ซึ่งถ้าถามผมว่านัดไหนคือนัดที่คิดว่าเป็นตัวแปรสำคัญสุดในช่วงบดกันนี้ คงตอบได้เต็มปากว่าเกมนัดเปิดบ้านรับนิวคาสเซิ่ล ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2007
    ซึ่งตอนนั้นแต้มห่างราวๆ 6 แต้มเท่านั้น ถ้าแพ้ก็หดเหลือ 3 แต้ม และการสะดุดในช่วงท้าย 2 นัดก็หมายถึงเสียแชมป์ได้เลย
    และผลก็เกือบเป็นไปตามที่กลัวจริงๆ เมื่อเราอุตส่าห์ยิงนำไปก่อน 1-0 แท้ๆ แต่นิวคาสเซิ่ลก็ซัด 2 ตูมพลิกแซงในนาที 69
    แต่นาทีนั้นไม่รู้อะไรดลใจ... ทรงเกมก็ไม่ได้ดีกว่าชัดเจน แต่เหมือนว่าทีมน่าจะมีลูกฮึดอะไรบ้าง จึงไม่มีการปรับแผน เปลี่ยนตัวใดๆ
    และแล้วทีมก็มีของจริงๆ โดยการยิง 2 ลูกรวดในนาทีที่ 86 และ 88 ใกล้หมดเวลาแค่เอื้อม พลิกชนะแบบแฟนนิวคาสเซิ่ลอึ้งไปตามๆกัน
    จากที่ควรจะเหลือ 3 แต้ม กลับฉีกไปถึง 9 แต้ม ได้
     
     
    และเมื่อถึงตอนนี้ทีมเราก็ขอเพียงแค่ชนะ 2 นัดเท่านั้น แชมป์พรีเมียร์ลีคก็ไม่น่าจะหนีไปไหนอีกแล้ว...
     
    แต่งานนี้ก็เหนื่อยจนเกือบถึงนัดสุดท้ายจริงๆ
    เพราะ 8 นัดสุดท้ายที่ว่า... แมนยูชนะรวด 7 นัดเลย ด้วยสกอร์ที่ลุ้นเสมอยังไม่ได้

     
    ส่วน Northwich ฟอร์มในลีคช่วงหลังก็สะดุดจริงๆ ตามที่กลัวไว้เลย
    นัดเจอลีดส์เสมอไป 2-2 แบบประตูลีดส์เอาฟอร์ม 9 ไป
    แล้วนัดต่อมาเจอเชลซีก็แพ้ 3-1 แบบประตูฟอร์ม 9 หลังได้ 8 ยกแผง หอกเอ้ย... อะไรจะมาเข้าฝักเข้าฟอร์มแบบนี้
     
    แต้มห่างอยู่ที่ 82 กับ 81 เฉือนกันแค่ปลายจมูก แต่ยังมีโอกาสอยู่บ้างเพราะแข่งน้อยกว่า 2 นัด ขณะที่แมนยูไปถึงนัดที่ 37 แล้ว นั่นคือ 3 แต้มเดียวก็หมายถึงแชมป์สักที

     
    จะได้แชมป์สักครั้งมันช่างยากเย็นเสียจริง เหลือ 3 นัดสุดท้ายคือ เปิดบ้านรับลิเวอร์พูล ไปเยือนแบล็คเบิร์น และเปิดบ้านอีกครั้งรับอาร์เซน่อล
    3 นัดนี้ขอแค่ชนะ 1 ครั้งแต่ดูแล้วไม่ง่ายเลย แต่ก็ต้องทำ
     
    และในนัดที่เจอลิเวอร์พูล ก็ต้องเน้นแต่ต้นเกมเลย แล้วในนาทีที่ 10 Skalidis ก็ปลดล็อคชั้นแรกให้กับประตูนำ จากนั้นเกมก็พลิกไปมา ลิเวอร์พูลก็บุกใส่น่ากลัว แต่แล้วในนาทีที่ 65 Brannan ดาวรุ่งที่หมายว่าจะสร้างอนาคตให้ทีม ก็กลายเป็นผู้สร้างประวัติศาสตร์แต่เนิ่นๆ ด้วยประตูของเขาที่ทำให้ทีมนำห่างนี่เอง การเล่นจึงง่ายขึ้น 
    และเมื่อไม่มีใครยิงได้อีกจนเวลาผ่านไป 90 นาที 3 แต้มสุดล้ำค่าก็มาอยู่ในมือจนได้ และมันก็ทำให้เราทิ้งห่างแมนยูไป 5 แต้ม ได้แชมป์พรีเมียร์ลีคแรกของประวัติศาสตร์สโมสร!!
    แชมป์แล้วแต่งานของฤดูกาลนี้ยังไม่สิ้นสุด ชัยชนะที่แลกมาด้วยกองกลางคนสำคัญถึงสองคน กับบอลถ้วยที่มีลุ้นรอบชิงถึง 2 รายการ...
    เป็นการแลกเปลี่ยนที่สาหัสเหลือเกิน นี่ถึงเป็นเหตุผลจริงๆที่ผลกล่าวไว้ว่าทำไมทีมถึงต้องมีอย่างน้อย 22 คนสำหรับการลุยทุกรายการนี่เอง
     
     
    แล้วในอีก 2 นัดที่เหลือที่คิดว่าแต้มได้ยากนั้น พอทีมได้แชมป์ไปแล้วก็ปลดแอกกันเลยทีเดียว แม้จะพักตัวนักเตะสำหรับนัดชิง UCL แต่ผลงานก็ดีเอาเรื่อง
    ชนะแบล็กเบิร์น 2-1 และนัดต่อมาที่ต้องเจอกับอาร์เซน่อล ซึ่งต่างฝ่ายต่างไม่มีอะไรให้เสียในรายการนี้อยู่แล้ว เพราะต้องมาเจอกันอีกรอบในอีก 3 วัน กับรอบชิง ผลก็คือจัดทีมแบบสำรองกึ่งตัวจริง และด้วยการแข่งในบ้านแล้วนั้น ก็ขอเอาฤกษ์เอาชัยก่อนเลยละกัน สร้างขวัญกำลังใจเรา และทำลายขวัญกำลังใจเขา
    ซัดไป 5 ตุง

     
    และจบนัดที่ 38 ไปด้วยคะแนนรวมที่ขาดจนได้

     
    ดูแล้วเหมือนจะชิลๆ แต่ลุ้นมากครับปีนี้
     
     
    และก็คว้ารางวัลผู้จัดการยอดเยี่ยมแห่งปีไปอีกฤดูกาลติดกัน

     
    ส่วนทีมก็เปลี่ยนสถิติในลีคอีกหลายรายการใหม่
    - ทีมที่ทำแต้มได้มากที่สุด (91 แต้ม)
    - ทีมที่ทำประตูได้มากที่สุด (93 ลูก) (ปีก่อน 91 ลูก เท่ากับยิงได้เยอะขึ้น และเสียน้อยลง แก้ไขจุดอ่อนได้ดีขึ้นระดับหนึ่ง)
    - นักเตะดาวซัลโวสูงสุด (Skalidis 39 ลูก) (ปีก่อน 34 ลูก)
    - นักเตะฟอร์มเฉลี่ยดีที่สุด (Skalidis 8.78) (ปีก่อน 8.71)
    - แมนออฟเดอะแมชต์มากที่สุด (Skalidis 16 ครั้ง)

     
    มีนักเตะถูกคัดเข้าทีมยอดเยี่ยม 4 คน (ปีก่อนมี 2 คือ Lee Andrew กับ Robbie Henderson)
    เอ้อ... ผู้รักษาประตูที่ได้นั่นก็นักเตะเก่าเราด้วยนะนั่น ย้ายไปอยู่ทีมรับมากกว่ารุกแล้วฟอร์มดีอย่างเห็นได้ชัดเลยสินะ
     
     
    นอกจากดาวยิงที่ทิ้งขาดระหว่างสกาลิดิส กับรุดฟาน ที่ 39 กับ 23 ลูกแล้ว
    ดาวจ่ายบอลให้เพื่อนก็ยังอยู่ในทีมเรา และแน่นอนว่ากลางที่ทำผลงานที่ดีที่สุดที่ติดทีมยอดเยี่ยมอย่าง Lee Andrew ก็รับไป

     
    ฟอร์มเฉลี่ยก็ดีหลายตัว
    ค่อยสมกับเป็นทีมแชมป์หน่อย มีนักเตะทำผลงานติด TOP หลายคน
     
     
    การสู้เพื่อคว้าแชมป์ก็สำเร็จในปีที่ 2 ในเวทีพรีเมียร์นี้เอง
    และเป็นปีที่ 6 ของการคุม Northwich Victoria 
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×