ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Diary CM01/02

    ลำดับตอนที่ #11 : [ฤดูกาลที่ 7] เวทีพรีเมียร์ลีคปีที่ 3 สานต่อภารกิจจากฤดูกาลก่อน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 751
      3
      25 พ.ค. 58

    สานต่อภารกิจจากฤดูกาลก่อน - ฤดูกาล 2007/2008


    จากที่กล่าวไว้เมื่อคราวก่อนว่าทีมในอุดมคติของผมจะมีอยู่ 2 ชุดเป็นอย่างน้อยคือ 
    1.ชุดหลัก 
    2.ชุดโรเตชั่น+นักเตะเก๋าไม่ฟิต+ดาวรุ่งห้าวๆ

    แล้วก็ลิสต์ออกมาว่าทีมยังโหว่อยู่หลายจุดโดยเฉพาะกองกลาง ซึ่งก็ส่งผลจริงในท้ายฤดูกาลนัดชิง Fa Cup ที่ทีมไม่เหลือซึ่งกลางธรรมชาติไว้เก็บบอลเลย แล้วก็พลาดแชมป์ไปแบบน่าเสียดายที่สุด

    ต่อมาผลงานทีมในปีที่แล้วดี ทำให้มีงบจากรางวัล และชื่อเสียงก็ช่วยให้ดึงนักเตะได้ง่ายขึ้น
    ปีนี้ก็จึงมีการเสริมครั้งใหญ่ขึ้น ลดปริมาณแบบกราด แต่เน้นให้ถูกจุดถูกที่เลย และแน่นอนว่าต้องราคาถูก ไม่ใช่ทุ่มซื้อ


    ผลการช็อปปีนี้จึงได้นักเตะที่เรียกได้ว่าถูกใจดีมาก 
    เริ่มจากพวกที่เซ็นต์มาหลังจบฤดูกาลก่อน
    ตั้งแต่เดือน 6 มาก็ได้ทั้งหลัง กลาง หน้า แบ็กซ้าย แบบเสริมจุดที่ขาดเลย ที่เหลือก็แค่ดูว่าจะเข้าแผนหรือไม่เท่านั้นเอง


    ในปีนี้ช่วงต้นฤดูกาลก็ช็อปมาได้อีกชุดหนึ่ง
    ได้มาแบบสะใจมาก ในนี้มี Buxton ที่เป็นลูกรักอีกคนหนึ่ง ส่วนที่สะใจสุดคงเป็น Henry ที่กระชากมาจากอาร์เซน่อลได้
    ส่วน Rivaldo กับ Lopez นั้นอายุเยอะแล้วครับ คนหนึ่ง 35 อีกคนก็ 33 ได้มาฟรีทั้งคู่ด้วย ริวัลนี่ได้ลุ้นหน่อยเพราะผมคาดหวังจะให้เขาเป็นโค้ชต่อหลังแขวนสตั๊ดด้วย


    แต่อองรีนี่ไม่ใช่ อายุแค่ 30 เท่านั้น กำลังพีคเลย
    ที่บอกสะใจเพราะปีก่อนอาร์เซน่อลเป็นทีมที่แย่งนักเตะผมไปเพียบเลย ตอนเล็งก็ไม่ซื้อ ตอนเราจะซื้อก็ปาดมายังไงไม่รู้ ค่าเหนื่อยก็ให้ถึงแต่สุดท้ายแพ้ชื่อเสียงซะงั้น
    ตัวที่เสียไปก็เช่น Achileas Kourtoglou ลูกรักระดับ Skalidis เลย ผมตามป้ออยู่นาน กำลังจะได้อยู่แล้ว ปาดมาจากไหนไม่รู้
    อีกคนก็ David Dunn กำลังหมดสัญญามาแบบฟรีเลย นี่ก็แย่งมาจากมือเลย
    Gareth Barry ที่อุตส่าห์มองเป็นตัวเลือกใหม่ก็ยังถูกฉกซื้อไปต่อหน้าเช่นเคย

    เคืองมากเพราะที่เอาไปนี่ผมกะเอามาเล่นตัวจริงแท้ๆ 
    จังหวะนั้นพอดูลิสต์นักเตะที่กำลังจะหมดสัญญาก็เจอ อองรีที่สัญญาไม่คุ้มครองแล้ว ก็จึงไปเซ็นต์มา ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่พอใจผู้จัดการมาหลายปีล่ะ เคยเลียบถามมาก่อนเหมือนกันแต่เจ้าตัวไม่มา

    แต่พอดีปีก่อนเล่นซะ Double Champ ทั้งพรีเมียร์ ทั้ง UCL ก็ดึงดูดได้หนับ แล้วก็มาแบบฟรีในที่สุด
    พลังดรอปไปนิด แต่ฟอร์มยังแจ่ม และเป็นการดึงสตาร์ระดับโลกมาเป็นครั้งแรกของสโมสรเลย ถือว่าช่วยได้เยอะมาก ก็มาสู้ล่าถ้วยกันเถอะ ยินดีต้อนรับ!

    ส่วน Piras ก็อายุ 34 ล่ะ ไม่ต่อสัญญากับสโมสร พอไปทาบทามก็มาง่ายๆเหมือนกัน 
    ก็ได้นักเตะสารพัดประโยชน์มาโรเตชั่นก็ช่วยได้เยอะเช่นกัน

    รวมกับปีก่อนก็ใช้จ่ายไปราวๆ 5-6m 
    ล่าสุดก็กำลังรอซื้อตัว Dyer ที่ถือว่าเป็นลูกรักอีกคนจากนิวคาสเซิ่ลอยู่ ถ้าได้มาล่ะก็ทีมปีนี้พร้อมสู้ทุกถ้วยแล้วจริงครับ

    ลองมาดูการจัดตัวบ้างว่าใครยืนยังไง
    GK - Jakobsen , Pinheiro

    DL - Kalogeras , Meji

    DC - Anastalidis , Andrielos (ตัวนี้ดาวรุ่งยังไม่แน่ใจฟอร์ม แต่เล่นดูช่วงหนึ่งแล้วมีอนาคต)

    DC - Buxton , Tobros 

    DR - Wright-Phillips , Lecossais (พลังไม่มากแต่ฟอร์มดีแปลกๆ ขอดูสักระยะ)

    DMC - Andrews , Binho

    MC - Della Bona , Henderson

    MC - Karagounis , Ferrari

    AMC - Rivaldo , Pires

    AMC - Lopez , Roman

    CF - Skalidis , Brennan , Henry (สองคนหลังนี้บางทีก็ถูกโยกลงมาเล่นในตำแหน่ง AMC) และ McPhee ก็ลูกรักชุดสำรองครับคนนี้ เซฟนี้เวลาผ่านไปหน่อยนักเตะไม่ได้เล่นทีมระดับพรีเมียร์พัฒนาเลยน้อยกว่าที่ควรจะเป็น แต่ก็ถือว่าฟอร์มไม่เพี้ยนมากนัก


    ก็ได้ 2 ชุดและสำรองเสริมด้วย บางคนอาจอยู่ได้แค่ฤดูกาลเดียวเพราะอายุอย่างเช่น Lopez  Ferrari กับ Pires แต่ก็ดีกว่านักเตะเก่าๆที่มีอยู่ในทีมล่ะนะ ก็จัดมารวมในชุดในอุดมคติไป
    ถือว่าเป็นชุดที่แน่นเสียที จาก 1-2 ปีก่อนที่ขาด และมีชุดเดียวไล่มาตามลำดับ 


    จากนี้ไปก็เหลือการปั้นและเสริมให้ดีที่สุด ทีมจะไม่สะดุดเพราะปัญหาบาดเจ็บอีกแล้ว ที่กลัวก็แค่ฟอร์มตก กับอีกฝ่ายเกิดฟอร์มขึ้นเพียงเท่านั้นเอง


    การเสริมทัพช่วงแรกก็จบเพียงเท่านี้
    ทีนี้ก็มาดูฟอร์มกับว่านักเตะอีกชุดใหญ่ๆที่เข้ามานั้นจะผลงานเป็นเช่นไร 

    ปีนี้หนักหน่อยเพราะมีแข่งรายการถ้วยเข้ามาให้เพียบถึง 3 รายการในช่วงแรกเลย

    เริ่มจากถ้วยแรกก่อนเลย FIFA Club World Championship หรือศึกชิงแชมป์สโมสรโลก
    โดยจะดึงแชมป์จากรายการต่างๆทั่วโลกมารวมกัน จากทั้ง 6 ทวีปทั่วโลก  โดยมีสิทธิพิเศษสักหน่อยสำหรับทีม ยูฟ่าคัพ และ UCL รวมถึง ที่ไปเล่นรอบจริงได้เลย
    ยุโรปก็เอาแชมป์ยูฟ่ากับ UCL มา ซึ่ง Northwich มาได้ด้วยโควต้าแชมป์ ยูฟ่าเมื่อ 2 ปีก่อน ส่วนอีกทีมก็ Parma แชมป์ UCL เมื่อ 2 ปีก่อนเช่นกัน


    ในรอบจริงก็จะแบ่งเป็น 3 สาย คละกันไป
    ส่วนเราอยู่สาย 2 มี River Plate จากอาร์เจนติน่า  มี Suwon จากเกาหลีใต้ และ Necaxa จากเม็กซิโก

    4 ทีมที่จะเอาทีมคะแนนสูงสุดเข้าไปรอบ 4 ทีมสุดท้ายเลย ส่วนที่ 2 ก็ต้องไปวัดฟอร์มกับสายอื่นแทน ซึ่งจะเอาชัวร์ก็ต้องชนะรวดล่ะนะ

    นัดแรกมาได้เจอกับ Necaxa 
    แน่นอนว่าระดับทีม Northwich แกร่งขึ้นแล้ว คุณภาพทีมเลยไม่ต้องพูดถึง หากจะมีกังวล เห็นจะเป็นความเป็นทีมเสียมากกว่า
    ซึ่งผลก็ออกมาชัดเจน Necasa มีโอกาสยิงทั้งเกมแค่ 2 ลูกเท่านั้น ส่วน Northwich ทำได้มากถึง 14 ลูกเลยทีเดียว และก็เปลี่ยนเป็นประตูได้ถึง 4 ลูก
    นัดนี้จึงเป็นเหมือนการลองทีมเสียมากกว่า เพราะตารางการแข่งมาช่วงปลายเดือนกรกฎาคม ที่เรียกได้ว่าความฟิตเพิ่งได้ที่พอดี จึงไม่มีโอกาสได้กระชับมิตรเลย


    นัดต่อมาเจองานบากอีกนิดกับ Suwon ที่ทางนั้นมีโอกาสทำประตู 4 ครั้ง ส่วน Northwich  มีโอกาสทำได้ลดลงเหลือแค่ 10
    แต่ก็ไม่แปลกใจเพราะนี่ยังอยู่ในช่วงโรเตชั่น เพื่อทดลองนักเตะใหม่ผสมผสานนักเตะเก่า
    ผลก็ชนะสบายๆ 3-0
    แย่หน่อยที่กองหลังใหม่ดันโดนใบแดงแต่ครึ่งแรก ทำให้เสียโอกาสดูฟอร์มตอนฟูลทีมไป


    แข่ง 2 ชนะ 2 ได้ 6 แต้ม แต่ยังไม่ปลอดภัย เพราะ River เองก็ได้ 6 แต้มเหมือนกัน
    นั่นคือในนัดสุดท้ายที่เจอกันเองนี้คือศึกชิงอันดับ 1 ไปแล้ว แต่เราได้เปรียบตรงที่ประตูได้เสีย ซึ่งแค่เสมอก็เข้ารอบแล้ว

    นัดนี้ก็เช่นเคยว่าลองทีมอีก
    อย่างที่บอกว่าชุดหลักๆเริ่มเข้าที่แล้ว ที่เปลี่ยนคือตำแหน่งที่มักโรเตชั่นบ่อยๆ ดังนั้นแม้เปลี่ยนคนไปก็ไม่ได้รวนมากนัก
    ทรงเกมออกจะขาดเลยทีเดียว River สร้างโอกาสยิงประตู 4 ส่วน Northwich สร้างได้ 12
    แม้ประตูทางนั้นจะเล่นดี แต่แค่ประตูเดียวจาก Skalidisก็เพียงพอแล้วที่จะเข้ารอบต่อไป

    สรุปผล 3 นัดเข้ารอบรองชิลๆ


    ผลการประกบคู่คือ
    Parma พบ Northwich 
    Bayern พบ Atlas (เม็กซิโก)


    ปาร์ม่า... จำได้ว่าปีก่อนเจอบอลชิงแชมป์ Super Cup แล้วเราก็แพ้แบบ 2-3 ช่วงต่อเวลาพิเศษแบบเจ็บปวด 
    ได้มาเจอกันไวจริงๆแฮะ ปีเดียวเอง แถมรายการใหญ่ๆเสียด้วย

    นัดก่อนโอกาสบุกและยิงประตูสูสีกันมากทีเดียว
    แต่มาหนนี้ผมจัดทีมรัดกุมหน่อยเพราะอยากได้ถ้วยระดับโลกมาเก็บไว้ที่สโมสรอยู่
    แต่ก็ไม่นึกเหมือนกันว่าพอแข่งแล้วรูปเกมจะออกมาขาดแบบนี้
    แม้ว่าจะได้เพียงประตูเดียวจาก Andrew กลางรับตัวยืน และ Frey ผู้รักษาประตูอีกฝ่ายจะได้ฟอร์ม 10 ควบคำแหน่งแมนออฟเดอะแมชต์ไป 
    แต่ทีมได้เข้ารอบชิงแล้ว ก็คงไม่ขออะไรมากกว่านี้ล่ะนะ


    แน่นอนว่าอีกฝ่ายที่ผ่านมาได้ก็ต้องเป็น Bayern แน่ๆ ซึ่งเป็นเจ้าภาพในรายการนี้อีกด้วย


    ในวันที่ 12 สิงหาคม 2007 ณ สนามแห่งความทรงจำ Olympiastadion
    ใช่ครับ... สนามแห่งความทรงจำเพราะเป็นที่จัดรอบชิง UCL เมื่อปีที่แล้วที่เราบดเอาชนะอาร์เซน่อลและคว้าถ้วยรายการใหญ่ที่สุดของยุโรปมาได้

    ในวันนี้ทีมจะคว้าถ้วยที่ใหญ่กว่านั้นมาได้อีกหรือไม่ก็ต้องมาดูกัน!
    บาเยิร์นมารุกเต็มขั้นด้วยแผน 4-2-4
    นักเตะคุณภาพคับแก้วเพียบ


    ส่วน Northwich ก็เช่นเดิมกับแผน iodineCF&infoTwist
    ส่วนผสมนักเตะแชมป์ยุโรปและพรีเมียร์ลีคปีก่อนกับนักเตะชุดใหม่


    เกมบุกเจอเกมบุก ผลจะเป็นอย่างไรคงเดากันไม่ผิดครับ
    ยิงกันกระจาย สร้างโอกาสยิงมากมาย Bayern ยิงได้ 10 ครั้ง ส่วน Northwich สร้างได้มากกว่าถึง 17 ครั้ง

    Skalidis ยิงนำไปก่อนในนาทีที่ 10 แต่พอนาทีที่ 27 เท่านั้น Pizarro ก็ตีเสมอไป
    แต่ก่อนจบครึ่งแรก Skalidis เจ้าเดิมก็ซัดนำอีกครั้งในนาทีที่ 37 ทำให้โล่งอกโล่งใจมาสักนิด อย่างน้อยการแก้เกมตอนทีมนำก็ง่ายกว่าตอนเสมอหรือทีมตามหลังล่ะนะ

    และครึ่งหลังก็ทำอะไรกันไม่ได้จนเวลาใกล้จะหมดเต็มทีแล้ว Santa Cruz ศูนย์หน้าชาวปารากวัยก็แทบจะดับฝันด้วยการยิงประตูตีเสมอจากการเปิดบอลของเดลปิเอโร่...

    เกมทำท่าจะจบเช่นนั้นแล้วยื้อในช่วงต่อเวลาพิเศษ แต่แล้วนาทีต่อมา ปิแรส นักเตะที่เซ็นต์มาฟรีแล้วถูกส่งลงสำรองนั้น ก็ได้เปิดบอลไปที่กลางประตู แล้ว Skalidis ก็กระโดดขึ้นเหนือ Wimmer ประตูของบาเยิร์น แล้วก็จัดการโขกเข้าไปยังก้นตาข่าย... ทำแฮททริก และยิงนำเป็น 3-2 ในนาทีสุดท้ายนี้เอง

    ไม่มีเวลาให้บาเยิร์นได้แก้ตัวอีกแล้ว ดราม่าช่วง 2 นาทีนี้ ทำให้ทีมฉายา The Vics แห่งถิ่น Cheshire ได้ถ้วยรางวัลระดับโลกมาประทับในตู้อีกถ้วยแล้ว!

    ฟอร์มนักเตะก็ตามนี้
    เดลปิเอโร่ฟอร์ม 9 เลย แต่ก็ไม่แปลกใจเพราะเป็นคนเปิดให้บาเยิร์นยิงได้ 2 ประตูเลยทีเดียว ไม่แปลกใจเหมือนกันว่าทำไม Lecossais จะได้ฟอร์มแค่ 6 เพราะหยุดเดลไม่ได้เลย


    หมดจากรายการสโมสรโลกแล้วอีก 3 วันต่อมา Northwich ก็ศึกหนักรออยู่ เมื่อต้องไป Wembley เพื่อเตะฟุตบอลรายการ Charity Shield ก่อนเปิดฤดูกาลใหม่
    และทีมที่ต้องเตะด้วยก็คือแชมป์ FA Cup ปีก่อน ซึ่งก็คือ Man Utd. นั่นเอง...

    เกมนี้นัดเป็นรายการการกุศลนัดใหญ่ครั้งแรกของทีมเช่นกัน (แหงล่ะก็เพิ่งเคยได้แชมป์พรีเมียร์มานี่นะ ส่วน FA Cup ก็ยังไม่ได้สักที)

    การจัดทีมสำหรับ Man Utd. นั้น น่าจะเรียกได้ว่าลองนักเตะเสียมากกว่า 
    เพราะเช่นแบ็กซ้ายคนนี้ไม่น่าติดตัวจริงได้เลยด้วยซ้ำ
    แถมตอนนั้นอายุแค่ 15 เองด้วย


    นี่ก็อีกตัว...
    พลังไม่น่าใช่เลยนะ


    นี่ด้วย


    จะว่าส่งเด็กลงหมดก็ไม่ใช่ เพราะบางตำแหน่งก็ตัวจริงทีมเลย
    เช่นประตูบุฟฟ่อน กองหลังแกรี่ เนวิลล์ กับเลสคอต กลางรับก็ทีมชาติฮอลแลนด์ เมนเดส ดา ซิลวา ตัวรุกก็มีทั้งสโคล นิสเตอรอยด์ และกองหน้าวัย 23 ตัวใหม่ อย่าง ตอเรส...
    ได้มาแค่ 3.3m เอง ถูกจนน่าอิจฉา


    แต่อย่างไรเสียการจัดทีมแบบนี้ไม่รู้ว่าจะให้โอกาสเด็กหรืออย่างไร แต่มันเหมือนเป็นการติดประมาทมาก ทำให้ระบบทีมไม่ลื่นไหลเลย

    พอเริ่มเสียงนกหวีดแข่งขันได้ 5 นาทีเท่านั้น Brennan ดาวรุ่งที่ผมภูมิใจก็ซัดให้ทีมนำไปแล้ว... 
    แมนยูฮึดตีคืนด้วยประตูของ นิสเตอรอยด์ในนาทีที่ 20
    ทรงเกมเหมือนจะได้ลุ้น แต่ก็ไม่เลยเพราะจากนั้นประตูก็ไหลข้างเดียว โดยนาทีที่ 22 Skalidis ยิงให้ห่าง 2-1
    นาทีที่ 35 Brennan ยิงลูกที่ 2 ของตัวเอง ให้ทีมนำห่างเป็น 3-1
    นาทีที่ 39 Henderson บวกเพิ่มอีกลูก ให้ห่างออกไป 4-1
    นาทีที่ 69 Skalidis ก็ยิงลูกที่ 2 ของตัวเองบ้าง ทีมฉีกไปเป็น 5-1
    แมนยูเหมือนจะหมดแต่ก็มีสู้ โดยไล่มา 5-2 ด้วยประตูของตัวสำรอง  Beckett ในนาทีที่ 78
    แต่แล้วนาทีที่ 86 Kalogeras ก็โหม่งลูกเตะมุมให้จบที่ผล 6-2...


    สกอร์ที่ผมเองก็เชื่อไม่ลงเหมือนกันว่าจะเป็นไปได้
    เป็นการคว้าอีกถ้วย(ถาด)รางวัลมาได้ แม้จะเป็นรายการการกุศลก็เถอะ แต่ก็เป็นอีกรางวัลที่เชื่อเหลือเกินว่าหลายทีมเองก็อยากได้


    ส่วน Man Utd. นั้นถือว่าเป็นบทเรียนราคาแพงจริงๆกับการจัดทีมลักษณะเช่นนี้ เพราะสกอร์ดังกล่าวจะถูกบันทึกในประวัติรายการนี้ไปอีกนานจนกว่าจะมีทีมอื่นถูกลบแทนน่ะนะ...
    ก็นะ... ได้สถิติส่งเด็กอายุน้อยที่สุด (15ปี) ลงสนาม แต่ก็โดนสถิติเสียประตูมากที่สุดตามไปด้วย ทางด้านทีม Northwich  ก็ได้รางวัลในมุมตรงข้ามแทนคือ ทีมที่ยิงประตูมากที่สุด นัดที่ชนะมากที่สุด และนัดที่มีประตูรวมเยอะสุด



    ผ่านรายการชิงแชมป์ต้นฤดูกาลมา 2 ถ้วย และไม่พลาดได้มาครองแล้ว
    อีก 9 วันต่อมา ในวันที่ 24 สิงหาคม 2007 ก็มีคิวแข่งอีกรายการคือ Super Cup ที่จะเอาทีมแชมป์ UCL ที่ Northwich เพิ่งได้มามาแข่งกับอีกทีมที่เป็นแชมป์ยูฟ่าคัพ ซึ่งในปีที่แล้วก็เป็น Leeds นั่นเอง
    การแข่งจัดที่ Stade Louis II ของ Monaco 

    รายการนี้ Northwich ได้เข้าแข่งตั้งแต่ปีก่อนแล้วในฐานะแชมป์ยูฟ่าคัพ แต่ก็แพ้ Parma ไป
    ปีนี้ได้มีโอกาสอีกครั้งจึงไม่อยากพลาด... แต่ก็นะ เพราะเป็นทีมที่เจอกันหลายปี เลยไม่คิดว่าจะ โหดขนาดนั้น เลยจัดทีมโรเตชั่นไป โดยนักเตะที่ส่งลงก็คิดว่ากระหายชัยชนะอยู่


    ส่วนลีดส์ก็ใช้ชุดเดิมๆ ที่คุ้นตาอย่างที่ว่า
    คิดว่าคงคุ้นชื่อหลายคนกันดี แต่ก็อายุโรยราตามปีล่ะนะ

    ลีดส์เปิดเกมรุกพร้อมเพรสซิ่งใส่ ทำให้รูปเกมคือเปิดหน้าแลกเช่นเคย โดย Northwich  ยังทำได้ดีกว่าด้วยการยิงไปถึง 9 เข้ากรอบ 7 ส่วน Leeds ยิงไป 6 เข้ากรอบแค่ 1 เท่านั้น
    รูปเกมไม่ได้กระจุกกระจายแบบ 2 ถ้วยก่อนหน้า ตรงข้ามประตูของลีดส์เสียด้วยซ้ำที่สร้างผลงานเซฟอุตลุด

    ประตูชัยมีเพียงประตูเดียวเท่านั้นจาก Skalidis เจ้าเดิมที่ถูกส่งมาเป็นซูเปอร์ซัพในครึ่งหลัง โดยที่นาที 70 ก็ได้เล่นชิ่งกับ Roman หลุดเข้าไป ก่อนที่จะยิงประตูชัยให้ทีมชนะได้
    หลังจากที่พลาดในปีก่อน ในที่สุดก็คว้ารางวัลนี้มาครองได้เสียที

    เท่ากับว่าปีเดียวช่วงไม่กี่เดือนแรก สโมสรก็ได้ Tripple Champ ไปแล้ว
    ถ้านับผลงานผ่านมาระดับสโมสรล่ะก็... ที่ยังไม่ได้คงเหลือแค่ FA Cup เท่านั้นกระมังนะ


    ปีนี้เรียกว่าผลงานแจ่มแต่ต้นฤดูกาลเลย ส่วนผลงานในลีค และรายการอื่นๆจะเป็นเช่นไรก็ต้องดูกันไปต่อไป


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×